ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Kuroko Yaoi) AkaKuro(●▽o)✄ เหมียวโรคจิตกับแวมไพร์จืดจาง

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : หิวจัง

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 57


    4
    หิวจัง

     

              เปลือกตาบางค่อยๆเปิดแสงไฟข้างนอกสะท้อนเข้าไปในดวงตาจนต้องหรี่ลงมือหนาค่อยๆยันกายตัวเองลุกขึ้นและมองไปรอบห้องที่มืดมิดเพราะไม่ได้เปิดไฟอาคาชิแตะหน้าผากตัวเองถึงจะปวดหัวอยู่เล็กน้อยแต่เขารู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ อาคาชิมองรอบตัวอีกรอบเพื่อหาตัวเจ้าของบ้านแล้วสายตาก็ไปสดุดกับหัวทุยๆสีฟ้าอ่อนที่ฟุบอยู่ข้างตัว คุโรโกะฟุบหลับอยู่ข้างตัวเขาใบหน้าขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

              อาคาชิไล้ใบหน้านวลนั้นเบาๆอุณภูมิของคุโรโกะสูงขึ้นผิดปกติเรียกความประหลาดใจจากอาคาชิได้มากพอสมควรเขาค่อยๆอุ้มร่างคุโรโกะมาไว้บนเตียงและทาบมือลงบนหน้าผากเพื่อวัดอุณภูมิดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจคำตอบที่ได้ยังคงเดิมร่างของคุโรโกะร้อนราวกับถูกไฟเผามาหมาดๆอาคาชิสถบอย่างหัวเสียและพอจะเดาได้ว่าคุโรโกะคงทำอะไรสักอย่างจนติดหวัดเขา

              ต้องทำอะไรสักอย่าง

               ใช่ ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ร่างผมสีฟ้านี่ไข้ลด อาคาชิพยายามควบคุมสติตัวเองและคิดหาวิธีที่จะทำให้คุโรโกะไข้ลดแต่ทำยังไงล่ะไปโรงพยาบาลก็คงไม่ได้คงต้องทำให้ร่างกายเย็นลงสักนิดแล้วกันว่าแล้วอาคาชิก็คิดที่จะใช้วิธีที่เบสิคที่สุดอย่างการเช็ดตัวให้เจ้าของร่างที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง เขาลงจากเตียงและมุ่งตรงไปยังห้องน้ำหยิบอ่างใบเล็กเทน้ำใส่ครึ่งหนึ่งพร้อมผ้าชุบเดินกลับมาที่เตียงและวางมันลงบนโต๊ะหัวเตียงก่อนมองดูใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายชัดๆทาบมือลงกับแก้มนวลนั่นเบาๆ

              ยังร้อนอยู่เลย...

              อุณภูมิของอีกฝ่ายไม่มีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่นิดอาคาชิจัดการใช้ผ้าชุบน้ำและบิดหมาดๆไปเช็ดตัวให้คุโรโกะไล่จากหัวลงไปตามซอกคอ หน้าอก ต้นแขน หน้าท้อง เอว และส่วนอื่นๆในใจก็ภาวนาให้เจ้าของร่างไข้ลดเร็วๆเพราะเขาก็ไม่ได้มีความอดทนคอยเฝ้าดูเจ้าตัวได้นานนักหรอก

              ดวงตาสองสีจ้องมองคนเป็นไข้ที่หายใจหอบใบหน้าแดงซ่านร่างกายที่เพิ่งถูกเช็ดไปเมื่อครู่เริ่มคลายร้อนไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากคงต้องคอยให้คุโรโกะฟื้นตัวเอง ยังไงพรุ่งนี้ก็คงลุกไปโรงเรียนไม่ไหวคงต้องหยุดเขาเองก็ควรจะนอนได้แล้วนึกยังไงถึงตื่นมากลางดึกแบบนี้นะ ว่าแล้วก็ตัดสินใจขึ้นไปนอนบนเตียงหางสีน้ำตาลออกแดงตวัดรัดลำตัวของคนข้างๆดวงตาสองสียังคงจ้องใบหน้าหวานราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะกินเหยื่อหากแต่ อาคาชิ เซจูโร่ ผู้นี้นึกอยากจะเก็บเหยื่อตัวนี้ไว้ดูเล่นอีกสักหน่อยก็เท่านั้น....

     

              เช้าวันต่อมา

     

              คุโรโกะตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะรึมสะรือแต่เมื่อเขาตั้งใจจะลุกสิ่งรอบกายก็บิดเบี้ยวจนต้องล้มลงไปนอนราบกับเตียงอีกรอบรู้สึกในหัวปวดสิ่งรอบข้างที่มองเห็นบิดเบี้ยวจนไม่สามารถมองต่อไปได้เขารีบหลับตาลงทันทีขืนยังมองต่อมีหวังได้อ้วกกันตั้งแต่เช้าแน่งานนี้ คุโรโกะนอนก่ายหน้าผากเพราะรู้สึกว่าตัวเองปวดหัวปวดตาปวดไปหมดทั้งตัวจนลุกไม่ไหวแต่เขาต้องไปโรงเรียน!!

              ว่าแล้วสมองก็สั่งการให้คนไข้ที่เริ่มแรกเดิมทีไม่สามารถลุกขึ้นมาทำกิจวัฒประจำวันได้เด้งตัวลุกขึ้นมาทันทีแต่เมื่อลุกขึ้นมาเท่านั้นแหละในหัวก็ปวดแปร๊บราวกับถูกไฟช็อตจนเกือบหลุดร้องออกมามือเล็กนวดขมับตัวเองพลางหลับตาเพราะความมึนบวกกับสภาพในตอนนี้ส่งผลให้ตาได้รับผลกระทบไปด้วยคุณคงเคยรู้สึกใช่มั้ยที่เวลาเป็นไข้หนักมากๆและปวดหัวมากๆหน้าเราก็จะร้อนหัวเราก็ปวดและสมองนี้คือส่วนสำคัญที่สุดถ้าสมองล้าซีกที่ทำงานเชื่อมกับดวงตาของเราก็จะล้าไปด้วยซึ่งแน่นอนว่ามันต้องส่งผลไปถึงดวงตาของเราด้วยเช่นกัน

              ก็ทำนองเดียวคุโรโกะที่นั่งนวดขมับปวดหัวปวดตาอยู่ในตอนนี้ถึงจะเป็นแวมไพร์แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแรงไปซะทุกเวลาหรอกนะเขาก็มีช่วงที่อ่อนแอเหมือนกัน

              ว่าแต่เจ้าแมวสองบุคลิก(?)นั่นหายไปไหนแล้วล่ะไม่เห็นตั้งแต่เช้าหรือว่าหนีไปแล้วกันนะ คุโรโกะล้มลงไปนอนอีกรอบดูเหมือนวันนี้เขาจะลุกไม่ไหวจริงๆแฮะสงสัยต้องโทรไปลาแล้วคนที่ชมรมคงตื้อจะมาหาเขาแน่ๆคราวก่อนที่เป็นไข้ยังตื้อจะตามมาที่บ้านให้ได้แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงจนพวกนั้นยอมลามือ ครั้งนี้จะบ่ายเบี่ยงได้รึเปล่าก็ไม่รู้แต่นี่ก็เกือบจะสายอยู่แล้วขืนไม่ไปตอนนี้มีหวังต้องโทรไปลาครูจริงๆ แล้วคิเสะกับอาโอมิเนะก็จะโทรมาถามน่ะสิยังไงเขาก็ต้องไปสินะ...

              แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจหรือคิดอะไรต่อประตูห้องก็ถูกเปิดออกด้วยมือของใครบางคน คุโรโกะหันมองคนที่เปิดประตูเข้ามาก็พบกับอาคาชิที่ถือถ้วยซึ่งน่าจะเป็นข้าวต้มจากกลิ่นที่ลอยมาแตะจมูก อาคาชิเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมปิดประตูก่อนนั่งลงข้างคุโรโกะและวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงมืออีกข้างทาบหน้าผากของเขาดวงตาสองสีที่ดูเรียบนิ่งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของอีกฝ่ายไม่นานก็ละมือออก

              “ตัวยังอุ่นๆอยู่ ลุกไหวรึเปล่า

              อาคาชิถามเสียงเรียบมืออีกข้างหยิบถ้วยข้าวต้มมาวางไว้ข้างตัวและรอคำตอบจากคุโรโกะที่มองเขาด้วยแววตาสงสัย คุโรโกะไม่นึกว่าคนตรงหน้าจะทำอาหารเป็นด้วยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังขอให้เขาทำให้กินอยู่เลยแท้ๆแถมไม่มีท่าทีว่าจะทำเองเลยสักนิด เป็นแค่แมวแท้ๆ คุโรโกะแอบแขวะร่างตรงหน้าในใจถ้าหากเขาพ่นคำพูดนี้ออกไปมีหวังโดนกรรไกรปักหัวได้ไปโลกหน้าแน่ๆเขาน่าจะรีบๆตอบคำถามอาคาชิได้แล้วเพราะดูจากแววตาที่เจ้าตัวจ้องมาเหมือนจะสื่อว่าเริ่มไม่พอใจ

              “ปวดหัวครับ

              “ไปโรงเรียนไหวมั้ย

              “น่าจะไหว... กำลังจะพูดว่าไหวแต่เมื่อเจอะกับสายตาเยี่ยงเหยี่ยวของอาคาชิเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ถึงกับหุบปากฉับดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่พอใจหากเขาบอกว่าไหวและฝืนจะไปเรียนแล้วเขาจะต้องตอบว่าไงเล่า!เขาไม่อยากมีปัญหานี่หว่า

              “ตกลงว่าไงล่ะ?”

              “เอ่อ...ผมไหวอยู่ครับ” ถึงเมื่อเช้าจะลุกไม่ขึ้นเลยก็เถอะตอนนี้ก็ยังเวียนหัวอยู่นะเนี่ย “ถ้าคิเสะคุงกับอาโอมิเนะคุงรู้ว่าผมไม่สบายคงพากันมาหาผมแน่ๆคราวนี้ก็ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไงแล้ว”

              “คราวนี้?” อาคาชิทวน ขมวดคิ้วสบตากับคุโรโกะราวกับต้องการคำตอบเร็วๆ คุโรโกะหลบตา

              “ผมเคยเป็นไข้ครั้งหนึ่งหนักมากแล้วคิเสะคุงกับอาโอมิเนะคุงก็ตื้อจะมาดูอาการแต่ตอนนี้ผมก็บ่ายเบี่ยงออกมาได้แบบแถสีข้างถลอกคราวนี้เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้างน่ะครับ ผมไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าบ้านผมอยู่ที่นี่เพราะผมเป็นแวมไพร์แล้วป่านี้ก็มีตำนานอยู่ด้วยเนื่องจากพ่อกับแม่ของผมที่เสียไปเคยมาทำวีรกรรมเอาไว้น่ะครับคุโรโกะร่ายยาวซึ่งอาคาชิก็ไม่ได้ขัดอะไรกลับนั่งฟังดีๆโดยไม่ถามแทรก

              “วีรกรรมที่ว่า...หมายถึงเรื่องเล่าของป่านี้งั้นเหรอ อาคาชิถามเมื่อคุโรโกะเล่าจบไปคนเล่าพยักหน้า เรื่องเล่าของป่านี้คนที่หลงเข้ามาจะไม่มีวันได้กลับออกไปอีกนั่นอาคาชิก็เพิ่งรู้เมื่อนานนี้เองเพราะเขาได้ยินคนแถวนี้พูดที่ผ่านมาเวลาคุโรโกะจะกลับก็ต้องอ้อมไปอีกทางที่ห่างจากบ้านผู้คนพอสมควรจึงไม่มีใครสงสัยอะไรมากขืนเข้าไปในป่าตรงๆคนที่เดินผ่านไปมาคงตกใจกันน่าดู

              อาคาชิถอนหายใจและตักข้าวต้มร้อนๆขึ้นมาเป่าก่อนยัดเข้าปากคุโรโกะโดยไม่บอกไม่กล่าวกันสักนิดดีนะที่เจ้าตัวเป่าก่อนไม่งั้นคุโรโกะได้โดนข้าวต้มลวกลิ้นจนใบ้กินไป3วันแหงๆ

              "ยังไงก็กินก่อนเถอะแล้วก็กินยาตอนบ่ายฉันจะพาไปโรงเรียนอาคาชิว่าและตั้งใจจะตักอีกคำป้อนคุโรโกะแต่เจ้าตัวก็ห้าม ไว้ซะนี่

              “ผมกินเองดีกว่าครับ” ตั้งใจจะทำตามที่พูดแต่เจ้าแมวน้ำแดงตรงหน้ากลับมองเหมือนไม่พอใจแถมสายตาเย็นยะเยือกนั่นมันทำเหมือนกับเมื่อวาณตอนที่ซ้อมบาส สายตาแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกกลัวยังไงไม่รู้ ซึ่งคุโรโกะก็ไม่อาจทำตามที่หวังได้จึงได้แต่กินข้าวต้มที่อีกคนตักป้อนให้เท่านั้น

              "ว่าแต่ว่าอาคาชิคุงทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับอาคาชิตวัดตามองเมื่อสิ้นประโยคคำถามของคุโรโกะและเท้าคางมองคนเป็นไข้ยิ้มๆ

              “นี่ไม่ใช่ว่ากำลังดูถูกฉันเหรอ?เสียงเย็นยะเยียบถูกเอ่ยออกจากปากของแมวแสนเจ้าเลห์และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน คุโรโกะชะงักค้างเพียงแค่คำถามธรรมดาๆไหงไปสะกิดต่อมโมโหของเจ้าแมวนี่ได้กันล่ะเนี่ย

              “เปล่าครับ...ผมแค่ถาม...”

               "เอาเถอะ คราวนี้ฉันไม่ถือแล้วกันอาคาชิหรี่ตาลงและตักข้าวต้มป้อนคุโรโกะอีกคำ ไม่ถืออะไรกันล่ะมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นมันเหมือนอยากจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆเลยไม่ใช่หรือไงอีกอย่างถ้าทำอาหารเป็นก็หัดทำเองไม่ได้หรือไงเขาเป็นเจ้านายแท้ๆ...

     

              บ่ายของโรงเรียนวันนี้ก็เหมือนทุกวันเพียงแต่คุโรโกะตกเป็นเป้าสายตาและเป็นที่สนใจของเพื่อนๆน่าดูเพราะมาเอาซะสาย(โคตร)บวกกับใบหน้าแดงก่ำที่ยังไม่สร่างไข้บ่อยครั้งที่มีเพื่อนมาถามอาการเขาก็เพียงตอบกลับไปปัดๆว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หายภายใต้สายตาของอาคาชิจดจ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและคุโรโกะก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

              เมื่อถูกเพื่อนๆถามจนเบื่อแล้วคุโรโกะจึงได้ฤกษ์ลุกขึ้นและเดินไปหาอาคาชิเขาเริ่มชักจะหิวและมึนหัวก่อนออกจากบ้านก็ทานข้าวลองท้องมาแล้วแท้ๆแต่ไม่รู้ว่าหิวอะไรกันนะ คุโรโกะมองร่างอาคาชิที่นั่งอ่านหนังสือไม่สนใจชาวบ้านภาพตรงหน้าเริ่มเรือนรางร่างของคุโรโกะเซนิดๆหางตาของอาคาชิเหลือบเห็นจึงเข้าไปประคองตัวคุโรโกะ

              หนังสือที่อ่านอยู่ตกลงบนพื้นพวกเขาตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนในห้อง อาคาชิอ่านสถานการณ์ออกหากคุโรโกะเป็นลมไปล่ะก็คงวุ่นวายน่าดูเขาจึงประคองร่างเจ้านายหนุ่มออกจากห้องเรียนลงไปข้างล่างเดินลัดเลาะไปตามซอกตึกเรียนจนมาโพล่ที่โรงยิมซึ่งไม่ค่อยมีใครอยู่นักเขาดันร่างคุโรโกะไปติดกำแพงเพื่อให้เจ้าตัวพยุงร่างเองถนัดๆส่วนตัวเองก็ใช้ท่อนแขนกักร่างนั้นเอาไว้ทั้งสองข้าง คุโรโกะมองเจ้าแมวตรงหน้าตอนนี้เขาเหนื่อยมากจนเรียกได้ว่าแทบไม่มีแรงจะพยุงร่างตัวเองแขนเล็กๆเกาะแขนอีกคนราวกับจะใช้เป็นที่พยุง....

              “อาคาชิคุง...หิวจัง” เสียงเล็กเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากบางซีดของคุโรโกะเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เอ่ยออกไปแบบนั้นแต่คำตอบก็ปรากฎเมื่อเขี้ยวเล็กๆโผล่พ้นออกมา อาคาชิเบิกตามองเล็กน้อยก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันแปลกๆถ้าลองได้ลิ้มรสเลือดหลังจากหิวโหยมานานดูสักครั้งคงหยุดตัวเองไว้ไม่ได้แล้วล่ะ

              “กัดฉันสิอาคาชิเอ่ยราวกับกำลังเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายสูบเลือดไปจากตัวเขาเพื่อยืดชีวิตตัวเองออกไป ดวงตาของคุโรโะเปร่งแสงอีกครั้งเขาห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว...

              หิวจัง...

              หิว..

              หิว...

              เลือด...

              คุโรโกะไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไปเขายื่นหน้าไปใกล้ลำคอของอีกร่างที่อยู่สูงกว่าตัวเองแขนโอบรังคอนั้นให้เข้าใกล้ก่อนเขี้ยวเล็กๆจะฝังตัวลงและดูดเอาของเหลวภายในนั้น เลือดสีแดงไหลอาบลำคอของอาคาชิเนื่องจากถูกกัดความเจ็บปวดแล่นแปร๊บจนเขาเริ่มขมวดคิ้วถ้าหากคุโรโกะกินเลือดเขามากไปเขาอาจตายได้เลยนะเนี่ย...

              อา...ทรมารจริง อย่ากินเยอะแบบนี้สิ...

     

              หลังเสาอาคารมีร่างหนึ่งซ่อนอยู่เขาเพียงบังเอิญมาเห็นทั้งคู่กำลังกอดกัน คิเสะปิดปากตัวเองแน่นถ้าหนึ่งในสองคนนั้นเห็นเขายิ่งเป็นอาคาชิเขาคงไม่แคล้วโดนกรรไกรเสียบแน่ๆแต่หากกลับกันเป็นคุโรโกะก็คงมองหน้ากันไม่ติดทางที่ดีเขาควรจะออกไปจากตรงนั้นเสียก่อนที่ทั้งคู่จะรู้ตัว

              คุโรโกจจิคบกับอาคาชิอยู่งั้นเหรอ...
     

    ...............................................................................................................
    เฮ้อ จบสักที ขอโทษที่ไม่ได้อัพนานนะคะแล้วก็ขอบคุณที่เม้นตอนที่แล้วให้นะคะ
    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ช่วงนี้เหตุหารณ์บ้านเมืองมันก็ไม่ค่อยดีเนอะเฮ้อ ป่วยการเรียนเอ๊ย!การเมือง55
    ซียู♥


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×