คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
บทนำ
ป่าดงพงไพรสีเขียวซึ่งมาจากต้นไม้น้อยใหญ่ที่แย่งกันเติบโตสูงขึ้นทุกวันๆกิ่งก้านแผ่ขยายยาวเอื้อมสูงราวกับพยายามแย่งกันกลืนกินแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่อยู่สูงจนเอื้อมไม่ถึงในที่สุดก็หยุดเติบโตและตายไปแต่เพียงไม่นานก็มีต้นใหม่โตขึ้นแทนหลังจากต้นไม้แก่ได้ตายลงผ่านฝนแสงแดดและความชื้นที่สมดุลทำให้เกิดต้นอ่อนขึ้นทดแทนอีกหนึ่งต้นเพราะเหตุนี้จึงยืนอยู่ได้ต่อไปตราบเท่าที่ต้นไม้ยังไม่หายไปลึกเข้าไปอีกผ่านต้นไม้ใหญ่หลายต้นแหวกใบไม้อีกหนึ่งใบโขดหินเรียงสวยยาวลงมาสายน้ำปูทอดยาวลงมาตามร่องทางใหญ่ระหว่างหินที่ถูกวางทับถมกันจนเกิดเป็นเขื่อนกั้นเล็กๆสายน้ำไหลสาดแรงทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตาน้ำตกสองชั้นซึ่งชั้นที่สองเป็นหน้าผาจึงไม่มีใครเข้าใกล้ส่วนชั้นแรกนอกจากน้ำตกสวยยังมีสิ่งปลูกสร้างไม่เป็นธรรมชาติในป่าอีกเยอะแยะสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เมื่อมีมนุษย์หลายคนย้ายเข้ามาและพบว่าที่นี่เป็นพื้นที่ทำกินที่ดีที่สุดน้ำสะอาดผืนป่าอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งรากฐานแต่ทว่าเพราะมีมนุษย์อยู่สองกลุ่มจึงได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันเนื่องจากพื้นที่นี้ทั้งคู่ได้เลือกเป็นที่ตั้งไว้แล้วเกิดการยื้อแย่งพื้นที่กันทว่าฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองกลุ่มทัดเทียมกันมองไปอีกพื้นที่ซึ่งมีสายน้ำจากน้ำตกชั้นแรกกั้นเอาไว้เหลือบเห็นฝั่งทางโน้นซึ่งมพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กันกลุ่มหนึ่งจึงแยกไปตั้งรากฐานที่นั่นแทนมนุษย์สองกลุ่มซึ่งไม่ถูกกันต่างตั้งรากฐานใกล้กันมีเพียงสายน้ำเชี่ยวกราดสายใหญ่จากน้ำตกเป็นเขตกั้นเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปทั้งสองกลุ่มเริ่มมีลูกหลานเพิ่มมากขึ้นเพื่อไม่ให้สับสนจึงได้ตั้งชื่อกลุ่มตามความสามารถและคารมส่วนใหญ่ของคนในกลุ่มกลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่รวมคนเลือดร้อนแต่ทว่าทักษะการต่อสู้แกร่งกล้าร่างกายเบาหวิวเช่นสายลมถึงแม้จะเป็นพวกเลือดร้อนแต่มีความใจเย็นสูงต้องการสิ่งใดย่อมต้องไขว้คว้ามาให้จงได้นำพากลุ่มรอดจากพยัญตรายมาหลายต่อหลายครั้งราวกับสายลมที่ปัดเป่าทุกสิ่งออกไปกลุ่มนี้จึงได้ชื่อว่า ’วายุ’ ความหมายตรงตัวว่าสายลม
กลุ่มที่สองรักสงบอยู่นิ่งๆแต่หากมีใครริอาจหาเรื่องก่อนก็พร้อมรบเสมอราวกับถ่านไฟที่พร้อมปะทุทุกเมื่อหากมีสายลมคอยกระตุ้นคนของกลุ่มนี้โหยหาในความรักมาก ยิ่งรักมากก็ยิ่งมีความสุขราวกับไฟเล็กๆที่ทำให้อบอุ่นเสมอแต่หากความรักนั้นย้อนกลับมาหักหลังก็เจ็บมากทรมารมากเสียใจมากจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จมดิ่งสู่ความมืดกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใครอีกและถูกความชั่วร้ายครอบงำเหมือนไฟที่อบอุ่นและมอดไหม้จนถึงขีดสุดปะทุขึ้นกลายเป็นความร้อนเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งการจะดับมันก็เป็นเรื่องยากเพราะฉะนั้นคนในกลุ่มนี้จึงไม่ค่อยอยากจะผูกมัดกับใครเพราะไม่อยากจะเจ็บจนกลายเป็นตัวอะไรไม่รู้....ที่มันเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ดอกไม้สวยงาม...เหลือไว้เพียงเถ้าถ่านดำๆไม่มีประโยชน์...จึงเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม ‘อัคคี’
ทั้งสองกลุ่มมีสมาชิกมากมายจนแทบจะตั้งตัวเป็นหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้านได้เลยทีเดียวและถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านแต่ชื่อก็ยังคงเดิมลูกหลานในกลุ่มต่างถูกปลูกฝังเข้าซีรีบั้มสมองให้เกลียดกลุ่มศัตรูห้ามสุ่งสิงพูดคุยและกลุ่มที่มีเพียงแค่น้ำสายเดียวกั้นเป็นอาณาเขตไว้จะไม่แปลกใจเลยถ้าวันดีคืนดีจะเกิดสงครามกันแต่ทั้งสองกลุ่มก็ยังอยู่ได้โดยไม่เคยเกิดสงครามสักครั้งอย่างมากก็แค่ทะเลาะบาดหมางมีคนบาดเจ็บหัวร้างข้างแตกแค่นั้นถึงขั้นเอามีดมาฟันนี่ไม่มีหรือเอาดาบมาเฉาะกันก็ไม่มีทุกวันๆมีเรื่องกันเพราะปากทั้งนั้น
ทั้งสองกลุ่มมีผู้นำที่แก่หงักกันทั้งคู่แต่ตาแก่สองคนนี่ก็ยังไม่เลิกอาฆาตกันทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายจนมีลูกหลานบางคนเอือมและแอบหนีไปคบกับกลุ่มอื่นจนท้องป่องมีลูกกันเต็มบ้านคนแก่ก็ยังทิฐิสูงไม่ยอมลดโทสะเอาแต่แวดใส่กันทางจดหมายหรือไฮเทคหน่อยก็ทางเฟสบุ๊คลูกหลานที่มันดันล็อคอินค้างไว้ก็หวานตาแก่สิและเพราะการที่มีตาแก่ผู้นำอยู่ด้วยสงครามจึงไม่เกิดเพราะแต่ก่อนตาแก่สองคนเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนทว่าดันมีเรื่องให้ทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวันจึงได้แยกกลุ่มกันอยู่ถ้าหากวันหนึ่งผู้นำได้หายไปไม่มีคนเคยห้ามปรามกลุ่มวายุและอัคคีคงไม่พ้นการก่อสงครามแน่นอนทั้งคู่จึงมีความคิดที่ว่าควรจะหาผู้นำคนใหม่และที่เล็งไว้ก็มีอยู่หลายคนแต่ที่เด่นๆก็มีอยู่ข้างละหนึ่งคนหวังว่าทั้งคู่จะเป็นผู้นำที่ดีได้....
‘กลุ่มวายุ’
กลุ่มที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กลุ่มอัคคีมีผู้นำที่น่านับถือ(?)มีตระกูลขุนนางประชาชนโน่นนี่นั่นผู้นำก็เหมือนราชาแต่เพราะเป็นกลุ่มจึงไม่เรียกแบบนั้นขุนนางของกลุ่มก็คือคนใกล้ตัวของผู้นำคนที่เก่งกาจและมีความผิดพลาดของภารกิจที่มอบให้ไปทำน้อยที่สุดขุนนางของกลุ่มวายุมีเพียงสองตระกูล ตระกูลที่หนึ่งซึ่งเป็นตระกูลที่มีหน้าตาและผลงานเด่นที่สุด ตระกูล ‘อุซึมากิ’ ซึ่งมี 'นามิคาเสะ มินาโตะ' เป็นผู้นำตระกูลแทนภรรยาของเขาคุชินะซึ่งเป็นคนตระกูลอุซึมากิหากแต่ลาออกจากวงการมาเป็นแม่บ้านคอยเอาตะหลิวฟาดหัวลูกชายที่อายุปาเข้าไป25แต่ก็ยังทำติดบ้านไม่ยอมออกไปไหนวันๆเล่นแต่เกมส์แต่ไม่รู้ทำไมเงินถึงได้ไหลเข้าบ้านตลอดจนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตกลงไอ้คุณลูกชายตัวดีของเขามันทำงานอะไรกันแน่ถามคำตอบคำซึ่งคำตอบแต่ละประโยคที่ออกจากปากมันไม่กวนประสาทก็ล้วนวอนบาทาทั้งสิ้น
ตระกูลที่สองคือ ’เซนจู’ ซึ่งมันก็คือตระกูลของไอ้ผู้นำแก่หงักนั่นแหละแถมไม่มีลูกหลานให้สืบทอดอีกต่างหากคนที่พอจะสืบทอดต่อไปได้ก็มีแต่ป้าแก่ๆบ้าพนันอยู่คนหนึ่งซึ่งถึงสืบทอดต่อไปก็ไม่รับประกันว่าจะพารอดไปได้สักกี่ปีอายุก็ปาไปห้าสิบกว่าละจึงไม่แปลกที่ผู้นำจะเพ่งเล็งมาทางอุซึมากิและคนที่จะเป็นผู้นำคนต่อไปก็คือคนของอุซึมากิแต่ดูเหมือนเด็กอุซึมากิจะไม่ค่อยอยากเป็นผู้นำสักเท่าไหร่เพราะถ้าคุมคนไม่อยู่สงครามก็อาจจะเกิดเขาเกลียดสงคราม
ชายหนุ่มอายุ25นั่งจ้องจอสีเหลี่ยมในห้องมืดๆจ้องอยู่นั่นแหละจ้องจนจะเข้าไปจูบมันได้อยู่ละจ้องนานๆจ้องได้ทั้งวันโดยไม่กลัวว่าสายตาจะเสีย ‘อุซึมากิ นารุโตะ’ คนนี้หาได้สนไม่?จ้องได้จ้องไปจ้องจนกว่าจะพอใจนั่นแหละเมาส์หนูขนาดพอเหมาะมือลากเลื่อนไปคลิกเข้าเว็บไซต์เว็บหนึ่งนิ้วเรียวเคาะกับแป้นพิมพ์สักพักก็เงยหน้ากวาดตาดูก่อนจะเลื่อนเมาส์คลิกปุ่ม Login สักพักก็วางมือจากเมาส์หันมาสนใจคีบอร์ดแทนนิ้วเรียวไล่ตามแป้นสายตาจับจ้องอยู่ที่ตัวละครก่อนจะลงมือรัวนิ้วไปบนคีบอร์ดจนเกือบจะพังแต่มันก็ไม่พังเพราะอยู่ร่วมทุกร่วมสุขกันมาเกือบสามปีขนาดเคยทุบไปแล้วก็ยังใช้ได้อยู่
นารุโตะหลับหูหลับตาเล่นไม่สนใจเสียงเคาะประตูที่ดังเป็นระยะๆจะแม่ก็แม่เถอะอย่าเพิ่งมาขัดกันตอนนี้สิใกล้ถึงตัวบอสแล้วHPแดงแล้วใกล้แล้วๆๆๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูด้านนอกเริ่มรัวดังขึ้นเรื่อยๆโดยไม่กลัวรบกวนเสียงหมาข้างบ้านแต่นารุโตะหาได้สนไม่มุ่งหน้าบุกฝ่าแหวกแหกผ่าทะลวงด่านบอสจนสามารถเข้าถึงจุดอ่อนก่อนกดนิ้วรัวๆจนแป้นแทบพังตัวละครม้วนตัวฟาดหลังคอบอสจนเลือดขีดสุดท้ายหมดหน้าจอใหญ่เริ่มมืดลงและค่อยๆมีตัวอักษรเลื่อนขึ้นมาว่า....
ฟุบ!
….
และไฟทั้งบ้านก็ดับสักพักก็ติดขึ้นมาท่ามกลางเสียงเคาะประตูดังสนั่นจนเจ้าของห้องไม่แน่ใจว่ามันใช้ฝ่าพระบาทเคาะหรือสันหน้าแข้งงามๆกันแน่แต่ที่น่าตกใจและน่าสตั้นไปกว่านั้นคือหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขามันดับและเกมที่อุตส่าเล่นมาถึงด่านสุดท้ายซ้ำยังชนะแล้วด้วย....
ยังไม่ได้เซฟ....
สถิติ....
เลย....
นารุโตะแทบจะล้มลงไปนอนชักอยู่กับพื้นทว่าเสียงข้างเคาะประตูเริ่มดังขึ้นจนน่ารำคาญเคาะซะนึกว่าบ้านไฟไหม้เจ้าของห้องด้วยความรำคาญจึงตัดสินใจลุกขึ้นหลังจากไว้อาลัยแด่เกมไปไม่ถึงวิมุ่งตรงไปยังบานประตูที่แทบจะแตกอยู่ร่อมร่อและเปิดกระชากมันออกพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเนื่อยๆว่าเกิดอะไรขึ้นทว่ายังพูดไม่ทันจะได้จบประโยคก็ถูกท่อนแขนอันแข็งแกร่งของบร๊ะแม่ล็อคคอพร้อมเอากำปั้นขยี้หัวทองๆจนเจ็บไปหมดหลุดร้องโอดโอยไปหลายรอบและเมื่อแม่เริ่มปริปากบ่นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมว่าทำไมไม่เปิดประตูนารุโตะก็ได้แต่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆว่าไม่ได้ยินใส่เฮดโฟนอยู่แต่เพราะเป็นแม่ถึงได้รู้ว่าคุณลูกชายนั้นโกหกดูจากตาที่มีหลบไม่ยอมสบก็รู้ได้กระจ่างแน่นอนแล้ว
นารุโตะไม่รู้จะแก้ตัวยังไงต่อก็ได้แต่เอ่ยปากขอโทษและถูกพาตัวมาที่ห้องรับแขกหนุ่มผมทองมองเห็นแล้วที่โซฟามีสมาชิกในบ้านเพิ่มมาอีกหนึ่งซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากแขกที่เขารู้จักดีชายหนุ่มรีบวิ่งรี่ไปหาเพื่อนทันทีด้วยใบหน้าเปลี่ยมสุขไม่สนใจแม่ที่แวดใส่ด้วยคารมหมองมัว(?)
แหงล่ะไม่สนหรอกที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
“เนจิเอาของมาฝากป่ะ!” เสียงทะเล้นพร้อมเจ้าของร่างเข้าไปกระแซะเพื่อนด้วยความร่าเริงพร้อมแบมือขอของฝากจากกลุ่มของเนจิแต่ดูเหมือนเพื่อนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ยื่นของฝากให้นารุโตะด้วยความรำคาญที่เขามาวันนี้เพราะมีเรื่องที่ท่านผู้นำฝากมาโน้มนาวนารุโตะอีกแรงต่างหาก
นารุโตะดูจะชอบและถูกอกถูกใจของฝากไม่น้อยหลังจากแกะถุงและกระดาษสวยๆที่ห่ออย่างดิบดีออกไปแล้วมันคือลูกแก้วหิมะกลมๆซึ่งเวลาเขย่าเจ้าก้อนกลมๆเล็กๆสีขาวจะลอยฟุ้งกระจายไปทั่วแก้วกลมๆอย่างสวยงามปกติเขาไม่ค่อยได้ออกจากบ้านจะออกก็ต่อเมื่อมันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตจริงๆเท่านั้นแหละร่างสูงนอนลงเกลือกกลิ้งบนโฟซาอย่างไม่เกรงใจเพื่อนเลยแม้แต่นิดแต่ถึงจะบอกว่าเพื่อนแต่เนจิกับเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายถ้าเทียบกับคิบะที่อยู่ข้างบ้านเขายังสนิทกว่าตั้งเยอะถึงแม้จะไม่ค่อยชอบอากามารุสุนัขแสนรักของพี่แกเวลาเห่าก็เถอะ
ภายใต้สายตาเนจิที่จับจ้องมองมาแบบเหยียดเล็กน้อยถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่านารุโตะเป็นคนติดบ้านแต่ก็ใช่ว่าจะอ่อนด้อยปัญญายิ่งโตขึ้นก็ยิ่งฉลาดเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะนะยังคงความซื่อบื้อในสมัยเด็กไว้อยู่เก็บไว้ประดับลบทิ้งไม่ได้เดี๋ยวจะคิดถึงมันเอาว่างๆก็คงมานั่งรื้อความซื่อตัวเองเล่น สักพักเนจิก็เริ่มรู้สึกว่าควรจะเข้าประเด็นได้แล้วแต่เมื่อนึกได้และกำลังจะอ้าปากถามนารุโตะก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เออ...แล้วเจ้ามีธุระอะไรที่กลุ่มข้าล่ะ” เนจิย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อนารุโตะเริ่มถามก่อนเขายอมตอบไปดีๆและพยายามคิดหาวิธีโน้มนาวต่อไปในขณะที่นารุโตะรอฟังคำตอบพลางกลิ้งลูกแก้วหิมะในมือเล่น
“ข้ามาดูงานแล้วบังเอิญเจอกับท่านผู้นำพอดีเลยนั่งคุยกันเสียหน่อยเห็นว่ามาข้ามาและข้าสนิทกับเจ้าพอดีเลยถือโอกาสวานมาด้วย” นารุโตะเอียงคอก่อนเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความสงสัยใจนึกสังหรณ์ไม่ดีสุดๆท่านผู้นำคงไม่คิดอะไรแผลงๆหรอกนะเพราะหากทำแบบนั้นเวลาว่างอันแสนสุขของเขาคงถูกชิงไปและก็ต้องจัดเวลาใหม่ทั้งหมดและมันก็คงไม่พ้น….
“วานเรื่องใดรึ?” และดูเหมือนลางสังหรณ์นั่นจะเป็นจริงเสียด้วยเมื่อคำตอบที่ออกมาจากปากของเนจิทำเอาเขาติดสตั้นไปแปดวิพร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจะเอือมสุดๆกับประโยคแบบนี้
“ท่านบอกให้เจ้าหาคู่ครองให้ได้สักคนก่อนมาเป็นผู้นำแทน”
“ข้าไม่เอาด้วยหรอก!” พูดแค่นั้นและกรโดดลงจากโซฟาเดินตึงตังเข้าห้องไปโดยไม่สนใจว่าแม่ที่ออกมาจากครัวจะแว้ดใส่ไปกี่ทีหารู้ไม่ว่าเจ้าตัวหัวทองตาฟ้ามันได้ฟังรึเปล่าเนจิส่ายหน้าด้วยความเอือมใช่แล้วเขาเอือมเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาโน้มนาวมันท่านผู้นำก็นะก็แทนที่จะหาคนที่เหมาะสมกว่าแต่ก็อย่างว่าคนที่เหมาะสมไปกว่านารุโตะก็คงหายากพอดูเพราะถึงแม้จะเก่งกว่ายังไงก็สู้นารุโตะไม่ได้อยู่ดีผู้นำต้องได้รับกับไว้เนื้อเชื่อใจจากคนในกลุ่มมากที่สุดผู้นำจะต้องรักษาคำพูดและผู้นำคือคนที่อ่อนโยนที่สุดนารุโตะมีคุณสมบัติครบถ้วนที่สุดขาดแต่สมองที่ติดจะใสซื่อเกินไปหน่อย...
และด้วยเหตุนี้ที่ทำให้เขา...
ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำชัยมันให้รีบๆรับตำแหน่งเสียทีมันจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเขาถามว่า...ทำไมผู้นำถึงเลือกให้เขามากล่อมนารุโตะเหตุผลไม่ใช่แค่ว่าเขาเป็นคนสนิทแน่นอนเพียงเพราะเขาได้รับตำแหน่งผู้นำเร็วกว่านิดหน่อยและอายุใกล้เคียงกันประสบการณ์มากกว่าผู้นำจึงคิดว่าถ้าหากให้เขามาช่วยกล่อมนารุโตะอาจจะคล้อยตามเพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนอายุใกล้เคียงกันรับตำแหน่งและตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันก็เป็นได้ทว่ามันกลับตรงกันข้ามหลายครั้งหลายคราที่เขามากล่อมมันไม่แม้จะเหลียวมองหรือเห็นหัวเขาเลยให้ตายเถอะซ้ำยังเมินตำแหน่งอันแสนสูงส่งที่ทุกคนในกลุ่มใฝ่ฝันอยากจะคว้ามาให้ได้อีกต่างหาก
ให้ตายสิ!
มันอยู่แค่เอื้อมเองนะ!
อย่างน้อยก็ช่วยเหลียวแลและรับมันไปหน่อยเถอะ...
เนจิเคยพูดแบบนี้ออกไปด้วยความเหลืออดเพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะว่างเห็นมากลุ่มนี้บ่อยๆก็เพราะมาประชุมระหว่างกลุ่มพันธมิตรและมาดูของหรอกนะแต่ดูมันสิทำให้เขาลำบากถ้ามันกระตือรือร้นออกไปจีบสาวสักคนเขาจะไม่ปริปากด่ามันสักประโยคเลย...
“ให้ตายสิลูกคนนี้ทั้งๆที่หน้าตาออกจะดีแต่ไม่ยักจะหาคู่ครองได้สักคนข้าล่ะเหนื่อยใจแทนเจ้าจริงๆเนจิ” เนจิยิ้มเล็กน้อยและหยิบอาหารว่างที่คุณแม่บ้านนี้เขาอุตส่าทำมาเสิร์ฟให้ทานถึงที่มาลองชิมดูถึงแม้จะเป็นคุณแม่ที่ดูไม่สมกับเป็นสตรีเท่าไหร่ทว่าฝีมือการทำอาหารไม่แพ้ใครเลยนะ
เนจิกินไปครึ่งถ้วยก่อนนึกได้ว่าต้องไปตรวจดูสินค้าส่งออกของกลุ่มตัวเองจึงรีบลุกขึ้นกล่าวขอโทษที่มารบกวนกับคุณแม่และเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องนารุโตะเดาได้เลยว่าคงอารมณ์ขุ่นมัวสุดๆเพราะก่อนที่จะคุยกันไฟมันตกสักพักก็มาเกมที่เล่นคงยังไม่ได้เซฟแหงๆบวกกับที่เขามาพูดเรื่องตำแหน่งเอาในเวลานี้มันก็เป็นธรรมดาที่จะอารมณ์เสียล่ะก็นะแต่เวลาไม่คอยท่ามันไม่เหลือมากพอที่จะรอให้คนคนนี้พร้อมแล้วต้องรับตำแหน่งภายในสองปีนี้แหละเนจิเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“นารุโตะ…เจ้าจะฟังหรือไม่ข้าไม่สนข้ารู้ว่าเจ้าได้ยินดังนั้นเมื่อถึงเวลาเจ้ายังเก็บตัวอยู่แบบนี้รู้ตัวเมื่อไหร่มันอาจจะสายไปข้าไม่ได้บังคับสิทธิ์ในส่วนนั้นมันไม่มีให้ข้าอยู่แล้ว...มันขึ้นอยู่กับเจ้านารุโตะถ้าเจ้ายังโลเลตำแหน่งนี้ยังมีอีกหลายคนรออยู่หากไม่ติดว่ามันเหมาะกับเจ้าที่สุด” กล่าวจบผละออกจากประตูยืนมองสักพักจึงหมุนตัวเดินออกจากบ้านนี้ไปปลอ่ยให้คนในห้องนั่งคิดทบทวนดูดีๆครั้นจะยกตำแหน่งให้มินาโตะก่อนก็ทำได้ไฉนเล่าท่านผู้นำจึงไม่ตรองให้ดีจะบอกว่าคิดไม่ถึงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้...หรือแท้จริงได้เลือกไว้อยู่แล้ว...
เนจิได้แต่คิดไม่ตกและเดินไปยังท่าเรือซึ่งอยู่ฝั่งท้ายกลุ่มวายุตรวจดูสินค้าทั้งหมดที่เตรียมขนไปค้าขายแลกเปลี่ยนที่กลุ่มเขาก่อนจะให้เรือส่งสินค้าเดินออกไปส่วนเรือของเขาที่มารับแยกยังไม่มาถึงจึงถือโอกาสเดินไปกลุ่มอัคคีดูเสียหน่อยเพราะถึงแม้จะเป็นพันธมิตรกลุ่มวายุก็ใช่ว่าจะเป็นศัตรูกับกลุ่มอัคคีด้วยเสียหน่อยแต่อีกนัยหนึ่งก็ไม่ได้เป็นมิตรด้วยอยู่ดีสำหรับกลุ่มอัคคีเขาก็เพียงแค่ผู้นำกลุ่มที่มาเดินเล่นดูโน่นนี่นั่นไม่มีประสงค์ร้ายอะไรและแน่นอนตัวเขาเองก็ไม่คิดที่จะมีเรื่องกับกลุ่มอัคคีแต่ถ้ามีสงครามเขาก็พร้อมใจที่จะสู้เคืองข้างกลุ่มวายุอยู่ดีแบบนี้ควรเรียกว่าศัตรูสินะแต่เอาเถอะนิดเดียวคงไม่เป็นไร เนจิเดินผ่านประตูเข้ากลุ่มซึ่งมีชายสองคนเฝ้าอยหน้าประตูส่วนอีกสองอยู่ด้านในคอยตรวจสิ่งที่น่าสงสัยเขาซึ่งไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรจึงผ่านมันมาได้สบายๆ
เขามองซ้ายขวาหาทางที่คนเดินเยอะที่สุดและสถานที่นั้นมักจะเป็นตลาดเนจิเดินตามแม่บ้านถือตระกร้าเก็บผักไปยังตลาดกลางแจ้งเหล่าแม่บ้านพ่อบ้านต่างเดินกันออกมาหาซื้อข้าวซื้อของรวมถึงวัตถุดิบที่จะนำไปใช้งานทั้งหลายแหล่พ่อค้าแม่ค้าก็อัธยาศัยดีพูดเพราะกันทุกคนวางของไว้หน้าร้านและคอยบริการอย่างดี
หือ...เป็นกลุ่มที่สงบดีจังนะ...
เนจิเดินเอื่อยเฉื่อยดูไปเรื่อยๆเพราะเรือของเขาจะมาอีกหนึ่งชั่วโมงไม่ต้องรีบร้อนเดินดูอีกหน่อยกลุ่มวายุอยู่ใกล้ๆกันนี่เองจะกลับก็ยังทันและเพราะเหตุผลนั้นเนจิจึงเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆในตลาดจนเมื่อคนเริ่มซาลงและข้าวของเริ่มน้อยเจ้าตัวเลยหนุนตัวกลับระหว่างนั้นก็เดินแวะร้านขายเครื่องประดับเสียหน่อย อย่าเข้าใจผิดเขาไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นแค่จะดูปิ่นปักผมให้น้องสาวเท่านั้นปิ่นที่นี่เองก็สวยดีเนจิจับๆดูๆอยู่นานก็ตัดสินใจเลือกอันที่สะดุดตาเขาที่สุดคงเป็นปิ่นยาวสีดำมีเกร็ดคล้ายกลีบดอกไม้ติดอยู่ตามตัวปิ่นข้างๆถูกลวดร้อยยาวลงมาให้ดูพริ้วๆเป็นไขมุขสองลูกสลับกับเพรชเล็กๆอีกหนึ่งดูน่ารักเหมาะกับคนที่เขาจะให้ดีเหมือนกันเนจิควักแบงค์หมื่นเยนออกมาสองใบและยื่นให้พ่อค้าโดยบอกว่าไม่ต้องทอนก่อนเดินออกไปปล่อยให้เจ้าของร้ายยืนงงอยู่แบบนั้น
เนจิเดินผ่านซอยเล็กๆมืดๆที่ไม่ค่อยมีใครสนใจอะไรมากนักทว่าเสียงเอะอะของของเจ้าพวกบ้าในนั้นมันช่างรบกวนโสดประสาทของเขาจนน่ารำคาญเสียจริงเนจิเลี่ยงไม่ได้ที่จะหันไปมอง...
“น่า...อย่าดิ้นนักสิไม่ใช่คนในกลุ่มนี่หว่าถึงว่าไม่เคยเห็นหน้า...” ร่างโปร่งบางซึ่งกำลังถูกกักให้ติดอยู่กับกำแพงสองมือถูกรวบไว้เหนือหัวและที่เตะตากว่านั้นคือเรือนผมสีแดงสดและใบหน้านิ่งขรึมไม่สารถเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ใบหน้าแบบนั้นมันช่างคุ้นเหลือเกิน เนจิไม่สามารถละสายตาไปได้ทว่าแทนที่จะมามัวนั่งพรรณนาความสวยของร่างโปร่งนั่นเขาควรจะเข้าไปช่วยยิ่งตอนนี้โดนมือสรกปกน่ารังเกียจนั่นลูบไปถึงไหนต่อไหนแล้วแต่ว่า....
“เนอะลูกพี่...งดงามมาก” เจ้าลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยสมทบและมันก็ไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งรู้สึกยินดีเลยสักนิดดวงตาสีเขียวมรกตเหล่มองมีดพับอันเล็กที่จ่ออยู่ข้างแก้มหากเขาขยับมีหวังโดนบาดหน้าแหงๆที่คิดนี่ไม่ได้กลัวเจ็บแต่อย่างใดแต่จะทำให้เลือดมันไหลเพื่ออะไรกลับบ้านไปมีหวังโดนบ่นแย่เขาขยับมือและพยายามหลีกเลี่ยงมือสรกปกของเจ้าพวกอันธพาลร่างใหญ่โตทว่ามันกลับรวบเอวของเขาเข้าใกล้และไล้มีดไปกับแก้มของเขาข้อมือถูกบีบล็อคจนเจ็บไปหมดและขยับไม่ได้
“นั่นสินะ โอ๊ะๆ ไม่ดีนะคนสวยถ้าขยับมากกว่านี้เจ้านี้จะบาดหน้าสวยๆของเจ้าเป็นรอยมันจะเสียโฉมเอานะ” มันว่าพลางเลื่อนหน้าเข้ามาหวังจะฝังจมูกลงบนแก้มของเขาร่างโปร่งเบือนหน้าหนีทันทีทว่ากลับถูกมือของมันที่ถือมีดบีบแก้มให้หันกลับมาเขารู้สึกรังเกียจอย่างสุดซึ้งและดูเหมือนพระเจ้าจะยังสงสารเขาอยู่
“เอ…ดูสิว่าข้าเจอใคร...เจ้าหญิงน้อยเมื่อครั้งนั้นทำไมถึงได้มาคลุกอยู่กับชายโสโครกพวกนี้กันนะ” เสียงมาก่อนตัวเสียด้วยและเสียงนี้เขาจำได้ดีและเกลียดมันสุดขั้วหัวใจเป็นไปได้ก็ขออย่าได้เจอกันอีกแต่ดูเหมือนชะตาเล่นตลกพระเจ้ามอบเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเขาแต่เขาจะขอบคุณมากกว่านี้ถ้าเจ้าชายม้าขาวที่ว่าไม่ใช่ไอ้เปรตเฮ็งซวยนี่!
ร่างบางเบือนหน้าหนีไม่คิดจะร้องขอให้ช่วยสักแอะและแน่นอนเมื่อมีคนมาขัดลาภไอ้พวกเปรตเดนสังคมก็ล่าถอยจากตัวเขาแต่ก็ใช่ว่ามันจะปล่อยตัวเขาหรอกนะน้ำเสียงแหบพร่าฟังแล้วไม่ลื่นหูเอ่ยถามด้วยความโมโห
“แกเป็นใครวะห๊า!...อยากมีเรื่องเรอะมาขัดลาภพวกข้า!” เนจิส่ายหน้ารอยยิ้มเจ้าเลห์ผุดขึ้นมุมปากขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้านิ่งๆที่เริ่มจะจิกสายตาจ้องเขากลับของร่างโปร่งผมแดง
“เปล่า...พวกเจ้าจะทำอะไรก็ทำข้าแค่มาทักทายคนรู้จักเท่านั้นตอนนี้เห็นแล้วว่าสบายดีเพราะงั้นข้าขอตัว” กล่าวจบก็ทำท่าจะเดินออกไปทันทีร่างโปร่งแอบเถียงในใจว่าสบายดีตรงส่วนไหนของเจ้าเอาตาตุ่มมองหรือยังไงและเพราะเนจิช่วยเปิดโอกาสให้ระหว่างที่พวกมันกำลังงงงวยได้ทีของร่างโปร่งที่อาศัยจังหวะตอนเผลอยกขาเตะเข้าเต็มๆที่กล่องดวงใจของเจ้าลูกพี่มันเต็มแรงจนคนโดนทำร้ายน้องชายถึงกับลงไปทรุดถ้าไม่เป็นหมันก็คงเข้าห้องน้ำไม่ได้อีก3-4วันเลยล่ะเมื่อแน่ใจแล้วว่าเหล่าลูกน้องเสียกำลังใจเพราะลูกพีได้พ่ายให้แก่คนงามจึงเดินออกมาจากซอยปัดเนื้อตัวที่เปื้อนฝุ่นออกหันมองข้างซอยก็เห็นเนจิยืนกอดอกยืนพิงผนังด้วยความสบายใจ
ร่างโปร่งหรี่ตามองและเดาะลิ้นความหงุดหงิดก่อนเดินหนีไปดื้อๆไม่คิดจะทักทายหรือขอบคุณอะไรมันด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ชอบหน้ามันเท่านั้นเลยทำเป็นมองแกล้งมองไม่เห็นทว่าเนจิกลับไวกว่าเดินสามก้าวไปฉุดข้อมือเล็กและดึงให้อีกคนหันมาเป็นอย่างที่คิดร่างโปร่งตรงหน้าเขาดูดีขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนเสียอีกไม่ว่าจะดวงตาคมกริบสีเขียวมรกตดูกี่ทีก็ทำให้หลงไหลได้ง่ายๆและเรือนผมสีแดงแปลกตาทว่ากลับลับเข้ากับใบหน้ามนได้อย่างลงตัวพวงแก้มสีขาวอมชมพูเช่นเดียวกับผิวกายบอกตรงๆไม่แปลกใจที่เจ้าพวกนั้นคิดว่าคนตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิงก็งดงามขนาดนี้เนจิมองตาค้างก่อนรู้สึกตัวและแกล้งพูดจายียวนกวนประสาท
“ไม่คิดจะทักทายหรือขอบคุณกันหน่อยเหรอเจ้าหญิงน้อย” กล่าวจบร่างโปร่งก็แทบอดไม่ไหวที่จะเอาสันมือฟาดกระบาลมันสักทีพูดออกมาได้ไม่อายปากเขาเป็นผู้ชายมาเจ้ายงเจ้าหญิงอะไรกันล่ะ!
“ขออภัยข้าไม่เห็นท่านมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” เนจิรู้ว่าเจ้าของร่างโปร่งนั้นเห็นเขาแน่นอนแต่ทำเป็นไม่เห็นต่างหาก
หึ...ยังหยิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...
“หึ...ข้าเสียใจนะ ‘กาอาระ’ อุตส่าเห็นใจเดินเข้าไปช่วยก่อกวนประสาทพวกมันให้หัวหมุนเสียหน่อย” กาอาระรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมและเพราะเป็นคนไม่ค่อยแสดงอารมณ์ทางสีหน้าจึงไม่มีใครสังเกตได้ยกเว้นเนจิที่รู้ว่าร่างโปร่งตรงหน้าเขากำลังขัดใจเพราะเขาอยู่เป็นแน่แท้ กาอาระหลับตาข่มความหงุดหงิดและใช้มืออีกข้างค่อยๆแกะมือเนจิที่จับข้อมือของเขาออกอย่างมีมารยาท
“ข้าขอบคุณที่ท่านช่วย...และข้าหวังว่าเราคงจะไม่เจอกันอีก” กล่าวจบก็กลับหลังหันเดินออกไปเร็วๆจนแทบจะเรียกว่าวิ่งเนจิไม่คิดจะวิ่งตามปล่อยให้อีกคนวิ่งหายไปในฝูงชนเขายังแปลกใจไม่หายครั้งที่ได้มองใบหน้ากาอาระครั้งแรกมันชวนให้ตกหลุมได้ง่ายๆงดงามมาก...ไม่นึกว่าตอนเด็กคนน่ารักแบบนั้นจะโตขึ้นแล้วสวยกว่าเดิมสิบเท่าคิดเสร็จก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งทันทีเขาต้องรีบกลับไปที่กลุ่มวายุแล้วไม่งั้นคงตกเรือคิดได้เนจิก็รีบจ้ำทันทีมือหนาทาบหน้าอกสัมผัสปิ่นปักผมที่ตั้งใจจะเอาไปให้น้องสาวพลางอมยิ้มน้อยๆ
.........................................................................................................
นารุโตะนั่งกดจอยด้วยอารมณ์หงุดหงิดยิงซอมบี้(?)ตายไปสิบตัวฝ่าด่านโน่นนี่นั่นจนชนะมา2รอบแต่ก็ยังน่าเบื่อและไม่หายหงุดหงิดเสียทีคำพูดผ่านบานประตูของเนจิทำให้เขาคิดมากจะบอกว่าไม่อยากรับตำแหน่งก็ไม่ถูกเพราะเขาก็อยากรับตำแหน่งเหมือนกันแต่ที่ขัดใจก็เพราะไม่อยากมีคู่ครองมาเป็นตัวเป็นตนต่างหากเพราะมันก็ไม่ต่างจากแม่คนที่สองนั่นแหละแม่คนเดียวก็หูชาจะแย่อยู่แล้วบ่นทีอย่างกับแร็ปเปอร์มืออาชีพเล่นเอาขี้หูเต้นแย้วๆไปหลายที
ร่างสูงของชายหนุ่มวัย25คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตเท้ามือเป็นหมอนและนอนลงกับพื้นเสื้อทาทามิสีเขียวในห้องอยากกลับไปเป็นตอนเด็กๆชะมัดเลยน้า...
คิดแล้วคิดอีกยังไงก็ต้องหาเมีย เอ๊ย! คู่ครองให้ได้สักคนสินะ...ได้เขาจะหามาให้ทุกคนตะลึงไปเลยคอยดูเถอะ!
หึ...หึ
คิดเสร็จรอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นก่อนร่างสูงจะผิดคอมปิดไฟปิดพัดลมปิดแม่มทุกอย่างในห้องตัวเองและหยิบเสื้อวอร์มสีส้มตัวโปรดใส่ทับเสื้อกล้ามสีดำของตัวเองเปิดประตูเห็นแม่นั่งดูทีวีอยู่ก็ไม่อยากขัดบอกเพียงว่าจะออกไปข้างนอกสักพักกลับเย็นๆแม่ก็ไม่ว่าอะไรถึงแม้จะสงสัยอยู่ก็ตามเพราะลูกชายร้อยวันพันปีไม่เคยจะออกจากบ้านจึงถือโอกาสวิ่งออกจากบ้านกระโดดวิ่งไปตามหลังคาชาวบ้านเพื่อไปยังน้ำตกสองชั้นสายเดียวที่กั้นระหว่างกลุ่มวายุของเขาและกลุ่มอัคคีคราวนี้ล่ะพวกตาแก่คอยดูเถอะคู่ครองของเขาจะทำให้อึ้งอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออกเลยคอยดู!!
...........................................................................................
สวัสดีค่ะ!จบไปแล้วกับบทนำมันน่าเบื่อมากรึเปล่าคะ?555ขอบคุณที่คอมเม้นนะคะ
ช่วงนี้ไม่มีเวลาเลยค่ะT_Tขอโทษคงจะอัพได้อาทิตย์ละครั้งแน่นอนค่ะขอบคุณที่อุตส่า
กดคลิกกันเข้ามาอ่านนะคะดีใจค่ะ55กาก้า!!ไปหารูปมาทำไมแฟนอาร์ตนายมันน่ารักแบบนี้ยะ!
นอกใจอิเกะแป๊ป ซัสเคะเองก็ยังไม่ออกค่าตัวแพงก็เงี้ยสามีเองก็ค่าตัวแพงโพล่มาแค่ต้นกับท้าย
ถถถถถว์ ตอนนี้เนจิแย่งซีนเต็มๆอ่ะ ยังไงก็ใครชอบก็ขอบคุณนะคะใครติดตามก็ขอบคุณค่ะ
ลาล่ะค่ะ
ซียู♥
ดาเมจมากค่ะ-///-
ความคิดเห็น