ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Tokyo Ghoul) Family Kaneki (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : คุณทสึยามะ

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 59


    3

    คุณทสึกิยามะ


                    เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส นกน้อยโผบินจากรังพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีเช่นเดียวกับอารมณ์ป้าข้างบ้านที่นึกคึกเปิดเพลงบุพเพสันนิวาสแต่เช้า เคนจึงจำใจจักต้องจากลาที่นอนนิ่มๆและหมอนอิงสุดที่รักลุกขึ้นเดินไปทำธุระในห้องน้ำอย่างเสียมิได้ วันนี้ไม่จำเป็นจะต้องตื่นเช้าแท้ๆ คาเนกิก็ไม่ได้ปลุกอุส่าจะได้นอนอิ่มๆแต่ก็ยังไม่วายมีมารพจนแต่เช้า ให้ตายเถอะป้า! นี่มันหมดยุควนิดาแล้วนะ!


                    ถึงแม้จะควักน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วแต่หาได้สร่างความง่วงลงไม่ เคนเดินโซเซลงบันไดพลางอ้าปากหาว วันนี้คาเนกิมีเรียนเช้าส่วนเขาเรียนบ่าย พี่ชายก็ออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าเหลือก็แต่อาหารกาปลาแห้งบนเคาน์เตอร์ห่อพลาสติกมีกระดาษโน้ตแปะว่า อย่าลืมเวฟให้เขาก็เท่านั้น แหมเตรียมตัวให้ดีจริงๆ เคนในชุดเสื้อยืดสีขาวลายกระต่ายกระโดดในพงหญ้า ชุดมุ้งมิ้งที่คาเนกิซื้อให้ตั้งแต่วันเกิดเมื่อสองปีที่แล้ว เอาจริงๆเขาก็ไม่ได้ชอบหรอกไอ้ลายกระต่ายเนี่ยแต่ไหนๆน้องก็ให้แล้วจะไม่ใส่ให้เห็นบ้างก็งอนตุ้บป่องบ่นงุ้งงิ้งๆเป็นหมีกินผึ้งอีก


                    เฮ้อ....


                    คิดแล้วก็เผลอถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ เคนขยี้หัวตัวเองด้วยความยุ่งยากใจในการเวฟอาหาร เอาจริงๆนะ ขี้เกียจรอ....


                    ติ๊ง!


                    เมื่อเสียงติ๊งบอกเวลาเวฟเสร็จในเวลาห้านาทีเจ้าของผมฟูๆสีขาวก็เปิดเตาหยิบกับข้าวออกมาและมานั่งกินเปิดทีวีดูข่าวบ้านเมืองไปเรื่อยๆ เห็นข่าวบริษัทล้มละลายเพราะการโกงจากคนข้างในก็อดย้อนคิดไปถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้


                    อาริมะ...


                    ทำไมมันไม่ล้มละลา---


                    ไม่ได้สิขืนบริษัทหมอนั่นล้มละลายมีหวังพี่เขาได้ตกงานไปด้วย ชิ! ทำไมต้องไปทำงานกับบริษัทแบบนั้นนะพี่มีตั้งหลายที่รองรับพี่ตอนอยูมหาลัยแท้ๆ เคนคิดขุ่นเคืองในใจและเริ่มโมโหจนต้องกดปิดทีวีเขวี้ยงรีโมตลงโซฟาอนิจจามิกล้าปาลงพื้นเพราะกลัวได้เสียตังค์อีก เห็นแบบนี้ก็ใช่ว่าบ้านจะรวย มือถือยังไม่มีสามจีใช้กับเขาเลย!


                    เคนเอาจานชามไปล้างเก็บและเดินขึ้นบันไดเร็วๆไปเปลี่ยนจากกางเกงเจเจเป็นยีนสีดำ คว้าสเว๊ตเตอร์สีดำสวมทับเสื้อลายกระต่ายมุ้งมิ้งก่อนคว้ากระเป๋าตามมาเป็นอย่างสุดท้าย เคนมองนาฬิกาก็เห็นว่านี่เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้วเขาควรรีบไปมหาลัยเสียที


                    ปิดน้ำปิดไฟปิดหน้าต่างถอดปลั๊กอะไรหมดเสร็จสรรพเรียบร้อย เจ้าตัวก็ออกจากบ้านปิดล็อคประตูก่อนตาจะดีเห็นรองเท้าตัวเอง เคนหายใจแรงเสยผมเดาะลิ้นอย่างขัดใจ...


                    เสือกใส่รองเท้าคู่ละข้างอีก....


                    ใครมันเอามาวางไว้ใกล้กันวะ!!


                    สุดท้ายหลังจากเปลี่ยนไปใส่รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินคู่ใจแล้วจึงปิดล็อคบ้านออกเดินทางไปมหาลัยอีกครั้ง เด็กหนุ่มวัย19เดินเท้าเรียบไปตามทางถนนเคนเปิดมือถือมองข้อความที่คาเนกิส่งมาบอกว่าเรียนเสร็จให้ไปร้านกาแฟขาประจำเพราะผู้จัดการให้เริ่มงานวันนี้อยากให้พี่รู้จักเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานด้วย...


                    ก็ดีเผื่อได้ส่วนลดด้วย...


                    มหาลัยคามิไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านเท่าไหร่เดินประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง บางวันที่พี่ไม่รีบไปทำงานก็มักจะได้นั่งราชรถไปกับพี่น้องโดยไม่ต้องเปลืองแรงแต่ส่วนมากเขากับคาเนกิจะได้เดินมาเองเสียมากกว่า ก็พี่เขามักจะงานยุ่งเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยละเลยเขากับคาเนกิสักนิดว่างเมื่อไหร่ก็จะพาไปเที่ยวบ้างพาไปกินข้าวข้างนอกตามประสาครอบครัว พี่เขาน่ะสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ...


                    เคนรีบวิ่งไปยังขอบถนนทันทีเขาคงคิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยข้ามถนนไม่ทัน เอาเถอะข้ามกับทางนี้ก็ได้ แต่แล้วก็เหมือนร่างกายถูกเบียดไปด้านหน้าเรื่อยๆจากใครไม่รู้ด้านหลังซึ่งไม่ทราบมันรีบหรือมันไม่เห็นไฟจราจรก็มิอาจทราบ รูปคนมันยังแดงอยู่เลยนะเฮ้ย!


                    พลั่ก!


                    “อ๊ะ!” ท้ายสุดเพราะเผลอชะล่าใจเคนถูกเบียดจนสะดุดขาใครไม่รู้ถูกผลักออกไปกลางถนน รถยนต์คันหรูบนถนนพุ่งมาอย่างรวดเร็วเสียงวีดว้ายจากข้างทางดังวูบเพียงเสี้ยววินาทีเคนลุกขึ้นผละตัวหลบออกมาด้านข้าง


                    เอี๊ยดดดดด


                    เสียงล้อยางเสียดกับพื้นถนนลากยาวเสียจนแสบแก้วหูไปหมด เสียงดังก้องถนนผู้คนต่างแตกตื่นเสียงซุบซิบแซ่งแซ่ดังไปทั่วบริเวณ เคนล้มนั่งลงกับพื้นใจหายวูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ให้ตายเถอะเขาเกือบโดนรถชน เมื่อครู่หากหลบไม่ทันคงได้เละเป็นโจ๊กดูไม่จืดแหงๆ สถานการณ์รอบข้างดูตรึงๆเจ้าของรถคันหรูที่วิ่งไปจอดเคียงฟุตบาทข้างถนนที่สำหรับจอดลงมาจากรถรีบเขามาดูเขาอย่างเป็นห่วง


                    เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?!” น้ำเสียงนั้นดูตื่นๆ เคนยันมือกับพื้นเพื่อลุกยืนทว่าเมื่อขึ้นทรงตัวกลับล้มลงไปอีกความรู้สึกเจ็บแล่นแปร๊บจากข้อเท้าขึ้นมา เมื่อมองดูก็เห็นรอยถลอกและเลือดซึมซิบๆจากข้อเท้า หากเป็นแค่นั้นก็คงไม่ถึงกับทรุดทว่าคงไม่ใช่แค่ถลอกแน่แล้วล่ะสิงานนี้...


                    อ่า...คิดว่าข้อเท้าพลิกนิดหน่อยน่ะครับ ว่าพลางพยายามจะลุกขึ้น เคนรู้ว่าใกล้ๆนี่มันคลินิกคงต้องขออาศัยใช้บริการเสียหน่อยหลังจากไม่ได้ใช้มานานประมาณสามเดือนได้(?)


                    หือ?


                    ชายหนุ่มเจ้าของรถหรูที่เฉี่ยวเขาเมื่อครู่ยื่นมือมาตรงหน้าและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เคนมองมือใหญ่ของเจ้าของผมสีดอกอัญชัญด้วยความชังใจก่อนจะยอมยื่นมือไป ปัดทิ้ง!


                    ไม่เป็นไรครับผมว่าจะไปคลินิกใกล้ๆนี่ เขาว่าและรวบรวมแรงใจฮึดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เพราะความเกร็งขาชั่วขณะทำให้เกิดตะคริวในจุดที่เท้าพลิกเสียนี่ เคนแทบหลุดร้องออกมากลางสี่แยกเขาทรุดตัวลงอีกรอบคราวนี้ชายหนุ่มคนเดิมก็ยังคงมีเมตายื่นมือออกมาให้เขายืมแถมคำพูดที่ว่าจะช่วยไปส่งอีกต่างหาก เคนหมดคำค้านเพราะขาเขาเองก็ยังไม่ไหวไหนๆก็นั่งรถฟรีไปแล้วกันเขาเสียหายนี่หว่า...


                    ขอบคุณครับ เด็กหนุ่มพูดส่งๆและเดินตามชายหนุ่มขึ้นรถคันหรูไป


                    ในรถดูไฮโซเก๋ไก๋กว่าข้างนอกเยอะแต่งออกไปแนวยุโรปเคนรู้สึกว่ารสนิยมของอีกฝ่ายค่อนข้างดีแต่ก็อดเกลียดน้ำหอมฉุนจากตัวอีกฝ่ายมิได้ ในรถเคนนั่งเงียบและนวดเท้าตัวเองไปพลางๆ ระหว่างที่นั่งไปคลินิกเขาก็สังเกตเห็นชายหนุ่ม(?)อีกคนที่นั่งข้างคนขับผู้มีสีผมเดียวกันกับอีกฝ่ายที่นั่งข้างเขา เจ้าตัวจ้องเขาเป็นพักๆราวกับอยากจะแหกอกเขาอย่างไรอย่างนั้น


                    ฝ่ายที่ผิดมันคุณไม่ใช่เรอะ!


                    แต่เอาจริงๆคนผิดมันเขาต่างหากก็ดันลงไปกลางถนนตอนไฟแจ้งบนฟุตบาทยังแดงอยู่นี่นา แต่เคนก็แย้งได้ว่าโดนผลักไม่เชื่อก็ดูกล้องวงจรปิดเลยเหอะ คนบ้าอะไรจะวิ่งมาล้มกลางถนนให้รถชน ถีบตัวเองออกมารึไง?! ถ้าตำรวจมันพูดงี้เขานี่แหละจะเอาเท้าพลิกๆนี่ประดับหน้ามันเสียก่อน


                    เธอ ชื่ออะไรงั้นเหรอ เงียบอยู่นานสองนานในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยปากเปิดประเด็นทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน เคนปรายตามองและตอบไป


                    “เคนครับ...ไฮเสะ เคน ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจยิ้มๆและเอ่ยชมว่าเป็นชื่อที่ดี อ๋อเหรอ? เคนแอบเหน็บในใจไม่ได้และได้มารู้ภายหลังว่าอีกฝ่ายชื่อ ทสึกิยามะ ชู ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะแนะนำตัวทำไมในเมื่อครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน


                    ว่าแต่...


                    ทสึยามะ ชู...


                    คุ้นๆเหมือนเคยได้ยินแฮะ...


                    ช่างเถอะ


                    เคนตัดสินใจปัดความสงสัยทิ้ง และเมื่อถึงคลินิกคุณทสึกิยามะก็ให้นามบัตรไว้ก่อนจากไป เคนยืนงงอยู่หน้าห้องตรวจและมองแผ่นหลังนั้นเดินจากไป เขามองนามบัตรนั้นและไม่คิดจะสนใจจะอ่านเก็บลงกระเป๋าทันใด เมื่อถึงคิวจึงเข้าไปหาหมอและทำแผลเสีย เคนได้ยาแก้ปวดมันอีกถุงเขากำลังจะจ่ายเงินแต่พยาบาลกลับบอกว่าคนที่มาด้วยกับเขาเมื่อครู่จ่ายให้เสียแล้ว..


                    เสร่ออีกละ...


                    เป็นกงการอะไรถึงต้องทำให้เขาขนาดนี้กันมันไม่ชอบมาพากลถึงแม้หลายคนอาจจะชอบแต่สำหรับเคน ถามว่าเกรงใจ? เปล่า ไม่ไว้ใจต่างหาก...


    .............................................................................................


                    ครับ...ทราบแล้วครับ ครับ ไฮเสะ ซาซากิ ชายหนุ่มผู้ปราดเปรี่ยวเดียวดายในแผนกขายของ(?) เขาเพิ่งวางสายจากสาขาย่อยที่มาแจ้งว่ายังไม่ได้รับสินค้า ไฮเสะรับปากจะบอกแผนกของหายให้ เขาแผนกขายของ! โทรมาผิดเบอร์แล้วแม่คุณ! ไหงความรับผิดชอบมันมาตกที่เขาคนเดียววะ!


                    ซัสจังเซ็นนี่ทีสิ ลูกน้องที่แสนภักดีชิราสุมอบเอกสารการซื้อขายวัตถุดิบให้เจ้านาย ไฮเสะมองอ่านปราดหนึ่งก่อนถอนหายใจและบอกกับลูกน้อง


                    ต้องให้คุณอาริมะเซ็นยินยอมก่อนสิเขาเป็นหัวหน้าฉันอีกทีนะ


                    “คุณอาริมะบอกให้ซัสจังเซ็นเลยครับผมไปถามมาแล้วชิราสุว่า ไฮเสะถอนหายใจเอามือก่ายหน้าผากคิดอยากจะร้องไห้


                    ให้ตาย...หัวหน้าช่างเอาแต่ใจ


                    เรื่องแบบนี้มันต้องผ่านคุณก่อนสิครับถึงแม้จะมีผมยืนยันแต่น้ำหนักความหน้าเชื่อถือมันไม่พอ!


                    ครืด!


                    “อ้าว?! ซัสจังไปไหนอ่ะ!” ไฮเสะวางกองงานบนโต๊ะปึ๊งหนึ่งก่อนจะเดินออกจากโต๊ะ


                    จะไปหาคุณอาริมะน่ะ


                    “ทำไมครับ ก็...ซัสจังเซ็นก็ได้นี่นาไฮเสะถอนหายใจ


                    เซ็นได้แต่ถ้าฝ่ายโน้นเขาโยนกลับมาเพราะมันเชื่อไม่ได้มันจะเสียเที่ยวชิราสุเลิกคิ้ว อะไรวะเชื่อไม่ได้ หัวหน้าเหมือนกัน!?


                    ซัสจังแม่งเรื่องมาก!


                    “ชิราสุ


                    “ห๊ะ! ครับ?!” ไฮเสะปรายตามองดุๆก่อนเดินถือแฟ้มเอกสารออกจากห้องโดยทิ้งคำพูดไว้ว่า


                    ฉันรู้นะว่านินทาอยู่


                    “?!!” และประตูก็ปิดลง โทโอรุ ไซโกะ อุริเอะ พากันเอียงตัวเข้ามาหาและซุบซิบกัน


                    เจ้านายแม่งเซ้นต์แรงว่ะ ต่างคนต่างคิดเหมือนกัน ชิราสุเห็นด้วยไม่แย้งสักคำ


     

                    ปึง!


                    ประตูห้องถูกเปิดออกเร็ว อาริมะ คิโชว ผู้เป็นเจ้าของห้องเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์และกาแฟยามบ่าย แหมสบายเหลือเกินพ่อคุณ! ไฮเสะเป็นข้อยกเว้นไม่ต้องเคาะประตูไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรจนโดนคนแผนกอื่นแซวว่าเป็นลูกรักบ้าง คนโปรดบ้าง หนักเข้าก็ว่าเป็นเด็กคุณอาริมะซะล่ะมั้ง! ใช่ที่ไหน! อย่าซุบซิกระจายข่าวลือไม่มีความจริงสักเสี้ยวแบบนั้นสิเว้ย นี่ก็เหมือนกันจิบอยู่นั่นแหละกาแฟ คาเฟอีนมันไม่ทำให้สายตาคุณยาวขึ้นหรอกครับ!


                    มีอะไรไฮเสะยังจะถาม


                    ทำไมไม่เซ็นเองครับ


                    “กล้าถามห้วนๆ?


                    “คุณอาริมะ?!”


                    “ขึ้นเสียงทำไม?โว้ยยยยยย เวร! ไฮเสะถอนหายใจและวางเอกสารลงบนโต๊ะอธิบายการสั่งของคร่าวๆและขอให้เจ้านายเซ็นอาริมะไม่ขัดอะไรยอมเซ็นง่ายๆเสียอย่างนั้น เขานึกว่าเจ้าตัวจะเล่นตัวกว่านี้เสียอีก แล้วไหงตอนชิราสุเอามาให้เซ็นถึงได้อ้างโน่นอ้างนี่นักวะ?!


                    “ชอโทษที่อารมณ์เสียใส่ครับ ไฮเสะว่าเสียงเนือยๆอย่างสำนึกผิด อาริมะจ้องตาอีกฝ่ายกลับดุๆและเอ่ยในที่สุด


                    ก็ดี อย่ามีแบบนี้อีกแล้วกัน นั่น...ไฮเสะรับคำเบาๆและรวบเอกสารตั้งใจจะหมุนตัวกลับไปโต๊ะทำงานจะออกจากออฟฟิสไปทานข้าวเสียหน่อยบ่ายแล้วน้ำสักหยดยังไม่ถึงท้องหิวจะแย่ แต่อาริมะก็เอ่ยดักไว้เสียก่อน


                    เดี๋ยวไฮเสะ


                    “ครับ?คิดแล้วก็แปลกใจคนคนนี้ตั้งใจจะเรียกเขาหรือเปล่าแต่หาข้ออ้างไม่ได้เลยใช้เรื่องนี้อ้างให้เขามาหาเอง?! .......มโนใหญ่ละ...ไฮเสะปัดความคิดบ้าบอนั่นทิ้ง


                    ทานข้าวกับฉันนั่นไงที่แท้ไอ้เรื่องเซ็นเอกสารนี่ก็แค่ข้ออ้าง จริงๆอยากคุยกับเขาต่างหา— ห๊ะ....อะไรนะ?!!!!


                    ครับ?!!!”


    ……………………………………………………….


                                    ไฮเสะอยู่ที่ร้านกาแฟขาประจำกับคุณอาริมะซึ่งเมื่อวานน้องชายคนเล็กบอกว่าจะทำพาทไทม์ที่นี่แล้วก็เจอจริงๆ ชุดพนักงานเสิร์ฟดูเข้าท่าอยู่ น้องชายที่ท่าทางไม่เอาอ่าวทำอะไรก็เก้ๆกังๆดูยังไงก็ไม่น่าทำงานบริการได้กลับได้รับความนิยมจากลูกค้าตั้งแต่วันแรก คาเนกิวิ่งเต้นรับออเดอร์ตามโต๊ะแทบไม่ทัน เมื่อมาเจอพี่ชายตัวเองกับคุณอาริมะก็อดพูดคุยทักทายเสียไม่ได้ ผู้จัดการใจดีได้เวลาเปลี่ยนที่กับโทวกะจังเด็กสาวม.ปลาย คาเนกิเลยได้นั่งร่วมโต๊ะกับพี่ชาย


                    แต่บรรยากาศจากคุณอาริมะมันน่าอึดอัดชอบกลวุ้ย...


                    เอ่อ...พี่ทานข้าวหรือยังครับ? ในเมื่อมองดูแล้วตาอาริมะอะไรนั่นคงไม่ยอมพูดก่อนเป็นแน่คาเนกิจึงเริ่มบทสนทนาขึ้นเสียเองพี่ชายที่ดูๆแล้วก็คงคนไม่ต่างจากเขาจึงเริ่มคุยตอบ


                    อะ...อืมยังเลย ร้านกาแฟมีข้าวขายด้วยเหรอ?


                    “ครับก็มีนี่น่ะคาเนกิชี้เมนูแนะนำทางร้านให้พี่ชายและคุณอาริมะดู สองชายหนุ่มตั้งใจฟังเมนูแนะนำและหันมาคุยกันว่าจะทานอะไรดีจริงๆไฮเสะก็เรียกได้ว่าค่อนข้างสนิทกับอาริมะแต่ก็ยังมีความแกรงใจนิดหน่อยในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ระหว่างที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันคาเนกิก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เคนส่งมาเล่า


                    วันนี้โคตรซวย ตอนเช้ากะจะนอนให้อิ่มป้าข้างบ้านก็เปิดเพลงซะลั่นต้องตื่น ออกจากบ้านดันใส่รองเท้าสลับคู่อีก แล้วยังโดนรถเฉี่ยวอีก! โคตรซวย! ซวย ซวย ซวย! เออ แต่ก็ดีที่เจ้าของรถเขาช่วยพาไปคลินิก เท้าพลิกน่ะ ให้นามบัตรมาด้วย (แนบรูป) แถมเสร่อจ่ายค่ายาให้อีก น่าสงสัยชะมัด!

     เคน


                    คาเนกิเผลอยิ้มแหยและกดพิมพ์ตอบ เขาคิดว่าถ้าพี่คุยกับคุณอาริมะจบแล้วจะหาช่องว่างบอกพี่ว่าเคนโดนรถเฉี่ยว เอ แต่คิดอีกทีไว้บอกทีเดียวที่บ้านเลยดีไหมนะเพราะพี่ยิ่งคิดมากขี้เป็นห่วงอยู่เดี๋ยวไม่เป็นอันทำงานพอที


                    ก็ดีแล้วนี่ครับที่ไม่เป็นไร ขาพี่ที่พลิกไม่เป็นไรใช่ไหมครับหมอเขาให้ยามาด้วยนี่จะเข้าค่ายได้เหรอครับ?

    คาเนกิ


                    กดส่งเรียบร้อยเป็นตัวลูกศรวิ่งเร็วๆก่อนหายไปจากจอ คาเนกิกดดูรูปที่เคนแนบมาให้เป็นรูปนามบัตรเล็กๆคาเนกิหรี่ตามองแล้วอ่านออกเสียง


                    ทสึกิ...ทสึกิยามะ ชู ?


                    “?!!” เอ่ยจบก็รู้สึกถึงสองสายตาที่จ้องมองมา คาเนกิหันมองพี่ชายกับเจ้านายพี่งงๆ น้องชายกระพริบตาปริบมองสองชายหนุ่มกลับและเอ่ยถาม

                    มีอะไรเหรอครับ?


                    “ชื่อเมื่อกี้ไปได้ยินมาจากไหนน่ะคาเนกิ พี่ชายบังเกิดเกล้าเอ่ยยถามเสียงตื่นๆเหงื่อตกเล็กน้อย คาเนกิเลิกคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมพี่จะต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องโคตรใหญ่โต


                    อ๋อ เอ่อ.. คาเนกิคิดว่าถ้าบอกตอนนี้ก็ต้องเล่าเรื่องที่เคนโดนเฉี่ยวด้วย แต่มองดูแล้วพี่ก็ยังเค้นสายตาราวกับจะบอกว่าถ้าคาเนกิไม่พูดคืนนี้จะงดข้าวเขาอย่างไรอย่างนั้น แงงง ไม่เอานะ กล้าทำน้องคนนี้ได้ลงเชียวรึ นั่นๆ ยังไม่หยุดจิกตาเดี๋ยวดีดตาแตกเลยนี่ คาเนกิคนนี้กลัวนะพี่ชาย


                    “คาเนกิ เสียงคุณอาริมะตามมาสมทบ อะไรวะทำอย่างกับโลกใบนี้กำลังจะแตกเรียกตูกันจัง บอกก็ได้นี่แค่ห่วงพี่ชายกลัวกังวนเรื่องเคนต่างหาก!


                    “ก็เคนเขาส่งข้อความมาบอกผมว่า โดนรถเฉี่ยวแล้วก็ได้เจ้าของรถช่วยไว้พาไปส่งคลินิกเคนแค่เท้าพลิกแล้วเจ้าของรถนั่นก็จ่ายค่ายาให้ด้วยให้นามบัตรมาอีกต่างหาก ผมก็แค่อ่านชื่อในนามบัตรเท่านั้นเองครับ ไฮเสะเบิกตาโต งั้นก็หมายความว่าทสึกิยามะก็คนที่พาเคนไปคลินิก...


                    เห็นพี่กับเจ้านายหน้าตึงคาเนกิมองแล้วก็กลัวหนังหน้าจะตึงจนพูดไม่ได้กันเสียก่อนจึงเอ่ยถามขึ้นว่ามีอะไรกันเหรอทำหน้าเหมือนเห็นหมาข้างบ้านไปเต้นแอลบิกหน้าห้าง


                    เอ่อ... พี่ชายหันไปสบตาคุณอาริมะราวกับกำลังโทรจิตกัน เจ้าของแว่นพยักหน้า คืองี้ คุณทสึยามะเป็นเจ้าของบริษัทหรือประธานนั่นแหละเป็นศัตรูคู่แข่งของบริษัทของคุณอาริมะเขาน่ะ


                    ซึ่งมันก็ศัตรูพี่ชายเช่นกันจ้ะ


                    อ๋อ...


                    มิน่าทำหน้าอย่างกับเจอแมวเต้นบอลเล่ คาเนกิว่าแล้วลุกขึ้นไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไฮเสะนั่งเอ๋อ อ้าวนี่ไม่สนใจจะตกใจหรืออะไรหน่อยเหรอ ลืมบทเหรอคาเนกิ!


                    ไฮเสะ อาริมะเรียกหลังจากเมนูมาเสิร์ฟ


                    “ครับ?


                    “แมวเต้นบอลเล่มันเป็นยังไง?


                    “…”


    ……………………………………………………...............................


                    ตะวันคล้อยสู่ดินพระจันทร์เจิดจลินสู่ฟ้าแทน เปล่าหรอกยังไม่มืดบรรยายให้มันดูเว่อร์ไว้เฉยๆจริงๆแค่ห้าโมงเย็น พระจันทร์ยังไม่เฉิดฉายพระอาทิตย์ยังไม่พลีกายลงดิน เคนเลิกเรียนแล้ว ดีที่นากาชิกะเพื่อนคาเนกิลงเรียนวิชาเดียวกับเขาวันนี้เลยอยู่เช้ายันเย็นที่มหาลัยเห็นเขาเดินกระเพกมามหาลัยและเรียนห้องเดียวกันเลยช่วยพยุงพามาร้านกาแฟ คาเนกิออกมาต้อนรับบอกเขาด้วยว่าให้กลับบ้านพร้อมมันเพราะเมื่อครู่พี่ชายคนโตเพิ่งออกจากร้านไปและรู้เรื่องเท้าพลิกของเคนจากปากคาเนกิเรียบร้อย


                    ได้ยินแล้วอยากเหวี่ยงหมัดเขกหัวเจ้าตัวสักที ไปบอกพี่แบบนั้นมีหวังไม่ได้เที่ยวพอดีแค่เขาโดนมีดบาดยังทำเป็นกระต่ายตื่นตูมแบบนั้น


                    โห...ใส่กระต่ายด้วยวันนี้ ผมดีใจนะเนี่ย


                    “เหรอออ เพราะไม่มีเสื้อใส่หรอก เคนแขวะกลับเห็นคาเนกิยิ้มดีใจแล้วหมั่นเขี้ยว


                    จะโกหกก็ขอเหอะมันไม่เนียนครับแน่ะ...เคนย่นคิ้วมองทันใด รับเมนูจากน้องและเอาโกโก้กับขนมปังมากินเล่น นากาชิกะขอตัวกลับก่อนโดยไม่ลืมแวะมาทักทายคาเนกิ หมอนั่นน่ะถ้าเขาไม่อยู่ตรงนั้นด้วยคงจูบน้องเขาแล้วมั้ง ขนาดเขาแยกเขี้ยวขู่อยู่ข้างๆมันยังจับไม้จับมือน้องเขาอย่างกับจะหักกลับบ้านได้


                    เถียงเก่งขึ้นนะเรา


                    “มีโค้ชครับ ว่าติดตลกและหวิวตาไปทางสาวเสิร์ฟผมสั้นในร้าน โทวกะจังครับ


                    อ๋อ... เคนมองสาวน้อยและยกโกโก้ดื่ม


                    กรุ๊งกริ๊ง


                    เสียงกระดิ่งประตูร้านดังเรียกสายตา เด็กหนุ่มในชุดฮู้ดแขนยาวสีดำเดินอย่างกับนักเลงเข้ามาในร้านมองโทวกะ ตัวสาวเจ้าเองก็เบิกตาตกใจที่เห็นเด็กหนุ่ม


                    มานี่ได้ไงเนี่ย?


                    “เดินมา เด็กหนุ่มเจ้าของสีผมเดียวกันตอบ


                    กวนตีน ผู้เป็นพี่สาวว่า โทวกะเถียงกับน้องครู่หนึ่งจึงพาเด็กหนุ่มไปหาที่นั่ง มาทำไม?


                    “กลับบ้าน พูดห้วนๆ


                    อายาโตะ พี่ทำงานอยู่


                    “ไม่เอา! กลับ!”


                    “อย่าดื้อสิวะ เอางี้รอพี่อยู่ร้านแล้วกันเดี๋ยวเลิกงานกลับพร้อมพี่เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าคิดพักหนึ่งก่อยอมพยักหน้าตกลง คาเนกิกระซิบถามโทวกะก็ได้ความว่าเป็นน้องชายที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านวันดีคืนดีก็ชอบมารับตัวพี่กลับบ้านด้วยกัน แถมยังได้คำว่าส.(ใส่เกือก)กลับมาอีก คาเนกิไม่คิดว่าคุ้มสักนิด...


                    เคนยกเครื่องดื่มจิบและมองไปยังเด็กหนุ่มหน้ามุ่ยนามอายาโตะน้องชายโทวกะจังแล้วเกิดความรู้สึกสนใจ สนใจอยากกระทืบ...มันช่างก้าวร้าวต่อพี่สาวเสียนี่กระไรเด็กเวร...

     


                    ล่วงเลยมา6โมงเย็นคาเนกิกลับเวลานี้เวลามีเรียนเช้าส่วนโทวกะเลิกกะสี่ทุ่มเพราะเข้างานตอนเย็นถ้ามีเรียนบ่ายคาเนกิก็คงเลิกพร้อมโทวกะ ระหว่างทางเดินกลับบ้านคาเนกิก็คอยพยุงพี่ชายบ้างเล็กน้อยเพราะเคนยังเจ็บเท้าอยู่ทางที่ดีเขาน่าจะเรียกแท็กซี่กลับนะเนี่ย...


                    รถก็ดันมีคันเดียวในบ้านส่วนคนขับก็นั่นแหละพี่ชายคนโตเหมาไปหมด..


                    น่าแค้นใจไหม?


                    เออ แล้วยาล่ะครับ?เคนเลิกคิ้วและตบๆดูกระเป๋า ยังอยู่...


                    อยู่นี่แหละ เมื่อไม่มีอะไรคุยความเงียบก็กลืนกิน สองพี่น้องเดินมาถึงบ้าน เคนก็คุ้ยหากุญแจในกระเป๋าเปิดประตูบ้านพอดีกับเสียงแตรรถบีบปรี๊นๆอยู่หน้าบ้านให้เปิดรั้วให้


                    อ้าวพี่มาพอดีเลย คาเนกิอาสาไปเปิดรั้วบ้านให้พี่ชายคนโตแทนและปล่อยให้เคนเข้าบ้านไปก่อน รถเบนซ์รุ่นเก่าเข้าจอดข้างตัวบ้านรถใช้มาตั้งแต่สองแฝดอยู่ประถมสมัยนั้นยังมีพ่อมีแม่แต่พวกท่านก็เพิ่งมาจากไปเมื่อสามปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิตส่วนแม่หลังจากพ่อจากไปท่านก็ป่วยและตรอมใจไปอีกคน พี่ชายคนเดียวอย่างซาซากิก็ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงน้องโดยใช้รถคันนี้แหละทำมาหากินระหว่างที่เรียนมหาลัยก็ขายของไปด้วยทำพาทไทม์ไปด้วย เป็นช่วงที่สาหัสมากในชีวิตแทบจะกัดก้อนเกลือกิน เพราะพวกเขาก็ไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหนด้วย...


                    เรียกได้ว่าลำบากมากแต่ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นมาบ้านหลังนี้เกือบปล่อยเพราะสถานการณ์ตอนนั้นแต่พี่ก็เอาเงินเก็บและไปกู้เงินจากที่ทำงานมาจ่ายไว้ได้ คราวนี้ก็ได้ทำงานฟรีไปอีกหลายเดือนแล้วก็ต้องหางานเพิ่มเพราะงั้นไม่มีอะไรกินระหว่างนั้นทางเดียวที่จะมีเงินพอใช้ก็ต้อง สองแฝดนี่แหละ เริ่มแอบพี่ชายไปหาพาทไทม์ทำกันเงียบๆวันล่ะสองสามชั่วโมงหลังเลิกเรียนก่อนพี่กลับบ้าน โตมานั่นแหละถึงได้เล่าให้พี่ฟัง ทางซาซากิพอรู้ก็สวดใหญ่


                    แต่ก็ยิ้มให้และลูบหัวพวกเขาด้วยความเอ็นดูโดยไม่ลืมบอกขอบคุณกัน...


                    วันนั้นจำได้ว่าเคนแอบร้องไห้ด้วยล่ะ...


                    ถึงเจ้าตัวจะเถียงคอเป็นเอ็นว่าแค่ละอองในอากาศมันเข้าตาสะกิดต่อมน้ำตาให้ไหลเฉยๆก็เถอะ...


                    วันนี้อยากทานอะไรกัน ข้าวเย็นของพี่ซาซากินานๆจะได้กินที คาเนกิคิดว่าตั้งแต่พี่มาเข้าบริษัทคุณอาริมะรู้สึกชีวิตมันคลายลงมันดูราบรื่นขึ้นถึงจะไม่มากแต่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเขามีความสุขมากพี่กลับบ้านเร็วขึ้น มีบ้างที่ทำงานดึกแต่ก็มีเวลาโทรหรือส่งข้อความมาบอกทุกครั้งไม่เหมือนเมื่อก่อนที่บางครั้งก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย แต่เคนเหมือนจะไม่ชอบคุณอาริมะแฮะ ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยแช่งเขาตรงๆเสียทีสงสัยเพราะพี่ค้ำคออยู่...


                    แกงกระหรี่!” สองแฝดโพล่งออกมาพร้อมกัน สามพี่น้องมองหน้ากันและหัวเราะ 


    ------------------------------------------------------------------------------------------------

         สวัสดีค่าาาาาาาาาาาา หายไปเป็นปีเลยยยยยยยยยย

    เพิ่งได้ไอเดียค่ะไม่ได้ป่วยเกมหรอกเราตันค่ะ T_T แต่ตอนนี้กลับมาแล้วนะ สารภาพว่าแต่งได้ห่วยลงมากเลยค่ะ

    ไม่กล้าแต่งหลายฟิคเลยดองเยอะมาก บวกเครียดด้วย ฮือออออ ขอโทษคุณนักอ่านจริงๆนะคะ เราขอโทษค่ะ //กราบบบบ

    เราคิดว่าจะอัพเรื่องนี้ในวันเสาร์ของทุกอาทิตย์นะคะ แต่ไม่รับประกันได้ว่าจะได้ทุกอาทิตย์ไหม//โดนรองเท้าเขวี้ยงใส่

    เราอ่านเรมา......ชิราสุ....ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย

    เอาเป็นว่าพ่อคาเนชั่นร่างที่สี่คงไม่เขียนถึงนะ คือบับ.....นะ555

    หลายร่างเหลือเกินพ่อคุณ คาเนกิควรเลิกเป็นกูล เอ๊ะหรือมันเป็นแบบคล้ายเกมส์ไรงี้ป่ะ เรเวลอัพอ่ะ555//มโนใหญ่ล่ะกลับมา!

    นั่นล่ะค่ะต้องขออภัยจริงๆ เรื่องนามสกุลหรือชื่อ คืองี้เราไปอ่านเจอตอนนึงที่ศัตรูมันบอก 

    จะเป็นคาเนะ(ความหมายไรไม่รุน่าจะสีขาว)หรือไฮ(สีเทา)เสะ ก็จงเลือกดู 

    ไรงี้แล้ว คาเนะ นี่น่าจะหมายถึงคาเนกิที่เป็นนามสกุล ก็ตรงกันเมื่อเอามาคู่กับไฮเสะที่เถียงกันอยู่ว่าเป็นชื่อหรือนาสกุล เราคิดว่าถ้าศัตรูมันพูดงี้

    ไฮเสะมันก็น่าจะนามสกุลป่ะ? หรือไม่ใช่? อันนี้เถียงได้คือเราก็งงๆอยู่ นักอ่านบอกเราทีค่ะ หรือถ้ามันตงิดๆยังไงเราว่าเปลี่ยนนามสกุล

    สามพี่น้องจาก ไฮเสะ เป็น ซาซากิ ดีไหม? 

    ทำไมยาวจัง555 โอเคนะบอกเราได้ ส่วนไอ้บุพเพสันนิวาสตอนเริ่มนั่นคือไม่ไรหรอกเปิดฟังอยู่แล้วมันได้มุก555 ส่วนคำหยาบคายในตอนนี้

    อาทิเช่น วะ เว้ย โคตร แม่ง เวร ไรงี้ เราขออภัยด้วยนะคะหากใครคิดว่ามันไม่สมควรค่ะ กราบ

    เอาล่ะ เจอกันใหม่นะคะ ซียู♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×