ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto Yaoi) NaruSasu Lily of the Valley

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 : ว่าที่ผู้นำมาบรรจบกันโดยมิได้นัดหมาย(หือ?)

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 57


    1

    ว่าที่ผู้นำมาบรรจบกันโดยมิได้นัดหมาย(หือ?)



                   ท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้ใหญ่ในตระกูลที่จับจ้องมองมาไม่หยุดหย่อนเพิ่มความกดดันมากขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่ที่ข้าได้ก้าวเข้ามาในห้องรับรองแขกซึ่งเป็นเพียงห้องเล็กๆของบ้านนี้หากแต่มันสามารถยัดผู้ใหญ่ตัวโตเข้าไปได้มากกว่าสิบคนข้าเองก็ไม่รู้ว่าคนออกแบบบ้านทำได้อย่างไรทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นข้าแค่เกริ่นให้มันดูเยอะๆเท่านั้นแหละข้าพูดมาทั้งหมดนี่คืออะไรแล้วเข้ามาในห้องเล็กแคบๆนี้ทำไมงั้นหรือ?

                   เหตุก็เพราะเพื่อประชุมเอาล่ะข้าจะเริ่มเข้าประเด็นข้า อุจิวะ ซาสึเกะ ว่าที่ผู้นำกลุ่มอัคคีคนต่อไปซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เขาได้เลือกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อปีมะโว้แต่ไม่ว่าจะทำยังไงข้าก็ยังรับตำแหน่งไว้ไม่ได้เพราะอะไรนะหรือ หึ ก็เพราะข้าไม่มีภรรยาไงล่ะคิดแล้วมันน่าแค้นใจทำไมกันผู้นำไร้คู่ครองจะปกครองกลุ่มไม่ได้หรือยังไงหากถามไปเขาก็สวนกลับมาว่า ไม่มีภรรยาก็ไม่มีทายาทถ้าตายไปใครจะดูแลกลุ่ม? อืมข้าว่ามันก็ถูกของผู้เฒ่านั่นแหละแต่ข้าก็ยังยืนยันที่จะอยู่แบบนี้ไม่รับตำแหน่งต่อไปเพราะอะไรน่ะหรือ ก็ถ้าหากรับตำแหน่งแล้วภาระทั้งหมดก็ต้องมาตกอยู่ที่ข้าหน้าที่การงานเอยเรื่องเด็กเอยเรื่องอาหารเรื่องอาวุธเรื่องการค้าเรื่องบริหารหลายๆอย่างให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วลองคิดดูถ้าหากข้าคิดวิธีต่างๆในหลายๆเรื่องแบบนี้ทุกๆวันจะไม่ป่วยการเอารึข้ายังอยากจะเป็นอิสระเหมือนๆกับเด็กวัยหนุ่มทั่วไปนั่นแหละขอแค่ชีวิตในช่วงนี้มีความสุขก็พอฟังเหมือนข้าเห็นแก่ตัวแต่วัยที่แข็งแรงและมีความคิดเฉียบคมแบบนี้มีแค่ครั้งเดียวหากปล่อยให้หลุดมือไปก็ไม่มีโอกาสที่จะใช้มันอีกข้าก็แค่คนธรรมดามีเพียงสมองและวิชาต่อสู้อีกนิดหน่อยเพื่อป้องกันตัวเท่านั้นยังไม่เคยเรียนเจาะลึกหลักสูตรการสู้รบหรอกนะ

                  แล้วถ้าหากข้าเป็นผู้นำข้าก็ต้องทำทุกอย่างที่มันยิ่งใหญ่การเป็นผู้นำนั้นมันมีภาระมากมายถึงจะดูเท่ในสายตาของเด็กน้อยวัยละอ่อนแต่สำหรับข้ามันไม่ใช่ เปล่า ข้าไม่ได้กลัวการเป็นผู้นำเพียงแต่ข้ายังไม่พร้อมแต่สถานการณ์ช่างบีบครั้นท่านผู้นำคนปัจจุบันดันแหลแกล้งล้มป่วยทำให้ผู้ดูแลตกใจวิ่งวุ่นแจ้งเรื่องมาทางตระกูลของข้าบอกเป็นเหตุเร่งด่วนหากข้ายังไม่รับตำแหน่งก็ขอแค่รับปากว่าจะเป็นผู้นำก็เพียงพอแต่แบบนั้นมันก็มัดมือชกกันชัดๆข้าไม่เห็นว่ามันจะทำให้ข้ารอดพ้นจากตำแหน่งเลยสักนิดลำพังแค่ว่าที่ก็เหมือนโดนจองตัวไว้แล้วแต่ข้าก็ยังเดินเล่นได้อย่างสบายใจอยู่เพราะมีว่าที่หลายคนมีโอกาสที่คนอื่นจะได้เป็นผู้นำเหมือนกับข้าแต่ในเมื่อผู้นำล้มป่วยแล้วจงใจแจ้งมาทางตระกูลให้ข้ารับปากแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากชี้ตัวเลือกข้าแล้วไม่ใช่รึไง

                   แบบนี้ไม่เอา! ข้าไม่ต้องการอย่างยิ่งแล้วสถานการณ์ปัจจุบันคือทุกคนในตระกูลมารวมกันโดยมิได้นัดหมายพ่อกับแม่นั่งก้มหน้าคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงอันที่จริงไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นข้าเลยสักนิดพี่ชายข้า อิทาจิ ยังมีแววกว่าเยอะแต่ให้ตายเถอะคนนั้นก็ไม่ค่อยกลับบ้านไม่รู้ว่าออกไปไหนแต่เช้ามืดสามสี่วันกลับสักครั้งมาเยี่ยมบ้านได้ไม่นานก็ออกไปอีกล่าสุดก็เมื่อเช้าพอปลุกข้ากินข้าวเสร็จก็บอกให้มานั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวในห้องนี้แล้วก็ไสหัวไปไหนไม่รู้

                   มันน่าแค้นใจนัก! แต่มันก็เป็นพี่ข้ายังไงข้าก็รักมันอยู่ดีถึงแม้จะความลับเยอะเหลือเกินก็ตามทีเถอะเข้าเรื่องอีกครั้งข้าบอกทั้งหมดไปหมดแล้วว่ามาอยู่ห้องนี้ทำไมอะไรยังไงเพราะฉะนั้นมันจึงได้เวลาที่ข้าจะชิ่งเสียทีเพราะหากอยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่ได้อะไรทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าท่านผู้นำแหลแถสีข้างถลอกบีบบังคับข้าอยู่ไม่งั้นคงไม่มานั่งก้มหน้างุดคอตกเหนื่อยใจกันแบบนี้หรอกจริงไหม?คงจะเอือมระอาทั้งข้าที่รักอิสระเกินไปแต่เอือมท่านผู้นำกว่าสินะ อะไร? ดื้อ?เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าข้าไม่เคยดื้อหรอกก็แค่ไม่อยากรับตำแหน่งตอนนี้ปัดมาสองปีแล้วเท่านั้นเอง

                   ณ ตอนนี้นอกจากอยู่ในสภาวะตึงเครียดสายตาที่จับจ้องมองมาของทุกคนในบ้านและเฉพาะห้องนี้ยังกดดันข้าสุดๆปกติก็เป็นแบบนี้ประจำเวลาที่ท่านผู้นำแหลเพียงแต่ครั้งนี้ที่ข้าแปลกใจคือมันมีจดหมายแจ้งมาบังคับกันเห็นๆว่าให้ข้าเป็นผู้นำซ้ำพ่อกับแม่ยังดูเครียดกว่าปกติเป็นเท่าตัวข้าไม่เคยรู้สึกกดดันเท่านี้มาก่อนทว่าข้าก็ยังไม่พูดอะไรออกไปรอดูว่าจะมีใครเอ่ยขึ้นมาก่อนและถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ข้าจะชิ่งหนีซะ!

                   แต่ดูเหมือนบรรกาศจะมาคุซะเหลือเกินในที่นี้นอกจากพ่อกับแม่ก็ยังมีผู้ใหญ่คนใกล้ชิดท่านผู้นำอีกสองและส่วนจัดการดูแลบริการกลุ่มอัคคีอีก3คนซึ่งข้าไม่อยากบรรยายมากเอาเป็นว่าพวกนั้นคือตัวประกอบที่ถูกจ้างมาถูกๆก็แล้วกัน

                   “ตกลงเจ้าจะเอายังไงแน่หากไม่รับปากตอนนี้ตำแหน่งนั่นอาจจะตกเป็นของผู้อื่น” คนใกล้ชิดของท่านผู้นำซึ่งอยู่ริมซ้ายของข้านั่งข้างๆพ่อซึ่งอยู่ตรงกลางมุมประตูพอดีเอ่ยขึ้นตามที่ข้าคาดไว้ แล้วไงล่ะ?ตำแน่งนั่นจะตกไปในมือของใครก็ช่างขอแค่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบควบคุมและขับเคลื่อนกลุ่มนี้ให้เดินต่อไปได้ก็พอแล้วนี่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนรบเก่งหรืออย่างไรเพียงแค่มีมันสมองที่ฉลาดเป็นเลิศทางด้านนี้ก็เพียงพอซึ่งคุณสมบัตินี้คนทั้งตระกูลของข้าก็มีครบถ้วนอยู่หลายคนทำไมต้องเป็นข้ามิทราบ! ข้าเพียงถอนหายใจและลุกขึ้นยืนพลางกล่าวขอโทษอย่างสุดซึ้ง

                   “ข้าคงต้องขอตรองดูสักพักข้าตัดสินใจลำบากตำแหน่งอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่เช่นนี้มันไม่คู่ควรกับคนอย่างข้าถ้าหากท่านยังพอจะเผื่อเวลาให้ข้าได้ทบทวนดูสัก3เดือนจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

                   “เจ้าใช้มุขนี้มาร้อยกว่าครั้งเพื่อปฏิเสธตำแหน่งนี้แล้วซาสึเกะถ้าเจ้าไม่อยากได้พวกข้าก็หาคนใหม่ได้ทว่าไม่มีคนไหนจะเหมาะสมเกินไปกว่าเจ้าแล้วช่วยพิจารณาทีเถอะ 2เดือนข้าให้เวลาเจ้ามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วท่านผู้นำอาจจะลาตำแหน่งเพียงชั่วข้ามคืนสังขารก็โรยราเต็มทีเจ้าน่าจะคิดได้นะกล่าวจบคนใกล้ชิดท่านผู้นำก็ลุกขึ้นและเปิดประตูเดินออกจากบ้านข้าไปทันทีพร้อมกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องอีก4-5คนขณะนี้จึงเหลือเพียงพ่อและแม่ในห้องนี้กับข้าเท่านั้นข้าเงียบสนิทไม่อาจเอ่ยอะไรออกไปพลันหันไปเห็นใบหน้าเหนื่อยใจของพ่อกับแม่ก็พาลทำให้อารมณ์ขุ่นมัว...

                    “ซาสึเกะ...แม่ว่าเจ้าควรจะรับตำแหน่งเสียทีได้ยินข้าก็ถอนหายใจข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านแต่ข้ายังไม่พร้อมข้าต้องการเวลามากกว่านี้ข้าก้มหน้ามิอาจสบตากับแม่ได้หน้าอกข้างซ้ายรู้สึกปวดแปร๊บๆพวกเขาจะผิดหวังในตัวข้าไหมถ้าหากข้าปฏิเสธอีกสักครั้งปฏิเสธในครั้งนี้อีกสักครั้ง...

                     ข้าตัดสินใจเดินออกจากห้องนั้นโดยไม่หันกลับไปมองอีกข้าต้องการคิดมากกว่านี้ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้สัก3เดือนเมื่อเวลาเดินอีกครั้งเวลา3เดือนที่ใช้ตรองบางทีข้าอาจจะตัดสินใจได้แล้วก็ได้ ข้าเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนมาสะดุดพบเข้ากับน้องสาวที่เพิ่งวิ่งทั่กๆออกมาจากห้องนอนตัวเองด้วยเสื้อผ้าที่กึ่งหลุดกึ่งล่วงอะไรของนางกันล่ะนั่นจะรีบไปไหนกันวิ่งซะเร็วเชียวน้องสาวของข้าวิ่งเลยตัวข้าไปและดูเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวจึงเบรกตัวทันและหันมาหาข้าพร้อมเอ่ยทักทาย

                    "อาโอ้ววว พี่ซาสึข้ากำลังจะไปติวหนังสือกับเพื่อนข้าขอตัวนะ” ข้าย่นคิ้วมองน้องสาวที่รุกรี้รุกรนเร่งรีบเสียเหลือเกินข้าพยักหน้ารับมึนๆและเอ่ยถามไล่หลังน้องสาว

                    “หนังสือข้าติวให้ก็ได้นี่นา”

                   “ไม่เป็นไรข้าไม่อยากรบกวนลำพังเรื่องตำแหน่งผู้นำกลุ่มอัคคีพี่ก็เครียดอยู่แล้วมิใช่หรือไงกันข้าไปล่ะ” แล้วนางก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้ข้ายืนมองตามด้วยใบหน้ามึนๆกึ่งตามไม่ทันข้าว่าข้าต้องนอนพักผ่อนเสียหน่อยแล้วล่ะไม่งั้นคงไม่มีสติคิดอะไร...

                   “นายน้อยขอรับ ท่านกาอาระแห่งกลุ่มทรายขอพบ” ข้าเหล่ตามองซุยเงซึเจ้าทาสน่าโมโหแต่เขาก็มีประโยชน์และคอยช่วยเหลือข้าเพราะฉะนั้นข้าจะพยายามไม่เกลียดแล้วกันแล้วเมื่อไม่นานนี้เจ้าพูดว่าไงนะ กาอาระ? กาอาระน่ะเหรอข้าตาประกายขึ้นมาทันทีก่อนรีบเดินไปยังห้องที่ข้ารู้ดีว่ากาอาระจะต้องมาที่ห้องนั้นแน่ๆข้าเดินผ่านห้องด้านในบ้านทรงญี่ปุ่นของตนเองไปสามบล็อกและเปิดประตูห้องที่4อย่างเบามือแอบมองเพื่อนสนิทจากต่างกลุ่มสักพักดวงตาสีมรกตของอีกฝ่ายก็ตวัดมองข้า ข้าสะดุ้งและหัวเราะแห้งๆก่อนเปิดประตูกว้างขึ้นและแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างๆเพื่อนพลางเอ่ยสั่งซุยเงซึให้เอาของว่างและชาผลไม้มาให้ด้วยและเมื่อซุยเงซึเดินออกไปแล้วก็ได้โอกาสที่ข้าจะได้คุยกับเพื่อนที่เหมือนจะรู้ใจข้าดีเหลือเกินแล้วยังมาเอาในเวลาสำคัญๆแบบนี้ไม่กลัวตัวเองเป็นที่ระบายอารมณ์ของข้าหรืออย่างไรกัน

                     “แล้ว...เจ้ามีธุระอะไรข้ายกมือประสานกันและเกยคางมองกาอาระพลางยิ้มยียวนซึ่งข้ามักจะทำกิริยาแบบนี้กับคนที่สนิทมากๆเท่านั้นคนไม่สนิทหรือคนที่ข้าเกลียดขี้หน้าอย่าหวังแม้แต่รอยยิ้มของข้าเลย เมื่อได้ยินข้าถามด้วยใบหน้าสุดจะเป็นมิตรเข้ากาอาระก็แทบเปลี่ยนสีหน้าจากมืดมนๆเป็นหนุ่มยันเดเระสุดสยองข้าไม่ได้ทำให้กาอาระอารมณ์เสียนะแต่กาอาระเองก็มักจะเป็นแบบนี้เวลาข้ายิ้มยียวนหรือกวนบาทาเข้าให้ก็เท่านั้นเอง

                   “ข้าก็แค่อยากจะมาคุยกับคนที่มีเรื่องป่วยใจคล้ายๆกันเท่านั้นเองแต่เหมือนจะกลายเป็นศูนย์รวมความทุกข์เสียได้

                  “เจ้าพูดอะไรน่ะถึงข้าจะมีเรื่องน่าปวดหัวน้อยกว่าเจ้าแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รับฟังเสียหน่อยเล่ามาสิข้าจะรับมันไว้เองแต่หลังจากนั้นจะโยนทิ้งหรือเก็บนั่นเจ้าก็เอาไปคิดดู” ข้ายิ้มอีกครั้งกาอาระกระตุกยิ้มและเท้าคางมอง

                 “อย่างเจ้าคงจะทิ้งมากกว่าเก็บนะข้าเดา

                 “หึ หึ เจ้าก็รู้นี่เพราะงั้นอยากจะพูดอะไรก็รีบๆพูดเพราะข้าจะได้รวบรวมไปทิ้งทีเดียวเลยไงล่ะ เอาล่ะข้ารู้ว่าหลายคนคงไม่เข้าใจการสื่อสารของข้ากับกาอาระสินะงั้นข้าจะขยายความให้จงสำนึกซะนะเพราะข้าใจดี ข้ากับกาอาระมีเรื่องน่าป่วยใจคล้ายๆกันและมักจะมาปรับทุกข์ด้วยกันบ่อยๆจนสนิทกันและรู้ใจกันสุดถึงขนาดว่ามองตาก้รู้ทันทีว่าคิดอะไรอยู่นั่นแหละนะแล้วเรื่องมันก็คือเวลากาอาระมาปรับทุกข์อะไรข้าจะรับรู้แต่ไม่เก็บไปจำส่วนมากพอปรับทุกข์กันเสร็จก็จะลืมทันทีข้าก็เลยใช้คำว่าทิ้งส่วนรวบรวมไปทิ้งก็คือรอให้เล่ามาให้หมดจะคอยออกความเห็นจนหยดสุดท้ายแล้วก็ลืมให้หมดในทีเดียวเข้าใจไหม? ถ้าไม่เข้าใจก็จงไม่เข้าใจต่อไปเพราะประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเยอะเท่าไหร่อย่าไปสนใจมากมาสนใจเรื่องของข้านี่

                  กาอาระพยักหน้ารับเมื่อข้ากล่าวตอบไปเป็นทำนองว่าพร้อมจะรับฟังแล้วเจ้าตัวก็เริ่มบ่นเรื่องหลายๆเรื่องในกลุ่มตัวเองที่ตนเองเป็นผู้นำอยู่เรื่องมีอยู่ว่ากาอาระได้เลื่อนตำแหน่งกลายเป็นผู้นำกลุ่มทรายแล้วฟังดูแปลกๆก็แน่นอนคำว่าทรายมันไม่มีคำไวพจน์นี่นาจะหาคำสวยหรูก็ย่อมลำบากเพราะฉะนั้นเข้าเรื่องต่อกาอาระเป็นผู้นำกลุ่มทรายซึ่งยังอายุน้อยและยังไม่มีประสบการณ์ด้านสงครามและด้านผู้หญิง!ใช่แล้วเจ้าคนตัวเล็กกว่าข้าตรงหน้านี่แหละทั้งๆที่มองดูก็รู้แล้วว่าถ้ายิ้มต้องน่ารักมากๆแน่แต่เจ้าตัวกลับตีหน้านิ่งหน้าบูดมาตั้งแต่เล็กยันโตจนติดเป็นนิสัยแต่ก็เพราะความขรึมนี่แหละที่เป็นจุดขายน่าแปลกที่มีสาวมาติดพันไม่ซ้ำหน้าตั้งแต่ได้เป็นผู้นำก็เนื้อหอมขึ้นเป็นเท่าตัวแต่เจ้าตัวไม่ยักจะจับมาคลั่วสักคนนั่นยิ่งน่าเป็นกังวนสำหรับผู้ใหญ่หลายๆคนที่กลัวเรื่องไม่มีทายาทสืบทอดแต่ยังดีหน่อยที่กลุ่มทรายของกาอาระถึงไม่มีทายาทก็มีแผนสำรองกันไว้อยู่เนื่องจากเป็นกลุ่มคนมีคนค่อนข้างมีความสามารถในสนามรบน้อยแสนน้อยจึงได้มีการเรียนการสอนเกิดขึ้นทำให้เกิดการเรียนรู้ไม่นานมานี้อยู่รวดเร็วเรื่องทายาทจึงวางใจได้ไปเปราะหนึ่งแต่กาอาระก็จำเป็นจะต้องหาภรรยาสักคนอยู่ดี

                    ซึ่งเรื่องนี้มันดันมาคล้ายกับข้าตรงที่ถึงแม้จะยังไม่ได้รับตำแหน่งและเนียนบอกปัดเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้งก็คือต้องหาเมียเหมือนกัน อุ๊บ หลุดต้องภรรยาสิข้านี่น้า...

                    เป็นเหตุให้หลายครั้งเราจะต้องมานั่งปรับทุกข์กันแบบนี้ข้าเองก็เหนื่อยใจแต่ชีวิตต้องเดินต่อไปจะยอมแพ้หรือท้อก็ไม่ได้ข้าไม่อยากเป็นคนไร้ค่าหรอกนะที่ข้ากับกาอาระต้องการคือเวลา ณ ตอนนี้คือเวลาอย่างแน่นอนหรือถ้าหากให้หยุดเวลาไม่ได้ข้าก็ขอคนรักสักคนคนรัก...ข้าไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเช่นไรแต่ถ้าหากพรมลิขิตมีอยู่จริงล่ะก็โปรดมอบคนคนนั้นมาให้ข้ากับกาอาระที...

                    “นึกแล้วก็น่าแค้นใจ”

                    “หืม?” ข้าที่เฉตามองไปเรื่อยเปื่อยระหว่างคิดเรื่องต่างๆในหัวก็ได้ฤกษ์จับจ้องมาที่กาอาระอีกครั้งใบหน้าหวานติดขรึมของคนตรงหน้าข้ามุ่ยลงไปอย่างเห็นได้ชัดข้าเอียงคอมองหรือว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจกันนะ

                    “เนจิน่ะสิ”

                    “เนจิ?” ข้าเลิกคิ้วและพูดทวนกาอาระพยักหน้าและจ้องตาข้าเมื่อนั้นข้าก็กระจ่างทันทีกาอาระมีความหลังไม่ค่อยสวยหรูกับเนจิเท่าไหร่เรื่องนั้นข้าเข้าใจแต่จะเกลียดขี้หน้ากันอะไรปานนั้นอย่างน้อยเขาก็เป็นเจ้าหนี้ของเจ้าเชียวไม่ใช่รึไงกันข้าแอบหัวเราะพลางเหล่มองเพื่อนที่ใบหน้าตอนนี้แลดูหงุดหงิดสุดติ่ง

                   “วันนี้ข้าไปเจอมาเจ้าพวกอันธพาลกลุ่มเจ้านั่นแหละมันเข้ามาหาเรื่องข้าแล้วเนจิผ่านมาเห็นเข้าเจ้านั่นจงใจดูถูกข้า” ข้าเลิกคิ้วคนอย่างเนจิเนี่ยนะมาทำอะไรในกลุ่มข้าล่ะเนี่ยว่าแต่ที่ว่าอันธพาลกลุ่มข้าเนี่ยนะเอาแล้วสิถ้าพันธมิตรระหว่างอัคคีกับทรายแตกแยกกันเมื่อไหร่ก็ถึงคราวที่สงครามจะมาถึงแต่หวังว่ากาอาระจะไม่คิดมากนะ ข้าเกลียดสงคราม!

                    “ระ...เรื่องอันธพาลข้าจะจัดการให้”

                   “ข้าไม่ได้ติดใจเรื่องนั้นเสียหน่อยที่ข้าโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอยู่นี่ก็เพราะเนจิต่างหาก” ข้าสะดุ้งเผลอร้อนตัวไปแฮะก่อนหัวเราะแห้งๆแก้เก้อและตั้งใจฟังต่อ

                   “แล้วเนจิทำไม

                   “เจ้านั่นมาช่วยข้า…” ข้าชะงักและยิ้มค้างไม่รู้สินะเมื่อมองหน้าเพื่อนก็รู้สึกผิดทันทีที่ตัวเองคิดต่างเผลอไปเข้าข้างเนจิซะงั้นอันที่จริงเขาช่วยก็ควรจะขอบคุณสิไม่ใช่โกรธกาอาระนี่แปลกแฮะแต่เอาเถอะสงสัยเพราะไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมล่ะมั้ง

                   “ละ...แล้วไงต่อ”

                   “ก็มันเหมือนดูถูกไหมเล่า ข้าหนีออกมาเองได้น่าไม่ต้องการให้เจ้านั่นยื่นมือมาช่วยเลยสักนิด” ว่าพลางเมินหน้าไปทางอื่นช้าๆตามมาดขรึมๆ อันที่จริงมันก็จริงแหละนะเพราะข้าเองก็ไม่ชอบให้ใครยื่นมือเข้ามาช่วยทั้งๆที่ยังไม่ขอแต่เอาเถอะจะถือซะว่าไม่เปลืองมือหนีออกมาง่ายแต่ดูเหมือนกาอาระจะไม่คิดแบบนั้นและจะเจ้าคิดเจ้าแค้นใช้ได้เลยล่ะ...

                    “อ่า...โอเคๆข้าเข้าใจแล้วเอาเป็นว่าพวกเจ้าไม่ถูกกันแล้วดันถูกช่วยแบบนี้ก็ต้องโกรธล่ะนะ”

                    “ใช่ไหมล่ะ”

                    “จ้ะ” แล้วจะให้ข้าตอบเป็นอื่นใดได้อีกล่ะก็ในเมื่อเจ้าตัวโน้มนาวให้เข้าข้างขนาดนี้อีกอย่างข้าเองก็อยู่ข้างกาอาระตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วยจึงได้แต่จำยอมและพยักหน้าเข้าข้างไปทุกอย่างจบ

                  โครม!!

                  เสียงดังเหมือนอะไรหนักตกลงมาจากที่สูงดังตุบเบ่อเริ่มด้านนอกห้องนี้ที่ข้ากำลังคุยอยู่กับกาอาระข้าหันขวับมองออกไปนอกประตูพร้อมกับกาอาระทันทีก่อนตัดสินใจออกไปดูด้านนอกที่เป็นสวนข้ากับกาอาระวิ่งออกมาดูเผื่อจะมีของอะไรพังแต่มันกลับไม่ใช่สิ่งที่ข้ากับกาอาระเห็นเหมือนกันด้านหน้า ก็คือชายหนุ่มผมทองอายุรุ่นราวเดียวกับข้า เจ้านั่นลงไปนอนกองกับพื้นที่หัวมีรอยช้ำปูดโนเป็นตัวบ่งบอกชัดเจนว่าเสียงที่ตกลงมาเมื่อครู่ก็คือเสียงของมันนี่แหละแล้วตกลงมาจากที่ไหนล่ะเนี่ย

                   จากฟ้าเหรอ...

                  ข้าเงยหน้ามองหน้าสิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นมากที่สุดแล้วก็เจอกับต้นตอมันคือต้นไม้สูงๆนอกกำแพงไม้บ้านของข้าที่แผ่กิ่งก้านเข้ามาด้านในถ้าจะให้เดาข้าคิดว่าเจ้าหัวทองนี่มันจะต้องปืนต้นไม้นี่เข้ามาเพื่อที่จะเข้ามาในบ้านของข้าแหงๆ ข้าพยักหน้าทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนจะเบนไปมองกาอาระที่ย่อตัวลงนั่งยองๆจิ้มแก้มเจ้าหัวทองและหันมามองข้าเหมือนจะขอความเห็นเพราะดูเหมือนเจ้านี่จะสลบเหมือดไปแล้ว

                  “เอ่อ...งั้นเอาเข้าไปด้านในก่อนแล้วกันเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” ข้าบอกกับกาอาระแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เห็นด้วยข้าจึงเข้าไปปลุกเจ้าคนหัวทองและสิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดเมื่อไอ้บ้าหัวทองจู่ๆมันก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาข้านี่หลบแทบไม่ทันกาอาระรีบถอยห่างออกมาและมองหน้าข้าส่วนข้าก็ได้แต่ส่ายหน้ากลับและจ้องมองเจ้าหัวทองที่มันเพิ่งได้ฤกษ์ฟื้นมันนั่งมึนๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนยกมือลูบหัวโนๆของมันปอยๆและดูเหมือนมันจะเพิ่งรู้ตัวจึงได้หันมองรอบตัวจนมาหยุดอยู่ที่ข้ากับกาอาระแล้วสีหน้าของมันจากเดิมที่มึนๆตอนนี้ตื่นตระหนกสุดและชี้ข้ากับกาอาระสลับกันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ดูเหมือนจะพูดไม่ออกข้ามองหน้ากาอาระขอความเห็นว่าควรจะเข้าไปทักดีไหมกาอาระก็พยักหน้าตอบกลับมาข้าจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆเจ้าหัวทองและเอ่ยถามเสียงเรียบ

                    “เจ้าเป็นใคร” มันไม่ตอบซ้ำยังทำหน้าช็อคค้างไม่หายข้านั่งรอคำตอบก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะตอบสักแอะความอดทนของข้าก็ใช่ว่าจะสูงเสียด้วยสิด้วยความที่เหลืออดจึงลุกขึ้นถีบหน้ามันเต็มรัก

                   “โอ้ย...” มันร้องโอดโอยสักพักก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงประจันหน้ากับข้าจะว่าไปมันก็ไม่ได้สูงเลยสักนิดดูท่าจะเตี้ยกว่าข้าเสียอีกแต่รูปร่างน่าอิจฉาเหลือเกินดูก็รู้ว่าฝึกวิชาสู้รบมาแน่ๆข้าไม่ควรประมาทมันจ้องหน้าข้าเขม็งและเลิกคิ้วก่อนเท้าคางไล่สำรวจข้าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนทำท่าคิดอะไรสักอย่างโดยที่ข้ามิอาจรู้

                   “ข้าถามว่าเจ้าเป็นใครหูหนวกรึไง” ข้าถามย้ำอีกครั้งเผื่อว่ามันจะไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไม่สิข้าว่ามันไม่ใส่ใจมากกว่า เจ้าหัวทองเมื่อได้ยินแล้วก็เลิกคิ้วมองข้าแต่ก็ยังไล่ตาแทะโลมร่างกายข้าอยู่พอๆข้ารู้ว่าข้าหล่อเพราะงั้นเลิกมองข้าเสียทีมันอมยิ้มให้ข้าและเอ่ยตอบน้ำเสียงร่าเริง

                   “ข้า...ชื่อนารุโตะยินดีที่ได้รู้จักนะ” แล้วมันก็ยื่นมือมาตรงหน้าข้า ข้าหลุบตามองมือของมันไม่ใช่ว่าไม่อยากจะจับแต่ข้าตงิดใจกับชื่อข้ากำลังคิดว่ามันช่างคุ้นแสนคุ้นเหลือบตาไปมองกาอาระเจ้านั่นก็ทำหน้าเหมือนข้านั่นไงกาอาระคิดเหมือนข้าชื่อนี้มันคุ้นเหลือเกินมันเหมือน...

                    ใช่แล้ว!!

                    ข้ารู้แล้ว...ข้ามองนารุโตะนิ่งมันเองก็จ้องตอบกลับมางงๆเหมือนจะสื่อสารว่ามีอะไรแน่นอนมีแน่นอนข้าจับข้อมือเจ้านั่นและดึงเข้ามาใกล้ขณะที่ดวงตาก็ยังจ้องเขม็ง

                   “ท่านเป็นว่าที่ผู้นำกลุ่มวายุ!” นารุโตะสะดุ้งตกใจ หึ คงไม่คิดล่ะสิว่าข้าจะรู้คิดตื้นไปแล้วล่ะแกถ้าฉลาดกว่านี้หลังจากเข้ามาในถิ่นศัตรูก็ควรจะคิดชื่อแซ่ปลอมๆไว้เผื่อเสียด้วยสิข้าก็ว่าอยู่ยิ่งสีผมที่เป็นตัวบ่งชี้ก็ยิ่งน่าแปลกใจสำหรับกลุ่มอัคคีของข้าไม่ค่อยมีคนผมสีสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะดำออกน้ำตาลกันไปเสียหมดส่วนกลุ่มพันมิตรอย่างกาอาระเองก็หาข้อมูลศัตรูมาก่อนอยู่แล้วเจ้านั่นมองดูเหมือนจะไม่ตกใจอะไรแต่เอาเข้าจริงข้าว่ากาอาระคงกำลังอึ้งอยู่เป็นแน่แท้

                   “อ่ะ...แฮะ แฮะ รู้ซะแล้วแฮะว่าแต่รู้ได้ไงล่ะเนี่ย” ไอ้บ้านี่มันกำลังกวนประสาทข้าอยู่หรือเปล่าคนที่ไหนความแตกแล้วยังหัวเราะแฮะแฮะได้อีกเล่าไม่กลัวโดนจับไปเชือดประจานหรือไงดีนะคนที่เจอเจ้าไม่ใช่พ่อของข้าไม่งั้นคงได้โดนจับยัดตารางไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นดาวเป็นแน่

                   “สีผมแล้วก็ชื่อท่านบ่งบอกซะขนาดนั้น” คนตอบไม่ใช่ข้าแต่เป็นกาอาระข้าหันมองเพื่อนขณะที่นารุโตะยังยิ้มอยู่และมันก็ถามต่อโดยไม่ปล่อยให้ข้าได้ขัดสักประโยค

                  “สีผมเหรอ...ทำไมล่ะ”

                  “...คนกลุ่มวายุจะมีสีผมสีแดงซะส่วนใหญ่และจากที่ผู้เฒ่าผู้แก่ของข้าบอกมาเขาบอกว่าผู้นำกลุ่มคนต่อไปมีผมสีทองและคนแบบนั้นมีสองคนก็คือ นามิคาเสะ มินาโตะ แต่มินาโตะไม่ถูกเลือกเพราะอะไรข้าก็ไม่รู้และอีกคนหนึ่งก็คือท่าน” ข้าถอนหายใจและอธิบายซึ่งเจ้านั่นก็ยืนฟังเฉยๆไม่คิดหนีเมื่อข้ากล่าวจบมันก็พยักหน้าหงึกหงักและสายตายังคงไล่มองข้าเช่นเดิมจนตอนนี้ข้าเริ่มจะขนลุกขยะแขยงเต็มที

                   “เห...รู้เรื่องกลุ่มข้าดีเหมือนกันนะ...แล้ว? รู้แล้วเจ้าจะทำอะไรล่ะ” ข้าชะงัก…เออนั่นสิแล้วข้าจะทำอะไรกับมันดีล่ะถ้าจะเอาไปเชือดประจานก็กลัวจะเกิดสงครามข้าเกลียดมันนี่นาข้าถอนหายใจและตัดสินใจปล่อยข้อมือของนารุโตะและก้าวถอยห่างออกมาก่อนสบตาพูด

                   “ท่านไปซะข้าเกลียดสงครามถ้ามีใครมาเจอเข้ามันจะไม่ดีกับตัวท่าน

                   “น่าประหลาดใจนะนี่เจ้าอย่าบอกนะว่าเป็นห่วงข้า”

                   “ท่านกำลังฝันอยู่หรือเปล่าถ้างั้นก็ตื่นเสียทีและรีบออกไปจากที่นี่เสีย”

                   “ปากคอเจ้าช่างเราะร้าย...ไม่เข้ากับใบหน้าและเรือนร่างสวยๆนี่เอาเสียเลย” ข้าหูผึ่งทันทีเจ้านี่! ข้าชักจะเกลียดมันเสียแล้วสิไล่ก็ไม่ไปซ้ำยังเล่นลิ้นหยอกล้อไม่รู้ที่อีกต่างหากให้ตายสิเดี๋ยวพ่อจับเชือดซะดีไหมดาบอยู่ใกล้มือเสียด้วยนารุโตะหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นข้ากัดฟันกรอดด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน กาอาระเข้ามาจับบ่าเรียกสติข้า ข้าต้องจำใจข่มอารมณืไว้และมองนารุโตะที่ยังยืนผิวปากไม่ไปไหนจริงสิมีอีกอย่างที่ข้ายังไม่ได้ถามมันนี่

                   “ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกันว่าแต่...ท่านมาที่กลุ่มข้าไม่พอยังแสดงตัวเป็นคนน่าสงสัยแอบเข้าบ้านคนอื่นอีกรึ” ข้าแกล้งถามนารุโตะส่ายหน้ากิริยานั้นยิ่งทำให้ข้าอยากจะเอาเท้าไปลูบหน้ามันเสียจริงๆถ้าไม่ติดว่ามันเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมล่ะก็

                   “เจ้าบอกว่าเกลียดสงครามสินะ” เป็นคนไร้มารยาทเสียจริงตอบคำถามข้าเสียก่อนสิ ข้าเองก็เกลียดมันมากเช่นกัน” หา?นี่เจ้าฝันอยู่รึอยู่ดีๆมาเกลียดอะไรเหมือนกับข้าตั้งใจจะตีสนิททำเป็นชอบอะไรเหมือนข้าแล้วพอคุยกันถูกคอคงล้วงเอาข้อมูลไปบอกกลุ่มตัวเองสินะไม่มีทางที่ข้าจะบอกหรอกเจ้านี่สมองน้อยเสียจริง

                   “แล้วยังไงท่านจะบอกอะไรข้ากันแน่” ข้าเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ

                   “ข้าก็แค่มาเดินเล่นเท่านั้นเองแล้วตอนนี้ข้ายังมีอีกหนึ่งข้อถ้ายังทำไม่สำเร็จก็คงเป็นผู้นำไม่ได้เหมือนที่ทุกๆกลุ่มจำเป็นจะต้องทำนั่นก็คือ...หาภรรยา

                   “ห๊า….

                  แหงล่ะหน้าซื่อบื้อๆแบบนี้คงไม่มีใครเขาต้องการหรอกหญิงที่ไหนจะมาสนกันเล่าถึงจะน่าสนใจตรงที่มันมีปัญหาเดียวกับข้าตอนนี้ก็เถอะแต่ข้าก็ไม่คิดจะไปผูกมิตรกับศัตรูคู่อาฆาตรของกลุ่มหรอกนะเพราะถ้าหากทพ่อรู้คงเอาข้าตายคนกลุ่มข้ายิ่งอารมณ์แรงอยู่ด้วยหากโกรธเมื่อไหร่ภูเขาไฟที่ดับไปแล้วอาจระเบิดขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัยข้าหันไปมองกาอาระอีกรอบก็เห็นเจ้านั้นเดินไปนั่งจิบชาผลไม้ตรงทางเดินแผ่นไม้รอข้าคุยเสียแล้ว แหมไม่ช่วยแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีกเพื่อนหนอเพื่อน

                  “แล้วท่านคิดไรอยู่เอาเรื่องนี้มาบอกข้า

                  “เจ้าเองก็ใช้ได้เหมือนกันนะอืมดูจากหน้าการวางตัวแม้แต่กับศัตรูอย่างข้าก็ถือว่าระงับอารมณ์ได้ดี อืมๆ” นี่เจ้ากำลังพูดกับใครอยู่รู้ตัวบ้างหรือเปล่าหาเจ้าหน้าแมว! ข้าเองก็เป็นถึงว่าที่นะเอ๊ะ หน้าโง่ๆแบบนี้ก็คงไม่รู้หรอกมั้งถึงได้รอบเข้ามาในบ้านข้าได้หน้าตาเฉยแบบนี้

                  “ท่านเลิกยกยอปอปั้นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับข้าเสียทีข้าบอกให้ท่านรีบออกไปจากที่นี้ซะอยากโดนจับแขวนคอประจานหรือไงข้าน่าจะบอกแล้วนะว่าข้าเกลียดสงคราม”

                  “จากที่ดูๆแล้วก็สมบูรณ์แบบทุกอย่างเลยนะ ฟังที่ข้าพูดสิเว้ย! เจ้าเล่นไม่ฟังใครเลยแบบนี้ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหาเมียไม่ได้เจ้างี่เง่าไม่มีน้ำยาเอ๊ย “เอาล่ะข้าตัดสินใจแล้ว แต่งงานกับข้านะ” …………….

                  “หา?...” นี่เจ้าพูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหมเจ้าจะบ้าหรือไงข้าเป็นผู้ชายนี่เจ้าคิดบ้างไหมทั้งหมดที่พูดออกมานั่นท่ามกลางดงศัตรูเชียวนะกลัวตายบ้างรึเปล่าบ้าไปแล้วรึไงสมองมีไว้ประดับเรอะคิดบ้างสิเฮ้ย! ข้าถึงกับไปไม่ถูกจะอ้าปากพูดก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีขณะเดียวกันเมื่อได้ยินคนนิ่งๆเก็บอาการเก่งอย่างกาอาระก็ถึงกับพ่นน้ำชาข้าไม่แปลกใจเลยจริงๆ...


     

    .......................................................................................................
    สวัสดีค่ะ!! จบไปแล้วกับตอนที่หนึ่งโอเคมั้ยเอ่ย?พอนายเอกโผล่มาปุ๊บ
    กาอาระเหมือนจะจืดจางไปทันทีแหมๆพ่อแพนด้าน้อย><
    เอาเถอะๆนายเป็นถึงนายรองเชียวนะเพราะงั้นรอจนกว่าพี่เนจิสุดที่รักจะมาหาอีกนะจ๊ะ
    กาอาระ : ใครอยากเจอเจ้านั่นกัน?
    จะไปรู้เหรอเพราะคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอกทำใจหนูทำใจเรื่องนี้หนูเป็นเคะ
    ขอโทษที่อัพช้าเหลือเกินนะคะ//ไม่มีเวลาโคตรๆแถมพล๊อตเรื่องไม่ค่อยมานี่สดล้วนๆเลยให้ตายเถอะ
    มันช่าง...=w= ก็คิดว่าห่างหายไปกับNaruSasuน๊านนานเพราะมัวแต่หลงแดงดำ
    เลยจัดมาเรื่องนึงกันหลงช่วยกันภาวนาอย่าให้เราตันเลยนะคะเราเองก็ไม่อยากดอง
    ตอนนี้ไว้หลายเรื่องอยู่555 ให้มันจบๆหน่อยเถอะ! เพี้ยงงงง
    เอาล่ะลาเลยแล้วกันขอบคุรที่คอมเม้นให้นะคะ(_ _)
    ซียู♥

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×