ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่ามรักคนพาล

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 เมียตีทะเบียน 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 64


    ล่ามรักคนพาล
    มีวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book แล้วค่ะ

    หนังสือสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์นะคะ








    บทที่1 เมียตีทะเบียน

     

           หกโมงเช้าไม่ขาดไม่เกินเป็นเวลาตื่นนอนของมัสยา อาจเพราะยังแปลกที่เลยหลับไม่เต็มตาเท่าไหร่ หญิงสาวบิดกายคลายความง่วงแล้วรีบดีดตัวลงจากเตียงเพื่ออาบน้ำอาบท่า

           เมื่อคืนได้ยินเสียงรถเธอเลยแอบไปแง้มผ้าม่านดูพบว่าเป็นรถของโมกข์ ตอนนั้นน่าจะราวๆ ตีสามเห็นจะได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้นอนค้างที่คอนโดของปาลิดา

           ถึงกระนั้นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก็ไม่ได้เข้ามานอนในห้อง ซึ่งทำให้มัสยาค่อนข้างโล่งอกที่อย่างน้อยเตียงหกฟุตนี้ยังเป็นเธอที่ได้ครอบครองคนเดียว

           กลิ่นหอมฉุยลอยมาจากในครัวส่งผลให้หัวคิ้วของหญิงสาวย่นเข้าหากันเล็กน้อย พอย่ำเท้าเข้าไปใกล้ถึงรู้ว่าคนที่ยืนจับเครื่องครัวอย่างคล่องแคล่วอยู่นั้นคือพรประวีแม่บ้านจากบ้านใหญ่ของโมกข์ คุณป้าสรินทิพย์คงส่งมาดูแลกระมัง

           “พี่พรมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ

           คุณว่านตื่นเช้าจังเลยค่ะแม่ครัวทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เก็บความสงสัยไว้ในใจไม่กล้าแตะต้องเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย พี่มาตั้งแต่ตีห้าค่ะ ต่อไปพี่จะมาดูแลงานบ้านให้นะคะ

           “ดีเลยค่ะมัสยายิ้มร่านึกดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนคุย ทำอะไรบ้างคะ เดี๋ยวว่านช่วย

           “ใกล้เสร็จแล้วค่ะ คุณว่านนั่งรอที่โต๊ะดีกว่าพรประวีป้องปาก คุณโมกข์เพิ่งขึ้นไปอาบน้ำก่อนหน้านี้เองค่ะ

           มัสยาเลิกคิ้วขึ้นก่อนพยักหน้ารับเมื่อเห็นรอยยิ้มแหยๆ ของแม่บ้าน พรประวีทำท่ารูดซิปปากเป็นอันเข้าใจโดยไม่ต้องพูดให้มากความ อันที่จริงทั้งครอบครัวโมกข์รวมถึงครอบครัวเธอต่างรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความรักของบ่าวสาว

           มันคือธุรกิจรวมไปถึงความช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างสองครอบครัว

           บ้านเรากำลังมีปัญหา ว่านทำเพื่อพวกเราได้ไหมลูก ทางนู้นเขาเอ็นดูว่านราวกับลูกสาวแท้ๆ ว่านไม่ต้องกลัวเจอปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้เลย

          เป็นอย่างที่มารดาว่าเอาไว้จริงๆ คุณป้าสรินทิพย์รักใคร่เอ็นดูเธอราวกับลูกหลานในไส้ เมื่อก่อนเธอไปวิ่งเล่นบ้านโน้นเป็นว่าเล่น มาเหินห่างก็ช่วงปีหลังๆ ถ้าไม่เกิดเรื่องคืนนั้นมัสยาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโมกข์คงหลงเหลือไว้แค่เพียงคนที่เคยรู้จักกันกับตำแหน่งคู่หมั้นตอนเด็ก

          ‘บางทีก็นึกสงสัยว่าว่านโตหรือยัง ทำอะไรต้องให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจแทนทุกอย่าง

          ‘คนแบบนี้ เขาเรียกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

          ‘คราวหลังอย่าได้ดูถูกคนอื่น ถ้าตัวเองยังทำอะไรไม่พ้นพ่อแม่

           ตอนนั้นหน้าเธอชาราวกับมีคนเอาน้ำเย็นมาสาด การที่เขาพูดอยู่นั้นไม่ต่างอะไรจากการดูถูกเธอเหมือนกัน และนั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เธอค่อยๆ หันหลังและเดินจากมา

           เพราะเรื่องราวของเธอไม่ได้อยู่ในความสนใจของโมกข์อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อมีใคร อีกคนที่ดึงดูดเขามากกว่า เธอก็ไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่เดิม

           มัสยายังยืนยันคำเดิม แม้ตอนนี้เธอจะกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของโมกข์แล้ว แต่จะไม่เอาหัวใจกลับไปเสี่ยงเหมือนวันวาน ไม่ต้องสัมผัสถึงใจแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ    

          

           มื้อเช้าวันแรกของการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด ขนาดพรประวียังขอปลีกตัวกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง หากคนนอกมาเห็นเข้าก็คงพากันตลกขบขันเพราะบ่าวสาวหมาดๆ ไม่มีความหวานชื่นอย่างที่ควรจะเป็นสักนิด

           มัสยานั่งละเลียดกินอย่างช้าๆ เหลือบดูนาฬิกาเธอยังมีเวลาถมเถในการขับรถเข้าร้าน ทว่าดูเหมือนคนเป็นสามีจะไม่ใคร่พอใจเท่าไหร่นัก ถึงได้จงใจกระแทกกระทั้นคล้ายว่าเธอเผลอไปทำอะไรขัดใจเข้า

           อาหารไม่อร่อยเหรอคะสาบานได้ว่าตัวเองถามอย่างนุ่มนวล แต่กลับได้รับสายตาฟาดฟันกลับมาเป็นคำตอบ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางเบา หรือมันไม่ถูกปาก

           โมกข์แค่นหัวเราะยกมือกอดอกปรายตามองหญิงสาว วันเวลาผ่านไปไม่คิดว่ามัสยาจะเปลี่ยนแปลงราวกับเป็นคนละคน หรือแท้จริงมันเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่ง

           ใช่เสียงทุ้มติดเย้ยหยันดังขึ้น ไม่อร่อย ไม่ถูกปาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×