ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto NaruSasu] Sadistic Love นายหนีฉันไม่ได้หรอก!!

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4 : สถานการณ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.89K
      45
      22 ต.ค. 56

    4
    สถานการณ์

      ผ่านไป2ชั่วโมงไม่น่าเชื่อว่าเขายังซ่อนตัวได้อยู่นารุโตะก็ไม่มีวี่แววว่าจะตามหาตัวเขาเจอแต่นั่นมันโชคดีของเขาพอซ่อนตัวพ้นแล้วเขาก็จะค่อยๆออกมาจากที่ซ่อนและไปหาที่ซ่อนใหม่จนกว่านารุโตะจะออกไปจากบริวาณประตูบ้าน อันที่จริงเขาออกไปทางหน้าต่างก็ได้แต่หน้าต่างดันปิดล็อคแล้วดันล็อคแบบกุญแจซึ่งมันก็คงอยู่กับนารุโตะหมดกุญแจที่จำเป็นน่ะในตอนนี้ซาสึเกะหลบอยู่หลังเสาใต้โต๊ะไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านเขาจงใจเอาโต๊ะมาไว้ตรงนี้รึเปล่าแต่มันก็ทำให้เขามีที่ซ่อนตัวนั่นแหละ นี่ก็ใกล้บ่าย3แล้วก็ไม่แปลกเขาออกไปกินข้าวมันก็จะเที่ยงอยู่แล้วนี่นา

      ซาสึเกะเฝ้าดูนารุโตะที่ถือโซ่เดินเปิดตู้ยกชั้นวางเปิดประตูห้องน้ำหาเขาให้วุ่นแต่ท่าทางเหมือนไม่ได้รีบร้อนอะไรมากแต่ที่เขายังไม่เข้าใจคือทำไมมันไม่คิดจะมองมาทางนี้เลยนารุโตะไม่รู้ตัวงั้นเหรอ?หรือหมอนั่นก็แค่กำลังเล่นกับเขาและเฝ้าดูการกระทำของเขาอย่างนึกสนุกงั้นเหรอ?

         เขาควรจะรีบออกไป

      คิดได้ซาสึเกะก็เหลียวมองนารุโตะง่วนอยู่กับการค้นตู้และค่อยๆย่องออกจากห้องนั่งเล่นนี้ไปโดยหันมามองให้แน่ใจว่านารุโตะเห็นเขารึเปล่าเมื่อดูจนแน่ใจว่าเจ้าตัวเขาคงไม่รู้จึงค่อยๆเดินเงียบๆมุ่งไปยังห้องเดิมที่ตอนแรกนารุโตะพาเข้ามาเปิดประตูและปิดเงียบกวาดตาดูให้ทั่วห้องจนแน่ใจว่านารุโตะมันคงไม่เล่นพิเรนแยกร่างช่วยกันหาเขา เมื่อเห็นว่าทางสะดวกจึงเข้าไปหาอาวุธประจำกายของเขา

         ดาบอาบพันปักษา...

      หวังว่านารุโตะคงไม่ได้เก็บไว้ห้องอื่นไม่งั้นเขาคงต้องเสี่ยงวิ่งวุ่นหาแน่ๆต้องแถมยังต้องคอยหลบนารุโตะด้วยจะให้เขาสู้หมอนั่นด้วยวิชานินจางั้นเหรอ?มันก็น่าจะพอได้นั่นแหละแต่คิดดูเถอะพลังของพวกเขามันน้อยๆที่ไหนถึงขนาดพังหมู่บ้านได้เลยมั้งอย่าให้เขาสองคนต้องสู้กันเลยคิดแล้วปวดแก่น ซาสึเกะหันกลับไปมองประตูอีกครั้งเพื่อเช็คดูว่าเขาล็อคมันเรียบร้อยแต่ถ้านารุโตะรู้เขาคงแย่ต้องรู้แน่ๆล่ะห้องที่ล็อคแบบนี้มันก็ต้องรู้ว่ามีคนอยู่แล้วอยู่กันสองคนจะเป็นใครไปได้ ซาสึเกะรีบค้นเก๊ะใต้โต๊ะใต้ผ้าห่มระเบียงและตามมุมตามซอกต่างๆแต่ก็ไม่มีแม้แต่ปลายดาบยื่นออกมาให้เห็นร่างบางต่อยหมอนแรงๆอย่างหัวเสียมันจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ? เมื่อลองตรองดูดีๆก็เหมือนจะคิดออกมันน่าจะมีอยู่ที่นึงที่เขายังไม่เคยเข้าไปค้นหรือเรียกอีกอย่างว่าเข้าไปไม่ได้ห้องกลางที่ถูกปิดล็อคนั่นไง

      เมื่อนึกออกร่างบางก็ตั้งใจจะเปิดประตูออกไปทันทีแต่กลับชะงักถ้าเขาออกไปแล้วไปจ๊ะเอ๋นารุโตะพอดีจะทำยังไงเล่า? ร่างบางเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งและเหม่อมองขึ้นไปข้างบนก่อนจะยิ้มโชคดีเหมือนกันที่เพดานมันน่าจะเปิดได้ร่างบางขึ้นยืนบนเตียงและเอื่อมมือขึ้นแตะเพดานแอบโทษความไม่สูงของตัวเองสูงแค่168มันชั่ง...รันทด...

      เมื่อดันจนเพดานมันเปิดได้ร่างบางก็เอื่อมมือไปจับหาที่ยึดด้านบนเพื่อจะฉุดร่างตัวเองขึ้นไปและเมื่อจับได้ที่แล้วจึงค่อยๆปีนขึ้นไปด้านบนถึงมันจะลำบากไม่น้อยแต่ก็พอจะทนได้เมื่อปิดเพดานให้เป็นเหมือนเดิมก็ถึงทีสำรวจดู ฝุ่นข้างบนนี้มันเยอะซะจนแทบอ้วกขนาดเขาก็เป็นคนจำพวกไม่แพ้ฝุ่นแต่เยอะแบบนี้มันก็คงไม่ดีต่อทางเดินหายใจของเขาเป็นแน่แล้ว

      ซาสึเกะรีบๆคลานคลำทางไปเรื่อยๆคิดว่าห้องที่โดนล็อคมันก็คงเป็นฟ่าแบบเดียวกันก็น่าจะเปิดเพดานได้เหมือนกันเมื่อรู้สึกว่าน่าจะข้ามมาถึงห้องตรงกลางได้เขาก็คลำหาช่องที่น่าจะพาเอาร่างเขาลงไปข้างล่างได้แต่เพื่อความปลอดภัยมันต้องเปิดดูก่อนสักนิดว่ามีใครอยู่ในห้องไหมซึ่งไอ้คนที่ว่ามันก็คือนารุโตะนั่นแหละแต่แปลกที่ห้องนี้ไม่มีอะไรเป็นเพียงห้องโล่งๆ

    ซาสึเกะขมวดคิ้วมองเขาควรจะลงไปไหม?ถ้าลงไปแล้วเจอกับดักจะเป็นยังไงยังไงเขาก็ต้องคิดให้ดีก่อนแต่มันไม่น่าจะมีเวลาขนาดนั้นนารุโตะมันเปลี่ยนไปแล้วสมองมันก็น่าจะพัฒนาตามไปด้วยอีกไม่นานก็คงรู้ว่าเขาขึ้นมาบนนี้คงไม่มีทางเลือกอย่างน้อยอยู่บนนี้มันก็เห็นไม่ทั่วห้องลงไปดูน่าจะดีกว่า...

    ..................................................................................................................................

      ในขณะที่กำลังตามหาซาสึเกะไม่สิเรียกว่ามองดูดีกว่าเขารู้อยู่ตลอดว่าซาสึเกะไปซ่อนหรือไปหลบอยู่ไหนเพียงแต่ไม่อยากจะหาให้เจอเพราะเขายังไม่แน่ใจว่าจะจับเจ้าตัวได้อยู่หมัดรึเปล่าถ้าซาสึเกะเกิดบ้าแล้วหลุดมือเขาไปคงแย่และอีกอย่างก็เพื่อถ่วงเวลาเขายังไม่อยากให้ซาสึเกะอยู่ข้างนอกนานๆมันไม่ปลอดภัยอย่างน้อยเล่นเกมไล่จับบ้าๆแบบนี้มันก็ดีกว่าอยู่เฉยๆซาสึเกะคงอยู่นิ่งๆไม่ได้แน่นอนล่ะต้องหาทางทำทุกวิธีจนหลุดไปได้แน่ๆแล้วที่เขาทำแบบนี้มันจะไม่เท่ากับว่าเขาเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเหรอ ตอบได้เลยว่าไม่เพราะบ้านนี้เขาปิดไว้แล้วทุกทางไม่มีทางที่ซาสึเกะจะออกไปได้ล็อคทั้งข้างนอกข้างในพูดอีกทีก็ขังตัวเองด้วยนั่นแหละ

         ครืด ครืด

    ยังไม่ทันได้เดินไปดูห้องแรกสายก็เข้ามาขัดก่อนซะนี่นารุโตะจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะกดรับทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสายดวงตาสีฟ้าก็เบิกโพล่ง

         “ถึงไหนแล้ว?”

         ‘หน่วยกลางยับไปแล้วครับมันกำลังมุ่งไปยังหน่วยสุดท้ายถ้ามันฝ่าเข้าไปได้ทุกอย่างคง...

         “จะบ้ารึไง! ชิ! เอาเถอะรอดกี่คน? พาคนที่รอดกลับมาที่หมู่บ้านให้หมดส่วนหน่วยสุดท้ายกำลังเสริมคงไปถึง...

          ‘ครับ!’

    และวางสายไปนารุโตะกัดฟันกรอดเขาคงไม่มีเวลามานั่งเล่นอีกแล้วอย่างน้อยก็น่าจะอีกสัก2-3วันมันถึงจะบุกมาถึงที่นี่ยังไงเขาก็ต้องหาที่ใหม่ไว้ก่อนแต่เรื่องนั้นเขาคิดไว้ก่อนแล้วถึงได้บอกซึนาเดะไว้ก่อนหน้านั้นในวันนี้ที่ไปประชุมไม่นึกว่ามันจะมาไวขนาดนี้ ยังไม่ทันได้เปิดประตูเข้าไปในห้องอีกนั่นแหละโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงตึกตักบนเพดาน นารุโตะหรี่ตามองก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องกลางพร้อมกับกดรับโทรศัพท์

         “ว่าไง...” กล่าวพร้อมกับหยิบกุญแจออกมาไขห้อง

         ‘แย่แล้วครับ!มันเร็วมากพวกเรากำลังเสียเปรียบครับ…ตู้ม!! ครืด ครืด แล้ว...คนครับ...เก่ง..เรา..ซ่า ซ่า อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!แกร๊กๆ..ซ่า’ จากนั้นสายก็ตัดไปทันทีเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกน้องเขาตั้งใจจะสื่ออะไรแต่ยังไงตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องดีแล้วกำลังของเขาเสียเปรียบ...

      นารุโตะรีบไขประตูเข้าไปและก้าวฉับๆเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ถือดาบและหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม ซาสึเกะทำท่าจะหนีเมื่อเห็นใบหน้าเย็นชานั้นอยู่ต่อหน้าแถมยังเดินเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ อะไรกันเขาคิดว่ามันน่าจะนานกว่านี้ถ้านารุโตะไม่รู้แสดงว่าหมอนี่รู้ว่าตลอดว่าเขาซ่อนที่ไหนแต่แกล้งเล่นตามเขาเฉยๆสินะ

         “จับได้แล้ว”

      นารุโตะเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างไปจากเดิมและสืบเท้าเข้าใกล้ซาสึเกะมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งคนตัวเล็กก็ถอยล่นไปเรื่อยๆเช่นกันแต่หากไม่มีกำแพงอยู่ล่ะก็เปอร์เซ็นรอดของร่างบางก็น่าจะเพิ่มขึ้นทว่ามันหมดหนทางหนีเสียแล้ว!! นารุโตะยิ้มกริ่มและเข้าประชิดตัวร่างบางก่อนจะบิดข้อมือจนดาบหล่นมาอยู่ในมือเขาแทนจากนั้นจึงอุ้มร่างบางขึ้นบาดบ่าไว้พร้อมกับกดโทรออก

         “ปล่อยนะเว้ย!!”

      ถึงจะรู้อยู่ว่าแล้วว่าพูดแบบนั้นออกไปก็คงไม่ได้คำตอบที่ดีกลับมาแน่นอนแต่ก็ยังจะพูดล่ะนะแล้วถึงจะรู้ว่ายังไงก็คงดิ้นไม่หลุดแต่ก็ยังดิ้นอยู่ดีนั่นแหละเผื่อฟลุคหลุดขึ้นมาเขาก็เผ่นได้

          “ช่วยมาขนของทีแล้วก็รีบส่งกำลังเสริมไปอีกถ้ามันไม่ได้เรื่องฉันจะไปเอง...เข้าใจนะ”

          ‘พวกนั้นมีระเบิดครับดูเหมือนจะเชี่ยวชาญมากด้วยกว่าหน่วยสอดแนมจะกลับมาได้ก็เล่นซะสะบักสะบอมพอดูเหมือนกัน’

          “อา...แล้วก็เอาพวกที่บาดเจ็บไปอยู่ที่ชั้นใต้ดินแล้วกัน...ส่วนพวกฉันไปอยู่บ้านโน้น

          ‘ครับแต่...ให้คนไปคอยคุม...

          “ไม่ต้อง!.....ดูแลพวกบาดเจ็บเถอะ

           ‘แต่...

          “ไม่มีแต่เว้ย!!”

           ‘ครับ! ขอบคุณมากครับ!!’

      กล่าวจบเพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายไปสิ่งที่คุยกันทั้งหมดซาสึเกะก็ได้รับรู้มันด้วยเช่นกันคนที่ดิ้นไปมาเมื่อกี๊หยุดชะงักและเปลี่ยนประเด็นมาสนใจสิ่งที่นารุโตะคุยกับใครเรื่องอะไรเมื่อครู่แทน

          “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

          “เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”

           “แล้วจะไปไหน?”

    ไอ้คนอุ้มหาได้ตอบไม่มันเงียบแถมยังเดินดุ่มๆออกจากบ้านโดยไม่สนคนรอบข้างหรือเพื่อนบ้านแม้แต่หมาข้างถนนมันยังสงสัยนารุโตะก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมองยังไงเก็บเอาข้าวของที่จำเป็นอาทิ...เสื้อผ้า...สบู่ ยาสระผม ครีมอาบน้ำ แปลงสีฟัน,ยาสีฟัน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู และเอกสารต่างๆยัดลงกระเป๋าก่อนออกมาข้างนอกและพาไอ้คนที่ดิ้นไม่หยุดนี่กระโดดหายไปทันทีถามว่าออกมาได้ยังไง?พวกลูกน้องที่มาขนของออกจากบ้านบังเอิญอยู่ใกล้ๆพอดีและช่วยไขประตูให้

    ..............................................................................................................

         “อะไรของนายเนี่ย!อยู่ดีๆก็ออกมาจากบ้านบ้าไปแล้วรึไง?!”

         “…”

         “ปล่อยฉันลงได้มั้ย!?”

         “...

         “ไอ้บ้านารุโตะ!”

         “…”

      ทำไม....ทำไมๆๆๆๆ ทำไมกันนะ จะเงียบทำไมมีอะไรก็รีบๆพูดมาสิมันค้างคาใจแต่เขาไม่อยากพูดมากกว่านี้เพราะมันก็คงจะได้คำตอบเดิมๆหรือไม่ก็รอยยิ้มโรคจิตๆส่งกลับมาแน่ๆ

         “ให้ตายเถอะยังไม่2วันเต็มเลยแท้ๆ..พวกนั้นมันจะเร็วไปไหน..

         “พวกไหน อะไรของนาย...”

         “อยู่เงียบๆไปเถอะน่ะ!”

         “มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน!”

      ซาสึเกะยังเถียงต่อจนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมอยู่นิ่งๆสักทีจนนารุโตะเริ่มรำคาญจึงตีไปทีนึง

         "โอ๊ย! ไอ้บ้า

         “อยู่เงียบๆได้มั้ยเล่า?!”

         “ตีที่อื่นก็ได้นี่!” ดันมาตีตรงนั้น...ยิ่งเจ็บๆอยู่ด้วยให้ตายสิ ซาสึเกะบ่นงึมงำๆไปตลอดทางและในที่สุดก็ยอมเงียบและหยุดดิ้นไม่ใช่เพราะกลัวตกเพราะยังไงเขาก็เป็นนินจาตกลงไปก็ลงไปยืนสบายๆอยู่แล้วแต่ที่กลัวคือนารุโตะที่ถือโซ่ขู่เขาอยู่เนี่ยแหละแถมยังคุยอะไรไม่รู้มาตลอดทางมันเกิดอะไรขึ้นกัน?

      สักพักก็มาถึงที่หมายมันเป็นบ้านไม้สองชั้นอยู่เดี่ยวๆรอบข้างเหมือนจะเป็นป่าและไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนอยู่ในระแวกนี้เลยสักนิดมีเพียงสัตว์น้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่รอบโดยสัญชาตญาณเท่านั้น...

      ซาสึเกะกวาดตามองรอบๆและพยายามจะดิ้นลงจากบ่านารุโตะซึ่งคนอุ้มก็ปล่อยลงดีๆหลังจากขมวดคิ้วจิ๊ปากอย่างไม่พอใจแล้ว ร่างบางเดินเข้าไปใกล้บ้านแต่ทว่า

         แกร๊ก!

      มันคือเสียงล็อคที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยหรือจะพูดตรงๆมันก็คือไม่คุ้นเลยต่างหาก คำตอบคือนารุโตะมันเอาโซ่มาล็อคข้อเท้าเขาไว้อีกแล้ว ร่างบางขมวดคิ้วมองอย่างฉุนๆ จะอะไรนักหนากับเขาเนี่ย! เดี๋ยวร่ามๆทำไมไม่เอาแส่มาฟาดเขาด้วยเลยเล่า!

         “ทำหน้าแบบนั้นทำไม?”

         “จิ๊” ก่อนจะสบัดหน้าหนี นารุโตะยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดร่างบางซึ่งมันก็ทำเอาซาสึเกะสะดุ้งเฮือกจะหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว

         “โห...งอนเหรอ?

         “งอนบ้าบอไร?”

         “หึ...อย่ามา...ยังไม่ได้สะส่างอะไรกันเลยนะ”

         “หา?!!”

      นารุโตะยิ้มและอุ้มซาสึเกะขึ้นตรงเข้าบ้านทันทีวางสัมภาระไว้ข้างประตูและกระดาษที่เขียนด้วยลายมือวางไว้บนโต๊ะจากนั้นก็ขึ้นไปชั้นสองโดยมีเสียงโวยวายของคนตัวเล็กที่ดิ้นเอาๆจนน้ำหนักจะลดแล้วมั้งเนี่ย แค่นี้ก็ผอมจะตายอยู่แล้วยังจะผอมอีกเหรอ...นารุโตะวางร่างนั้นลงกับเตียงซึ่งซาสึเกะก็ลุกหนีทันทีแต่เพราะโซ่ที่ร่ามไว้ก่อนหน้ามันทำให้เขาซวยนารุโตะแค่กระตุกมันนิดเดียวก็ทำให้ซาสึเกะล้มหน้าทิ่มลงไปได้อย่างง่ายดาย ร่างบางค่อยๆพลิกตัวขึ้นมามองนารุโตะที่ยิ้มโรคจิตให้ก่อนจะรุดหนีไปติดขอบประตูตั้งใจจะเปิดปรากฏว่ามันล็อค แน่นอนล่ะทีนี้เขาคงไม่รอดแหง...

         “นายอยากทำที่แข็งๆเหรอ?”

         “ไม่เอา”

      ซาสึเกะตอบออกมาเบาๆแขนบอบบางยกขึ้นกันร่างตนกับร่างสูงออกห่างกันเพื่อเว้นระยะบ้าง ระยะเผาขนแบบนั้นมันคงไม่ดีกับตัวเขาเป็นแน่

         “แล้วอยากทำตรงไหนล่ะ?

         “ไม่ทำตรงไหนทั้งนั้นแหละเจ้าบ้า!!”

         “โอเคงั้นตรงนี้แหละ ว่าก่อนจะประกบจูบทันทีโดยไม่ปล่อยให้ซาสึเกะตั้งตัวก่อนสักนิดดวงตาสีดำเบิกค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อยๆปรือลงเพราะนารุโตะเล่นลิ้นกับเขาจนแทบตามไม่ทันแถมยังดูดและพันกับลิ้นเขาแบบไม่สนใจว่าเขาจะเป็นยังไงให้ตายเถอะจูบแบบนี้มันป่าเถื่อนเกินไปแล้ว! ไม่นานก็ผละออก นารุโตะยังคงยิ้มและยื่นมือมาเชยคางเขาขึ้นจ้องตาดวงตาสีฟ้าจ้องมองใบหน้าสวยชัดๆ

         “สวยไม่ส่างเลยจริงๆว่ะ ต่อไปนี้...นายไม่ใช่เพื่อนของฉันแล้วนะซาสึเกะ...”

         “…?!!” อะไรอีกล่ะจะให้เขาทำอะไรอีกเนี่ย?!จูบอย่างเดียวก็พอเขาขอล่ะ!

         “แต่เป็นทาสฉัน!” 

    ....................................................................................................
    ตอนจบได้ยินเสียงรีดเดอร์ตะโกนบอกว่า ทำไมไม่เป็นเมีย!! ถถถถถ โตะคุงเขาซื่อค่ะ
    ตรงไหนแว้? เออน่าสรุปเรื่องพ่อเมนมะนี่ฉันจะไม่อัพแล้วใช่มั้ยนี่555รอไปเถอะค่ะ เรื่องนี้มัน
    จินตนาการพุ่งกระฉูด มันคิดพล๊อตออกก่อนอ่ะ555 แล้วมันก็เกือบจะตันดีนะแถไปได้ เป็นเรื่องที่ดี!
    รีดเดอร์ : ตรงไหนกัน!
    โทษค่ะ555 100 เม้นนะ 100 เม้น ตอนแรกก็ไม่กะว่าจะแปลแต่มันอดบ่ได้อ่ะ55 ไม่รู้ว่ามีใครแปลรึยังถ้ามีแล้วบอกนะคะจะตามไปอ่านและจะแปลเรื่องใหม่ให้555 เยอะละๆ ไปดีกว่า ซียู♥

    เหมียว หง่าว พุยพุย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×