คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : บาสสสส
3
บาสสสส
“ทำบ้าอะไรของแกฟะ !ไอ้เตี้ย! แอ้ก!” ร่างสูงผิวสีเข้มยังไม่เข็ด และแน่นอนด้วยสุดยอดกรรไกรในตำนานแล้ว กรรไกรสีแดงก็ย้อนกลับมาปักหัวของอาโอมิเนะจนเลือดกระฉูดเป็นน้ำพุและแดดิ้นลงไปนอนตายกับพื้นจนได้ในที่สุด อาคาชิมองภาพศพที่ตัวเองพึ่งฆาตกรรมไปหมาดๆแล้วยิ้มเหี้ยม
“ว่าไง...ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน..อาคาชิ เซย์จูโร่..” เสียงเย็นวาบเล่นเอาทั้งทีมแอบเสียวสันหลังไม่น้อย ยกเว้นเพียงอาโอมิเนะที่ในเวลานี้ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงโดยมีคิเสะคอยสวดศพด้วยความเศร้าปานใจจะขาดอยู่ข้างๆ คุโรโกะถอนหายใจก่อนจับมือของอาคาชิพาเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
อาคาชินิ่งเงียบไม่ได้พูดหรือขัดขืนอะไรและยังแอบส่งสายตาอำมหิตไปให้อาโอมิเนะที่ขนาดสิ้นสติไปแล้วยังกลับมามีอาการชักน้ำลายฟูมปากจนน่าสงสาร คุโรโกะเหลือบมองร่างผมสีแดงแล้วยิ่งกลุ้มใจ นี่เขาคิดถูกหรือเปล่าที่พาเจ้าแมวนี่มาด้วย แค่มาไม่ถึงชั่วโมงก็ก่อปัญหาซะขนาดนี้แล้ว แล้วต่อไปมันจะไม่วอดวายกันหมดเลยหรือ
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมายังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า คุโรโกะวางกระเป๋าของตนเองลงบนเก้าอี้ ร่างผมสีฟ้าเปลี่ยนชุดของตนเองอย่าเงียบๆ โดยที่อาคาชิได้แต่นั่งมองเนื้อตัวเปลือยเปล่าขาวๆนั่นพร้อมเลียริมฝีปากอย่างชอบใจ แต่หากเขาทำอะไรตอนนี้มีหวังคงไม่แคล้วพลาดเรื่องน่าสนุกกว่านี้ไปน่ะสิ คิดแล้วก็ทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อยสักพักก็แล้วกัน หูและหางโผล่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาคาชิคลานสี่ขาเหมือนแมว บิดขี้เกียจพร้อมหาวหวอดและกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้ก่อนนอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มจนคุโรโกะที่พึ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับเล่นบาสเสร็จแล้วยังอดแปลกใจไม่ได้
เจ้าแมวเอาแต่ใจของเขา ทำไมจู่ๆถึงสงบขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย
“อาคาชิคุง..ตอนที่ผมจูงมือมาเมื่อกี๊หัวไปกระแทกอะไรเข้าหรือเปล่าครับ” คุโรโกะขมวดคิ้ว ทำให้แมวผมแดงหันขวับมาทางตนเองทันที
“เท็ตสึยะ..ท่าทางนายคงไม่อยากตายดีหรอกใช่ไหม” พูดอย่างเดียวไม่พอ เล็บมือเล็บเท้ายังยาวออกมาอีก คุโรโกะส่ายหน้า ก่อนเดินไปหาร่างผมแดงค่อยๆถอดรองเท้าและถุงเท้าให้จนเหลือเพียงเท้าเปลือยเปล่า เป็นที่ถูกใจของอาคาชิที่ตั้งแต่แรกก็ไม่ค่อยชื่นชอบรองเท้าซักเท่าไรนัก
“นายรู้ใจฉันดีจังนะ รองเท้ามันน่ารำคาญ เท้าเปล่าแบบนี้ ขยับเคลื่อนไหวสะดวกกว่าตั้งเยอะ” ว่าแล้วก็ทดสอบตามที่พูดโดยการกระโดดไปเกาะผนังโดยใช้กรงเล็บยึดไว้ให้ดู หากเป็นคนอื่นคงจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่หรอก แต่สำหรับคุโรโกะแล้วมันไม่ใช่..
“กรุณาลงมาด้วยครับอาคาชิคุง ถ้ากำแพงห้องเป็นรูขึ้นมาผมไม่ช่วยจ่ายค่าซ่อมแซมให้นะครับ” ร่างผมสีฟ้าพูดเสียงนิ่งดวงตานั่นบ่งบอกว่ามีความเคืองเล็กๆ ทำให้อาคาชิสบถแล้วยอมลงมาแต่โดยดี คุโรโกะมองแมวพึ่งลงมาและชี้ไปที่หูและหางของอาคาชิ ทำให้ร่างผมสีแดงเก็บหูกับหางตามคำขอก่อนพวกเขาจะเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปหาคนอื่นๆ
ณ สนามบาส
“คุโรโกจจิ มาพอดีเลย พวกเรากำลังจะฝึกตัวต่อตัวกันพอดีเลย” คิเสะกระโดดดึ๋งๆมากอดคอคุโรโกะแถมยังใช้แก้มเนียนๆถูใบหน้าของคุโรโกะจนอาคาชิตวัดสายมามองคมกริบจนคิเสะได้แต่ปล่อยมือจากคอขาวบางช้าๆ และค่อยๆล่าถอยออกไปแต่โดยดี ซึ่งการกระทำนั้นทำให้อาคาชิยิ้มพอใจ
“อ้าว..ทำไมนายถึงไม่ใส่รองเท้าละ” มิโดริมะมองเท้าเปลือยเปล่าของอาคาชิแล้วถามขึ้น ไม่ใส่รองเท้าเล่นแบบนี้มันแปลกไปหน่อยหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้รับมีเพียงแค่ว่า
“อย่า.มา..ยุ่งเรื่องของฉัน..” เสียงเย็นเกินบรรยายเล่นเอามิโดริมะล่าถอยตามไปอีกคน
“ว่าแต่จะจับคู่แข่งกันก็ได้อยู่หรอกครับ แต่อาคาชิคุงยังเล่นไม่เป็นเลยนะครับ” คุโรโกะท้วงขึ้นมา เขากลัวว่าถ้าให้อาคาชิแข่งจริงๆล่ะก็ ไม่มีการมาแย่งลูกบาสในสนามอย่าดุเดือดหรอก มีเพียงแต่กรรไกรสีแดงจะปักลูกบาสกลมๆให้แฟ่บไปจนไม่ได้เล่นเลยมากกว่า
“ถ้าแบบนั้นก็ให้นายไปฝึกเจ้านี่มันก่อนก็แล้วกัน ส่วนพวกเราจะไปซ้อมเอง ฝากด้วยล่ะ” พูดแบบรัดรวบตัดตอนไม่พอให้คุโรโกะปฏิเสธมิโดริมะก็จัดการเรียกพวกในทีมทั้งหมดมาจับคู่ซ้อมกันอีกฝากหนึ่ง มุราซากิบาระผู้แสนใจดียื่นขนมห่อหนึ่งในคุโรโกะเหมือนเป็นการปลอบใจแล้วเดินไปรวมกับคนอื่นๆ อาคาชิมองขนมในมือคนผมสีฟ้าตาวาวและฉวยมานอนแกะกินอย่างสบายใจบนพื้น
แบบนี้..มันจะไปรอดไหมเนี่ย..
“อาคาชิคุงจากนี้ผมจะฝึกประสาทสัมผัสความว่องไวของคุณซักหน่อยนะครับ ช่วยกรุณาจับผมให้ได้ด้วยครับ”
ตอนนี้..ในหัวของแมวผมสีแดงมีแต่คำพูดนั้นดังก้องไปหมด
แม้จะไม่อยากทำยังไง แต่ในเมื่อดูๆไปแล้วมันก็น่าสนุกพอควร เขาจึงยอมเล่นด้วยสักหน่อย แต่ไหงไปๆมาๆ เจ้านายของเขาดันบอกจะทดสอบบ้าบออะไรไม่รู้ เขาเป็นแมวนะ เรื่องประสาทสัมผัสน่ะมันจิ๊บๆ แต่ตอนแรกก็คิดแบบนั้นอยู่หรอก แต่พอมาเห็นหัวฟ้าๆแว่บไปแว่บมาจนเขาตามไม่ทันนี่มันหมายความว่ายังไง
นี่มัน..เป็นเกมวิ่งไล่จับ..
คุโรโกะวิ่งไปยังจุดต่างๆในสนามรวมทั้งไปซุกอำพรางยังจุดที่พวกมิโดริมะซ้อมกันอยู่ด้วย ทำให้อาคาชิที่มองแทบไม่เห็นตัวร่างผมสีฟ้ายิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ ยิ่งเห็นลูกบาสถูกขว้างใส่หัวเขาทุกๆห้าวินาทีก็ยิ่งจุดอารมณ์ให้ปะทุมากยิ่งขึ้น อาคาชิแยกเขี้ยว มองคนผมสีฟ้าที่ไม่ธรรมดา สำหรับเขาการถูกคนอื่นแกล้งหรือเหยียดหยามมันคือความอัปยศและในตอนนี้ไอ้คนหัวสีฟ้าที่บังอาจปาลูกบาสใส่หัวเขาไม่ต่ำกว่าสิบรอบนี่แหละ ที่เขาจะส่งมันไปลงนรก
ดวงตาสองสีกวาดตามองไปรอบๆ ทุกอย่างในที่นี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด ทั้งการเคลื่อนไหวของพวกมิโดริมะในเวลานี้ต่างก็ดูเชื่องช้าเหลือเกิน เสียงลมแหวกผ่านอากาศ เสียงของลูกบาสที่ตกกระทบพื้น เสียงฝีเท้า อาคาชิเงี่ยหูฟังเสียงต่างๆ และใช้สายตาคมมองไปรอบๆทุกทิศ ความว่างเปล่าที่เห็นบางอย่างครั้นก็มีเงาสีดำวิ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็วจนจับตามองไม่ทัน อาคาชิแสยะยิ้มเมื่อตนเองเจอเป้าหมาย
มาแล้ว..
เสียงฝีเท้าที่เบาราวกับขนนก แทบจะไม่รู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งเข้ามาใกล้มากขนาดนี้ถ้าหากเขาไม่มีสัมผัสดีกว่ามนุษย์ทั่วไปคงจะรับรู้ได้ยากเช่นกัน เสียงลูกบาสดังกระทบพื้นกลมกลืนไปกับเสียงลูกบาสของพวกมิโดริมะ เสียงหอบหายใจแผ่วเบา รวมถึงเสียงลมลูกบาสที่แหวกผ่านอากาศเข้ามา
มัน..กำลังมาทางนี้
จับได้แล้ว!!
ฟุ่บ!
ฉึก!
“อ๊ะ..อะไรกัน” เสียงของร่างผมสีฟ้าที่หยุดชะงักกะทันหันมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
กรรไกรสีแดงถูกปาเข้าไปเสียบตรงใจกลางลูกบาสพอดีไม่ขาดไม่เกินเสียงลมพุ่งออกมาจากลูกบาสกลมๆเรื่อยๆ กรรไกรสีแดงเจอะลูกบาสเป็นรูกว้างและพาลูกบาสไปติดกำแพงอีกฝั่งด้วยความแรงจนเกิดเสียงดัง ก่อนที่ลูกบาสนั้นจะค่อยๆตกลงมาบนพื้น อาคาชิแสยะยิ้มขณะเดินไปดึงกรรไกรออกจากลูกบาสอย่างเบามือ
อ่อนหัด
อาคาชิยิ้มในใจ เมื่อมองดูผลงานของตัวเอง เสียงของลูกบาสที่กระทบกำแพงทำให้อาโอมิเนะที่นอนสลบอยู่ฟื้นขึ้นมาพร้อมน้ำลายที่ไหลยืดออกมา ดูแล้วคงจะฝันหวานอยู่ไม่น้อย รวมถึงพวกมิโดริมะที่เบนจุดสนใจมายังอาคาชิที่ทำท่าทีไม่ทุกร้อน
“มองอะไร..ซ้อมต่อไปสิ" คำสั่งเย็นเหยียบนั้นไม่รู้เพราะอะไรถึงทำให้พวกอยากรู้ทุกคนกลับไปทำภารกิจของตนเองด้วยความรวดเร็วดั่งแสงทันที อาโอมิเนะที่สับสนว่าตัวเองควรจะทำอะไรได้ต่อไป เมื่อเจอดวงตาสองสีปรายมาจึงกลั้นหายใจจนตัวเองสลบน้ำลายฟูมปากไปอีกรอบ
เอ..จะว่าไปแล้ว..
เฟี้ยว!
เรายังจับไม่ได้เลยนี่นา..
หมับ! โครม!!
“อึ๊ก!”
“หึหึ เท็ตสึยะ..ถ้านายคิดจะเล่นงานฉันยังเร็วไปหมื่นปี” อาคาชิหัวเราะขณะมองใบหน้าของคนใต้ร่างที่ตัวเองจับกดไว้บนพื้นด้วยความสนุกสนาน
คุโรโกะสบถอย่างอารมณ์เสีย ทั้งๆที่คิดว่าแผนของตนเองนั้นเจ้าแมวนี่น่าจะจับไม่ได้แท้ๆ การใช้ลูกบาสเป็นเหยื่อล่อและเข้ามาประชิดตัวพร้อมจับเอาไว้ได้ แค่นั้นเขาจะชนะแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวได้เร็วขนาดนี้ ตอนแรกตั้งใจจะให้มัวแต่สนใจลูกบาสเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นอย่างนี้ไปซะได้ มันผิดแผนไปจริงๆ
อาคาชิกดข้อมือคนใต้ร่างแน่น ดวงตาสองสีฉายแววมีประกายสีเลือดจนน่ากลัวทำให้คุโรโกะผงะ
อะไรกัน..แววตาแบบนี้..
เราไม่ชอบ..ไม่ชอบเอาซะเลย...
อาคาชิมองร่างผมสีฟ้าเหมือนดั่งเหยื่อ เหมือนกับที่เขามองพ่อและแม่ในวันนั้น แววตาสีเลือดที่เขาใช่ฆ่าพ่อและแม่มันกลับมาอีกครั้ง แต่มันดันกลับมากับคนที่เขาไม่ต้องการจะฆ่าซะได้ อาคาชิพยายามสกัดกั้นใจตนเอง ไม่ให้ใช้กรรไกรหรือกรงเล็บกรีดลำคอขาวนั่นจนเป็นรอย
“ถือว่าเกมนี้ฉันชนะก็แล้วกัน” อาคาชิเอ่ยก่อนผละออกจากร่างผมสีฟ้า ดวงตาสองสีนั่นกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ประกายสีเลือดอันน่ากลัวอีกต่อไป คุโรโกะมองอาคาชิด้วยแววตาไม่เข้าใจ และสงสัยในตัวร่างผมสีแดงไม่น้อย เขามองข้อมือที่ถูกกดจนเป็นรอยแดง คิเสะที่มองดูท่าทีมาก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาถามอาการเขาอย่างเป็นห่วง แต่คุโรโกะก็ได้แต่ตอบส่งๆไป เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องแววตาสองสีอันแปลกประหลาด
เมื่อกี๊...มันอะไร..
ตุ๊บ!
“เฮ้ย เจ้าเตี้..อาคาชิ!” เสียงของมิโดริมะตะโกนเรียกชื่อของร่างผมสีแดงที่อยู่ๆก็ล้มพับลงไปในขณะที่กำลังเดินกลับไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า คุโรโกะรีบลุกวิ่งเข้าไปดูร่างผมสีแดงที่นอนนิ่งไม่ไหวติง เสียงหอบหายใจแรงของอาคาชิและหน้าแดงๆยิ่งทำให้คุโรโกะร้อนรนมากขึ้น
“ไข้สูงมากเลย” มุราซากิบาระใช้มือนาบหน้าผากที่เริ่มขึ้นสีมากขึ้นเรื่อยๆ คุโรโกะมองอาคาชิที่หอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ
ไข้เหรอ..ทำไมละ..
แต่ไม่มีเวลาสงสัยเรื่องนั้นแล้ว!
แม้จะมีคำถามในใจมากมายที่ต้องการคำตอบแต่ตอนนี้มันไม่เวลาแล้ว ไข้สูงแบบนี้คงไม่ต่ำกว่าสี่สิบองศาแน่ๆ ถ้าไม่รีบส่งโรงพยาบาลอาจะอันตรายถึงชีวิตได้ คุโรโกะหันขวับไปมองมิโดริมะที่กดโทรเรียกรถพยาบาลมือรีบคว้าโทรศัพท์ของคนผมสีเขียวปาทิ้งไปทันที ทำให้มิโดริมะหันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ทำบ้าอะไรของนาย!!”
“ไม่ต้องเรียกรถพยาบาล..ผมจะจัดการเอง..”
“ว่าไงนะ”
“ผมบอกว่าผมจะจัดการเอง!!”
“!!! “
มิโดริมะอึ้งสักพักเมื่อเห็นท่าทางของคุโรโกะที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ไม่เคยเห็นคนผมสีฟ้าระเบิดอารมณ์แบบนี้เลยสักครั้ง คุโรโกะแบกอาคาชิขึ้นมาอย่างทุลักทุกเลและเดินออกไปจากชมรมช้าๆ โดยไม่มีใครกล้าขัดหรือทำอะไรแม้แต่น้อย เพราะทุกคนต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันว่าจะจัดการเองเสียขนาดนั้นหากพวกเขายื่นมือเข้าไปคงจบไม่สวยแน่ๆ สายตาทุกคู่มองไปยังร่างของทั้งสองที่เริ่มหายไปจากสายตาทีละน้อยๆ
ทำไม..
ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้นด้วยกัน
นี่คงเป็นคำถามที่ทุกคนในทีมอยากจะรู้คำตอบมากที่สุดในเวลานี้..
คุโรโกะเดินกลับเข้ามายังบ้านของตน เขาก็ใช่ว่าจะมีแรงเยอะขนาดสามารถแบกอาคาชิมาได้สบายๆ ร่างผมสีฟ้าแบกอาคาชิขึ้นไปยังห้องนอนและวางลงบนเตียง ที่เขาไม่ต้องการให้อาคาชิไปโรงพยาบาลก็เพราะว่าอาคาชิไม่ใช่มนุษย์ขืนโดนตรวจอะไรบ้าๆแล้วความลับแตกขึ้นมาจะแย่เอาได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงแบกเจ้าแมวนี่กลับมารักษาด้วยวิธีของตนเองดีกว่า
คุโรโกะจัดการเช็ดตัวให้อาคาชิเสียงครางเบาๆทำให้ใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดให้แล้วหน้าก็แดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆที่เป็นผู้ชายด้วยกันแท้ๆ ทำไมเขาถึงเขินได้เล่า คุโรโกะคิดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง แล้วยิ่งการรักษาด้วยอีก ถ้าทำแล้วเขาจะไม่หน้าร้อนมากกว่านี้แล้วหรือไง
คุโรโกะหันไปมองอาคาชิที่นอนหลับบนเตียงทำหน้าทรมานจนน่าสงสสาร ใจจริงเขาก็ไม่อยากจะทำนักหรอก มันคือวิธีการรักษาของเผ่าแวมไพร์ทีได้ผลดีที่สุด ทำไงได้ล่ะ วิธีนี้เขาก็เคยถูกคุณแม่ใช่บ่อยๆเหมือนกันนี่นา แต่นั่นมันก็ส่วนคุณแม่ แต่นี่มันคนแปลกหน้า ไม่สิ ต้องบอกว่าสัตว์เลี้ยงกระล่อนที่น่าโมโหต่างหาก
“อึก..อะ..ฮึก..” เสียงครางแสนทรมานทำให้คุโรโกะยิ่งใจสั่น เขาควรจะทำจริงๆใช่ไหม ถ้าอาคาชิยังต้องทรมานแบบไม่รู้จะหายเมื่อไรแบบนี้ละก็ เขาคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่
ใบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อไหลโชก สีหน้าเจ็บปวดทรมานเพราะพิษไข้ทำให้คุโรโกะเริ่มรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่เอาแต่ลังเล เขาควรจะต้องทำจริงๆเพื่อให้อีกฝ่ายหาย และไม่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาอีก ร่างผมสีฟ้าชั่งใจเหมือนทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปนั่งบนเตียง มองใบหน้าซีดเซียวแล้วทำหน้าเศร้า
ขอโทษนะครับ..อาคาชิคุง..
ใบหน้าของคุโรโกะโน้มลงมาใกล้ใบหน้าของอาคาชิมากขึ้น ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่ใกล้กับริมฝีปากของอาคาชิจนห่างกันไม่ถึงสามเซน ก่อนที่เสียงครางของอาคาชิจะเงียบลงไปเมื่อริมฝีปากของทั้งสองแทบชิดติดกัน ลมหายใจร้อนถูกส่งเข้ามาทำให้คนผมสีฟ้ารับรู้ถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย คุโรโกะดูดกลืนบางสิ่งผ่านการจูบอยู่เนิ่นนานเพื่อเป็นการลดพิษไข้ และเมื่อร่างกายของอาคาชิเริ่มเย็นลงแล้ว คุโรโกะถึงถอนจูบออกมา มองใบหน้าที่เริ่มสงบแล้วเริ่มยิ้มอย่างมีความสุขกับความฝันแสนหวาน
ครั้งนี้..แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ
คุโรโกะคิดในใจกับตนเอง
.......................................................................................................
อ่า สวัสดีเจ้าค่ะขอบคุณที่เม้นตอนที่แล้วให้นะคะ= =เป็นเกียติรยิ่งนัก//ว๊อท!
ยังไงก็ฝากติดตามเจ้าแมวน้ำแดง(?)กับแวมไพร์ผู้จืดจางคนนี้ต่อไปด้วยนะเจ้าคะ=/\=
ขอบคุณอีกครั้ง ขอตัว ซียู♥
ความคิดเห็น