ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto NaruSasu] Sadistic Love นายหนีฉันไม่ได้หรอก!!

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 : ภารกิจเสร็จสิ้น

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 56


    6
    ภารกิจเสร็จสิ้น




      แปลก...นารุโตะแปลกไปจริงๆแล้วก็แปลกมากๆด้วยตั้งแต่เมื่อคืนเขาออกจากห้องนี้ไม่ได้และไม่เห็นแม้แต่เงาของนารุโตะเลยสักนิดแล้ววันนี้อยู่ๆนารุโตะก็ปล่อยให้เขาออกจากห้องและออกไปเดินรอบๆบ้านได้แต่ก็มีโซ่เจ้ากรรมนี่จำกัดบริเวณของเขาอยู่ดี มันจะรอบคอบเกินไปแล้ว แล้ววันนี้ก็ไม่เห็นนารุโตะออกไปไหนสักนิดเห็นนั่งอ่านนั่งเขียนอะไรยุกยิกๆตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วก็ไม่รู้

      ซาสึเกะมุ่ยหน้ามองคนที่นั่งเขียนบ้าบออะไรสักอย่างอยู่บนโซฟาตอนนี้เขาเบื่อจนแทบจะนอนราบไปกับพื้นละลายกลายเป็นผงได้อยู่แล้วอากาศที่นี่ก็ร้อนขึ้นทุกวันพอตอนกลางคืนก็หนาวจนเอาอาหารมาแช่แข็งข้างนอกได้ ร่างบางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟาอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทน

      ถ้าเขาพูดหรือถามอะไรนารุโตะก็คงไม่ตอบง่ายๆหรอกตอนนี้เพราะฉะนั้นอยู่เงียบๆนี่แหละดีที่สุด แต่...ยังไงก็น่าเบื่อเกินไปแล้ว!!น่าหงุดหงิดอะไรแบบนี้นะ

         ตุบ!

         “...?!!”

      อยู่ๆไอ้คนเผด็จการก็เดินมาแล้วโยนหนังสือเล่มนึงลงตรงหน้าเขา ซาสึเกะลุกขึ้นนั่งและเอียงคอมองหนังสือเล่มนั้นงงๆสลับกับนารุโตะที่ยืนตีหน้านิ่งให้ ร่างบางขมวดคิ้วและจ้องหน้านารุโตะอย่างสงสัย

         “เห็นเบื่อๆ นั่งอ่านไปละกัน”

      หมอนี่มันอ่านใจเขาได้รึไง?หรือเขาแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนเกินไปรึเปล่า? ซาสึเกะนิ่งอยู่พักนึงก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปทั้งสองข้างไปหยิบมันขึ้นมาเปิดดูทีละหน้า

      เมื่อเห็นร่างบางมีท่าทีสนอกสนใจหนังสือแทนแล้วเขาจึงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานและลงมือแปลอักขละในคัมภีร์ทั้งหมดต่อไป

     

       เที่ยง

      นี่มันก็น่าเบื่อเกินไปแล้ว!! แค่หนังสือเล่มเดียวอ่านแป๊ปเดียวก็จบ แล้วเวลาแบบนี้ทำไมมันต้องร้อนด้วยมันน่าหงุดหงิดๆๆๆ ซาสึเกะได้แต่บ่นงึมงำในใจเพราะถ้าพูดออกไปเขาอาจจะโดนนารุโตะทำมิดีมิร้ายก็เป็นได้แผลเมื่อวานกับเมื่อวันก่อนยังไม่หายดีเลยด้วย นารุโตะก็ทำเขาแรงชะมัด

         ซาดิสต์

      ซาสึเกะคิดลอยๆและนอนกลิ้งอยู่บนโซฟามันว่างจนไม่รู้จะว่างยังไง หนังสือเล่มนั้นมันก็แค่นวนิยายธรรมดา...นิยายฆาตรกรรมที่ตัวเอกเป็นฆาตรกรน่ะนะ...สมองเขาจะพังก่อนรึเปล่า?

         “ซาสึเกะ…”

         “…”

      อะไรอีกล่ะจะแกล้งอะไรเขาอีก นารุโตะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานและเดินมานั่งบนโซฟาก่อนจะยกร่างซาสึเกะขึ้นมานั่งกอดไว้บนตักโดยที่เจ้าตัวเขาไม่ใจเต็มสักนิด

         “ทำอะไร?”

         “หิวข้าว..”

         “…”

         “…”

      แล้วมาบอกเขาทำไม? ซาสึเกะจับแขนนารุโตะที่โอบกอดร่างเขาเอาไว้และค่อยๆแกะมือปลาหมึกนี่ออกไปทีละนิด แต่นารุโตะยอมปล่อยที่ไหน ร่างสูงขืนร่างคนตัวเล็กเข้ามาใกล้กว่าเดิมและบังคับใบหน้าหวานให้หันมาทางตนเพื่อที่จะได้จูบได้ถนัดๆ ริมฝีปากทาบทับกันอย่างแนบแน่นคราวนี้นารุโตะไม่แทรกลิ้นเข้าไปเพียงจูบที่เรียวปากบางสีกุหลาบนั้นเบาๆและยื้อช่วงเวลานี้ให้นานที่สุดก่อนจะผละออกมา ซาสึเกะอึ่งค้างไปเลยทีเดียวเพียงจูบเบาๆทำไมอยู่ๆหัวใจดวงน้อยของเขาถึงได้เต้นแรงแบบนี้ รู้สึกสับสนไปหมดแล้ว

         “...”

         “หิวจริงๆนะ...ทำอะไรให้กินหน่อยสิ” ร่างบางถึงกับสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงเสียงทุ้มข้างๆหู ซาสึเกะรีบถอยสองมือผลักอกแกร่งของอีกคนออกไปทันทีพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน

         “ก็ปล่อยสิ

      ซาสึเกะว่าพลางหันหน้าหนีไปทางอื่นเขารู้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดง...แต่เขินอะไรกันเล่า?!! เรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้ นารุโตะยอมปล่อยให้ร่างบางเดินไปทำอะไรให้กินในครัวดวงตาสีฟ้ากรอกมองตามร่างบางไปจนลับตาก่อนจะยิ้มออกมาบางๆและลุกขึ้นไปทำงานตัวเองต่อ

         ติ๊ด ติ๊ด

      ยังไม่ทันได้นั่งเสียงมือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะนี่ นารุโตะหันมองมันก่อนจะกัดฟันหยิบมันขึ้นมากดรับและแนบกับหูรอฟังเสียงจากปลายสาย

         “...”

         ‘หัวหน้า...มันฝ่าด่านสุดท้ายไปได้แล้วครับ…” เพียงประโยคเดียวมันก็ทำให้หงุดหงิดเกินพอเสียงจากปลายสายดูอ่อนล้าและเบามากจนแทบจับคำพูดไม่ได้ กำลังเสริมที่มาถึงไม่สามารถต้านมันเอาไว้ได้…’ ประโยคที่สองที่ตามมายิ่งทวีคูณความโกรธเกรี้ยวของคนฟัง มันอึก...กำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านแล้วครับ

         “อึก”

      คำพูดทั้งหมดมันจุกอยู่ที่คอเขาไม่รู้ว่าควรพูดกับคนปลายสายที่เสียงลมหายใจแผ่วลงเรื่อยๆ นารุโตะกำมือถือแน่นและพยายามเค้นเสียงออกมาให้เป็นปกติที่สุด

         “มีใครรอดมั้ย?”

         ‘...ไม่ครับ...แม้แต่ผม ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอดไปถึงเมื่อไหร่...หัวหน้าไม่ต้องสนใจผมหรอกครับ...ขอโทษนะครับ ดูแลท่านซาสึเกะดีๆนะครับ...ขอบคุณ..นะครับ.....แกร๊ก แกร๊ก ซ่า  จากนั้นสันญาณก็ตัด นารุโตะวางมือถือลงกับโต๊ะ และกางคัมภีร์เล่มต่อไปออกมาเขาสุ่มหยิบมันออกมาสิ่งที่แปลออกมาก็แปลออกมาได้หมดแล้วแต่ไม่มีเลยคาถาที่ใช้ผนึกมัน นารุโตะมองพวกมันนิ่งๆดวงตาสีฟ้าราวโรจสะท้อนถึงอารมณ์ที่เดือดสุดๆของเขาในตอนนี้

         “นารุโตะ?”

         “…?!!” ร่างบางมายืนข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

         “ดะ...ได้ยินรึเปล่า?”

         “อะไร?”

    ซาสึเกะเอียงคอถามงงๆไม่วายขมวดคิ้วด้วยความสงสัยนารุโตะปิดบังอะไรกับเขาสินะ ซาสึเกะอ้าปากจะถามอีกรอบนารุโตะก็ยกมือปิดปากเล็กๆนั่นไว้ซะก่อน

         “เงียบซะ”

         “…”

         “ฉันจะออกไปข้างนอก นายอยู่ที่นี่แหละแล้วอย่าออกไปไหนเข้าใจนะ” ก่อนจะชักมือกลับและทำท่าจะเดินออกไปเลยพร้อมๆกับคัมภีร์สองสามเล่มที่หยิบติดมือไปด้วย ซาสึเกะมองสิ่งที่อยู่ในมือนารุโตะอย่างสนใจเขาวางถ้วยกับข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะจับมือนารุโตะไว้ นารุโตะหันกลับมาและมองหน้าซาสึเกะเป็นเชิงถาม

         “คัมภีร์พวกนี้...”

         “อย่ายุ่งดีกว่านะ”

    นารุโตะว่าก่อนจะทำท่าเดินออกไปอีกครั้งแต่ซาสึเกะก็รั้งเอาไว้อีกครั้ง

         “อะไร?

         “ฉัน...เคยเห็นพวกมันในห้องลับของตระกูล”

         “ห๊ะ?”

    …………………………………………………………………………………………

         ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

      เสียงฝีเท้าหนักๆดังถี่ขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงห้องทำงานโฮคาเงะ ซึนาเดะที่นั่งเช็คงานอยู่ก็ไม่วายตกใจกับคนที่กระชากประตูเข้ามาจนเกือบหลุดติดมือเมื่อมองเห็นคนข้างหลังที่เด็กหนุ่มลากมาด้วยเธอก็บอกให้ชิสึเนะเข้าไปดูอาการทันที นารุโตะอิดออดนิดๆเพราะไม่อยากให้ใครมาแตะต้องซาสึเกะทั้งนั้นแต่ก็ยอมให้ชิสึเนะตรวจดูภายใต้อารมณ์ขุ่นมัว

         “ซาสึเกะคุงมากับฉันแป๊ปนึงนะ”

      ชิสึเนะหันไปมองซึนาเดะผู้เป็นอาจารย์ของเธอเป็นเชิงขออนุญาติ ซึนาเดะเข้าใจดีจึงพยักหน้าให้ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปจากห้องนั้น สาวใหญ่ที่มีอายุถึงขั้นป้าจึงได้เอ่ยถามเด็กหนุ่มตรงหน้า

         “เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?

    นารุโตะตวัดตามองก่อนจะกรอกกลับมาที่เดิมและเอาคัมถีร์สามเล่มไปปวางไว้บนโต๊ะทำงานโฮคาเงะ

         “สามเล่มนี้เป็นของตระกูลอุจิฮะเหรอ?” สาวใหญ่หรี่ตามองก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่น

         “ไม่ใช่หรอก

         “แต่ซาสึเกะบอกว่าเคยเห็นในห้องลับของอุจิฮะ

         “ก็แค่คัมภีร์ผนึก...

         ปึง!!!

      นารุโตะตบโต๊ะเสียงดังจนสาวใหญ่ถึงกับสะดุ้ง ซึนาเดะมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาตำหนิแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มหวั่นไหวเลยสักนิด

         “โกหก...เล่าความจริงให้ผมฟังเดี๋ยวนี้!”

         “เธอจะรู้ไปทำไม?!”

         “ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีทางจัดการกับไอ้พวกข้างนอกที่กำลังบุกมาที่โคโนฮะได้หรอก! ลูกน้องผมตายกันเกลื่อนแล้วนะ!! ป้าจะอมพะนำไปถึงไหน?!” นัยน์ตาสีอำพันเบิกค้างรู้สึกช็อคเมื่อรู้ว่าขนาดหน่วยของนารุโตะยังยับขนาดนี้แสดงว่าฝั่งนั้นก็ไม่ใช่เล่นๆแล้ว เธอชังใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้ายอมเล่าทุกเรื่องให้นารุโตะฟัง…

     

      ต่อมา

     

      เมื่อทุกอย่างคลี่คลายนารุโตะก็ถึงกับเงียบวิธีที่จะผนึกเจ้าพวกนั้นมันเสี่ยงเกินไปแล้วก็คงจะจับเป็นไม่ได้แบบนั้นสิ่งที่เขาทำไปมันก็คงจะศูนย์เปล่า... ซึนาเดะจ้องมองดวงตาที่ว่างเปล่าของเด็กหนุ่ม เธอถอนหายใจอีกครั้งและเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้

         “ระหว่างซาสึเกะ หนู่บ้านกับข้อมูล...เธอจะเลือกอะไรล่ะ?...เจ้าคนที่ปลดผนึกพวกนั้นทำเพื่ออะไรมีความแค้นกับโคโนฮะรึเปล่า?เรื่องนั้นก็สำคัญแต่อย่างน้อยก็น่าจัดการตัวอันตรายออกไปก่อน

         “แต่ถ้าผนึกมันไปแล้วเราจะรู้ได้ยังไง?”

         “ก่อนหน้านั้นก็ต้องเค้นถามออกมาให้ได้”

         “พวกนั้นไม่มีทางยอมตอบแน่!!”

         “ก็ใช่น่ะสิ! ฉันถึงบอกให้เธอเค้นคอมันหาคำตอบให้ได้ไม่งั้นหมู่บ้านมันคงตกอยู่ในอันตราย!” ซึนาเดะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและใจเย็นที่สุดถึงแม้ภายในใจจะร้อนรุ่มก็ตาม นารุโตะทำเสียงชิชะอย่างไม่พอใจยังไงเขาก็อยากได้ทั้งหมดนั่นแหละไม่อยากเสียไปเลยสักอย่างยังไงข้อมูลทั้งหมดมันก็สามารถปกป้องหมู่บ้านได้แล้วเขากับซาสึเกะจะได้อยู่ด้วยกันแบบปกติเหมือนชาวบ้านเขา

         “น่าจะเหลือเวลาอีกหน่อยยังไงก็ไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่เสี้ยววินาทีผมจะนำไปก่อนป้าช่วยบอกให้คนอื่นๆตามมาแล้วกัน ซึนาเดะตวัดตามองเด็กหนุ่มที่กำลังจะออกไป

         “แล้วซาสึเกะล่ะ?”

    ได้ผลเมื่อนารุโตะชะงักและนิ่งไปชั่วขณะเขาหันมามองเธอด้วยสายตามุ่งมั่นเหมือนเมื่อก่อน...

         “ผมจัดการเองให้ซากุระกับฮินาตะช่วยก่อนได้มั้ย?”

         “ถ้าใช้พลังมากไปเธออาจจะไม่เหลือจักระสู้กับพวกมัน”

         “ผมห่วง!”

      เมื่อคำนี้เปร่งออกมาจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มตรงหน้ามันก็คงช่วยไม่ได้ ซึนาเดะพยักหน้าเข้าใจด้วยความเหนื่อยยังไงซาสึเกะก็สำคัญสินะ

          “แน่ใจนะว่าจะไปเป็นไร”

         “ถึงจะเสี่ยงหน่อยก็เถอะ...แต่มันไม่คณามือผมหรอก” กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจแต่แท้จริงแล้วเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดกลับมาหรือเปล่า

         แกร๊ก!

      ยังไม่ทันจะออกไปทั้งสองคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมานารุโตะมองหน้าชิสึเนะผ่านๆก่อนจะกระชากข้อมือซาสึเกะมาใกล้ตนจนร่างบางถึงกับเซ บุคคลอีกสองที่อยู่ในห้องก็ถึงกับมองตาค้าง ยังไม่ทันจะพ้นห้องโฮคาเงะจะเอากันอีกแล้วเหรอ?

         “เดี๋ยวนารุโตะ!”

         “ผมจะรีบพากลับบ้านอยู่นี่ไงไม่งั้น…”

         “ใจเย็นๆสินารุโตะคุง” ชิสึเนะปรามน้อยๆ

         “ผลเป็นไง?” ซึนาเดะกระซิบถามลูกศิษย์ ชิสึเนะทำหน้าลำบากใจและกระซิบบอกกลับไปคร่าวๆ สาวใหญ่พยักหน้าเข้าใจและเบนสายตาไปมองนารุโตะกับร่างบางที่กำลังจะทะเราะกันอยู่ร่อมร่อ

         “นารุโตะ...ฉันบอกให้ใจเย็นๆไงนั่นเพื่อนเธอนะ”

         “ไม่ใช่เพื่อนเมียต่างหาก!!”

         “ห๊ะ?//เอ๋!!!”

        ว่าไงนะ!!

      ซาสึเกะถึงกับอึ่งในคำพูดของนารุโตะ มันจะมากเกินไปแล้วเมื่อวานยังให้เป็นทาสและเล่นซาดิสต์ๆกับเขาอยู่แท้ๆแล้ววันนี้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นถึง...ภรรยาแล้วเรอะ! นารุโตะมันพูดออกมาได้ไงไม่อายปาก

    ชิสึเนะกับซึนาเดะก็ถึงกับเงิบกันไปตามๆกันบวกกับสายตาที่จริงจังผิดปกติกับเด็กหนุ่มนั่นมันชัดเจนเลยสินะว่าทำอะไรกันมา...สองสาวถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียว

         “ฉันบอกให้อ่อนโยนกับเขาหน่อยไงล่ะ”

         “มันช่วยไม่ได้นี่หมอนี่ดื้อกับผมเอง

         “เกี่ยวอะไรล่ะ! เป็นใครจะยอมให้นาย...ชิ!” ซาสึเกะสบัดหน้าไปทางอื่น ยังไงเขาก็ทำใจพูดคำนั้นออกมาไม่ได้ นารุโตะดึงร่างซาสึเกะเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะส่งสายตาเคืองๆให้อีกสองคนในห้อง

         “จ้าๆ ฉันไม่แตะต้องของๆเธอหรอกแต่ช่วยอย่ารุนแรงกับเอ่อ…แฟนเธอหน่อยไม่ได้รึไง

         “เฮอะ! ใครห้ามผมได้บ้างล่ะ?!”

         “ก็แค่ว่าที่อย่าเหลิงไปหน่อยเลย” นารุโตะตวัดตามองและสบัดหน้าไปทางอื่นพร้อมกับทำเสียงชิชะอย่างไม่พอใจและไม่สบอารมณ์สุดๆ ซาสึเกะเงยหน้ามองนารุโตะสลับกับซึนาเดะ ว่าที่? ว่าที่อะไรกัน?

         “งั้นที่เหลือก็ฝากด้วยล่ะ...

         “อืม...ระวังตัวล่ะ”

      นารุโตะพยักหน้าให้ก่อนจะอุ้มซาสึเกะกระโดดออกไปทางหน้าต่างทันที(จะออกทางประตูแบบชาวบ้านเขาไม่ได้มันเสียฟอร์ม= =:มายด์)

    ......................................................................................................................

      นี่ก็ล่วงเลยมา2ชั่วโมงแล้วหลังจากที่นารุโตะลากเขากลับมาร่ามโซ่ไว้ในห้องและกำชับให้อยู่ในนี้และอย่าออกไปไหนเขาเองก็ไม่เข้าใจว่านารุโตะกำลังจะทำอะไรแล้วทำไมต้องปิดบังเขาด้วยหลังจากนารุโตะออกไปสัก10นาทีฮินาตะกับซากุระก็เข้ามาในห้องเขาและคอยชวนเขาคุยนอกเรื่องถึงจะถามอะไรไปพวกหล่อนก็บอกปัดว่าไม่รู้ๆทุกครั้งเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะถามพวกเธอไป ในตอนนี้สภาพของเขาคือโดนโซ่ร่ามนั่งชันเข่าอยู่บนเตียงฟังสาวๆคุยหลายๆเรื่องให้ฟัง

         “ซาสึเกะคุงหิวมั้ย นายยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา”

      ซากุระดี๊ด๊าอยากทำอาหารให้เด็กหนุ่มตรงหน้าลิ้มรสเต็มที่ ซาสึเกะมองหน้าเด็กสาวก่อนจะลดสายตาลงมาที่ต้นแขนของเธอ ผ้าก๊อซที่พันรอบต้นแขนของซากุระบ่งบอกถึงความประมาทของเขาในตอนนั้นถ้าเขาฉุดเธอออกมาให้เร็วกว่านี้เธอคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วแท้ๆ

         “ซาสึเกะคุง?” สาวเจ้ามองหน้าเด็กหนุ่มอย่างงงๆ ซาสึเกะรู้สึกตัวว่าตัวเองจ้องต้นแขนเพื่อนสาวของตัวเองมากไปจึงเบิกตามองเธออย่างตื่นๆและกล่าวปัดๆว่าไม่มีอะไรแต่มือเขากลับเอื้อมไปจับบาดแผลที่ต้นแขนเพื่อนสาวซะแล้ว

         “…โทษนะ ซากุระมองเพื่อนชายดาโตเธอยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มก่อนจะจับมือเรียวของอีกคนไว้ “อะไรกัน…แผลแค่นี้ไม่สะทกสะท้อนกับตัวฉันหรอก...ซาสึเกะคุงน่ะรีบกินอะไรลองท้องดีกว่านะ” เธอว่าก่อนจะปล่อยมือเขาและทำท่าจะเดินออกไป

         “เอ่อ...ดะ เดี๋ยวฉันช่วยนะจ๊ะ” ฮินาตะลุกขึ้นบ้างแต่ซากุระก็ห้ามไว้ก่อนพร้อมกับพูดว่า

         “ฮินาตะน่ะอยู่เฝ้าซาสึเกะคุงที่นี่แหละ

         “แต่ว่า...”

         “เอาน่าฉันพอจะทำของง่ายๆได้อยู่หรอก”

         “งั้น....ก็ได้..”

         “ชั่งเถอะฮินาตะไปช่วยซากุระก็ได้...” ซาสึเกะว่าตัดบท สองสาวหันมามองเขาและมองหน้ากันอีกที

         “แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับซาสึเกะคุงขึ้นมา...”

         “เธอดูถูกฉันรึไงซากุระ...ถึงจะสภาพนี้ก็ใช่ว่าฉันจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ซะหน่อย” ซาสึเกะว่า

    และเบนหน้าไปทางหน้าต่าง รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ก่อนจะกรอกตากลับมาที่ซากุระพบว่าสองสาวมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยเลยทีเดียว

         “แต่...ฉันเป็นห่วง”

         “ซาสึเกะคุงถ้าหนีไปอีกล่ะก็” ฮินาตะกล่าวด้วยความกังวน

         “ฉันไปไหนไม่ได้หรอกน่า...โซ่นี่มันมีกุญแจที่ไหนนารุโตะใช้คาถานินจาล็อคมันไว้...

         “ถ้างั้น...”

         “เออ...ไปสิฉันหิวแล้วนะ” ซาสึเกะว่าดุๆสาวๆจึงรีบกุรีกุจอออกเข้าครัวกันยกใหญ่ เมื่อแผ่นหลังของทั้งคู่หายไปหลังประตูและแน่ใจว่าทั้งสองคงลงไปถึงด้านล่าง รอยยิ้มบางๆก็ผุดขึ้นที่มุมปาก ซาสึเกะกวาดตามองรอบห้องและข้างนอกหน้าต่าง นารุโตะผนึกห้องนี้ไว้อีกแล้วงั้นเหรอ ก็พอจะรู้ว่าตระกูลอุซึมากิเชียวชาญเรื่องคาถาผนึกต่างๆแต่ไม่นึกว่านารุโตะมันจะใช้ประโยชน์ได้ถึงขนาดนี้

         ฮึ...นึกว่าจะเป็นเจ้าทึ่มสมองนิ่มเหมือนเมื่อก่อนซะอีก

     

      10 นาทีต่อมา

     

         “ซาสึเกะคุง…รอนานรึเปล่า...เสียงหวานเอ่ยทักอย่างร่าเริงแต่หลังประตู ภายในห้องกลับว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มอุจิฮะสักนิด เด็กสาวขบฟันแน่นและวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะหัวเตียงเดินตรวจตาดูรอบห้องแต่ก็ไม่พบร่างใครเลยสักนิด ฮินาตะที่ยืนกุมมือเล็กของตัวเองอยู่ระหว่างหน้าอกก็พลอยใจหายไปด้วย

         “ละ...แล้วจะทำยังไงต่อล่ะ...ซากุระจัง” สาวน้อยเอ่ยถาม ซากุระทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคออย่างอารมณ์เสียเธอเดินไปดูนอกหน้าต่างบ้านก็พบกับดักมากมายพังกองกันเป็นซากอยู่ตรงรั้วหลังบ้านและยันต์ผนึกที่ถูกฉีกทิ้งกลายเป็นเพียงกระดาษธรรมดาต่อมาเป็นโซ่ที่อยู่ขาเตียงเธอหยิบมันขึ้นมาพินิจดูอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ว่านี่เป็นเพียงโซ่ธรรมดา

         “ซากุระจัง...”

         “ฮินาตะไปรายงานเรื่องทั้งหมดกับท่านซึนาเดะส่วนฉันจะไปตามซาสึเกะคุงเอง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและกระโดดลงไปจากหน้าต่างที่คาดว่านอกจากที่นี่ซาสึเกะคงไม่มีทางหนีไปทางอื่นได้แล้ว

         ครั้งนี้นายประมาทไปนะนารุโตะ

         “เข้าใจแล้ว” กล่าวจบร่างบางของเด็กสาวก็วิ่งออกไปทางหน้าบ้านและกระโดดมุ่งหน้าไปยังสำนักงานโฮคาเงะทันที

     

      ทางด้านซาสึเกะ

     

      โชคดีที่นารุโตะมันคิดง่ายเขาถึงได้หนีออกมาได้คิดถูกที่ก่อนนารุโตะจะลากเขาไปที่สำนักงานโฮคาเงะเขาแอบสลับโซ่อันเดิมของนารุโตะที่ใช้คาถาล็อคกับอีกอันที่เขาเผลอถือติดมือมาด้วยเมื่อวาณตอนย้ายออกมาจากห้องโล่งๆนั่นแล้วนารุโตะก็คงหละหลวมและประเมินเขาต่ำไปคราวนี้ดันใช้แค่ยันต์ผนึกห้องนั้นไว้กับดักก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากไม่คณามือเขาด้วยซ้ำไป ซาสึเกะกระโดดจากกิ้งต้นไม้ต้นเดิมไปต้นใหม่กิ่งนี้ไปกิ่งโน้นกิ่งโน้นไปกิ่งนั้นจนกระทั่งรู้สึกฉุนจมูกเพราะกลิ่นคาวที่แรงเหลือเกิน

      พอกระโดดพ้นต้นไม้ที่บังทัศนียภาพในที่สุดเขาก็ก็ได้เห็น...โศกนาฏกรรมสังหารหมู่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ตรงนั้นจนแสบจมูกไปหมด ซาสึเกะถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้เขาก็แค่บังเอิญมาเห็นเท่านั้น ที่นี่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ300เมตรถ้าไม่รีบเตือนคนในหมู่บ้านระยะประชิดขนาดนี้มีหวังพวกมันได้บุกหมู่บ้านกันก่อนแหงๆ

      และเมื่อกรอกตามองไปเรื่อยๆจนไปสดุดกับสิ่งๆหนึ่งไม่สิ...คนๆหนึ่งที่มีสภาพเละเทะแต่รู้สึกว่าจะยังไม่ตายร่างนั้นเดินโซเซราวกับศพเดินได้จนในสภาพที่จะล้มแหล่มิล้มแหล่คงสู้ต่อไม่ไหวแล้วแน่ๆถึงเขาอยากจะช่วยแต่ความรู้สึกกลัวลึกมันกลับกัดกินความกล้าไปหมดเหลือเพียงร่างที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ

         ฉัวะ!

      ร่างนั้นถูกดาบยาวฟันจนร่างขาดเป็นสองท่อนโดยคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคนสังหารคนมากมายทั้งหมดนี้ดูเหมือนคนคนนั้นจะไม่เห็นเขาและดูเหมือนจะมีคนที่ร่วมสงครามนองเลือดนี้ด้วยจะมีเหลืออยู่อีก3คน

    ทันทีที่ร่างนั้นขยับขาเขาก็แทบจะก้าวตามไปเพราะคนที่คาดว่าน่าจะเป็นรายต่อไปก็คือคนที่ถือคัมภีร์ทั้งสามเล่มและกำลังนั่งวิปัสณาบ้าบออะไรสักอย่างอยู่ ทำไมถึงไม่ลุกขึ้นมาล่ะ! ไม่...หรือลุกไม่ได้ ร่างกำยำค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอย่างช้าๆพร้อมกำชับดาบในมือแน่นเตรียมที่จะปลิดชีวิตคนที่นั่งนิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวนี้ ชายคนนั้นง้างดาบขึ้นจังหวะเดียวกับที่ลมหายใจของใครบางคนเริ่มขาดห่วงและทันทีที่ดาบนั้นฟาดดิ่งลงมาร่างที่อยู่บนต้นไม้ก็ขยับเข้ามาในจังหวะเดียวกับที่นารุโตะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับคัมภีร์ทั้งสามเล่มถูกเปิดออกและมีอักขละที่เปลี่ยนไปจากเดิม

         เคร้ง!!!

      ดาบอาบพันปักษาของร่างบางที่หยิบติดมาด้วยรับดาบยาวของชายปริศนาไว้ได้พอดิบพอดี ร่างกำยำชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถอยห่างออกมาเมื่อรู้สึกถึงสายฟ้าที่แล่นแปร๊บๆเข้าสู่ร่างของเขา นารุโตะมองผู้มาเยือนด้วยสายตาตำหนิเขาบอกให้อยู่เฉยๆแท้ๆ

         “ทำอะไรของนายน่ะ”

         “ฉันทนดูนายตายเฉยๆไม่ได้หรอกนะอย่างน้อยขอฉันฆ่านายเองกับมือดีกว่า”

         “เฮอะ!”

      นารุโตะรอบยิ้มบางๆร่างบางที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าเขาไม่มีทางได้เห็นรอยยิ้มนี้แน่นอน รอยยิ้มที่...อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน นารุโตะกัดนิ้วจนเลือดซิบก่อนจะวาดมือไปตามคัมภีร์ทั้งสามจนทั้งสามเล่มบัดนี้กลับชุ่มไปด้วยเลือดของเขา ชายทั้งสามคนที่ก่อนหน้านี้ถูกผนึกเมื่อเห็นสิ่งที่แต่ก่อนใช้ผนึกร่างพวกตนไว้ก็ถึงกับผงะ

         “แก...!! แกเป็นพวกอุจิฮะเองเรอะ!!”

         “ทำแสบไว้มากนะพวกแก!!”

         “ตายซะเถอะ!!” จากนั้นทั้งสามร่างก็พุ่งเข้ามาหาซาสึเกะและนารุโตะพร้อมๆกัน ซาสึเกะที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวและกำลังตกใจที่1ใน3กล่าวถึงตระกูลตนจึงไม่สามารถหลบดาบที่พุ่งเขามาพร้อมกันได้แต่เพราะดวงหรืออะไรสักอย่างมันจึงทำให้สัญชาตญานและความกลัวตายมันจึงทำให้เขาหลบได้แบบงงๆแต่ก็ไม่พ้นซะทีเดียวเพราะดาบทั่งสามเล่มมันเฉียดแขน ใบหน้าและลำคอเขาไปเพียงนิดเดียว ความรู้สึกแสบร้อนที่ปากแผลและน้ำอุ่นๆที่ไหลอาบปากแผลทำให้เขารู้ถึงอันตรายของอาวุธเหล่านี้

      นารุโตะได้แต่กัดฟันมองร่างตรงหน้าถูกรุมเพราะเขาเองก็มีสภาพยับไม่ต่างกันกับพวกลูกน้องที่รอดเลยสักนิดแต่ดีกว่าหน่อยที่ลูกน้องบางคนยอมสละชีพเพื่อยอมให้เขามีเวลานั่งทวนนั่งคิดนั่งแกะคัมภีร์พวกนี้และสามารถใช้คาถาผนึกได้

         “นี่มันเกิดอะไรขึ้น…นารุโตะ?ซาสึเกะเอ่ยถามพลางรับการโจมตีของอีกฝ่ายไปด้วยเขาพยายามไม่ให้ทั้งสามเข้าถึงตัวนารุโตะ ไอ้คั้นนารุโตะจะลุกขึ้นก็ทำไม่ได้เพราะจักระหมดกับการใช้คาถาผนึกแล้ว

         “...ซา...ซาสึเกะช่วยถ่วงเวลาให้ฉันอีกสัก3นาทีได้มั้ยเดี๋ยวกลับไป...จะเล่าให้ฟังทั้งหมด...ดวงตาสวยตวัดมองก่อนจะพยักหน้าตกลงและพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้กับตัวอันตรายทั้งสามอย่างไม่กลัวตาย นารุโตะอดเป็นห่วงไม่ได้จึงรีบจัดการกับสิ่งที่ทำค้างไว้นอกจากละเลงเลือดลงในคัมภีร์แล้วขั้นที่สองคือเขียนชื่อของคนจะผนึกลงไปเรื่องนั้นเขารู้อยู่แล้วเพราะพวกมันดันปากเก่งเอ่ยชื่อให้เขาได้ยินทั้งสามคนเลยนี่นา
      นารุโตะใช้เลือดของตัวเองรีบสลักชื่อของทั้งสามลงทันทีในจังหวะเดียวกับซาสึเกะที่ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะ3ต่อ1แถมพวกนั้นยังมีพลังมากมายแต่เขาจะไม่ยอมให้ทั้งสามคนเข้าใกล้นารุโตะ ร่างบางจึงใช้ยันต์ระเบิดและมีดคุไนปาไปปักที่พื้นจนมันระเบิดต่อหน้าทั้งสามคนทันที แรงระเบิดทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายจนมองอะไรไม่เห็น

      นารุโตะที่รู้ว่าอีกคนกำลังแย่จึงทำต่อขั้นตอนสุดท้ายคือก่อนแปะฝ่ามือลงไปพร้อมกันแต่เขามีแค่สองมือจึงได้แยกร่างเอาไว้ก่อนแล้วและทันทีที่ซาสึเกะกำลังจะเสียท่าให้พวกมันฝ่ามือทั้งสามก็ตบลงบนคัมภีร์อย่างแรงจนเกิดควันสีขาวลอยฟุ้งไปทั่วร่างที่กำลังจะโจมตีซาสึเกะก็หยุดชะงักลงไปทันทีพร้อมๆกับน้ำแข็งที่มาจากไหนไม่รู้เกาะตั้งแต่เท้าจนขึ้นมาถึงหน้าอกและยังลามขึ้นไปเรื่อยๆจนชายทั้งสามขยับไม่ได้ นารุโตะค่อยๆลุกขึ้นและเดินไปหาทั้งสามร่ามพร้อมกับตีสีหน้าเย็นชาใส่

         “ใครปลดผนึกพวกแก...”

    คำถามสั้นๆถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากของเด็กหนุ่ม

         “ฮึ! ใครจะบอกแกกันล่ะ!! แน่จริงก็หาเอาเองเซ่ไอ้พวกโง่!”

         “กะจะมาเอาคืนซะหน่อยแต่ก็ช่วยไม่ได้อีกร้อยปีค่อยออกมาใหม่แล้วกัน”

         “ไอ้บ้า!แกไปบอกมันทำไมเล่า!!! อ๊ากกกกกกกก!!!” คนแรกถูกน้ำแข็งครอบทั่วทั้งร่างและถูกดูดเข้าไปในคัมภีร์พร้อมๆกับคนที่สองและสามในเวลาต่อมา นารุโตะนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะเดินกลับมารวบรวมเก็บคัมภีร์และใช้ยันต์ผนึกมันไว้อีกทีจากนั้นก็เอาเชือกมัดไว้และเก็บลงกระเป๋าจังหวะเดียวกับที่ซากุระมาถึงที่นี่
         "ภารจินเสร็จสิ้น" นารุโตะพูดขึ้นเบาๆและเริ่มมองสิ่งรอบด้านไม่ค่อยชัดรู้สึกมึนๆหัว

         “ซาสึเกะคุง!! นารุโตะ!! เป็นยังไงบ้าง อ๊ะ!” หลังจากที่เธอมาถึงนารุโตะก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นทันที ซาสึเกะเองก็ตกใจไม่น้อยเขารีบคลานเข้าไปดูอาการนารุโตะทันทีใช้นิ้วอังจมูกก่อนจะเบิกตาโพล่ง...

         ไม่หายใจ...

      เมื่อรู้ว่าอีกคนมันเริ่มไม่เรื่องแล้วร่างบางจึงแนบหูลงกับแผ่นอกกว้างทันทีตั้งใจฟังเสียงสิ่งที่เต้นอยู่ภายในใช่...

         มันยังเต้นอยู่

         “ซาสึเกะคุงนารุโตะเป็นไงมั่ง? ขอฉันดูหน่อย

         “...”

    เขายอมถอยให้สาวเจ้าเข้ามาดูอาการคนที่เปลี่ยนไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากเดิม ซากุระเมื่อเช็คจนแน่ใจแล้วจึงใช้โทรศัพท์ติดต่อไปทางโรงพยาบาลโคโนฮะและรายงานซึนาเดะทันทีก่อนจะวางหูลงและหันหน้ามามองซาสึเกะ

         “ไม่เป็นไรๆ แค่เสียเลือดมากแล้วสลบไปเฉยๆเท่านั้นเอง” เมื่อได้ยินดังนั้นซาสึเกะรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยที่รู้ว่าอาการของร่างที่นอนแน่นิ่งนี้ไม่ได้เป็นอะไรมาก

        “อืม” ทำไมเขาต้องเป็นห่วงนารุโตะขนาดนี้นะทั้งๆที่นารุโตะ...ทำให้เขาเจ็บปวดและรู้สึกรังเกียจมากแท้ๆ...ทำไมกันนะ...

    ................................................................................................
    เอาอีกละปาเข้าไปเกือบ10หน้าแต่งเพลินอ่ะ555ถ้าเรื่องมันไม่จบ
    มันไม่ได้หรอกมันค้างคาจริงไหม?555 เพราะงั้นเม้นกันเยอะๆนะ//โดนตบ555
    รอเล่นเราไม่ค่อยบังคับหรอกแต่จะขอบคุณมากถ้าเม้นให้แค่นั้นแหละจ้ะจริงๆ
    แค่นี้ก็โอเคแล้วล่ะแต่ถ้ามากกว่านี้ก็ดีใจนะ5555 ขอบคุณที่เม้นตอนที่แล้วให้นะคะ ขอบคุณค่ะ
    แล้วก็...ตอนหน้าเตรียมจอบขวานไว้นะคะ เตรียมฆ่าไอ้โตะ= =555
    เรื่องโดจินอาจจะแปลไม่ทันรอกันหน่อยนะคะ
    โตะ:เพราะเธอขี้เกียจไง
    มายด์:หา!!
    เกะ:มินนะโกเมนนาไซ//ทำหน้าแอ๊บแบ๋ว
    อ๊ากกกกกกกพวกแก
    วันนี้ก็...ไม่มีไรกราบลากันเลยแล้วกัน ซียู♥

    555

    เหมียว หง่าว พุยพุย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×