คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : คุณทสึยามะ
3
คุณทสึกิยามะ
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส
นกน้อยโผบินจากรังพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีเช่นเดียวกับอารมณ์ป้าข้างบ้านที่นึกคึกเปิดเพลงบุพเพสันนิวาสแต่เช้า
เคนจึงจำใจจักต้องจากลาที่นอนนิ่มๆและหมอนอิงสุดที่รักลุกขึ้นเดินไปทำธุระในห้องน้ำอย่างเสียมิได้
วันนี้ไม่จำเป็นจะต้องตื่นเช้าแท้ๆ คาเนกิก็ไม่ได้ปลุกอุส่าจะได้นอนอิ่มๆแต่ก็ยังไม่วายมีมารพจนแต่เช้า
ให้ตายเถอะป้า! นี่มันหมดยุควนิดาแล้วนะ!
ถึงแม้จะควักน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วแต่หาได้สร่างความง่วงลงไม่
เคนเดินโซเซลงบันไดพลางอ้าปากหาว วันนี้คาเนกิมีเรียนเช้าส่วนเขาเรียนบ่าย
พี่ชายก็ออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าเหลือก็แต่อาหารกาปลาแห้งบนเคาน์เตอร์ห่อพลาสติกมีกระดาษโน้ตแปะว่า
อย่าลืมเวฟให้เขาก็เท่านั้น แหมเตรียมตัวให้ดีจริงๆ เคนในชุดเสื้อยืดสีขาวลายกระต่ายกระโดดในพงหญ้า
ชุดมุ้งมิ้งที่คาเนกิซื้อให้ตั้งแต่วันเกิดเมื่อสองปีที่แล้ว
เอาจริงๆเขาก็ไม่ได้ชอบหรอกไอ้ลายกระต่ายเนี่ยแต่ไหนๆน้องก็ให้แล้วจะไม่ใส่ให้เห็นบ้างก็งอนตุ้บป่องบ่นงุ้งงิ้งๆเป็นหมีกินผึ้งอีก
เฮ้อ....
คิดแล้วก็เผลอถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
เคนขยี้หัวตัวเองด้วยความยุ่งยากใจในการเวฟอาหาร เอาจริงๆนะ ขี้เกียจรอ....
ติ๊ง!
เมื่อเสียงติ๊งบอกเวลาเวฟเสร็จในเวลาห้านาทีเจ้าของผมฟูๆสีขาวก็เปิดเตาหยิบกับข้าวออกมาและมานั่งกินเปิดทีวีดูข่าวบ้านเมืองไปเรื่อยๆ
เห็นข่าวบริษัทล้มละลายเพราะการโกงจากคนข้างในก็อดย้อนคิดไปถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้
อาริมะ...
ทำไมมันไม่ล้มละลา---
ไม่ได้สิขืนบริษัทหมอนั่นล้มละลายมีหวังพี่เขาได้ตกงานไปด้วย
ชิ! ทำไมต้องไปทำงานกับบริษัทแบบนั้นนะพี่มีตั้งหลายที่รองรับพี่ตอนอยูมหาลัยแท้ๆ
เคนคิดขุ่นเคืองในใจและเริ่มโมโหจนต้องกดปิดทีวีเขวี้ยงรีโมตลงโซฟาอนิจจามิกล้าปาลงพื้นเพราะกลัวได้เสียตังค์อีก
เห็นแบบนี้ก็ใช่ว่าบ้านจะรวย มือถือยังไม่มีสามจีใช้กับเขาเลย!
เคนเอาจานชามไปล้างเก็บและเดินขึ้นบันไดเร็วๆไปเปลี่ยนจากกางเกงเจเจเป็นยีนสีดำ
คว้าสเว๊ตเตอร์สีดำสวมทับเสื้อลายกระต่ายมุ้งมิ้งก่อนคว้ากระเป๋าตามมาเป็นอย่างสุดท้าย
เคนมองนาฬิกาก็เห็นว่านี่เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้วเขาควรรีบไปมหาลัยเสียที
ปิดน้ำปิดไฟปิดหน้าต่างถอดปลั๊กอะไรหมดเสร็จสรรพเรียบร้อย
เจ้าตัวก็ออกจากบ้านปิดล็อคประตูก่อนตาจะดีเห็นรองเท้าตัวเอง
เคนหายใจแรงเสยผมเดาะลิ้นอย่างขัดใจ...
เสือกใส่รองเท้าคู่ละข้างอีก....
ใครมันเอามาวางไว้ใกล้กันวะ!!
สุดท้ายหลังจากเปลี่ยนไปใส่รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินคู่ใจแล้วจึงปิดล็อคบ้านออกเดินทางไปมหาลัยอีกครั้ง
เด็กหนุ่มวัย19เดินเท้าเรียบไปตามทางถนนเคนเปิดมือถือมองข้อความที่คาเนกิส่งมาบอกว่าเรียนเสร็จให้ไปร้านกาแฟขาประจำเพราะผู้จัดการให้เริ่มงานวันนี้อยากให้พี่รู้จักเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานด้วย...
ก็ดีเผื่อได้ส่วนลดด้วย...
มหาลัยคามิไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านเท่าไหร่เดินประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง
บางวันที่พี่ไม่รีบไปทำงานก็มักจะได้นั่งราชรถไปกับพี่น้องโดยไม่ต้องเปลืองแรงแต่ส่วนมากเขากับคาเนกิจะได้เดินมาเองเสียมากกว่า
ก็พี่เขามักจะงานยุ่งเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยละเลยเขากับคาเนกิสักนิดว่างเมื่อไหร่ก็จะพาไปเที่ยวบ้างพาไปกินข้าวข้างนอกตามประสาครอบครัว
พี่เขาน่ะสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ...
เคนรีบวิ่งไปยังขอบถนนทันทีเขาคงคิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยข้ามถนนไม่ทัน
เอาเถอะข้ามกับทางนี้ก็ได้ แต่แล้วก็เหมือนร่างกายถูกเบียดไปด้านหน้าเรื่อยๆจากใครไม่รู้ด้านหลังซึ่งไม่ทราบมันรีบหรือมันไม่เห็นไฟจราจรก็มิอาจทราบ
รูปคนมันยังแดงอยู่เลยนะเฮ้ย!
พลั่ก!
“อ๊ะ!”
ท้ายสุดเพราะเผลอชะล่าใจเคนถูกเบียดจนสะดุดขาใครไม่รู้ถูกผลักออกไปกลางถนน
รถยนต์คันหรูบนถนนพุ่งมาอย่างรวดเร็วเสียงวีดว้ายจากข้างทางดังวูบเพียงเสี้ยววินาทีเคนลุกขึ้นผละตัวหลบออกมาด้านข้าง
เอี๊ยดดดดด
เสียงล้อยางเสียดกับพื้นถนนลากยาวเสียจนแสบแก้วหูไปหมด
เสียงดังก้องถนนผู้คนต่างแตกตื่นเสียงซุบซิบแซ่งแซ่ดังไปทั่วบริเวณ
เคนล้มนั่งลงกับพื้นใจหายวูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ให้ตายเถอะเขาเกือบโดนรถชน เมื่อครู่หากหลบไม่ทันคงได้เละเป็นโจ๊กดูไม่จืดแหงๆ
สถานการณ์รอบข้างดูตรึงๆเจ้าของรถคันหรูที่วิ่งไปจอดเคียงฟุตบาทข้างถนนที่สำหรับจอดลงมาจากรถรีบเขามาดูเขาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?!” น้ำเสียงนั้นดูตื่นๆ เคนยันมือกับพื้นเพื่อลุกยืนทว่าเมื่อขึ้นทรงตัวกลับล้มลงไปอีกความรู้สึกเจ็บแล่นแปร๊บจากข้อเท้าขึ้นมา
เมื่อมองดูก็เห็นรอยถลอกและเลือดซึมซิบๆจากข้อเท้า
หากเป็นแค่นั้นก็คงไม่ถึงกับทรุดทว่าคงไม่ใช่แค่ถลอกแน่แล้วล่ะสิงานนี้...
“อ่า...คิดว่าข้อเท้าพลิกนิดหน่อยน่ะครับ” ว่าพลางพยายามจะลุกขึ้น
เคนรู้ว่าใกล้ๆนี่มันคลินิกคงต้องขออาศัยใช้บริการเสียหน่อยหลังจากไม่ได้ใช้มานานประมาณสามเดือนได้(?)
หือ?
ชายหนุ่มเจ้าของรถหรูที่เฉี่ยวเขาเมื่อครู่ยื่นมือมาตรงหน้าและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เคนมองมือใหญ่ของเจ้าของผมสีดอกอัญชัญด้วยความชังใจก่อนจะยอมยื่นมือไป ปัดทิ้ง!
“ไม่เป็นไรครับผมว่าจะไปคลินิกใกล้ๆนี่” เขาว่าและรวบรวมแรงใจฮึดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เพราะความเกร็งขาชั่วขณะทำให้เกิดตะคริวในจุดที่เท้าพลิกเสียนี่
เคนแทบหลุดร้องออกมากลางสี่แยกเขาทรุดตัวลงอีกรอบคราวนี้ชายหนุ่มคนเดิมก็ยังคงมีเมตายื่นมือออกมาให้เขายืมแถมคำพูดที่ว่าจะช่วยไปส่งอีกต่างหาก
เคนหมดคำค้านเพราะขาเขาเองก็ยังไม่ไหวไหนๆก็นั่งรถฟรีไปแล้วกันเขาเสียหายนี่หว่า...
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มพูดส่งๆและเดินตามชายหนุ่มขึ้นรถคันหรูไป
ในรถดูไฮโซเก๋ไก๋กว่าข้างนอกเยอะแต่งออกไปแนวยุโรปเคนรู้สึกว่ารสนิยมของอีกฝ่ายค่อนข้างดีแต่ก็อดเกลียดน้ำหอมฉุนจากตัวอีกฝ่ายมิได้
ในรถเคนนั่งเงียบและนวดเท้าตัวเองไปพลางๆ ระหว่างที่นั่งไปคลินิกเขาก็สังเกตเห็นชายหนุ่ม(?)อีกคนที่นั่งข้างคนขับผู้มีสีผมเดียวกันกับอีกฝ่ายที่นั่งข้างเขา
เจ้าตัวจ้องเขาเป็นพักๆราวกับอยากจะแหกอกเขาอย่างไรอย่างนั้น
ฝ่ายที่ผิดมันคุณไม่ใช่เรอะ!
แต่เอาจริงๆคนผิดมันเขาต่างหากก็ดันลงไปกลางถนนตอนไฟแจ้งบนฟุตบาทยังแดงอยู่นี่นา
แต่เคนก็แย้งได้ว่าโดนผลักไม่เชื่อก็ดูกล้องวงจรปิดเลยเหอะ
คนบ้าอะไรจะวิ่งมาล้มกลางถนนให้รถชน ถีบตัวเองออกมารึไง?!
ถ้าตำรวจมันพูดงี้เขานี่แหละจะเอาเท้าพลิกๆนี่ประดับหน้ามันเสียก่อน
“เธอ
ชื่ออะไรงั้นเหรอ” เงียบอยู่นานสองนานในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยปากเปิดประเด็นทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน
เคนปรายตามองและตอบไป
“เคนครับ...ไฮเสะ
เคน” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจยิ้มๆและเอ่ยชมว่าเป็นชื่อที่ดี
อ๋อเหรอ? เคนแอบเหน็บในใจไม่ได้และได้มารู้ภายหลังว่าอีกฝ่ายชื่อ ทสึกิยามะ ชู
ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะแนะนำตัวทำไมในเมื่อครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน
ว่าแต่...
ทสึยามะ ชู...
คุ้นๆเหมือนเคยได้ยินแฮะ...
ช่างเถอะ
เคนตัดสินใจปัดความสงสัยทิ้ง
และเมื่อถึงคลินิกคุณทสึกิยามะก็ให้นามบัตรไว้ก่อนจากไป
เคนยืนงงอยู่หน้าห้องตรวจและมองแผ่นหลังนั้นเดินจากไป
เขามองนามบัตรนั้นและไม่คิดจะสนใจจะอ่านเก็บลงกระเป๋าทันใด
เมื่อถึงคิวจึงเข้าไปหาหมอและทำแผลเสีย
เคนได้ยาแก้ปวดมันอีกถุงเขากำลังจะจ่ายเงินแต่พยาบาลกลับบอกว่าคนที่มาด้วยกับเขาเมื่อครู่จ่ายให้เสียแล้ว..
เสร่ออีกละ...
เป็นกงการอะไรถึงต้องทำให้เขาขนาดนี้กันมันไม่ชอบมาพากลถึงแม้หลายคนอาจจะชอบแต่สำหรับเคน
ถามว่าเกรงใจ? เปล่า ไม่ไว้ใจต่างหาก...
.............................................................................................
“ครับ...ทราบแล้วครับ
ครับ” ไฮเสะ ซาซากิ ชายหนุ่มผู้ปราดเปรี่ยวเดียวดายในแผนกขายของ(?) เขาเพิ่งวางสายจากสาขาย่อยที่มาแจ้งว่ายังไม่ได้รับสินค้า
ไฮเสะรับปากจะบอกแผนกของหายให้ เขาแผนกขายของ!
โทรมาผิดเบอร์แล้วแม่คุณ! ไหงความรับผิดชอบมันมาตกที่เขาคนเดียววะ!
“ซัสจังเซ็นนี่ทีสิ” ลูกน้องที่แสนภักดีชิราสุมอบเอกสารการซื้อขายวัตถุดิบให้เจ้านาย
ไฮเสะมองอ่านปราดหนึ่งก่อนถอนหายใจและบอกกับลูกน้อง
“ต้องให้คุณอาริมะเซ็นยินยอมก่อนสิเขาเป็นหัวหน้าฉันอีกทีนะ”
“คุณอาริมะบอกให้ซัสจังเซ็นเลยครับผมไปถามมาแล้ว”
ชิราสุว่า ไฮเสะถอนหายใจเอามือก่ายหน้าผากคิดอยากจะร้องไห้
ให้ตาย...หัวหน้าช่างเอาแต่ใจ
เรื่องแบบนี้มันต้องผ่านคุณก่อนสิครับถึงแม้จะมีผมยืนยันแต่น้ำหนักความหน้าเชื่อถือมันไม่พอ!
ครืด!
“อ้าว?! ซัสจังไปไหนอ่ะ!” ไฮเสะวางกองงานบนโต๊ะปึ๊งหนึ่งก่อนจะเดินออกจากโต๊ะ
“จะไปหาคุณอาริมะน่ะ”
“ทำไมครับ ก็...ซัสจังเซ็นก็ได้นี่นา”
ไฮเสะถอนหายใจ
“เซ็นได้แต่ถ้าฝ่ายโน้นเขาโยนกลับมาเพราะมันเชื่อไม่ได้มันจะเสียเที่ยว”
ชิราสุเลิกคิ้ว อะไรวะเชื่อไม่ได้ หัวหน้าเหมือนกัน!?
ซัสจังแม่งเรื่องมาก!
“ชิราสุ”
“ห๊ะ! ครับ?!” ไฮเสะปรายตามองดุๆก่อนเดินถือแฟ้มเอกสารออกจากห้องโดยทิ้งคำพูดไว้ว่า
“ฉันรู้นะว่านินทาอยู่”
“?!!” และประตูก็ปิดลง
โทโอรุ ไซโกะ อุริเอะ พากันเอียงตัวเข้ามาหาและซุบซิบกัน
“เจ้านายแม่งเซ้นต์แรงว่ะ” ต่างคนต่างคิดเหมือนกัน ชิราสุเห็นด้วยไม่แย้งสักคำ
ปึง!
ประตูห้องถูกเปิดออกเร็ว
อาริมะ คิโชว ผู้เป็นเจ้าของห้องเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์และกาแฟยามบ่าย
แหมสบายเหลือเกินพ่อคุณ!
ไฮเสะเป็นข้อยกเว้นไม่ต้องเคาะประตูไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรจนโดนคนแผนกอื่นแซวว่าเป็นลูกรักบ้าง
คนโปรดบ้าง หนักเข้าก็ว่าเป็นเด็กคุณอาริมะซะล่ะมั้ง! ใช่ที่ไหน! อย่าซุบซิกระจายข่าวลือไม่มีความจริงสักเสี้ยวแบบนั้นสิเว้ย
นี่ก็เหมือนกันจิบอยู่นั่นแหละกาแฟ คาเฟอีนมันไม่ทำให้สายตาคุณยาวขึ้นหรอกครับ!
“มีอะไรไฮเสะ”
ยังจะถาม
“ทำไมไม่เซ็นเองครับ”
“กล้าถามห้วนๆ?”
“คุณอาริมะ?!”
“ขึ้นเสียงทำไม?”
โว้ยยยยยย เวร! ไฮเสะถอนหายใจและวางเอกสารลงบนโต๊ะอธิบายการสั่งของคร่าวๆและขอให้เจ้านายเซ็นอาริมะไม่ขัดอะไรยอมเซ็นง่ายๆเสียอย่างนั้น
เขานึกว่าเจ้าตัวจะเล่นตัวกว่านี้เสียอีก
แล้วไหงตอนชิราสุเอามาให้เซ็นถึงได้อ้างโน่นอ้างนี่นักวะ?!
“ชอโทษที่อารมณ์เสียใส่ครับ” ไฮเสะว่าเสียงเนือยๆอย่างสำนึกผิด
อาริมะจ้องตาอีกฝ่ายกลับดุๆและเอ่ยในที่สุด
“ก็ดี
อย่ามีแบบนี้อีกแล้วกัน” นั่น...ไฮเสะรับคำเบาๆและรวบเอกสารตั้งใจจะหมุนตัวกลับไปโต๊ะทำงานจะออกจากออฟฟิสไปทานข้าวเสียหน่อยบ่ายแล้วน้ำสักหยดยังไม่ถึงท้องหิวจะแย่
แต่อาริมะก็เอ่ยดักไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวไฮเสะ”
“ครับ?” คิดแล้วก็แปลกใจคนคนนี้ตั้งใจจะเรียกเขาหรือเปล่าแต่หาข้ออ้างไม่ได้เลยใช้เรื่องนี้อ้างให้เขามาหาเอง?! .......มโนใหญ่ละ...ไฮเสะปัดความคิดบ้าบอนั่นทิ้ง
“ทานข้าวกับฉัน”
นั่นไงที่แท้ไอ้เรื่องเซ็นเอกสารนี่ก็แค่ข้ออ้าง จริงๆอยากคุยกับเขาต่างหา—
ห๊ะ....อะไรนะ?!!!!
“ครับ?!!!”
……………………………………………………….
ไฮเสะอยู่ที่ร้านกาแฟขาประจำกับคุณอาริมะซึ่งเมื่อวานน้องชายคนเล็กบอกว่าจะทำพาทไทม์ที่นี่แล้วก็เจอจริงๆ
ชุดพนักงานเสิร์ฟดูเข้าท่าอยู่ น้องชายที่ท่าทางไม่เอาอ่าวทำอะไรก็เก้ๆกังๆดูยังไงก็ไม่น่าทำงานบริการได้กลับได้รับความนิยมจากลูกค้าตั้งแต่วันแรก
คาเนกิวิ่งเต้นรับออเดอร์ตามโต๊ะแทบไม่ทัน
เมื่อมาเจอพี่ชายตัวเองกับคุณอาริมะก็อดพูดคุยทักทายเสียไม่ได้
ผู้จัดการใจดีได้เวลาเปลี่ยนที่กับโทวกะจังเด็กสาวม.ปลาย คาเนกิเลยได้นั่งร่วมโต๊ะกับพี่ชาย
แต่บรรยากาศจากคุณอาริมะมันน่าอึดอัดชอบกลวุ้ย...
“เอ่อ...พี่ทานข้าวหรือยังครับ?”
ในเมื่อมองดูแล้วตาอาริมะอะไรนั่นคงไม่ยอมพูดก่อนเป็นแน่คาเนกิจึงเริ่มบทสนทนาขึ้นเสียเองพี่ชายที่ดูๆแล้วก็คงคนไม่ต่างจากเขาจึงเริ่มคุยตอบ
“อะ...อืมยังเลย
ร้านกาแฟมีข้าวขายด้วยเหรอ?”
“ครับก็มีนี่น่ะ”
คาเนกิชี้เมนูแนะนำทางร้านให้พี่ชายและคุณอาริมะดู
สองชายหนุ่มตั้งใจฟังเมนูแนะนำและหันมาคุยกันว่าจะทานอะไรดีจริงๆไฮเสะก็เรียกได้ว่าค่อนข้างสนิทกับอาริมะแต่ก็ยังมีความแกรงใจนิดหน่อยในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
ระหว่างที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันคาเนกิก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เคนส่งมาเล่า
วันนี้โคตรซวย
ตอนเช้ากะจะนอนให้อิ่มป้าข้างบ้านก็เปิดเพลงซะลั่นต้องตื่น
ออกจากบ้านดันใส่รองเท้าสลับคู่อีก แล้วยังโดนรถเฉี่ยวอีก! โคตรซวย! ซวย ซวย ซวย! เออ
แต่ก็ดีที่เจ้าของรถเขาช่วยพาไปคลินิก เท้าพลิกน่ะ ให้นามบัตรมาด้วย (แนบรูป) แถมเสร่อจ่ายค่ายาให้อีก น่าสงสัยชะมัด!
เคน
คาเนกิเผลอยิ้มแหยและกดพิมพ์ตอบ
เขาคิดว่าถ้าพี่คุยกับคุณอาริมะจบแล้วจะหาช่องว่างบอกพี่ว่าเคนโดนรถเฉี่ยว เอ
แต่คิดอีกทีไว้บอกทีเดียวที่บ้านเลยดีไหมนะเพราะพี่ยิ่งคิดมากขี้เป็นห่วงอยู่เดี๋ยวไม่เป็นอันทำงานพอที
ก็ดีแล้วนี่ครับที่ไม่เป็นไร
ขาพี่ที่พลิกไม่เป็นไรใช่ไหมครับหมอเขาให้ยามาด้วยนี่จะเข้าค่ายได้เหรอครับ?
คาเนกิ
กดส่งเรียบร้อยเป็นตัวลูกศรวิ่งเร็วๆก่อนหายไปจากจอ
คาเนกิกดดูรูปที่เคนแนบมาให้เป็นรูปนามบัตรเล็กๆคาเนกิหรี่ตามองแล้วอ่านออกเสียง
“ทสึกิ...ทสึกิยามะ
ชู ?”
“?!!”
เอ่ยจบก็รู้สึกถึงสองสายตาที่จ้องมองมา คาเนกิหันมองพี่ชายกับเจ้านายพี่งงๆ
น้องชายกระพริบตาปริบมองสองชายหนุ่มกลับและเอ่ยถาม
“มีอะไรเหรอครับ?”
“ชื่อเมื่อกี้ไปได้ยินมาจากไหนน่ะคาเนกิ” พี่ชายบังเกิดเกล้าเอ่ยยถามเสียงตื่นๆเหงื่อตกเล็กน้อย
คาเนกิเลิกคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมพี่จะต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องโคตรใหญ่โต
“อ๋อ เอ่อ..” คาเนกิคิดว่าถ้าบอกตอนนี้ก็ต้องเล่าเรื่องที่เคนโดนเฉี่ยวด้วย
แต่มองดูแล้วพี่ก็ยังเค้นสายตาราวกับจะบอกว่าถ้าคาเนกิไม่พูดคืนนี้จะงดข้าวเขาอย่างไรอย่างนั้น
แงงง ไม่เอานะ กล้าทำน้องคนนี้ได้ลงเชียวรึ นั่นๆ
ยังไม่หยุดจิกตาเดี๋ยวดีดตาแตกเลยนี่ คาเนกิคนนี้กลัวนะพี่ชาย
“คาเนกิ” เสียงคุณอาริมะตามมาสมทบ อะไรวะทำอย่างกับโลกใบนี้กำลังจะแตกเรียกตูกันจัง
บอกก็ได้นี่แค่ห่วงพี่ชายกลัวกังวนเรื่องเคนต่างหาก!
“ก็เคนเขาส่งข้อความมาบอกผมว่า
โดนรถเฉี่ยวแล้วก็ได้เจ้าของรถช่วยไว้พาไปส่งคลินิกเคนแค่เท้าพลิกแล้วเจ้าของรถนั่นก็จ่ายค่ายาให้ด้วยให้นามบัตรมาอีกต่างหาก
ผมก็แค่อ่านชื่อในนามบัตรเท่านั้นเองครับ” ไฮเสะเบิกตาโต
งั้นก็หมายความว่าทสึกิยามะก็คนที่พาเคนไปคลินิก...
เห็นพี่กับเจ้านายหน้าตึงคาเนกิมองแล้วก็กลัวหนังหน้าจะตึงจนพูดไม่ได้กันเสียก่อนจึงเอ่ยถามขึ้นว่ามีอะไรกันเหรอทำหน้าเหมือนเห็นหมาข้างบ้านไปเต้นแอลบิกหน้าห้าง
“เอ่อ...” พี่ชายหันไปสบตาคุณอาริมะราวกับกำลังโทรจิตกัน เจ้าของแว่นพยักหน้า “คืองี้
คุณทสึยามะเป็นเจ้าของบริษัทหรือประธานนั่นแหละเป็นศัตรูคู่แข่งของบริษัทของคุณอาริมะเขาน่ะ”
ซึ่งมันก็ศัตรูพี่ชายเช่นกันจ้ะ
อ๋อ...
“มิน่าทำหน้าอย่างกับเจอแมวเต้นบอลเล่” คาเนกิว่าแล้วลุกขึ้นไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไฮเสะนั่งเอ๋อ อ้าวนี่ไม่สนใจจะตกใจหรืออะไรหน่อยเหรอ
ลืมบทเหรอคาเนกิ!
“ไฮเสะ” อาริมะเรียกหลังจากเมนูมาเสิร์ฟ
“ครับ?”
“แมวเต้นบอลเล่มันเป็นยังไง?”
“…”
……………………………………………………...............................
ตะวันคล้อยสู่ดินพระจันทร์เจิดจลินสู่ฟ้าแทน
เปล่าหรอกยังไม่มืดบรรยายให้มันดูเว่อร์ไว้เฉยๆจริงๆแค่ห้าโมงเย็น
พระจันทร์ยังไม่เฉิดฉายพระอาทิตย์ยังไม่พลีกายลงดิน
เคนเลิกเรียนแล้ว ดีที่นากาชิกะเพื่อนคาเนกิลงเรียนวิชาเดียวกับเขาวันนี้เลยอยู่เช้ายันเย็นที่มหาลัยเห็นเขาเดินกระเพกมามหาลัยและเรียนห้องเดียวกันเลยช่วยพยุงพามาร้านกาแฟ
คาเนกิออกมาต้อนรับบอกเขาด้วยว่าให้กลับบ้านพร้อมมันเพราะเมื่อครู่พี่ชายคนโตเพิ่งออกจากร้านไปและรู้เรื่องเท้าพลิกของเคนจากปากคาเนกิเรียบร้อย
ได้ยินแล้วอยากเหวี่ยงหมัดเขกหัวเจ้าตัวสักที
ไปบอกพี่แบบนั้นมีหวังไม่ได้เที่ยวพอดีแค่เขาโดนมีดบาดยังทำเป็นกระต่ายตื่นตูมแบบนั้น
“โห...ใส่กระต่ายด้วยวันนี้
ผมดีใจนะเนี่ย”
“เหรอออ เพราะไม่มีเสื้อใส่หรอก” เคนแขวะกลับเห็นคาเนกิยิ้มดีใจแล้วหมั่นเขี้ยว
“จะโกหกก็ขอเหอะมันไม่เนียนครับ”
แน่ะ...เคนย่นคิ้วมองทันใด รับเมนูจากน้องและเอาโกโก้กับขนมปังมากินเล่น
นากาชิกะขอตัวกลับก่อนโดยไม่ลืมแวะมาทักทายคาเนกิ
หมอนั่นน่ะถ้าเขาไม่อยู่ตรงนั้นด้วยคงจูบน้องเขาแล้วมั้ง
ขนาดเขาแยกเขี้ยวขู่อยู่ข้างๆมันยังจับไม้จับมือน้องเขาอย่างกับจะหักกลับบ้านได้
“เถียงเก่งขึ้นนะเรา”
“มีโค้ชครับ” ว่าติดตลกและหวิวตาไปทางสาวเสิร์ฟผมสั้นในร้าน “โทวกะจังครับ”
“อ๋อ...” เคนมองสาวน้อยและยกโกโก้ดื่ม
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงกระดิ่งประตูร้านดังเรียกสายตา
เด็กหนุ่มในชุดฮู้ดแขนยาวสีดำเดินอย่างกับนักเลงเข้ามาในร้านมองโทวกะ
ตัวสาวเจ้าเองก็เบิกตาตกใจที่เห็นเด็กหนุ่ม
“มานี่ได้ไงเนี่ย?”
“เดินมา” เด็กหนุ่มเจ้าของสีผมเดียวกันตอบ
“กวนตีน” ผู้เป็นพี่สาวว่า โทวกะเถียงกับน้องครู่หนึ่งจึงพาเด็กหนุ่มไปหาที่นั่ง “มาทำไม?”
“กลับบ้าน” พูดห้วนๆ
“อายาโตะ
พี่ทำงานอยู่”
“ไม่เอา! กลับ!”
“อย่าดื้อสิวะ
เอางี้รอพี่อยู่ร้านแล้วกันเดี๋ยวเลิกงานกลับพร้อมพี่” เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าคิดพักหนึ่งก่อยอมพยักหน้าตกลง
คาเนกิกระซิบถามโทวกะก็ได้ความว่าเป็นน้องชายที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านวันดีคืนดีก็ชอบมารับตัวพี่กลับบ้านด้วยกัน
แถมยังได้คำว่าส.(ใส่เกือก)กลับมาอีก คาเนกิไม่คิดว่าคุ้มสักนิด...
เคนยกเครื่องดื่มจิบและมองไปยังเด็กหนุ่มหน้ามุ่ยนามอายาโตะน้องชายโทวกะจังแล้วเกิดความรู้สึกสนใจ
สนใจอยากกระทืบ...มันช่างก้าวร้าวต่อพี่สาวเสียนี่กระไรเด็กเวร...
ล่วงเลยมา6โมงเย็นคาเนกิกลับเวลานี้เวลามีเรียนเช้าส่วนโทวกะเลิกกะสี่ทุ่มเพราะเข้างานตอนเย็นถ้ามีเรียนบ่ายคาเนกิก็คงเลิกพร้อมโทวกะ
ระหว่างทางเดินกลับบ้านคาเนกิก็คอยพยุงพี่ชายบ้างเล็กน้อยเพราะเคนยังเจ็บเท้าอยู่ทางที่ดีเขาน่าจะเรียกแท็กซี่กลับนะเนี่ย...
รถก็ดันมีคันเดียวในบ้านส่วนคนขับก็นั่นแหละพี่ชายคนโตเหมาไปหมด..
น่าแค้นใจไหม?
“เออ แล้วยาล่ะครับ?”
เคนเลิกคิ้วและตบๆดูกระเป๋า ยังอยู่...
“อยู่นี่แหละ” เมื่อไม่มีอะไรคุยความเงียบก็กลืนกิน
สองพี่น้องเดินมาถึงบ้าน เคนก็คุ้ยหากุญแจในกระเป๋าเปิดประตูบ้านพอดีกับเสียงแตรรถบีบปรี๊นๆอยู่หน้าบ้านให้เปิดรั้วให้
“อ้าวพี่มาพอดีเลย” คาเนกิอาสาไปเปิดรั้วบ้านให้พี่ชายคนโตแทนและปล่อยให้เคนเข้าบ้านไปก่อน
รถเบนซ์รุ่นเก่าเข้าจอดข้างตัวบ้านรถใช้มาตั้งแต่สองแฝดอยู่ประถมสมัยนั้นยังมีพ่อมีแม่แต่พวกท่านก็เพิ่งมาจากไปเมื่อสามปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุ
พ่อเสียชีวิตส่วนแม่หลังจากพ่อจากไปท่านก็ป่วยและตรอมใจไปอีกคน
พี่ชายคนเดียวอย่างซาซากิก็ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงน้องโดยใช้รถคันนี้แหละทำมาหากินระหว่างที่เรียนมหาลัยก็ขายของไปด้วยทำพาทไทม์ไปด้วย
เป็นช่วงที่สาหัสมากในชีวิตแทบจะกัดก้อนเกลือกิน
เพราะพวกเขาก็ไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหนด้วย...
เรียกได้ว่าลำบากมากแต่ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นมาบ้านหลังนี้เกือบปล่อยเพราะสถานการณ์ตอนนั้นแต่พี่ก็เอาเงินเก็บและไปกู้เงินจากที่ทำงานมาจ่ายไว้ได้
คราวนี้ก็ได้ทำงานฟรีไปอีกหลายเดือนแล้วก็ต้องหางานเพิ่มเพราะงั้นไม่มีอะไรกินระหว่างนั้นทางเดียวที่จะมีเงินพอใช้ก็ต้อง สองแฝดนี่แหละ
เริ่มแอบพี่ชายไปหาพาทไทม์ทำกันเงียบๆวันล่ะสองสามชั่วโมงหลังเลิกเรียนก่อนพี่กลับบ้าน โตมานั่นแหละถึงได้เล่าให้พี่ฟัง
ทางซาซากิพอรู้ก็สวดใหญ่
แต่ก็ยิ้มให้และลูบหัวพวกเขาด้วยความเอ็นดูโดยไม่ลืมบอกขอบคุณกัน...
วันนั้นจำได้ว่าเคนแอบร้องไห้ด้วยล่ะ...
ถึงเจ้าตัวจะเถียงคอเป็นเอ็นว่าแค่ละอองในอากาศมันเข้าตาสะกิดต่อมน้ำตาให้ไหลเฉยๆก็เถอะ...
“วันนี้อยากทานอะไรกัน” ข้าวเย็นของพี่ซาซากินานๆจะได้กินที
คาเนกิคิดว่าตั้งแต่พี่มาเข้าบริษัทคุณอาริมะรู้สึกชีวิตมันคลายลงมันดูราบรื่นขึ้นถึงจะไม่มากแต่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเขามีความสุขมากพี่กลับบ้านเร็วขึ้น
มีบ้างที่ทำงานดึกแต่ก็มีเวลาโทรหรือส่งข้อความมาบอกทุกครั้งไม่เหมือนเมื่อก่อนที่บางครั้งก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย
แต่เคนเหมือนจะไม่ชอบคุณอาริมะแฮะ
ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยแช่งเขาตรงๆเสียทีสงสัยเพราะพี่ค้ำคออยู่...
“แกงกระหรี่!” สองแฝดโพล่งออกมาพร้อมกัน สามพี่น้องมองหน้ากันและหัวเราะ
------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าาาาาาาาาาาา หายไปเป็นปีเลยยยยยยยยยย
เพิ่งได้ไอเดียค่ะไม่ได้ป่วยเกมหรอกเราตันค่ะ T_T แต่ตอนนี้กลับมาแล้วนะ สารภาพว่าแต่งได้ห่วยลงมากเลยค่ะ
ไม่กล้าแต่งหลายฟิคเลยดองเยอะมาก บวกเครียดด้วย ฮือออออ ขอโทษคุณนักอ่านจริงๆนะคะ เราขอโทษค่ะ //กราบบบบ
เราคิดว่าจะอัพเรื่องนี้ในวันเสาร์ของทุกอาทิตย์นะคะ แต่ไม่รับประกันได้ว่าจะได้ทุกอาทิตย์ไหม//โดนรองเท้าเขวี้ยงใส่
เราอ่านเรมา......ชิราสุ....ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย
เอาเป็นว่าพ่อคาเนชั่นร่างที่สี่คงไม่เขียนถึงนะ คือบับ.....นะ555
หลายร่างเหลือเกินพ่อคุณ คาเนกิควรเลิกเป็นกูล เอ๊ะหรือมันเป็นแบบคล้ายเกมส์ไรงี้ป่ะ เรเวลอัพอ่ะ555//มโนใหญ่ล่ะกลับมา!
นั่นล่ะค่ะต้องขออภัยจริงๆ เรื่องนามสกุลหรือชื่อ คืองี้เราไปอ่านเจอตอนนึงที่ศัตรูมันบอก
จะเป็นคาเนะ(ความหมายไรไม่รุน่าจะสีขาว)หรือไฮ(สีเทา)เสะ ก็จงเลือกดู
ไรงี้แล้ว คาเนะ นี่น่าจะหมายถึงคาเนกิที่เป็นนามสกุล ก็ตรงกันเมื่อเอามาคู่กับไฮเสะที่เถียงกันอยู่ว่าเป็นชื่อหรือนาสกุล เราคิดว่าถ้าศัตรูมันพูดงี้
ไฮเสะมันก็น่าจะนามสกุลป่ะ? หรือไม่ใช่? อันนี้เถียงได้คือเราก็งงๆอยู่ นักอ่านบอกเราทีค่ะ หรือถ้ามันตงิดๆยังไงเราว่าเปลี่ยนนามสกุล
สามพี่น้องจาก ไฮเสะ เป็น ซาซากิ ดีไหม?
ทำไมยาวจัง555 โอเคนะบอกเราได้ ส่วนไอ้บุพเพสันนิวาสตอนเริ่มนั่นคือไม่ไรหรอกเปิดฟังอยู่แล้วมันได้มุก555 ส่วนคำหยาบคายในตอนนี้
อาทิเช่น วะ เว้ย โคตร แม่ง เวร ไรงี้ เราขออภัยด้วยนะคะหากใครคิดว่ามันไม่สมควรค่ะ กราบ
เอาล่ะ เจอกันใหม่นะคะ ซียู♥
ความคิดเห็น