คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ดวงตากลมโตมองกลีบกุหลาบสีแดงซึ่งถูกจัดวางเรียงรายเป็นรูปหัวใจบนฟูกขาวอย่างเหม่อลอย มัสยายืนอยู่อย่างนี้มาร่วมห้านาทีเห็นจะได้ ความจุกอกที่ตีตื้นขึ้นมายังคงอยู่ไม่จางลงแม้แต่น้อย
วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอ...เป็นการแต่งงานที่บ่าวสาวไม่ได้เต็มใจโดยเฉพาะเขา
หลังจากที่ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรชีวิตคู่ คล้อยหลังจากนั้นไม่นานนักสามีทางนิตินัยก็คว้ากุญแจรถแล้วขับออกไป ทิ้งคำพูดทิ่มแทงหัวใจกันไว้ไม่กี่ประโยค
‘คิดว่าผมทำใจทนเข้าห้องหอกับผู้หญิงอย่างคุณได้ ?’
มัสยาไม่ได้ยินดีที่ได้แต่งงานกับโมกข์ เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ได้มีใจให้กัน ไม่อยากบังคับฝืนใจให้ใครมารับผิดชอบในเรื่องนี้ มันเป็นความจริงที่เมื่อก่อนเธอ ‘เคย’ แอบรักและเทิดทูนผู้ชายอย่างเขา
แต่เมื่อโดนคนใจร้ายตอกย้ำกันซ้ำๆ ความรู้สึกที่มีมันเลยเริ่มเลือนหายตามวันเวลา
มัสยาปัดเรื่องกัดกินใจออกไป เท้าเรียวเบี่ยงทิศทางไปยังห้องน้ำจัดการปลดชุดฟูฟ่องสีขาวนวลด้วยความยากลำบาก เงาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าคือตัวเองทว่าแววตาที่ฉายออกมานั้นเหมือนกำลังย้อนกลับไปในวันวาน
ไม่อยากนึกถึง ไม่อยากให้มันมีอิทธิพลอีกแล้ว
‘ว่านคงรู้ว่าเขาจะเลือกใคร พนันกับพี่ไหมล่ะ’
ไม่ต้องลงทุนเสี่ยงพนันอะไร มัสยารู้ตัวดีว่าโมกข์ไม่มีเลือกคนอย่างเธอ และเพราะรู้คำตอบดีถึงได้ปลีกตัวออกมาอย่างเงียบงัน
ระยะหลายปีที่ผ่านมาเธอกับโมกข์กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน มีคุยหรือทักทายตามมารยาทยามที่สองครอบครัวพบเจอกันเท่านั้น
กระทั่งสองเดือนก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่บ้านของสกุณาผู้เป็นย่าของโมกข์ อีกทั้งท่านยังเคยเป็นคนที่เคยอุปการะมารดาของเธอ
ต่างคนต่างนั่งนิ่งราวกับพยายามทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
‘จะเอายังไง’ มันคือประโยคแรกของโมกข์ หลังจากที่เราตื่นขึ้นมาเผชิญความจริง
‘คุณไม่พูด ว่านไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้’
‘ดี !’
ต่อให้เราสองคนอยากทำให้เรื่องนี้กลืนหายไปกับคลื่นทะเล แต่หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง อีกทั้งบ้านที่อาศัยซุกหัวนอนมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมาก็เป็นบ้านของครอบครัวโมกข์
ผู้ใหญ่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ประมุขของบ้านเอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาดให้โมกข์รับผิดชอบต่อผลการกระทำ
จบลงที่การแต่งงาน แต่เจ้าบ่าวกลับหนีหายไปหลังจากที่ส่งตัวเข้าเรือนหอ มันน่าขันดีใช่ไหมล่ะ ?
มัสยารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นจากการนอนแช่น้ำ อันที่จริงการที่โมกข์หุนหันรีบปรี่ออกจากบ้านไปมันเป็นผลดีกับเธอไม่น้อย แต่มันเหมือนการหนีปัญหาเพราะถึงอย่างไรสถานะระหว่างเรามันก็เปลี่ยนไปแล้ว
และมัสยาคิดว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีสักนิด
บ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่แถบชานเมืองช่างเงียบเหงา รู้มาว่าเป็นบ้านที่โมกข์ซื้อไว้เมื่อต้นปีไม่คิดว่ามันจะถูกใช้เป็นเรือนหอแบบนี้
‘เราจะย้ายออกไปอยู่บ้านอีกหลัง หวังว่าคุณคงไม่ใช่ลูกแหง่ติดพ่อแม่’
‘ถึงจะแต่งงานกันแล้ว แต่คุณไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตผม’
‘ว่านทราบดีค่ะ คุณวางใจเถอะ’
เจ้าของร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำหย่อนสะโพกลงเก้าอี้สตูลหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บรรจงปาดครีมลงบนใบหน้าอย่างใจเย็นไม่สนแม้โทรศัพท์มือถือมีการแจ้งเตือน
ชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นแบบไม่สวยงามสักนิด ทั้งเธอทั้งโมกข์ต่างจำใจแต่งงานกันเพียงเพราะความต้องการของผู้หลักผู้ใหญ่ สองครอบครัวเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่วูบหนึ่งมัสยากลับมองเห็นแววตาพึงพอใจของคนเป็นพ่อ
‘อาไม่ว่า หากโมกข์กับน้องจะรักหรือคบหากัน แต่ถึงอย่างไรโมกข์ก็ควรให้เกียรติน้องบ้าง’
‘ผมจะรับผิดชอบว่านเอง คุณอาไม่ต้องห่วง’
มัสยารู้ดีการแต่งงานของเธอกับโมกข์ในสายตาคนอื่นนั้น ไม่ได้ต่างอะไรจากการจับผู้ชายเพราะหวัง ‘ต่อเงิน’ ให้กับธุรกิจครอบครัว
น้อยคนที่จะยินดี อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ตัวบ่าวสาวก็ไม่ได้ชื่นใจกับการสมรสสักนิด
สิ่งที่ทำให้เธอขุ่นข้องใจนั้นมีหลายเรื่อง อย่างแรกก็คือเหตุใดทั้งเธอและโมกข์ถึงไปอยู่ในห้องนอนบนเตียงเดียวกันสภาพเปลือยเปล่า
และสอง...ทำไมเขาถึงได้ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย หากจะพูดว่าโมกข์มีใจพิศวาสให้แก่กันก็น่าขันเกินไป
ถ้าเป็นผู้หญิงอีกคนก็ว่าไปอย่าง...คนที่กระหน่ำส่งไลน์และโทรเข้ามานี่ไง
ปาลิดาเป็นลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกติดมาจากสามีของคุณอากมล เท่ากับว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ปาลิดาย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับเธอหลังจากที่คุณอากมลกับสามีจากไปด้วยอุบัติเหตุ แม้จะโตมาด้วยกันแต่มัสยาไม่ใช่คนโง่ที่จะอ่านสายตาคู่นั้นไม่ออก
มัสยาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนโลกแคบ ไม่ได้คิดไปเองความรู้สึกมันบอกแบบนั้น เช่นอะไรที่เธอมี อีกไม่นานของเหล่านั้นปาลิดาจะมีในครอบครองเช่นกัน ทุกอย่างจะเริ่มด้วยจากของเล็กๆ น้อยๆ พวกของใช้ต่างๆ
รวมไปถึง...เรื่องความรัก
เธอยอมถอยออกมาไม่ใช่ว่าอ่อนแอ แต่เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะไปบังคับกะเกณฑ์เรื่องหัวใจกับใครได้ แต่ใครจะไปรู้ว่ายิ่งหนียิ่งเจอ
กลายเป็นบ่วงพันธนาการที่ไม่อาจหลีกหนี...
อันที่จริงเธอมีอีกหลายๆ เรื่องที่อยากตกลงกับโมกข์ เพียงแต่เขาแทบไม่มาให้เจอหน้า ขนาดวันนี้ชายหนุ่มยังมาก่อนเริ่มงานไม่กี่นาทีทำเอาคนเป็นแม่ใจหายใจคว่ำ
ปาลิดากับโมกข์มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบไหนมัสยาไม่อาจรู้ แต่คาดคะเนจากสายตามองอย่างไรก็รู้ว่าสองคนนั้นมีใจให้กัน แล้วเหตุใดไม่คบหากันให้รู้แล้วรู้รอด ข้อนี้เป็นสิ่งที่มัสยาข้องใจมาโดยตลอด
นัยน์ตาดำขลับเหลือบมองหน้าจอที่สว่างโร่ขึ้นอีกครั้ง ตัดสินใจคว้าขึ้นมาปลายนิ้วสไลด์เพื่อรับสาย มุมปากกระตุกขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นประโยคที่มัสยาคิดไว้ก่อนแล้วว่าคงลงเอยอีหรอบนี้
“ค่อยยังชั่ว ว่านเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ทั้งไลน์ทั้งโทรแต่ว่านไม่รับเลย”
หากเป็นเมื่อก่อนมัสยาคงตอบโต้กลับไปด้วยน้ำคำเจ็บแสบ และเพราะแบบนั้นเธอถึงถูกมองในแง่ลบอยู่เสมอ การกระทำเหล่านั้นช่างโง่เขลาราวกับคนไม่มีความอดทน
ต้องขอบคุณพี่สาวต่างสายเลือดที่ทำให้เธอรู้จักมุมมองใหม่ๆ
“ว่านบำรุงผิวอยู่ค่ะ รอครีมซึมเข้าหน้าเลยไม่อยากเอามือไปจับอะไร เขาว่ากันว่าโทรศัพท์เชื้อโรคเยอะ วางสายนี่ว่านคงต้องหาเช็ดแอลกอฮอล์เหมือนกัน”
“ดีแล้ว” อีกฝ่ายว่าเสียงกลั้วหัวเราะ จากนั้นจึงเริ่มเข้าประเด็น “อ้อ พี่จะบอกว่านว่าโมกข์นั่งดื่มอยู่ที่คลับ ไม่ได้ไปสำมะเลเทเมาที่ไหน ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอบคุณที่อุตส่าห์โทรมาบอกนะคะ” มัสยาบอกเสียงเรียบ ไม่ได้รู้สึกยินดีหรือยินร้ายอะไร โมกข์จะไปไหนหรือทำอะไรกับใคร มันไม่ใช่เรื่องที่เธออยากรู้
เราต่างรู้หน้าที่ตัวเองดีว่าอะไร ‘ควร’ หรือ ‘ไม่ควร’
“พี่ต้องโทรบอกว่านอยู่แล้ว เอาเป็นว่าพี่จะรูดซิปปาก ไม่บอกใครว่าคืนนี้โมกข์แอบโดดจากเรือนหอมานั่งซดเหล้า” มัสยาถึงกับส่ายหน้ายิ้มเยาะ ฟังดูแล้วเหมือนคนที่ห่วงใยเธอในฐานะพี่สาวจริงๆ ใช่ไหม
“ยังไงว่านก็ให้เวลาเขาหน่อย คงยัง...ไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว”
“คงงั้นมั้งคะ” เจ้าสาวหมาดๆ เหลือบมองเข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าใกล้เข้าวันใหม่ไปแล้วทุกที “ฝากพี่ฝันบอกให้เขาค้างที่นั่นไปเลยแล้วกันค่ะ ว่านจะนอนแล้วเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่อยากตื่นกลางดึกลงไปเปิดประตูให้ใคร”
“…”
“แล้วก็...ถ้าจะแอบลักกินขโมยกิน ว่านอยากให้ระมัดระวังให้มากกว่าเดิมนะคะ” มัสยาไม่เว้นช่องว่างให้อีกฝ่ายโต้กลับ “รู้ใช่ไหมคะว่าตอนนี้คุณโมกข์จดทะเบียนสมรสแล้ว ว่านไม่กลัวคนตราหน้าว่าผัวทิ้งตั้งแต่แต่งงานวันแรก ห่วงก็แต่คนที่จะถูกตราหน้าว่ากลายเป็นมือที่สาม”
“ว่าน !” ดูเหมือนการควบคุมอารมณ์ของปาลิดาจะมีน้อยกว่าที่คิดเอาไว้ ถึงได้หลุดเสียงแข็งมาแบบนี้
“อย่าหาว่าสอนเลยนะคะ ว่านแค่พูดด้วยความเป็นห่วง ยังไงก็ฝันดีแล้วกันค่ะ” เท่าที่ผ่านมามัสยาคิดว่าตัวเองเพิกเฉยมานานเกินพอ
ถ้าปาลิดาไม่คิดจะหยุด...เธอจะทำให้อีกฝ่ายรู้ซึ้งว่าการที่ริอ่านล้ำเส้นนั้นผลลัพธ์มันเป็นยังไง
ความคิดเห็น