คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 9 : ทำไมเจอแต่พวกนี้ฟะ!!
9
ทำเจอแต่พวกนี้ฟะ!!
“ได้มั้ย?” ซาสึเกะถามย้ำอีกครั้ง
“อะ...อืม ก็ได้อยู่หรอกแล้วเสื้อนายไปไหนซะล่ะ” นารุโตะถามกลับพลางมองคนตัวเล็กกว่า(หน่อย)เดินไปหยิบเสื้อสีส้มพาดลายดำของเขามาใส่ลวกๆ
“ถ้าฉันไม่ขาแพลงคงกลับไปเปลี่ยนที่…ที่ฉันอยู่แล้วล่ะ” ซาสึเกะบอกโดยไม่เจาะจงไปในสถานที่ที่ตัวเองอยู่กับพวกในทีมและไม่ลืมที่จะแอบกัดนารุโตะด้วยการเอ่ยโทษคนที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องมานอนอยู่ที่นี่ นารุโตะที่นั่งอยู่บนเตียงเมื่อได้ยินคำพูดที่แอบกัดของซาสึเกะเริ่มทำหน้าหงิกแล้วโทษนู่นโทษนี่ไปเรื่อย
“ก็ใครใช้ให้นายร่วงลงมาด้วยเล่า”
“แล้วใครวะที่ลากฉันลงไป!”
“ก็ถ้านายไม่ลงมาด้วยขาก็ไม่เจ็บหรอกน่า”
“ใครมันจะไปฉุดแกขึ้นมาไหวล่ะ” ถึงคำที่เถียงจะเบาก็รับรู้ได้ว่าซาสึเกะเองก็เริ่มจะรำคาญ
“แรงนายก็เยอะนี่เมื่อกี๊ยังเหวี่ยงฉันลงเตียงซะแทบจุก”
“จะไปรู้เรอะ!ก็ตอนนั้นนายทำตัวน่ารำคาญเอง”
“หา!!!!...นายหาวะ...”
ก๊อก ก๊อก
กำลังจะเปิดศึกเถียงกันอีกรอบแต่เสียงประตูที่มีคนเคาะก็ดังกระแทกหูทั้งคู่ซะก่อนฟังจากเสียงเคาะดูเหมือนคนเคาะกำลังจะพังประตูเข้ามาอยู่ร่อมร่อด้วยความที่เป็นวัยรุ่นเลือดร้อน(?)นารุโตะเลยสงบปากลงและเดินไปเปิดประตูให้เพราะเขายืนอยู่ใกล้ประตูกว่าส่วนอีกคนในห้องก็รีบใส่เสื้อให้เสร็จและเดินไปนั่งบนเตียง
“นายมาทำไร?” ถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆซึ่งนอกจากมิซากิแล้วมีอีกคนที่นารุโตะจะพูดด้วยแบบนี้เพราะเพิ่งทะเราะกันมาหมาดๆก่อนจะโดนซาสึเกะลากกลับห้อง ซุยเงสึยืนปั้นหน้ายากอยู่หน้าห้องก่อนจะชะเง้อคอมองหาไอ้ตัวนำทีมที่ขาเจ็บไม่หายด้วยเหตุผลโง่ๆ
“หึ...ฉันแค่แวะมาหาซาสึเกะน่ะจะคุยธุระกันระหว่างคนวงใน...ไม่ได้รึไง” ซุยเงสึว่าจิกๆด้วยใบหน้าที่แสนจะกวน(ตื๊ด!) กำลังจะบอกว่ากูเป็นคนนอกไม่เกี่ยวว่างั้น! นารุโตะคิดเคืองๆ
“ก็ได้นี่เข้าไปสิ” แต่ดูเหมือนคราวนี้นารุโตะคุงของเราจะระงบอารมณ์ที่อยากจะอัดคนไว้ได้แฮะ(อเมซิ่ง!!) เมื่อซุยเงสึได้ยินดังนั้นจึงได้รีบเดินเข้าไปอย่างว่องเพราะอยากกลับไปนอน?พร้อมกับนารุโตะที่ปิดประตูตามเข้ามา และเมื่อเดินเข้ามาเห็นซาสึเกะที่นั่งไขว้ขาอยู่บนเตียงแถมชุดที่ใส่ยังหลวมโพล่งซะแล้วไหงใส่กางเกงขาสั้นนอน!เดี๋ยวเป็นหวัดอีก!!
“เอ่อ…นายไม่หนาวรึไง?”
“หนาว”
“ก็หาขายาวใส่สิฟะ”
“มันร้อนตอนดึกๆน่ะ(เพราะเดี๋ยวต้องมีตัวอะไรมานอนเบียดแหงเจองี้ตั้งแต่นอนกับมันตอนเด็กๆละ)”ไอ้ในวงเล็บนั่นมันอะไร้!!แต่เขาไม่ได้พูดคำในวงเล็บนั่นออกไปเพราะคาแร็กเตอร์ตัวเองเองนั้นไม่ได้เป็นคนชั่งพูด=3=
“โอเคๆ ขานั่นถ้ายังไม่หายเจ็บจะให้ฉันตามคารินมาให้มั้ยจะได้รีบๆกลับเจ้าหนูมิซากินั่นก็เคลียร์กันแล้วนี่” ซุยเงสึเสนอ
“ไม่ต้องวุ่นวายเปล่าๆ” เขาว่าพลางล้มตัวลงนอนโดยหันหลังให้ซุยเงสึเป็นสัญญาณบอกว่าง่วง- -
“แล้วนายจะเดินกลับไหวรึไง?”
“....”
“เออๆก็ได้แล้วจะให้ฉันนอนไหนดีล่ะเนี่ย”
“หา!! นี่นายจะนอนนี่เหรอ!!!!” นารุโตะที่อยู่ฟังด้วยตั้งแต่ต้นจนจบเริ่มเอ่ยท้วงขึ้นมาเพราะถ้าหากซุยเงสึมานอนห้องเขาด้วยอีกคนคงอึดอัดตายเตียงก็เล็กนิดเดียวนอนคนเดียวก็เต็มกลืน(อ้าวแล้วเกะมันนอนได้ไง?)
“ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะนอนห้องนี้ซะหน่อย…หรือจะกลับไปนอนที่ฐานดี” ซุยเงสึเริ่มคิดหนักแต่ก็เหมือนนึกอะไรออกก่อนจะเดินเข้าไปทักซาสึเกะที่คิดว่าหลับไปแล้ว(มั้ง)
“ก็กลับไปสิ” นารุโตะตัดสินใจเลือกคำตอบให้ซุยเงสึเองแล้วดูเหมือยจะไล่ให้รีบๆไปซะทีเสียด้วย
“นายน่ะออกไปได้แล้วพวกฉันจะคุยความลับกันเด็กอย่างนายไม่ควรรู้หรอกออกไปได้ป่ะ” ว่าจบนารุโตะก็แทบอยากจะเอาตู้น้ำมาทุ่มใส่(เฮ้ย!!เดี๋ยวนั่นมันบทชิสึจัง=[]=)
“เรื่องอะไรล่ะฉันยังอยากให้ซาสึเกะกลับไปด้วยกันอยู่นะ!!!” นารุโตะแย้งแถมยังเดินมาขว้างระหว่างซุยเงสึกับซาสึเกะอีกต่างหาก
“อะไรนักหนาห๊ะแกนิ=[]=*”
“ช่างเหอะ…จะบอกเรื่องยานากุระใช่มั้ยงั้นก็ว่ามาเลยไอ้หมอนี่ยังไงก็ไม่มีทางรู้เรื่องอะไรด้วยหรอกน่า” ซาสึเกะที่คิดว่า(น่าจะ)หลับไปแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งหาวทำให้อีก2คนในห้องที่กำลังจะฟาดปากกันเปลี่ยนประเด็น
“อ้าวยังไม่หลับแฮะ”
“เรื่องยานากุระอะไรเหลอ?”
“บ๊องรึไงใครจะบอกแกล่ะ ที่บอกให้ไปหาคัมภีร์ของพวกยานากุระน่ะฉันหามาให้แล้วนะ” ว่าพลางโยนม้วนคัมภีร์ให้ “แล้วดูเหมือนพวกมันจะมาเอาคืนซะด้วยนะ ฮะฮะ ก็น่าอยู่หรอกเล่นหมายตละกูลใหญ่แบบนั้น” ซุยเงสึว่าไปหัวเราะไปอย่างสะใจ ตระกูลยานากุระเป็นตระกูลที่ใหญ่และมีชื่อเสียงพอดูในด้านการค้าแต่เบื้องหลังดันร่วมมือกับพวกมาเฟียต่างชาติค้ายาเสพติดและคดโกงต่างๆนาๆทั้งยังไล่เก็บภาษีจากหมู่บ้านเล็กๆทั้งๆที่ไม่จำเป็นแต่ถ้าหากคัมภีร์ที่เปรียบดั่งที่ตั้งตระกูลถูกขโมยไปตระกูลที่แข่งกันเชิงธุระกิจจะถูกเปิดโปงความลับและในที่สุดก็จะล่ม คัมภีร์ที่ว่านี้มีความสำคัญในด้านธุระกิจซึ่งจะถูกแจกให้แต่ละตละกูลที่เล่นทำธุรกิจและมีความลับร้ายๆเท่านั้นและคัมภีร์นั้นก็กุมความลับที่เกี่ยวกับด้านมืดในเชิงการค้าของบริษัทหรือตระกูลนั้นๆเอาไว้
“แล้วจะทำยังไงต่อล่ะ” ซุยเงสึถามกลับอีกครั้ง
“ถามบ้าอะไร”
“?...งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะรีบๆหายล่ะ” ว่าพลางกำลังจะเดินออกไป
“คัมภีร์เนี่ย เอาไปเปิดโปงให้หมดแล้วก็ห้ามขายล่ะเพราะมันจะได้กำไลน้อยกว่า” ซาสึเกะว่าพลางโยนคัมภีร์คืนให้ซุยเงสึที่กำลังจะเดินออกไป ซุยเงสึรับไว้อย่างงงๆแต่ก็ตอบรับคำแล้วเดินออกไปเงียบๆเขาตั้งใจจะกลับไปพักกับพวกคารินดีกว่า มาคิดดูอีกทีจูโกะอยู่กับคารินสองคน...มันจะไม่ครั่งเอาเรอะ!!! คิดได้เขาก็หันกลับมาหาซาสึเกะอีกที
“ถ้าเกิดจูโกะคลุ้มคลั่งขึ้นมาจะทำไงล่ะ” ซาสึเกะเลิกคิ้ว
“ก็ถ้าไม่มีอะไรกระตุ้นอารมณ์ให้อยากฆ่าหมอนั่นก็ไม่เป็นไร” บอกเป็นนัยน์ๆว่าห้ามทำให้คารินโมโหเพราะมันจะเป็นเหตุให้จูโกะคลั่ง
“เออไม่ทะเลาะกันหรอกน่าถ้ายัยนั่นไม่มาหาเรื่องก่อนอ่ะ=__=*” ราวกับอ่านใจออกซุยเงสึรีบหาข้ออ้างแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมปิดประตูให้ นารุโตะรีบไปลงกรอนประตูทันทีเพราะไม่อยากจะเห็นแม้แต่เสี้ยวหน้าของอีกคนที่เดินออกไปเมื่อตะกี๊
“ฉัน...อาบน้ำนะ” ว่าจบก็เดินไปเข้าไปในห้องน้ำทันทีส่วนอีกคนก็ล้มตัวนอนห่มผ้าไปก่อนเพราะชักง่วงขึ้นมาจริงๆแต่ความคิดที่ว่าชอบเป็นห่วงคนอื่นเขาไปทั่วมันยังคงอยู่ในตัวเขาจึงลุกขึ้นจากเตียงและทำท่าจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปดูว่าซาโยะเป็นไงมั่งขืนตรอมใจขึ้นมานี่ยุ่งแต่ก็ยังไม่ทันอีกนั่นแหละเมื่อไอ้ตัวที่อยู่ในห้องน้ำมันตะโกนถาม
“ไปไหนอ่ะ”
“เรื่องของฉัน” ว่าจบก็เปิดประตูออกไปทันที
“อ้าวเดี๋ยวดิ!!? ซาสึเกะ!!” เงียบไปแล้วให้ตายนี่เขาเรียกไว้ไม่ทันอีกแล้วแฮะ
...................................................................................................
ซาสึเกะเดินออกมาอีกทางที่จะไปห้องของซาโยะระหว่างนั้นก็คิดได้อีกรอบว่ายังไม่ได้กินไรเลยนี่หว่าเลยวกกลับครัวไปต้มมาม่ากิน=[]=ก่อนจะนั่งรอซัก3นาทีระหว่างนั้นก็นั่งนึกแค้นเคืองเจ้าพวกนั้นไปข้าวกรูอุตส่าทำไหงต้องมานั่งแดรกมาม่าตอนดึกๆฟะแล้วที่สำคัญ...ถ้วยจานล้างยังเนี่ย?คิดได้ดังนั้นเลยเดินไปดูซะหน่อยเพราะอยู่ตรงข้ามกันเองแต่ดูเหมือนซากุระจะเก็บกวาดให้แล้วเขาเลยกลับมาที่เดิมก่อนจะเห็นมิซากิอยู่ในครัว
“มาทำไรตอนดึกๆเนี่ยซาสึเกะ”
“เพิ่งจะ3ทุ่ม”
“ = =;; อ๋อ...เอ่อ จ้าๆยังไม่ดึกหลอกเนอะ=[]=แล้วมาทำอะไรเนี้ย” ซาสึเกะไม่ตอบแต่เดินกลับมานั่งเฝ้าถ้วยมาม่าแทนมิซากิเลยเข้าใจคำตอบในทันทีเขาเลื่อนเก้าอี้อีกตัวที่อยูในครัวมานั่งใกล้ๆพลางจ้องหน้าซาสึเกะยิ้มๆ “นายนี่เหมือนสาวๆวัยกำลังโตเลยแฮะ” คำนี้เล่นเอาคนโดนแซวเกือบสำลัก
“เรื่องของฉัน!! ซาโยะกับพ่อนาย...”
“อืม...ไม่เป็นไรแล้วล่ะข้าวก็กินกันจนอิ่มแล้วด้วยตอนนี้ก็คงนอนกันแล้วมั้งพรุ่งนี้พ่อต้องไปสัมมนาแต่เช้าเลยตื่นเร็วน่ะ” ซาสึเกะนั่งฟังไปพลางเปิดฝาถ้วยมาม่าและลงมือจัดการกับมัน
“....”
“....”
“กินด้วยดิ=[]=”
“ ? ” ทำหน้าฉงนแต่ก็ดันยอมให้กิน
“ป้อน*O*”
“ ? ” ถึงจะยังงงๆก็ก็ยอมป้อนให้ถึงปาก มิซากิยิ้มอย่างรื่นรมณ์เหมือนคิดว่ายังไงตัวเองก็คงได้เปรียบกว่าไอ้เจ้านารุโตะ
“แต่งตัวแบบนี้นอน เซ็กซี่ดีนะ^O^” ว่าพลางไล่สายตาไปตามร่างของซาสึเกะที่กำลังดูดมาม่าอย่างโมเอะ(?)
“สมองกลับรึไงแก”
“ฮะ ฮะ ปากร้ายไม่ยอกแฮะ” เงียบกันไปสักพักมิซากิก็เอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมาอีกรอบ “นายย้ายไปอยู่ห้องฉันก็ได้นะหรือจะให้ฉันหาห้องให้ดี”
“ไม่ต้อง”
“หือ~ ที่แท้ก็ออกมาจู๋จี๋กันข้างนอกนี่เอง” เสียงปริศนา…ที่มันชั่งคับคล้ายคับคาละม้ายคล้ายนารุโตะพูดดังๆเย็นๆหนักแน่นอยู่หน้าประตูห้องครัว....
“หึ…แล้วมันจะผิดอะไรเล่าถ้าฉันจะมากุ๊กกิ๊กกับซาสึเกะ...นายไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย” มิซากิยิ้มเย้ยๆไปทางนารุโตะที่ตอนนี้แผร่รังสีทะมึนไปรอบๆแล้ว
“เอ๋~มันก็ไม่ผิดนี่...ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเสียด้วย” กัดฟันพูดสารภาพอย่างลูกผู้ชาย= = +b
“ใช่แล้วนายมันไม่เกี่ยว”
“แต่ถ้าเรื่องนี้ซาสึเกะมีเอี่ยวด้วยฉันเกี่ยว!!”
.................................................................................................
สวัสดีเจ้าค่ะถ้าตัวหนังสือมันเยอะจนลายตา ขออภัย(_ _)
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านและคอมเม้นค่ะ^O^
ความคิดเห็น