คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : เรื่องน่าปวดหัวของว่าที่ผู้นำ
2
เรื่องน่าปวดหัวของว่าที่ผู้นำ
เนื่องจากงานหลายๆอย่างหลายๆทางมันรุมเร้าเข้ามาพร้อมกันทำให้คนใจร้อนบวกหัวไม่ดีอย่างข้าจะต้องถ่อลากสังขารของตัวเองออกมาจากบ้านเพื่อไปหาภรรยาผู้เพียบพร้อมงดงามแสนดีทุกทวงท่าแต่ถามจริงเถอะสตรีเนื้อแท้หัวใจทองแบบนั้นหากันง่ายๆได้ที่ไหนยิ่งในกลุ่มไม่ต้องพูดถึงสตรีผู้งดงามทั้งหลายทั้งแหล่เพียงข้ากระดิกนิ้วก็วิ่งรี่เข้ามาหาจะเล่นตัวให้น่าสนุกหน่อยก็ไม่ได้และถึงจะมีจำพวกประเภทนั้นแต่พอข้าหยอดคำหวานหว่านล้อมเข้าหน่อยก็ดิ้นตามจะแต่งเข้าบ้านข้าใจจะขาด
เพราะแบบนั้นแหละข้าถึงได้ไม่อยากได้ภรรยาคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกข้าต้องเป็นสตีเพียบพร้อมรักนวลสงวนตัวคำพูดคำจาสุภาพนอบน้อมเห็นแบบนี้ข้าก็ชอบผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีนะ ข้ากระโดดข้ามน้ำตกสองชั้นสายเบ่อเริ่มที่กั้นยาวราวเขตแดนเพียงหนึ่งเดียวระหว่างกลุ่มอัคคีและกลุ่มวายุของข้าหันหลังไปมองด้านหลังเห็นแว่บๆชายสี่ห้าคนที่มักจะแอบตามข้ามาให้ตายสิไม่ว่าที่ไหนๆก็ไม่เว้นเลยจริงๆนี่กะจะตามข้าจนไปเปิดห้องสวีทกับภรรยาเลยหรือเปล่า
ข้าไม่สนใจล่ะ
อยากตามมาก็ตามมาเถอะหลังจากที่พวกนั้นเห็นข้ามุ่งหน้าตรงไปยังกลุ่มตรงข้ามซึ่งเป็นศัตรูไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นทำหน้ายังไงแต่ข้าว่าคงอึ้งกิมกี่ร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะสิท่า คงใช้เวลาตัดสินใจกันอีกนานว่าจะตามข้ามาหรือไม่
แต่ข้าคงไม่มีเวลารอให้พวกนั้นตัดสินใจกันเสร็จหรอกนะขอไปก่อนล่ะ ข้าโบกมือยิ้มให้และเดินข้ามชายแดนเข้าประตูไปทันทีถึงจะไม่เห็นแต่เดาได้เลยว่าพวกนั้นคงอึ้งกันอีกระรอกคงไม่รู้ว่าข้ารู้แล้วที่โดนตามมาคิดว่าตัวเองสะกดรอยได้แนบเนียนเลยงั้นสิ หึ ในเมื่อสลัดหลุดแล้วก็สมควรแก่การเดินเที่ยวหาคู่ครอง.....
ในกลุ่มนี้สักคนล่ะนะ...หึ...หึ
ใช่...ในกลุ่มนี้แหละ
ข้าเดินผ่านด่านตรวจเข้ามาได้สบายๆถึงแม้สีผมจะโดดเด่นแต่คนเฝ้ายามกลับไม่ระแคะระคายใจเลยสักนิดนี่กลุ่มอัคคีหละหลวมเรื่องตรวจตรากันขนาดนี้เชียวหรือ?
ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะแต่ข้ากลับหลุดเข้ามาง่ายๆแบบนี้หรือว่าพวกยามจะไม่รู้เรื่อง ว่าที่กลุ่มวายุของข้ากัน? แปลกชะมัดข้าเดินเข้าไปในตลาดเผื่อว่าจะเจอแม่ค้ากุลสตรีสักคนจะได้แจกขนมจีบเสียเลยแต่ไม่แฮะส่วนมากก็มีแต่เด็กคนแก่และพวกคนธรรมดาไม่มีใครพอจะสดุดตาเลย
ในเมื่อที่นี่ไม่มีก็ควรจะเดินหาที่อื่นแต่แหมไหนๆก็มาถึงตลาดของกลุ่มศัตรูทั้งทีขอข้าดูเสียหน่อยเถอะว่ามีของสวยๆงามๆหรือสินค้าประจำกลุ่มหรือเปล่าข้าเดินดูไปได้พักใหญ่ๆเจอสิ่งของมากมายเช่น ขนม นม เนย ซึ่งข้าสนใจมันอย่างมากเลยลองซื้อมาชิมดูอยู่หลายห่อรสชาติดีเลยทีเดียวโมจิก็เนื้อเหนียวนุ่มชอบชะมัดน่าจะซื้อไปฝากตาเฒ่าที่บ้านอีกสักสิบห่อแต่เดี๋ยวคนเขาสงสัยยิ่งสีผมเด่นๆอยู่
ช้าเดินลอยชายมาได้สักพักก็แทบจะสำลักขนมอยู่ดีไม่ว่าดีสายตาก็เหลือบไปเห็นเส้นผมสีดำยาวถึงกลางหลังดวงตาที่คุ้นเคยนั่น.....มันช่างคุ้นจริงๆข้าคงไม่ได้ตาฝาดไปสินะนั่นมัน
เนจิ...
เจ้านั่นมาทำอะไรที่กลุ่มศัตรูกัน ข้าหยุดมองการกระทำของเพื่อน เนจิเข้าไปช่วยคนที่ข้าคาดว่ากำลังเดือดร้อนจากชายตัวใหญ่หลายๆคนเห็นเขาพูดอะไรกันสักพักแม่คนผมแดงที่ถูกต้อนในคราแรกก็จัดการซัดชายตัวใหญ่หลายคนจนล้มหมอบกันเป็นแนว...เดี๋ยวนี้ผู้หญิงช่างน่ากลัวนัก.....
ข้าหยุดดูทั้งคู่คุยกัน ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้หรอกนะแต่อดไม่ได้จริงๆข้าไม่เคยเห็นเนจิสนใจใครเลยนี่นาแต่กับแม่คนนี้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รู้สึกจะพูดถากถางกันด้วยแฮะซ้ำเนจิยังหัวร่อชอบใจอีกต่างหากอันที่จริงข้าก็ไม่เห็นมันหัวเราะหรอกแค่คิดไปเองตามสถาณการณ์แต่รอยยิ้มแบบนั้นมัน... แม่หญิงคนนั้นวิ่งหนีไปแล้วคุยกันเสร็จแล้วงั้นเหรอ เนจิมองตามและคงจะเพิ่งรู้ตัวจึงหันมองข้าด้วยซีหน้าซีดเซียวตกใจสุดขีด ข้าไร้ข้อแก้ตัวจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ
“ไง” และเอ่ยทักทายตามภาษาชาวบ้าน เนจิพุ่งมาหาทันทีและกระชากคอเสื้อข้าจ้องมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อข้าจึงได้แต่ข้อร้องห้ามและบอกให้เขาเบาเสียงลงหน่อยนี่กลางตลาดเดี๋ยวจะเป็นจุดเด่นเอา แหงล่ะผมสีทองของข้าก็เด่นพออยู่แล้วล่ะน่าอย่าทำเรื่องให้มันยุ่งยากนักสิเจ้าพวกนั้นก็ไม่รู้จะตามหาเจอเมื่อไหร่ด้วย
“เจ้ามาทำอะไรทั่นี่!” เนจิถามเสียงดุยังคงไม่ออมแรงที่ดึงคอเสื้อของข้าราวกับจะเค้นคอ
“น่าๆ ปล่อยข้าก่อนเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยกันหมดพอดี” ข้าบอกอย่างใจเย็นที่สุดและยกมือขึ้นปรามเพื่อนแต่เนจิหาได้ฟังไม่เจ้านั่นยิ่งอยากจะต่อยหน้าข้ามากกว่าเดิมดูจากหน้าก็รู้แล้วโถ่ให้ตายเถอะ ข้าก็แค่มาหาเมียเท่านั้นเองจะทำอะไรให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเล่าถ้าหากปล่อยข้าไปป่านนี้ได้ภรรยาแล้วมั้ง ในเมื่อเจ้าตัวไม่ปล่อยข้าจึงได้แต่รอให้เขาอารมณ์เย็นลงอีกนิด เนจิชังใจชั่วครู่ก่อนจะปล่อยข้าและตวัดตามองดุๆ อะไรเล่ามองแบบนี้ข้าก็รู้สึกผิดนะเดี๋ยวแผนก็รนหมดกันพอดี
“ตอบข้ามาก่อนว่าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ตอบไม่ได้” ข้าปฎิเสธทันควันขืนบอกเนจิไปก็คงมีแต่จะลากตัวข้ากลับและหาสาวในกลุ่มหรือไม่ก็แนะนำลูกสาวขุนนางให้สักคนแน่ๆไม่เอาล่ะข้าไม่ต้องการถึงแม้จะเห็นแก่ตัวแต่ขอเถอะคู่ชีวิตขอข้าเลือกเอง...
“ทำไม?” เนจิขมวดคิ้วมองจ้องลึกมายังดวงตาของข้า ข้าเองก็ไม่คิดที่จะหลบเข้าใจข้าทีเถอะแล้วเรื่องวุ่นๆข้าขอจัดการเอง ในเมื่อข้าไม่ตอบก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถามต่อเนจิอยู่กับข้ามานานเข้าใจได้ไม่ยากถึงนิสัยที่ดื้อดึงของข้าหากพูดแล้วคือคำขาดจะไม่ยอมกลับคำแน่นอนเจ้าตัวถอนหายใจและหันหลังทำท่าจะเดินออกไป “เข้าใจล่ะ ข้าจะไม่ถามก็ได้แต่ถ้าหากมันเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเจ้าต้องตัดสินเอง”
“ข้ารู้เรื่องนั้นดี” เนจิกล่าวจบก็เดินออกไปทันทีข้าจึงได้แต่รับคำและทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง...ว่าแต่ตกลงเจ้านั่นมาทำอะไรที่นี่กันแล้วเกี่ยวข้องยังไงกับแม่หญิงคนนั้นกันนะ
“อ่ะ...เจอแล้วนายน้อย!!” เวรกรรมเจ้าพวกนั้นตามมาจนได้ชายหลายคนจากบ้านใหญ่ของข้าวิ่งตามกันเป็นขบวนเท่าที่ดูรู้สึกจะไม่ต่ำกว่า5คน นี่นับว่าเยอะแล้วนะใครสั่งใครสอนว่าเข้ามาถิ่นศัตรูให้ทำเสียงดังวุ่นวายกลางตลาดแบบนี้เจ้าพวกบ้าเอ๊ยกลับไปข้าจะตัดเงินเดือนเสียเลย
แล้วข้าจะอยู่ให้มันจับกลับบ้านหรือไง วิ่งสิ!
ก็สังหรณ์อยู่แล้วว่าจะต้องตามมาแน่นอนแต่ไม่คิดว่าจะมาวิ่งไล่จับกันโต้งๆแบบนี้อย่างน้อยก็น่าจะสะกดรอยตามข้าจนเดินมาถึงที่ปรี่ยวๆแล้วรุมจับสิถึงจะเข้าท่าข้าวิ่งไปทางที่คิดว่าจะเปรี่ยวไร้ผู้คนมากที่สุดตามซอยแคบๆนั่นแหละพวกนั้นไล่ตามมาติดๆกัดไม่ปล่อยเลยจริงๆ ข้าตั้งหน้าตั้งตาวิ่งก็ต้องชะงักเมื่อเจอทางตัน นั่น… นารุโตะเจ้านี่มันโชคร้ายเสียจริงเวลาเล่นพนันทำไมมันมีแต่ได้กับได้ฟระ
เจ้าพวกนั้นตามข้าทันแล้วพวกมันหัวเราะและพยายามตามเข้ามาจับตัวข้า มีอะไร มีอะไรที่พอจะพลิกสถานการณ์ได้บ้างนะข้าหันซ้ายหันขวาหาอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์ในเวลานี้ก่อนจะเจอลังไม้เป็นตั้งๆอยู่ข้างๆกำแพงข้ามองมันและเงยหน้ามองขึ้นด้านบน
เป็นอย่างที่คิด...
น่าจะใช้ได้อยู่
“นายน้อย...หึหึ...ไร้ทางหนีแล้วกลับบ้านใหญ่กันเถอะครับ” เรื่องดิ...ข้าอาศัยจังหวะที่พวกนั้นกระโจนเข้ามาหาพร้อมๆกันวิ่งไปยังลังไม้ที่กองกันเป็นตั้งกระโดดใช้ลังเป็นฐานถีบกำแพงด้านซ้ายไปด้านขวาสลับกันอย่างคร่องแคร่วและรวดเร็วจนขึ้นไปยังด้านบนของหลังคาชาวบ้านปล่อยชายเหล่านั้นได้แต่นอนแอ่งแม้งอ้าปากค้างมองข้ากันเป็นทอดๆ โถ่ๆน่าสงสารจังไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังเล่นกับใครข้าเองอายุปูนนี้แล้วแต่ก็ใช่ว่าความคร่องตัวจะเสื่อมลงตามอายุเสียหน่อย...เอ๊ะข้ายังไม่แก่นะอย่าเข้าใจผิดล่ะ ข้าดูจนแน่ใจแล้วว่าพวกเขาคงหาทางตามข้ามาอีกนานจึงได้กระโดดข้ามจากหลังคาบ้านนี้นี้ไปอีกบ้านหนึ่ง บ้านสูงๆที่กลุ่มนี้ก็ไม่ได้สูงมากเพียงสองสามชั้นก็เกินพอซ้ำส่วนมากยังเป็นบ้านไม้ทรงญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่ไม่เหมือนที่กลุ่มข้าที่มีอิฐปูนปะปนกันไปหลากหลายหรือพวกเขาคิดจะอณุรักษ์บ้านโบราณกัน?
อยากเห็นเหมือนกันน้าผู้นำกลุ่มนี้เนี่ยแต่แหมก็คงไม่ต่างจากปู่ที่บ้านนั่นแหละถ้างั้นก็แสดงว่าก็คงต้องมีว่าที่ผู้นำเหมือนกันสินะจะเก่งไหมนะหรือจะอ่อนกว่าข้าอืม...แล้วอายุเท่าไหร่กันนะ เอแล้วข้าจะมาคิดเรื่องนี้ทำไมกลุ่มนี้จะเป็นยังไงมันไม่เห็นจะเกี่ยวกันกับข้าเสียหน่อย อะ ไม่สิก็ในเมื่อข้ากำลังจะหาเมียในกลุ่มนี้นี่นาเพราะงั้นคงจะต้องเป็นสิ่งสำคัญสินะเรื่องไม่ลงรอยกันของกลุ่มเอาไว้ทีหลังแล้วกันถ้าตามจีบเสร็จค่อยหาเหตุผลมาอธิบาย...
จะดีแน่เหรอเนี่ย...
ข้ากระโดดข้ามหลังคาชาวบ้านไปเรื่อยและไม่รู้อะไรดลใจจึงได้ก้มมองลงไปเห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบกว่าขวบกำลังทะเลาะกันใหญ่กับเด็กอีกกลุ่มหนึ่ง เฮ้ๆ ไม่ดีม้างเด็กกลุ่มนั้นมันตัวเบ่อเริ่มทั้งฝูงเลยนะนั่นมีหวังโดนรุมเละแหงข้าเผลออมยิ้มและหยุดดูอยู่ด้านบนหลังคาบ้านที่ใกล้เหตุการณ์ที่สุด
น่าสนุกดีแฮะ
“น้องสาวข้าล่ะ?” เด็กชายตัวใหญ่แสยะยิ้มและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่รู้สิ” เมื่อเอ่ยจบหมัดรุ่นๆก็พุ่งโดนหน้าเจ้าตัวใหญ่ทันทีด้วยแรงที่ไม่ใช่น้อยๆของเด็กชายที่ปล่อยหมัดส่งผลให้ร่างใหญ่ของเด็กชายผู้ถูกชกถึงกับหงายหลังล้มไปกองกับพื้นทันที เด็กชายหันมองพวกของเจ้าตัวใหญ่ด้วยใบหน้าเครียดแค้นมือเล็กข้างที่ต่อยเจ้าตัวที่คิดว่าน่าจะเป็นหัวโจกสั่นไปหมดเจ้าหนูกำหมัดแน่นก่อนจะเปร่งเสียงดังก้อง
“เอาตัวน้องข้าคืนมา!”
โว้ว...สุดยอดเลยแฮะเจ้าหนูนั่นข้าผิวปากชมและอมยิ้มมองการกระทำต่อไปของเจ้าหนู หา?...ข้าไม่คิดจะช่วยหรอกน่าเพราะดูยังไงเจ้าเด็กนั่นก็ชนะใสๆตาแบบนั้น...ตาที่แสดงถึงความโกรธและความมุ่งมั่นพยายามแบบนั้นไม่มีทางที่จะแพ้หรอกนะ
เด็กๆกลุ่มนั้นมีจำนวนทั้งหมด5คนโดนเจ้าหนูนั่นซัดไปคนหนึ่งก็เท่ากับเหลือจำนวนทั้งหมดสี่คน ตอนนี้เด็กทั้งสี่ได้ตั้งการ์ดเตรียมพร้อมมีเรื่องเต็มที่เด็กชายร่างเล็กกว่าเดินเข้าใกล้หน้าก้มต่ำจนผมปรกตามองไม่ออกว่ากำลังทำสีหน้าแบบใดอยู่เจ้าหนูตัวใหญ่หนึ่งในกลุ่มด้วยความกลัวเพราะหัวโจกโดนจัดการไปแล้วจึงไม่ทันได้คิดกระโจนเข้าหาเจ้าหนูตั้งท่าเตรียมต่อยพร้อมแหกปากเรียกกำลังใจให้ตัวเอง(?)
“ย้ากกกกกกกกกก”
ปึก พลั่ก โครม!
ข้าคิดว่าเจ้าหนูนั่นพุ่งเข้าไปใส่ศัตรูที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ตรงๆแบบนั้นเป็นความคิดที่โง่มากอย่างน้อยก็น่าจะดูเชิงและหาวิธีจัดการแบบอ้อมๆน่าจะดีกว่า ฮึ เอาเถอะยังไงก็แค่เด็กคงไม่ทันได้คิดเจ้าเด็กตัวใหญ่ถูกล้มได้ไม่ยากคราวนี้เหลือเพียงสามคน ทั้งสามวิ่งเข้าใส่โดยไม่กลัวว่าจะเละในภายภาคหน้าแล้วก็เป็นดังคาดเมื่อเข้าไปตะลุมบอลฝุ่นทรายรอบด้านก็ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าพวกผู้ใหญ่ระแวกนี้คงเข้าตลาดไปหาซื้ออาหารหรือไม่ก็ทำงานกันถึงได้ไม่มีใครอยู่และไม่มีใครเห็นเหตุการณ์อะไรเลย
ข้าชักเซ็งแล้วแฮะไอ้ครั้นจะลงไปดูเสียหน่อยก็กลัวจะเผลอลืมตัวช่วยยิ่งไม่อยากจะเป็นจุดเด่นอยู่ด้วยก็เลยได้แต่นั่งดูจนฝุ่นทรายเริ่มจางลงเห็นเจ้าเด็กสามคนนั้นลงไปนอนหมอบกระแต้อยู่กับพื้นก็รู้ทันทีว่าเจ้าหนูคงไม่ธรรมดาชัวร์ๆสองมือนั่นก็มีผ้าพันแผลพันอยู่อย่างกับนักมวยเก่างั้นแหละ....เอ๊ะหรือจะใช่เป็นศิษย์สำนักไหนหว่า
“พี่จิอากิ!” เสียงหวานใสพร้อมกับร่างเล็กๆของเด็กหญิงวิ่งออกมาจากบ้านเล็กๆสงสัยเธอคงแอบอยู่จนถึงเมื่อกี้ เจ้าตัววิ่งไปกอดเจ้าหนูทั้งน้ำตาข้าเดาว่าแม่นางคงเป็นน้องสาวที่เจ้าหนูนั่นกำลังหาถ้าให้ข้าเดาเจ้าหนูนั่นต้องมีเรื่องกับเจ้าเด็กตัวใหญ่ๆนั่นแล้วกลุ่มเจ้าตัวใหญ่ก็จับตัวน้องสาวของเจ้าหนูมาเจ้าหนูเลยมาตามแล้วก็เกิดการทะเลาะกันจนถึงเมื่อครู่...แต่ที่ข้าไม่เข้าใจคือทำไมถึงได้ทำขนาดนี้ถ้าจะแกล้งกันจริงๆแค่ขโมยของหรือรุมหาสิ่งที่ไม่ชอบมาแกล้งใครสั่งใครสอนกันนะเด็กวัยแค่นี้คิดแผนลักพาตัวแล้วล่อจนมาถึงที่เปรี่ยวแห่งนี้....
ข้ากระโดดลงมาอยู่ต่อหน้าเจ้าหนูด้วยความสงสัยคงอดไม่ได้ที่จะถามแล้วล่ะเจ้าหนูจิอากิ....ชื่อดีนี่ ตกใจเล็กน้อยและกันน้องสาวไว้ด้านหลังเผชิญหน้ากับข้า ข้ายิ้มให้และมองหน้าเจ้าหนูชัดๆ.....
เอ๊ะ....
เฮ้ยๆ ไม่จริงน่า...
ข้าเข้าไปจับใบหน้าเล็กนั้นเชิดขึ้นมองดูใกล้ๆจิอากิดูจะตกใจมากเกือบจะต่อยข้าอยู่แล้วดีที่ข้ารับหมัดนั่นได้ข้าใช้เวลาอันสั้นพินิจดวงหน้าและสีตาของเจ้าหนูสักพักก่อนจะผละออกมาและจ้องเจ้าหนูเขม็ง สีตาแบบนี้ไม่ผิดแน่...ข้าพอจะรู้สาเหตุทำให้เจ้าเด็กพวกนั้นแกล้งเจ้าหนูนี่แล้วล่ะ
“เจ้า...สีตานี้”
เพี๊ยะ!
เจ้าหนูปัดมือข้าออกอย่างแรงและยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดดวงน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาตอนไหนน้องสาวที่อยู่ด้านหลังเมื่อเห็นพี่ชายร้องก็พลอยอินตามร้องไปด้วย
“ข้า...ข้าเองก็...ฮึก..ก็ไม่ได้อยากจะเกิดมามีตาแบบนี้เสียหน่อย...ฮึกข้าเลือกเกิดได้ที่ไหน...เล่า ฮึก...ไม่ได้ตั้งใจนี่นา” ข้ามองดูเจ้าหนูด้วยสีหน้าสลดดวงตากลมใสสีน้ำเงินเข้มคล้ายกับสีตาของข้าทว่ามันเข้มกว่า ดวงตาแบบนี้จะถูกเกลียดก็คงไม่แปลกที่ข้าผ่านเข้ามาได้ก็คงเป็เพราะวิชาอำพรางบวกกับที่พวกยามและคนในตลาดมันเยอะไม่มีใครสังเกตอย่าบอกนะว่าเด็กพวกนี้...
“นี่...พวกเจ้าน่ะพ่อแม่มีใครเป็นคนกลุ่มวายุรึเปล่า?”
“เอ๋?” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมองข้าและผงะถอยหลังไปด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดคงจะเห็นแล้วสินะตาของข้าน่ะ...แล้วข้าก็ดันผลอคล้ายวิชาอำพรางเสียนี่หากไม่ใช่พวกมีคาถาประจำกลุ่มจริงๆก็คงมองไม่ออกอย่างพวกว่าที่ผู้นำเนี่ยถ้าหากข้าสบตากับพวกเขาตรงๆคงความแตกทันทีแน่ๆ
“น่าๆ บอกกันหน่อยสิ”
“ทำไมคนกลุ่มโน้นถึงได้” จิอากิชี้หน้าข้าใหญ่เฮ้อ...เด็กพวกนี้นี่
“บอกข้ามาเร็วๆสิ” ข้าจับบ่าเล็กทั้งสองข้างของเจ้าหนูและสบตากับเขาผมสีดำปีกกา...ครึ่งหนึ่งคงเป็นของอัคคีสินะน่าสงสารชะมัด จิอากิพยักหน้าและเอื้อมมือไปจับมือน้องสาวปลอบใจ
“อะ...อืม พ่อของข้าเป็นคนกลุ่มวายุส่วนแม่เป็นของอัคคี....พ่อของข้าเขาทิ้งข้าให้อยู่กับแม่แต่ก่อนข้ากับน้องได้รับการดูแลอย่างดีจนวันหนึ่งแม่ของข้าก็...เสียไปตั้งแต่วันนั้นข้าก็ถูกมองด้วยสายตารังเกียจมาตลอด” นั่นไง...ข้ากะแล้วเชียวมันมีปมอะไรจริงๆเฮ้อแล้วพ่อของเจ้านี่ก็ดันอยู่กลุ่มข้าเสียด้วยแบบนี้ในฐานะว่าที่คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสิเนี่ย...
“นี่ พี่ชาย?”
“หืม…นี่เจ้าชื่อจิอากิสินะ...น้องสาวเจ้าล่ะ” เจ้าหนูทำหน้าเลิ่กลั่กและแนะนำน้องสาวให้ข้ารู้จัก ยัยหนูตรงนั้นชื่อมิซึกิหน้าตามอมแมมทั้งคู่เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ้งเฮ้อ... “ข้าดูพวกเจ้ามาตั้งแต่เจ้าต่อยเจ้าเด็กพวกนี้คว่ำแล้วล่ะไม่ต้องตกใจแล้วก็...บ้านพวกเจ้าล่ะ?”
เจ้าหนูทำหน้าเศร้าอีกรอบดวงตาสีน้ำเงินเข้มเอ่อร้นไปด้วยหยาดน้ำตาสองมือกำหมัดแน่นราวกับทุกข์ทรมารมานานคงจะตอบยากล่ะสิอดีตอันน่าเจ็บปวดสินะ
“เขาไล่พวกข้าออกมาอย่างกับหมูกับหมา...น้องสาวของข้า...มิซึกิ...มิซึกิน่ะกำลังป่วยถ้าหากเธอไม่ได้กินข้าวครบมื้อไม่ได้กินยาล่ะก็อีกไม่นานอาการคงต้องทรุดแน่ๆ” แต่เท่าที่ดูข้าว่าน้องเจ้าไม่ได้เป็นอะไรมากเลยนะเจ้าหนู ข้าถือวิสาสะเข้าไปจับตัวมิซึกิตัวก็ไม่ได้ร้อนอะไรจนมือไปโดนแขนเจ้าตัวเข้าเธอก็ร้องเสียงหลงทันที วินาทีนั้นข้าก็รับรู้ทันทีว่าป่วยที่เจ้าหนูหมายถึงคืออะไร แขนเธอบวมเปร่งช้ำจนม่วง
“เธอแขนหัก”
“เอ๋?”
“น้องสาวเจ้าแขนหักมากี่วันแล้ว?”
“ขะ...ข้าไม่รู้ ที่ข้ารู้ตัวว่ามิซึกิไม่สบายก็เมื่อสามวันก่อนนี้เอง” เอาแล้วไงจะพอมีทางรอดไหมนี่?ปล่อยโดยไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเหลียวแลแบบนี้ได้ยังไงกัน?
“จิอากิน้องสาวเจ้า น้องสาวแท้ๆหรือเปล่า” ที่ข้าถามเพราะดวงตาของเธอเป็นสีดำสนิท
“เปล่า เธอเกิดหลังข้าสามปีหลังจากแม่แต่งงานใหม่”
“ถ้างั้น...ช่วยบอกข้าทีบ้านใหญ่ของว่าที่ผู้นำที่นี่น่ะ” จิอากิเบิกตามองข้าอย่างน้อยก็ต้องลองเสี่ยงล่ะนะส่วนจิอากิหากพวกนั้นไม่ยอมรับก็มาอยู่ที่กลุ่มข้าก็ได้ “อืมงั้นก่อนอื่น…แถวนี้มีโรงอาบน้ำมั้ย?”
“เอ๋?”
“จะเข้าบ้านใหญ่ทั้งทีทำตัวสะอาดๆไว้หน่อยก็ดี” เจ้าหนูมองข้าตาปริบ
“แต่ข้าไม่มีเงิน...” คิดได้ดังนั้นข้าจึงยื่นเงินไปตรงหน้าจิอากิและยิ้มให้ เจ้าหนูตาวาวขึ้นมาทันทีก่อนพยักหน้าตกลงว่าจะไป
............................................................................................................
ณ ตอนนี้มีเด็กชายกับเด็กหญิงสองคนอยู่ในชุดคู่ที่แสนจะลงตัวโดยมีฮูดหูแมวสีขาวกางเกงขาสั้นสีดำและรองเท้าแตะรัดข้อสีน้ำตาลคนน้องไม่ค่อยอายเท่าไหร่แต่คนพี่นี่หน้าแดงก่ำราวกับเพิ่งไปวิ่งมาราทอนมาค่อนประเทศเล็บจิกเสื้อจนแทบจะขาดอยู่รอมร่อ จิอากิกัดฟันกรอดมองข้าเหมือนจะแค้นกว่าเดิมหากมองดีๆจะเห็นได้ว่าผิวพรรณของทั้งคู่ขาวนวลพอล้างตัวเสร็จก็ราวกับคนละคนน่ารักไม่ยอกทั้งคู่เลยข้าหัวเราะคิกคักและเข้าไปขยี้หัวเจ้าหนูด้วยความหมั่นไส้
“น่ารักดีนี่นา”
“หนวกหูน่ะ!” คงจะอายมากล่ะสิท่า ฮึฮึ.....
“น่าๆ ทำตัวน่ารักๆเข้าไว้น้องเจ้าจะได้รับการรักษาเร็วขึ้นไง” เมื่อข้าเอ่ยจบก็จูงมือเจ้าหนูออกมาจากโรงอาบน้ำพร้อมกับน้องสาวเจ้าตัวทันที จิอากิมองหน้าข้าอีกแล้วแววตานั้นเลื่อมใสราวกับกำลังสะกัดกลั้นน้ำตาเอาไว้เจ้าหนูได้บอกทางไปบ้านใหญ่ให้กับข้าก่อนหน้านี้แล้วข้าจูงเจ้าหนูเดินตรงไปช้าๆ จิอากิยกฮูดขึ้นสวมและกุมมือน้องสาวแน่นข้ามองรอบตัวก็รู้ทันทีคนเหล่านี้มองมายังดวงตาสีน้ำเงินเข้มของจิอากิและทำหน้าอย่างกับแค้นกันมาเป็นชาติ...
ข้าล่ะสงสารเจ้าหนูๆนี่ชะมัด...
ข้าจึงพาเดินไปอีกทางที่คิดว่าจะไร้ผู้คนและมองหาบ้านที่จิอากิบอกว่าเป็นบ้านใหญ่มือที่ข้าจับมือเล็กๆนั้นกระชับแน่นเพื่อปลอบโยนและทำหน้าที่ผู้นำเดินพาไปให้ถึงจุดหมายเมื่อเหลือบไปมองก็เห็นเจ้าตัวเล็กอมยิ้มน้ำตาคลอพวงแก้มมีสีแดงฟาดดูแล้วก็น่ารักน่าแกล้งเสียจริงๆ
เมื่อมองรอบๆตัวอีกครั้งจนจะสุดทางหมู่บ้านก็เห็นอยู่เพียงบ้านเดียวเดี่ยวๆลักษณะเหมือนที่จิอากิบอกเป๊ะข้าไม่รีรอเดินจูงมือเจ้าหนูตรงไปยังบ้านหลังนั้นทันทีแต่ก่อนหน้านั้นมีผู้ใหญ่หลายคนเดินออกมาจากบ้านนั้นดูจากการแต่งตัวคนเป็นพวกชั้นสูงจริงๆข้าพาจิอากิหลบหลังรั้วบ้านก่อนกวาดตามองทั่วจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ข้าจึงได้ก้าวเท้าออกจากที่ซ่อนแต่ทว่าก่อนที่ข้าจะออกมาทั้งตัวก็ถูกสกัดโดยเสียงของหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งนางทำเอาข้าแทบจะหงายหลังเกือบหลบไม่ทัน
“ไม่เป็นไรข้าไม่อยากรบกวนลำพังเรื่องตำแหน่งผู้นำกลุ่มอัคคีพี่ก็เครียดอยู่แล้วมิใช่หรือไงกันข้าไปล่ะ” เมื่อนางวิ่งไปจนพ้นสายตาแล้วข้าจึงถอนหายใจคลายความกังวนและหันกลับไปมองเจ้าหนูที่เบ้หน้าทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว อะไรกันๆกับเด็กๆพวกนั้นล่ะเก่งเชียวแต่กับเรื่องแบบนี้กลับอ่อนไหวเสียจริงข้าย่อตัวลงให้พอดีกับส่วนสูงของจิอากิและลูบหัวของเจ้าหนูเบาๆเป็นการปลอบประโลม
“เฮ้ๆ ไม่เอาน่าถ้าเจ้ากลัวก็สบายใจเถอะ มีข้าอยู่ด้วยทั้งคนไม่ยอมให้เป็นอะไรไปหรอก...สาบานด้วยเกียรติแห่ง(ว่าที่ผู้นำ)กลุ่มวายุเลยเอา!” ข้ากล่าวและชูนิ้วก้อยต่อจิอากิเจ้าหนูยิ้มบางๆและยื่นนิ้วก้อยเล็กๆมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของข้า
“อืม...”
“อืม ถ้างั้นรออยู่ตรงนี้สักเดี๋ยวหนึ่งนะ” ข้าว่าพลางลูบหัวเด็กทั้งสอง
“แล้วจะไปไหน”
“เข้าไปคุยกับเขาเสียหน่อย....ไม่ต้องห่วงน่า...”
“อืม...” ข้ายิ้มและเดินไปยังหลังบ้านเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งก็ปืนซะขอดูลาดเลาเสียหน่อยไม่งั้นมีหวังโดนจับแขวนคอแหงๆวิชาอำพรางใช้หลอกคนสูงๆได้ที่ไหนขืนเห็นสีตาข้ามีหวังซวย.....
ภายในบ้านว่างเปล่าดูเหมือนนี่จะเป็นสวนหลังบ้านสินะดูจากการตกแต่งแบบญี่ปุ่นแล้วข้าเงี่ยหูฟังสิ่งที่คนสองคนภายในห้องใกล้ๆสวนพูดกันและก็ได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยอยู่ไกลเกินไปจะรอบเข้าไปดีไหมขยับเข้าไปใกล้อีกนิดพลางมองไปยังเด็กน้อยสองคนที่แอบอยู่หลังต้นไม้แต่แล้วด้วยความที่กรรมตามสนองเรื่องแอบฟังขาข้าดันไปพันกับกิ่งไม้เล็กๆจึงเสียหลักตกลงไปยังภายในสวนเสียโครมใหญ่
โครม!!
เป็นดังคาดเมื่อมีคนสองคนวิ่งหน้าตื่นออกมาดูสภาพของข้า...เจ็บชะมัด โอ๊ยๆแถมยังกระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้ ข้าลุกพรวดขึ้นมาทำเอาแม่สาวสองคนผงะถอยหลังกันไปข้าหันมองซ้ายมองขวาและกวาดตาดูทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าโอ๊ะแม่สาวผมแดงคนนั้นนี่ที่คุยกับเนจิ...เอ๊ะว่าแต่พวกเจ้าเกี่ยวอะไรกันอย่าบอกนะแม่สาวผมแดงนั่นเป็นว่าที่ผู้นำ? ข้าชี้สลับกันระหว่างแม่สาวผมแดงและแม่สาวผมสีปีกกาอ้าปากพะงาบๆอยากจะทักอยู่หรอกแต่ไม่ดีกว่า หืม...หน้าตาดีใช่ได้แฮะทั้งคู่มองหน้ากันราวกับจะปรึกษาก่อนแม่สาวผมดำจะเอ่ยถามข้า
“เจ้าเป็นใคร” อ้าวๆแม่คุณก่อนจะถามคนอื่นหัดแนะนำตัวเองเสียก่อนสิ ข้านั่งนิ่งเรื่องอะไรจะตอบและด้วยความที่หมดความอดทนหรืออะไรก็มิทราบแม่นางคนนั้นก็ถีบหน้าข้าเสียเต็มแรงกันเลยทีเดียวเชียวเล่นเอาข้าหงายหลัง
“โอ้ย” โธ่เอ๊ยเจ้าเป็นใครกันฟระนี่คนนะเว้ยไม่ใช่กระสอบทรายเล่นถีบซะ ข้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแต่ก็ยังเตี้ยกว่าแม่นางอยู่ดีอะไรฟระข้าว่าข้าสูงแล้วนะ? แต่ว่าถึงแม้จะสูงกว่าข้าทว่ารูปร่างกลับผอมบางกว่าสมกับเป็นผู้หญิงเสียจริงข้าเท้าคางมองพิจารณาดวงตาสีดำสนิทเช่นสีผมยูคาตะแบบลูกผู้ดีผิวพรรณขาวผ่องอมชมพูโอ้โหเฮะ....แบบนี้เป็นภรรยาของข้าได้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆแน่นอนงั้นข้าขอทดสอบหน่อยแล้วกัน
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใครหูหนวกรึไง?” นี่ก็อย่ารีบร้อนนักสิข้ามองร่างนั้นจนพอใจก็อมยิ้มตอบกลับไปเสียงใส
“ข้า...ชื่อนารุโตะยินดีที่ได้รู้จักนะ” ว่าพลางยื่นมือให้ตรงหน้าอย่างที่พ่อสอน(?)ก็แหมเขาบอกว่าเวลาทำความรู้จักใครให้จับมือนี่นา...เอ๊ะหรือมีแต่ครอบครัวข้าที่สอน?เจ้าสาวในอนาคตของข้า(?)หลุบตามองมือของข้าสลับกับแม่สาวอีกคนพวกนางจ้องตากันเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างและจ้องหน้าข้ากลับ
อะไร?
อย่าบอกนะว่ารู้แล้ว...ที่ข้าบอกนี่ก็จงใจนะไม่ได้ลืมจริงๆนะ ไม่ได้เสียงสูงด้วย
“ท่านเป็นผู้นำกลุ่มวายุ!” นั่น…ข้าสะดุ้งจู่ๆอย่าโพร่งออกมาแบบนั้นสิข้าตกใจนะแม่นางเจ้าตัวคิดอะไรเล็กน้อยและอมยิ้มมองข้า ข้าจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆใส่
“อ่ะ...แฮะ แฮะ รู้ซะแล้วแฮะว่าแต่รู้ได้ไงล่ะเนี่ย” ข้าเปล่ากวนนะก็บอกไปแล้วก่อนหน้านี้นี่ไงว่าจะทดสอบเสียหน่อยเพราะงั้นแม่นางเจ้าจงตอบมาซะดีๆข้ายิ้มให้ขณะรอคำตอบ
“สีผมและก็ชื่อของท่านบ่งบอกซะขนาดนั้น” แม่นางอีกคนเอ่ยตอบแทนข้าทวนคำซ้ำ สีผมงั้นเหรอ? เอ...นั่นน่ะสิบ่งบอกขนาดนี้ทำไมยามเฝ้าไม่เอะใจบ้างเลยนะหละหลวมเกินไปหรือเปล่า?
“...คนกลุ่มวายุจะมีสีผมสีแดงซะส่วนใหญ่และจากที่ผู้เฒ่าผู้แก่ของข้าบอกมาเขาบอกว่าผู้นำกลุ่มคนต่อไปมีผมสีทองและคนแบบนั้นมีสองคนก็คือ นามิคาเสะ มินาโตะ แต่มินาโตะไม่ถูกเลือกเพราะอะไรข้าก็ไม่รู้และอีกคนหนึ่งก็คือท่าน” ข้าพยักหน้าหงึกหงักเมื่อแม่นางอธิบายจบอืมๆก็ถูกของเจ้านะ มินาโตะนั่นพ่อของข้าเองแหละ ข้ายังคงยิ้มและไล่สายตามองนางต่อไปก่อนเอ่ยถาม
“เห...รู้เรื่องของกลุ่มข้าดีจังนะ…แล้ว...รู้แล้วเจ้าจะทำอะไรล่ะ” ถามไปงั้นนั่นแหละแต่อย่าแขวนคอข้าประจานนะแม่นางข้าเกลียดสงครามอ่ะ
“ท่านไปซะข้าเกลียดสงครามถ้ามีใครมาเจอเข้ามันจะไม่ดีกับตัวท่าน” เกลียดสงครามงั้นรึ?ข้าอมยิ้มทันทีหืม...มีคนเกลียดสงครามเหมือนกับข้าด้วยอย่างนั้นรึ
“น่าประหลาดใจนะนี่เจ้าอย่าบอกนะว่าเป็นห่วงข้า”
“ท่านกำลังฝันอยู่หรือเปล่าถ้างั้นก็ตื่นเสียทีและรีบออกไปจากที่นี่เสีย”
“ปากคอเจ้าช่างเราะร้าย...ไม่เข้ากับใบหน้าและเรือนร่างสวยๆนี่เอาเสียเลย”
“ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกันว่าแต่...ท่านมาที่กลุ่มข้าไม่พอยังแสดงตัวเป็นคนน่าสงสัยแอบเข้าบ้านคนอื่นอีกรึ” ข้าไม่ได้แอบเข้ามาเสียหน่อยมันพลาดท่าตกลงมาเองต่างหากอีกอย่างข้ามีจุดประสงค์อย่างอื่นต่างหากแม่นางนี่...หึแต่น่าสนใจดีนะเถียงคำไม่ตกฟากซ้ำยังมีมารยาทงามเสียจริง...ซะเมื่อไหร่ล่ะมีใครเขาทักทายคนที่เจอกันครั้งแรกด้วยการถีบหน้าบ้างข้าถามหน่อยสิ?ข้าส่ายหน้ากับคำถามนั้นแทนคำตอบ “แล้วยังไงท่านจะบอกอะไรข้ากันแน่”
“ข้าก็แค่มาเดินเล่นเท่านั้นเองแล้วตอนนี้ข้ายังมีอีกหนึ่งข้อถ้ายังทำไม่สำเร็จก็คงเป็นผู้นำไม่ได้เหมือนที่ทุกๆกลุ่มจำเป็นจะต้องทำนั่นก็คือ...หาภรรยา”
“ห๊า….” ตกใจอะไรกันเล่าแม่นางหน้าตาข้าก็ออกจะดูดีในเมื่อข้าตัดสินใจได้แล้วก็คงไม่มีอะไรจะต้องปิดบังล่ะนะ...ข้ามันเป็นคนง่ายๆนี่นาอันที่จริงข้าก็แค่อยากจะลองปราบพยศดู...เท่านั้นเอง “แล้วท่านคิดไรอยู่เอาเรื่องนี้มาบอกข้า”
“เจ้าเองก็ใช้ได้เหมือนกันนะอืมดูจากหน้าการวางตัวแม้แต่กับศัตรูอย่างข้าก็ถือว่าระงับอารมณ์ได้ดี อืมๆ” ข้าพยักหน้าทำความเข้าใจกับตัวเองเอาล่ะดูเหมือนเจ้าคงต้องเป็นเจ้าสาวกำมะลอให้ข้าเสียหน่อยล่ะนะแม่นาง
“ท่านเลิกยกยอปอปั้นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับข้าเสียทีข้าบอกให้ท่านรีบออกไปจากที่นี้ซะอยากโดนจับแขวนคอประจานหรือไงข้าน่าจะบอกแล้วนะว่าข้าเกลียดสงคราม”
“จากที่ดูๆแล้วก็สมบูรณ์แบบทุกอย่างเลยนะ” ถ้าหากพาไปหาตาแก่ก็คงจะยอมตกลงได้ไม่ยากเลยแม่ก็คงต้องชอบแน่ๆแหมถูกใจข้าจริงๆน้า “เอาล่ะข้าตัดสินใจแล้ว แต่งงานกับข้านะ”
“ห๊า?”
“อ้าว?ตกใจอะไรกันล่ะข้าขอเจ้าแต่งงานไง?” แม่นางถึงกับหน้าแดงแปร๊ดอะไรกันๆเขินอย่างนั้นเหรอข้ายิ้มให้จนปากจะฉีกถึงหูอยู่ละแสดงถึงความเป็นมิตรเต็มที่ก็ช่วยตอบรับความรู้สึกของข้าหน่อยเถอะน่า
ผัวะ!
“แอ้ก!” โดนถีบเต็มหน้า
“นี่ ท่านจะบ้าเรอะ! ข้าเป็นผู้ชายแต่งงานบ้าบออะไร”
ห๊ะ?....
คราวนี้เป็นข้าที่อึ้งกิมกี่แทน เฮ้ย สวยขนาดนี้เป็นผู้ชายได้ไงวะข้าไม่เชื่อหรอกนะไม่คิดเปล่าข้าสาวเท้าเข้าไปลูบๆคลำตรงหน้าอักอีกฝ่ายทันทีแล้วก็เจอบาทาสวนกลับมาอีกนัดจนลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพิ้น โอ้ยๆ เลิกถีบข้าซะทีได้ไหมเท้าหนักชะมัดคนอะไรเนี่ย
“ท่านกลับไปได้แล้วข้าไม่คิดจะแต่งงานหรอกนะ” เจ้าตัวว่าพลางทำท่าจะเดินหนีกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับเพื่อน
“ดะ...เดี๋ยวสิข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
“ไม่...ข้าไม่ว่างพอจะฟังคำขอร้องไร้สาระของท่านหรอกนะ” แน่ะ หยิ่งอีกตกลงนี่เจ้าเป็นใครกันแน่เนี่ยชื่อแส่ก็ไม่บอกสักคำแต่ข้าไม่ลดความพยายามหรอกนะคิดได้ก็เดินเข้าไปพิงประตูกระดาษที่กลั้นระหว่างห้องกับทางเดินข้านั่งอยู่ตรงทางเดินข้าคิดว่าเจ้าตัวคงจะฟังข้าอยู่บ้าง
“นี่เจ้า...มีเด็กสองคนในกลุ่มอัคคีถูกขับไล่ออกจากบ้านอย่างกับหมูกับหมาหนึ่งในนั้นเป็นลูกครึ่งเขามีเชื้อสายของทั้งสองกลุ่มแม่เป็นคนของอัคคีส่วนพ่อเป็นคนของวายุ....แม่ของเขาเสียไปแล้วข้าไม่รู้ว่านานเท่าไหร่นั่นเป็นสาเหตุ ทุกวันนี้...เขาถูกรังแกถูกมองด้วยสายตารังเกียจเนื้อตัวมอมแมมอดมื้อกินมื้อ...เจ้าไม่คิดว่าพวกเขาน่าสงสารบ้างหรือ” คนหลังประตูไม่มีท่าทีว่าจะตอบข้าจึงนั่งรออยู่อย่างนั้นสักพักก่อนเอ่ยเข้าจุดประสงค์ “หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บและไม่ได้รับการรักษาเด็กๆพวกนั้นไม่มีเงินและ...”
“มันไม่เกี่ยวกับข้า...” หนึ่งประโยคจากคำตอบทั้งหมดที่ข้าต้องการจากคนหลังประตูทันทีที่ข้าได้ยินก็มิอาจห้ามตัวเองได้ฟันขบกันแน่นและผละตัวออกจากบานประตูก่อนจะออกแรงทั้งหมดเปิดประตูนั่นออก
ครืด!
“นี่ท่าน….!”
“เจ้าไม่ใจดำไปหน่อยหรือคุณชาย?” ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าเช่นไรออกไปรู้ว่าข้ามิอาจกลั้นอารมณ์ตัวเองอยู่แล้วเพื่อนที่อยู่ด้วยกันของเจ้าตัวจ้องมองข้าเขม็ง แล้วยังไงล่ะข้าไม่คิดกลัวหรอกนะ มือยื่นไปจับข้อมือของอีกฝ่ายกระชากให้ลุกขึ้นฝ่ายโดนกระชากมองข้าตาเขียว สนรึไงคนในกลุ่มแท้ๆข้าไม่ยอมหรอกนะไม่รู้ว่าเพราะอะไรข้าถึงได้ทำเพื่อเด็กพวกนั้นขนาดนี้เพราะสีตาคู่นั้นหรือเปล่าก็มิอาจทราบ
"”มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้าเสียหน่อย คนที่ควรรับผิดชอบคือพ่อของเด็กพวกนั้นต่างหาก”
“แล้วถ้าหากพ่อของเด็กพวกนั้นไม่อยู่แล้วล่ะเจ้าจะปล่อยให้พวกเขาตายรึไง!” ข้าบีบข้อมือบางนั่นแน่นกว่าเดิมเจ้าตัวกัดฟันกรอดและพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการกอบกุมของข้า เฮอะ คิดว่าทำได้ก็ลองดู
“ปล่อยข้า”
“ไม่...จนกว่าเจ้าจะยอม”
“ยอมอะไร? มันไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย”
“คนของกลุ่มเจ้าแท้ๆไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือไง”
“แล้วยังไงเล่า?”
“เจ้าเป็นว่าที่ผู้นำไม่ใช่รึไง!รับผิดชอบเสียสิ!” คราวนี้เจ้าตัวเบิกตากว้างมองข้าจะตกใจอะไรขนาดนั้นหรือข้าพูดผิดดูจากการวางตัวอยู่คงจะอยู่ที่นี่เสื้อคุมยูคาตะกลางหลังมีสัญญาลักษณ์ของบ้านนี้อยู่ก็สำควรจะเป็นผู้นำมิใช่หรือไง
“ทะ...ท่านปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
“ข้าจะไม่พูดซ้ำรับผิดชอบซะ”
“ท่านพูดอะไรหัดดูสถานะตัวเองบ้างตอนนี้ท่านอยู่บ้านใหญ่กลุ่มอัคคีเข้ามาคนเดียวแบบนี้มีศิษย์แขวนคออยากให้เกิดสงครามมากขนาดนั้นเลยหรือไง”
“เออ ไม่รู้หรอกก็ข้ามันโง่นี่! เพราะงั้นก็ออกมาคุยกับพวกเขาซะ”
“ไม่!”
“เจ้านี่มันดื้อชะมัด”
“แล้วยังไงถ้าข้าไม่ไปท่านจะลากข้าไปรึไง”
“หึ...ข้าไม่ลากให้เสียเวลาหรอก” ใช่เรื่องอะไรล่ะแบบนั้นเปลืองแรงตายเลยข้าย่อตัวลงตรงหน้าว่าที่ผู้นำผู้แสนดื้อดึงกว่าจะรู้ตัวร่างบางๆนั้นก็ลอยขึ้นมาอยู่บนอ้อมแขนของข้าเสียแล้วเจ้าตัวร้องโวยวายใหญ่ เฮ้ๆอย่าร้องสิเดี๋ยวพวกองครักษ์ก็พากันแห่มาพอดี ข้าหันไปมองอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องก็พบว่าเจ้าตัวถือดาบเตรียมจะฟันข้าอยู่รอมร่อ
“อย่าแม้แต่จะคิดที่จะทำอะไรหากตามใครมาช่วยก็ระวังไว้หน่อยแล้วกันเพราะอาจจะไม่รับประกันความปลอดภัยของเขาหรอกนะ.....อ๋อ แล้วก็ ข้าไม่ฆ่าเขาหรอก” กล่าวจบข้าก็อุ้มเจ้าของร่างจอมโวยวายนี้ออกจากห้องทันทีกระโดดข้ามรั้วไปยังอีกฝากมุ่งตรงไปหาเด็กๆทันทีข้าไม่ทันได้มองใบหน้าของอีกคนในห้องแต่ให้เดาก็คงจะเครียดแค้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ข้าอุ้มว่าที่ผู้นำกลุ่มอัคคีเดินอ้อมมายังต้นไม้ที่พวกจิอากิแอบอยู่ระหว่างทางเจ้าตัวก็ทุบข้ารัวๆไม่กลัวข้าเจ็บเลยสักนิดทุบไม่พอข่วนอีก ข่วนไม่พอทั้งถีบทั้งเตะทั้งต่อยทั้งกัด เอาให้ครบลองดูทุกอย่างรึยัง? ข้าไม่ปล่อยหรอกนะหนังข้ามันแข็งยิ่งกว่าจระเข้ในซาฟารีเสียอีกเอาให้พอใจเลยแม่คุณ...
“นี่! ท่านปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้”
ฟุบ!
“ทำอะไรของท่าน!” แน่ะมีโวยวาย? เมื่อกี้ใครบอกให้ข้าปล่อยหรือข้าหูฝาดเจ้าตัวไม่ตกลงไปล้มกลิ้งกับพื้นดังที่ข้าหวังไว้แต่กลับทรงตัวยืนอยู่ได้สมกับเป็นผู้นำจริงๆ
“ถึงแล้ว...แหกตาดูซะ แล้วก็ช่วยดูแลให้ที”
“จู่ๆอย่ามาโยนภาระให้ข้าที่นี่ไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็กนารุโตะ” อย่ามาขึ้นเสียงใส่ข้าน่า จิอากิเข้ามาหลบหลังข้าพร้อมกับน้องสาว ข้าหันไปยิ้มให้ “ถ้าท่านอยากเลี้ยงนักก็เอาไปเลี้ยงเองซะสิ”
“ข้าก็กะแบบนั้นนั่นแหละแต่เด็กมันคนละพ่อกันเด็กผู้หญิงมีเลือดอัคคีแท้ถ้าหากข้าเอากลับไปที่วายุมีหวังโดนมองด้วยสายตารังเกียจแน่ๆเจ้าก็รู้นี่กลุ่มเราเกลียดกันจะเป็นจะตาย”
“แล้วยังไงท่านจะบอกให้ข้ารับอุปถัมภ์เด็กผู้หญิงส่วนเด็กผู้ชายท่านจะเลี้ยงเองว่างั้น ท่านฝันกลางวันอยู่รึไง?” ปากนี่เนอะ น่าตีจริงๆแล้วมันมีปัญหาอะไรรึไงบ้านช่องก็ออกจะใหญ่โตรับเด็กไปเลี้ยงสักคนญาติจะเสียรึไงเงินทองก็มีออกเยอะแยะเลี้ยงไว้เป็นเด็กรับใช้ก็ได้นี่สมองระดับผู้นำคิดกันไม่ได้รึไง
“ถ้าใช่ล่ะ?”
“งั้นท่านก็กลับไปเสียเถอะ”
“นี่เจ้า...”
“กลับไปพร้อมกับเด็กผู้ชายคนนั้นส่วนยัยหนูนั่นข้าจะจัดการเองที่บ้านขาดคนรับใช้เสียด้วย…รู้แล้วก็รีบกลับซะข้าไม่มีเวลาว่างมากนักหรอกนะพวกองคละ...ทะ ท่าน” รู้ตัวอีกทีข้าก็เข้าไปกอดร่างตรงหน้าเสียแล้วแหมๆทำตัวน่ารักก็เป็นนี่แบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อยข้าหันไปหามิซึกิและจิอากิใช้มือข้างหนึ่งรวบสองมือของอีกฝ่ายไว้แน่นกันเหนียวถ้าหากอาศัยจังหวะที่ข้าคุยอยู่ลอบกัดทางด้านหลังจะยุ่งเอา
"จิอากิไปที่กลุ่มวายุกับข้านะ อาจจะได้เจอพ่อเจ้าเร็วขึ้นก็ได้” เจ้าหนูหันมองน้องสาวตัวเองที่ยืนตัวสั่นกลัวแบบนี้มีหวังกล่อมนานแหงๆข้ายิ่งเป็นพวกไม่เซ้นซิทีฟเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย “มิซึกิไปกับเขานะถ้าเป็นอะไรไปก็ไม่ต้องห่วงข้าจะมาที่นี่ทุกอาทิตย์”
“หา? นี่ท่านหมายความว่าไงที่ว่าทุกอาทิตย์”
“ใจคอเจ้าจะให้พี่น้องเขาตัดขาดกันเลยรึไงเจ้าหนูก็ต้องอยากเจอน้องอยู่แล้วใช่ไหม?” ข้าหันไปถามเจ้าหนูพยักหน้าทำเอาอีกคนเงียบและมองน้องสาวของเจ้าหนูนิ่งๆนั่นยิ่งทำให้นางกลัว ข้ากำลังจะเอ่ยปากเตือนเจ้าตัวก็ย่อตัวนั่งลงและลูบหัวมิซึกิ นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขายิ้ม...
สวยมาก....
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแต่ข้ามิอาจจะระสายตาออกไปได้เลยขนาดแม่ที่ยิ้มสวยที่สุดในใจข้ายังเขวเลยนี่เจ้าเป็นคนแน่เรอะเวลายิ้มก็ดูดีนี่นาทำไมไม่ยิ้มเยอะๆหน่อยล่ะ
“นี่ท่าน...”
“หืม?”
“เป็นอะไรน่ะ? ข้าเรียกก็ไม่หัน”
“อ๋อ เปล่า...ตกลงมิซึกิข้าฝากเจ้าด้วยนะ”
“เฮอะ...ข้าควรจะกังวนมากกว่าให้เด็กไปอยู่กับพวกหุนหันพันแล่นอย่างท่านจะไปรอดรึเปล่า” แน่ะ...เผลอชมเข้าหน่อยก็ปากร้ายมาอีกแล้วข้ามองเจ้าผิดไปสินะท่านว่าที่ผู้นำแห่งกลุ่มอัคคี...หนอย
“งั้นข้าไปล่ะ” เจ้าตัวว่าพลางลุกขึ้น
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก?”
“เจ้าชื่ออะไร?” เจ้าตัวเงียบไปมิซึกิถูกจูงให้เดินไปด้วยขณะที่ข้าอยู่กับจิอากิสองคนเจ้าตัวไม่หันกลับมาเพียงเอ่ยชัดๆให้ข้าได้ยินก่อนจะเดินจากไป
“ซาสึเกะ”
..............................................................................................................
อะเฮื้อ เพลินค่ะเพลิน ยาวเลย ขอโทษนะคะที่อัพช้ามากๆ คิดพล๊อตไม่ออกค่ะสารภาพ
ช่วงนี้เครียดค่ะสมองไม่แล่นเลยขอโทษจริงๆนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับคอมแม้นและวิว
ผู้เข้าชมค่ะ555 นักอ่านเงาก็ขอบคุณเช่นกันค่ะอย่างน้อยเขาก็อ่านแล้วมาเพิ่มยอดวิวให้อ่ะเนอะ555
ตอนนี้ถูกใจกันบ้างหรือเปล่าคะ555 หน้าตาจิอากิจังก็นึกภาพนายน้อยชิเอลไว้นะคะ//ผิด
อิโตะแลดูฉลาดยังไงชอบกล= =สงสัยตอนหน้าต้องแต่งให้ดูซ์่อหน่อยละ
ช่วงนี้บ้าคู่นี้อ่ะ=w= คิรัวร์น่าร้ากกกกกกทำไมน่ารักแบบนี้โอ้ยเดี๋ยวก็แต่งฟิคซะหรอก
ขอบคุณค่ะ ซียู♥
ความคิดเห็น