คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : กลัว
9
กลัว
เวลาของวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเผลอแป๊ปเดียวก็เที่ยงสงสัยเขาอ่านหนังสือเพลินไปล่ะมั้งว่าแล้วเจ้าของร่างที่แต่เดิมนั่งอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้นตั้งใจจะเดินเข้าครัวไปทำอะไรกินเพราะได้เวลาแล้วแต่แล้วจู่ๆเขี้ยวเล็กของที่แสดงถึงตัวตนแวมไพร์ของเขาก็งอกออกมาดวงตาสีฟ้าใสสองข้างเรืองแสงความกระหายเริ่มครอบงำจิตใจคุโรโกะพยายามหยุดตัวเองไม่ให้ก้าวออกจากบ้านไปกัดชาวบ้านมือเล็กคลำหาที่ยึดจับก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั่งกอดร่างเล็กๆของตัวเองเอาไว้ความทรมารที่ไม่ได้ดื่มเลือดมันเจ็บปวดทรมารสุดจะกลั้นเสียงร้องเบาๆจากลำคอไว้ไม่ไหว
เจ็บ...
กลัว...
ทรมาร...
สามคำที่ตีกันวนไปเวียนมาอยู่ในหัวจนหลอนกลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่อยู่ทำไมจู่ๆถึงมาเป็นเอาตอนนี้ที่สำคัญครั้งนี้มันแสนเจ็บปวดกว่าครั้งไหนทำไมกันนะเพิ่งกินเลือดไปเองนี่นาถึงจะผ่านมาหลายวันแต่ทำไมมันทนไม่ได้แล้วทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทนได้เป็นปีแต่คราวนี้...ทำไมถึงกระหายขนาดนี้กัน
บ้าเอ๊ย..
คุโรโกะอยากจะทุบหัวตัวเองและหายไปจากตรงนั้นซะเดี๋ยวนี้ในใจภาวนาให้ตัวเองรีบๆสลบไปซะจะได้รอดพ้นจากความทรมารนี้เสียทีทั้งๆที่เพิ่งเป็นเมื่อครู่แต่ราวกับความทรมารนี้มันเกิดขึ้นนานเหลือเกิน1วิยาวนานเหมือน10นาทีให้ตายเถอะแบบนี้เขาคงอดไม่ได้ที่จะผลักประตูบ้านออกไปกัดคอชาวบ้านแน่ๆ
ขอร้องล่ะ...
หยุดซักที...
มือเล็กปิดปากตัวเองแน่นหลับตากัดฟันอดทนต่อความทรมารนี้ไปเรื่อยๆแขนอีกข้างที่เหลือก็กอดร่างตัวเองและพยายามอยู่เฉยๆหักห้ามใจตัวเองที่อยากจะออกไปเหลือเกิน
งับ!?
เขี้ยวเล็กฝั่งอยู่ที่ต้นคอของอีกคนที่อยู่ในบ้านกลิ่นของเลือดแตะจมูกเต็มๆรสชาติที่คุ้นเคยและร่างสูงที่กอดเขาอยู่ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างในขณะที่ยังช็อกร่างสูงกว่าก็ยกเขาขึ้นนั่งบนตักและให้เขากัดคอดูดเลือดถนัดมากขึ้นขาสองข้างของเขาที่พาดอยู่ระหว่างเอวของคนตรงหน้าหน้าอกที่แนบชิดกันสองแขนของอีกฝ่ายที่กอดและพยุงร่างของเขาเอาไว้และเสียงกระซิบปลอบอยู่ข้างหูเฝ้าบอกว่าไม่เป็นไรทุกอย่างที่เกิดขึ้นแทบจพพร้อมกันถึงมันจะทำให้เขาตกใจอยู่แต่น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ในตอนแรกบัดนี้มันไหลออกมาอาบแต็มแก้มนวลทั้งสองข้างแล้ว
คุโรโกะดื่มเลือดของอาคาชิในขณะที่ยังสะอื้นน้ำตาที่ไหลก็หยดลงเปอะเต็มบ่าปะปนกับเลือดที่ไหลจากปากแผลหลับตาไม่มองสิ่งรอบข้างเพราะไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ฟังเพียงเสียงกระซิบที่ดังก้องวนเวียนในหัวราวกับเวทมนต์ที่ทำให้หายกลัวและใจเย็นลงได้รวมถึงความทรมารที่ค่อยๆหายไปเช่นกัน
ฝ่ายอาคาชิที่ได้แต่มอง คอยกระซิบปลอบใจและปล่อยให้คนตัวเล็กกว่ากินเลือดตัวเองจนกว่าจะพอใจเขาพอเข้าใจว่าทรมารจากการไม่ได้ดื่มเลือดมันเป็นยังไงแวมไพร์ที่อดเลือดมาเป็นปีถ้าได้ดื่มเลือดแล้วจะหยุดตัวเองไม่ได้จะต้องดื่มติดต่อกันไปเรื่อยๆทดแทนส่วนที่ไม่ได้ดื่มมานานรอยยิ้มที่ยังคงปรากฎบนใบหน้าคมตลอดตั้งแต่เข้ามากอดและให้ร่างบางดื่มเลือดราวกับกำลังมีความสุขอย่างไรอย่างนั้น...
กินเยอะกว่าเดิมอีกแฮะ...
เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าอาคาชิแทบจะพยุ่งตัวเองให้นั่งและตื่นอยู่ตลอดไม่ไหวเพราะเสียเลือดให้แวมไพร์ตัวน้อยที่กินจุเหลือเกินตนนี้ไปมากสติเริ่มเรือนรางเต็มทีร่างกายเหนื่อยล้าจนแทบสลบเสียงกระซิบที่คอยปลอบโยนอ่อนลงและแผ่วเบาลงทุกทีก่อนและหายไปและยอมอยู่นิ่งๆให้ร่างบางดื่มเลือดแต่ทว่าไม่กี่นาทีข้างหน้าแวมไพร์ที่ดื่มเลือดเขาอยู่ก็ถอดเขี้ยวออกและนิ่งไป
ดวงตาสองสีเหลียวมองอีกฝ่ายที่นิ่งไปกลับพบว่าคนตัวเล็กที่นิ่งไปนั้นได้หลับสนิทไปแล้วเรียบร้อยร่างบางๆนิ่งไม่ไหวติงแต่หน้าอกยังคงขยับขึ้นลงแสดงถึงการหายใจเข้าออกอยู่เสมอ
หลับไม่เกรงใจกันเลย...
อาคาชิยิ้มน้อยๆยกร่างบางออกจากตัวและวางลงบนโซฟาให้นอนดีๆส่วนตัวเองก็หันไปนั่งอีกข้างของโซฟาหอบหายใจหนักกว่าเดิมสติเรือนรางลงเรื่อยๆราวกับจะดับลงทุกทีที่เขาเผลอเหงื่อเม็ดโตซึมเต็มร่างเลือดยังไหลไม่หยุดจนต้องยกมือปิดปากแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหลออกจากร่างมากไปกว่านี้ไม่งั้นเขาคงได้ตั๋วไปเที่ยวสวรรค์ฟรีเที่ยวเดียวไม่มีกลับแน่ๆ
เฮ้อ...
ร่างสูงยกมือเสยผมตัวเองที่ยาวจนปรกตาบางทีเขาน่าจะตัดมันออกสักหน่อยถ้ามีเวลาและมีแรงล่ะก็นะตอนนี้แค่ยกมือยังลำบากเลยพลันสายตาก็เหลือบมองแวมไพร์กินจุที่นอนคดตัวอยู่ข้างๆใจก็อยากถีบให้ตกโซฟาชะมัดถ้าไม่ติดว่าทำไม่ลงล่ะก็นะก็ใบหน้ายามหลับมันช่างไร้เดียงสาราวกับเด็กที่แสนบริสุทธิ์แบบนั้นถ้าเขาถีบมันจะกลายเป็นรังแกเด็กรึเปล่า?
หึ
คิดอะไรน่าขำชะมัด
มือละออกจากเส้นผมที่เสยขึ้นเพื่อระบายความร้อนวางลงข้างตัวและถอนหายใจน้อยๆก่อนหลับตาลงคิดเรื่องมากมายต่างๆนาๆในหัว
...............................................................................................................................
“เท็ตสึยะ” เจ้าเหมียวที่จู่ๆก็เข้ามากอดเขาอีกแล้วจะเอาอะไรอีกนะ คุโรโกะไม่ไปโรงเรียนทั้งอาทิตย์เพราะไม่รู้ว่าถ้าไปจะมองหน้าอาโอมิเนะติดรึเปล่าอีกอย่างเขายังกลัวๆอยู่และยังทำใจไปไม่ได้
“อะไรเหรอครับ” คุโรโกะถามกลับในขณะที่อ่านไรโนเวลที่ซื้อมาดองไว้ไม่ได้อ่านเป็นชาติเพราะวุ่นอยู่กับชมรมบาสที่โรงเรียน อาคาชิไม่ตอบอะไรแต่ยื่นหน้ามาคลอเคียกับไหล่ของเขาเท่านั้นสิ่งหนึ่งที่เขารู้จากอาคาชิคือเจ้าเหมียวนี่มันชอบมากอดเขาจากข้างหลังบางทีก็ทำให้ตกใจเล่นอีกต่างหาก
“ช่วงนี้...ช่วยอยู่แต่ในบ้านได้มั้ย?”
“ทำไมล่ะครับ” คุโรโกะปิดหนังสือและหันหน้าไปมองแมวที่กอดเขาด้านหลังด้วยใบหน้าฉงน
"ทำตามที่ฉันบอกก็พอ...” เจ้าเหมียวทำเหมือนมีลับลมคมในกับเขาถึงแม้จะสงสัยอยู่บ้างแต่ดูท่าว่าเขาทำตามที่อาคาชิบอกน่าจะเข้าท่ากว่าเพราะข้างนอกอาจจะมีพวกฮันเตอร์อยู่ก็ได้ กลิ่นของอาโอมิเนะเองก็เหมือนกับพวกฮันเตอร์ไม่แน่ว่าอาโอมิเนะจะเอาเรื่องของเขาที่เป็นแวมไพร์ไปบอกพวกฮันเตอร์ แล้วถ้าพวกนั้นรู้อาจหาจังหวะมาเก็บเขาก็ได้อยู่ในบ้านน่าจะปลอดภัยที่สุดล่ะมั้ง
“ครับ”
“แล้วก็ช่วงนี้ฉันจะไม่อยู่สักพักนะ…ดูแลตัวเองล่ะเท็ตสึยะ” อาคาชิว่าพลางลุกเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนภายใต้สายตาของคุโรโกะที่มองตามไปอย่างงงๆ
“อาโอมิเนจจิ...เป็นอะไรเหรอ” แวมไพร์หัวทองหรืออาจจะผสมลูกครึ่งสุนัขพันธ์โกลเด้นเข้าไปด้วยนอนเกือกกลิ้งอยู่บนเตียงเมื่อเห็นเจ้านาย(?)กำลังเครียดก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา อาโอมิเนะที่กำลังวุ่นวายกับโทรศัพท์มือถือที่โทรเข้ามาไม่หยุดหย่อนปลายสายก็ไม่ใช่ใครนอกจากศูนย์บัญชาการใหญ่ของพวกฮันเตอร์พวกนี้โทรจิกเขาได้สักพักแล้วล่ะแน่นอนว่าเขาไม่รับเพราะเรื่องเดียวที่พวกนี้โทรมาคือเรื่องคุโรโกะต้องโทรมาถามเรื่องคุโรโกะแน่ๆ
และเหตุผลที่เขาโมโหบวกหงุดหงิดอยู่ก็คือโทรศัพท์ที่ดังอยู่นั่นแหละจะโทรอะไรนักหนาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้มันเที่ยงเกือบจะบ่ายอยู่แล้วมันก็ยังโทรจิกอยู่นั่นแหละคงกะให้เขาเป็นโรคประสาทตายเลยสินะ
RRRRRRRRRR~
“จะไม่รับสักหน่อยเหรอ...โทรศัพท์น่ะ....มันดังตั้งแต่เช้าแล้วนะ” ถึงแม้คิเสะจะพยายามพูดอะไรอาโอมิเนะก็ไม่มีท่าว่าจะลุกขึ้นไปรับมันแต่อย่างใดยังคงนั่งอ่านนิตรสารบาสอยู่แบบนั้นถึงแม้ความโมโหโกรธมันจะแสดงออกมาทางสีหน้าได้ชัดเจนก็ตามคิเสะเองก็ไม่ได้มีความอดทนมากมายอะไรเขาเองก็โคตรรำคาญเสียงโทรศัพท์นี่ไม่น้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าของมันไม่มีท่าว่าจะรับเลยสักนิดถ้าไม่อยากรับก็ช่วยกดตัดสายหรือไม่ก็ปิดเครื่องไปเลยไม่ได้รึไง
RRRRRRRRR~
“อาโอมิเนจจิ...ฉันรำคาญอ่ะช่วยรับๆมันสักทีสิ” แวมไพร์ที่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงก็ยังคงบ่นต่อไป “หิวแล้วด้วย” แล้วก็กลิ้งมาท่านอนคว้ำเอื้อมมือไปสะกิดหลังอาโอมิเนะที่นั่งอยู่ข้างล่าง
“นี่…อาโอมิเนจจิ...”
RRRRRRR~
“โว้ยยยยยยยยย หนวกหู!!!” ในที่สุดฮันเตอร์หนุ่มก็สุดทนลุกขึ้นไปกดตัดสายและปิดเครื่องทันทีความพยายามทั้งหมดมลายหายแว่บไปทันทีอุตส่าจะทนจนกว่าจะมืดแท้ๆทั้งเสียงโทรศัพท์ทั้งไอ้หมาบ้าที่กระดิกหางบ่นอยู่บนเตียงน่ารำคาญ อะไรๆก็น่ารำคาญไปหมด!!
“อาโอมิเนจจิ…”
“แกเพิ่งกินเลือดฉันไปอาทิตย์ที่แล้วเองไม่ใช่เหรอ!”
“หา?แวมไพร์ก็เหมือนมนุษย์นะอดอาหารเป็นอาทิตย์แบบนั้นตายพอดีไม่ใช่คุโรโกจจิสักหน่อย”
“เกี่ยวไรกับเท็ตสึอีกอย่างแกบอกเก็บซ่อนตัวเองมาตลอดก็ต้องอดเลือดมาหลายปีเหมือนกันนี่”
“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าฉันไม่ใช่คุโรโกจจิที่ทนความหิวขนาดนั้นได้ ถ้าแวมไพร์ที่ขาดเลือดนานขนาดนั้นถึงจะกินอาหารมนุษย์ได้แต่ก็ยังต้องการเลือดอยู่ดีนั่นแหละอีกอย่างถ้าได้กินเลือดครั้งนึงแล้วจะไม่สามารถต้านความหิวได้อีกก็เหมือนกับฉันหยุดกินเลือดมาปีนึงถ้าจู่ๆได้กินเลือดขึ้นมาก็ต้องกินต่อไปเรื่อยๆเพื่อทดแทนในหนึ่งปีที่ไม่ได้กินน่ะ...นายเข้าใจมั้ยอาโอมิเนจจิ...” คิเสะพล่ามยาวเหยียดถึงแม้อาโอมิเนะจะเป็นคนไม่ยอมฟังอะไรแต่ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้ยอมฟังแวมไพร์ที่เป็นศัตรูกับฮันเตอร์อย่างเขากันนะ
“เรื่องนั้นช่าง(แม่ง)เถอะบอกที่อยู่ของพวกแวมไพร์มาสักที”
“ก็บอกไปแล้วนี่ว่าฉันไม่รู้” อาโอมิเนะยิ้มพลางล้วงกระเป๋าหยิบแผ่นกระดาษอะไรสักอย่างออกมาชูต่อหน้าเขาคิเสะหรี่ตามองภาพของเขาที่กำลังกัดคออาโอมิเนะในภาพ
“หึ...ก็คิดอยู่แล้วว่านายจะพูดแบบนี้รีบๆบอกฉันมาซะว่าที่อยู่ฝูงแกมันอยู่ที่ไหนไม่งั้นฉันจะส่งภาพนี้ไปทางศูนย์บัญชาการ” คำขู่ของอาโอมิเนะทำให้คิเสะลำบากใจไม่น้อยเจ้าของใบหน้าสวยฝืนยิ้มและกอดอกนั่งมองอาโอมิเนะบนเตียงภาพนั่นเป็นภาพที่เขากำลังดูดเลือดอาโอมิเนะครั้งแรกเจ้าตัวคงแอบอ้อมมือมากดถ่ายไว้โดยไม่ให้เขารู้ตัว
แผนสูงใช่เล่นนะเนี่ย...
“แล้ว...ถ้าฉันไม่บอกล่ะ”
“แน่นอนฉันจะส่งรูปนี้ไปศูนย์บัญชาการพวกฮันเตอร์ได้แห่มาหาแกแน่ๆ”
“แล้วทำไมอาโอมิเนจจิไม่ฆ่าฉันเองล่ะ?”
“หึ...คิดว่าพวกฮันเตอร์ที่มาจะฆ่าแวมไพร์จริงๆรึไง...มนุษย์น่ะเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นแส่เรื่องชาวบ้านเป็นสันดานอยู่แล้วแกอาจจะโดนจับไปทดลองหรือชำแหละเป็นชิ้นๆก็ได้ วิธีฆ่าแบบนั้นทรมารมากเลยนะ...แกจะค่อยๆตายไปทีละนิดอาจจะเป็นบ้าก่อนตายไปเลยก็ได้เอาไงจะบอกรึเปล่า” ประโยคเมื่อครู่ทำเอาคิเสะอึ้งไปเลยทีเดียวร่างบางขบกรามคิดหาวิธีต่างๆนาๆ
ถ้าใช้คุโรโกะอาจจะไปได้สวย...
หึ หึ...
“ฉันไม่รู้จริงๆเพราะไม่เคยไปที่รังแวมไพร์นี่นา คนที่บ้านก็แค่ผู้อุปถัมภ์เฉยๆพ่อแม่ที่แท้จริงฉันยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาเป็นไงบางทีอาจโดนพวกนายฆ่าตายไปแล้วก็ได้” อาโอมิเนะเงียบจะให้เขาพูดอะไรกันล่ะ?
“คุโรโกจจิอาจจะรู้ก็ได้นะลองถามดูสิเรียกมาที่นี่ก็ได้ ยังไงก็แค่ถามเฉยๆนี่นา” พูดง่ายเชียวคิดว่าแวมไพร์จะปริปากบอกง่ายๆรึไงกันอย่างคิเสะกว่าจะบอกเรื่องตัวเองให้เขาฟังเขายังแทบจะไปผูกคอตายใต้ต้นผักชีมันลำบากมากเลยนะ!!!
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นฉันคงทำไปแล้วล่ะเฟ้ย…อีกอย่างแกรู้ได้ยังไงว่าเท็ตสึเป็น...”
“อ๋อเรื่องนั้นอะนะบังเอิญไปเห็นคุโรโกจจิกับอาคาชิจจิจูบกันตอนแรกก็เข้าใจผิดไปแบบนั้น...แต่เอียงคอแบบนั้นมันผิดไปจากลักษณะการจูบก็เลยเดาเอาแล้วยิ่งอาโอมิเนจจิคอนเฟิร์มตอนที่เห็นเขี้ยวคุโรโกจจิแล้วรู้ความริงมันเลยกลายเป็นหลักฐานอย่างดี...ล่ะมั้งนะ” อาโอมิเนะเลิกคิ้วสิ่งที่คิเสะเล่ามาถึงจะน่าเชื่อถือในส่วนหนึ่งแต่ไอ้ช่วงหลังๆนี่เขาจำได้ว่า...
“…ฉันยังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้นายฟังนี่”
“อย่ามาดูถูกแวมไพร์เชียวเห็นแบบนี้พวกค้างคาวฉันก็บังคับให้ตามสำรวจชีวิตประจำวันของอาโอมิเนจจิได้นะ”
“หา? โรคจิตรึไง?”
“ไม่รู้สิก็แค่อยากดูนายเท่านั้นก็ฉันรักอาโอมิเนจจินี่นา” คิเสะว่าพลางยื่นหน้าไปใกล้คนผิวเข้มที่ยืนคล้ำหัวตัวเองอยู่แต่ก่อนหน้าเขาจะเข้าไปใกล้มากว่านี้มือหนาๆก็ดันหน้าเขาออกซะนี่
“พอเลยแกพูดแบบนี้ตั้งแต่ฉันพามาอยู่บ้านแล้วนะโดนฉันซ้อมจนสมองเสื่อมแล้วเรอะ?”
“ความผิดนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันหิวเลือดขึ้นมาตอนนั้นก็รู้นี่ว่าฉันกำลังจิตตกอยู่”
“จะไปรู้เรอะ!แล้วเกี่ยวอะไรกับเลือด?”
“ก็มันหิวนี่ถ้าไม่คล้อยตามอาโอมิเนจจิจะได้กินเลือดเหรอ?”
“หา?...ตอนพามาบ้านแกก็ออกไปกัดชาวบ้านเขาไม่ใช่รึไง?”
“ก็ช่วงนั้นอาโอมิเนจจิกลับบ้านช้านี่ฉันน่าจะบอกไปแล้วนะว่าถ้าได้ดื่มเลือดครั้งนึงจะหยุดไม่ได้ชาวบ้านพวกนั้นก็โชคร้ายไปฉันก็เสียใจเหมือนกันนะ” คิเสะผายมือออกสองข้างราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่ามันช่วยไม่ได้
“เออสรุปแล้วนี่บอกว่ารักฉันนี่เพราะฉันให้แกแด๊กเลือดฉันงั้นสิ”
“อ้าว?! แล้วคิดว่าฉันรักนายแบบไหนล่ะ?” จบประโยคนี่อาโอมิเนะก็ถึงกับซีดอ๋อที่บอกรักเขานี่ก็เพราะอยากกินเลือดที่มันบอกรักเขาก็เพราะแบบนี้เองสินะก็นึกว่าสมองกระทบกระเทือนทำใหเขากังวนอยู่ได้ตั้งนานให้ตายเถอะ!!
“เออๆตูขอโทษ!”
เขาเข้าใจผิด...แล้วก็โง่ดำดินอยู่ตั้งนานสินะคิเสะมองอีกคนตาปริบๆก่อนเอ่ยถามอีกรอบ
“แล้วจะเอาไงล่ะอยากรู้แหล่งที่อยู่ของพวกแวมไพร์ไม่ใช่เหรอเรียกคุโรโกจจิออกมาสิ"
…………………………………………………………………………………………………….
“อาคาชิคุง...อ้าว” ร่างบางที่อ่านไรโนเวลจบไปแล้วสองเล่มกะจะขึ้นมาตามอาคาชิบนห้องนอนไปกินข้าวแต่กลับไม่พบแม้แต่ปลายหางของเจ้าตัวเลยสักนิด “หายไปไหนอีกแล้วนะ” คุโรโกะขมวดคิ้วก่อนสะดุ้งน้อยๆเมื่อโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้นเจ้าของร่างบางรีบเดินไปหยิบมันขึ้นมาดูชื่อที่โชว์บนเจอส่งผลให้คนตัวเล็กแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ
อาโอมิเนะ ไดกิ
คุโรโกะทำใจอยู่สักพักคิดทบทวนกับตัวเองอยู่หลายตลบว่าควรรับหรือไม่ถ้าหากคนปลายสายโทรมาขู่จะฆ่าเขาแล้วเขาจะทำยังไงล่ะเผลอๆอาจมีพวกฮันเตอร์มาบุกบ้านเพียบอีกแล้วเขาจะทำยังไงล่ะถ้าหนีจะรอดงั้นเหรอเขายอมรับว่าตัวเองถ้าเทียบกับแวมไพร์ตนอื่นคงอ่อนแอแต่ถ้าไม่ทำอะไรก็คงเป็นพวกธรรมดาที่สุดถึงที่สุดถ้าโดนพวกฮันเตอร์ฆ่ามันจะเจ็บแค่ไหนนะ...
ไม่อยากรับเลย...
แต่ถ้าปล่อยให้ดังอยู่แบบนี้คนปลายสายคงโมโหแน่ๆปกติก็เป็นพวกไม่ชอบรออยู่แล้วคุโรโกะจำใจกดรับสายและยกมือถือขึ้นแนบหูก่อนกรอกเสียงที่พยายามกดไม่ให้สั่นของตัวเองลงไป
“มี..มีอะไรครับอาโอมิเนะคุง...”
‘รับช้าชะมัดมาที่บ้านฉันหน่อยสิมีเรื่องจะคุยด้วยให้ไปรับมั้ย?’ เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ร่างกายเล็กเริ่มสั่นมือพยายามกำโทรศัพท์มือถือแน่นไม่ให้ตกเขาไม่เคยรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีและกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
‘เฮ้เท็ตสึ’
“ขอโทษครับ…เดี๋ยวผม..”
‘จะมาเองเหรอ? โอเค...ฉันแค่มีเรื่องจะถามนายไม่ต้องกลัวหรอก’ จะพูดจริงๆงั้นเหรอแต่น้ำเสียงของอาโอมิเนะดูไม่เหมือนคนโกหกเขาควรจะไปดีมั้ยนะ...ไปหาอาโอมิเนะเขาควรจะไปดีมั้ย...คุโรโกะทรุดลงนั่งกอดร่างตัวเองเขารู้สึกกดดันสุดๆและกลัวมากๆ
หลังจากคุยกับคุโรโกะเสร็จอาโอมิเนะก็บ่นไปบ่นมาอยู่คนเดียวและเดินกลับมาที่ห้องเพราะเขาไม่ชอบให้ใครฟังตอนตัวเองคุยโทรศัพท์จึงออกมาคุยที่ระเบียงนอกห้องเจ้าของร่างสูงเดินกลับห้องมาก่อนกวาดตามองรอบๆห้องก็พบกับ...
ความว่างเปล่า...
เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดอยู่ครบแต่มีบางอย่างหายไปใช่แล้วที่หายไปคือแวมไพร์ที่อยู่ในห้องนี้คิเสะที่เขาแน่ใจว่าจับล่ามโซใส่กุญแจลงอาคมเรียบร้อยจนแน่ใจว่าไม่มีทางหลุดออกไปจากเตียงที่เขาอุตส่าเสียสละให้มันนอนส่วนตัวเองไปนอนพื้นได้แน่ๆแต่ ณ ตอนนี้เจ้าของร่างเพรียวนั้นหายไป
อา...โธ่เอ๊ย!!เรื่องน่าปวดหัวอีกแล้ว
อาโอมิเนะเดินตรงไปยังที่เตียงนอนและตั้งใจจะเปิดผ้าห่มออกเผื่อเจ้าของร่างจะมุดตัวลงไปนอนในผ้าห่มแต่เขาประมาทไปไม่ทันระวังข้างหลัง...
ผัวะ!!
โคมไฟขนาดเหมาะมือถูกฟาดลงตรงท้ายทอยเขาอย่างเหมาะเจอะแล้วแรงที่ฟาดมาไม่ใช่น้อยๆส่งผลให้ร่างสูงๆของเขาล้มลงไปบนเตียงตามแรงฟาด รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมุมปากของคิเสะที่แอบย่องมาข้างหลังอาโอมิเนะและฉวยโอกาสฟาดโคมไฟใส่แรงๆจนอีกคนล้มลงไปนอนพะงาบๆอยู่แบบนั้น
“นะ...นาย”
“อา...โทษทีๆอาโอมิเนจจิ”
“หลุดออกมาได้ยังไง” คิเสะเลิกคิ้วก่อนยิ้มและชูข้อมือตัวเองที่พวงติดกุญแจมือข้างหนึ่งพร้อมโซ่ขาดๆที่ห้อยมาด้วยให้อาโอมิเนะดู อาโอมิเนะเบิกตามองมันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ก็หลายวันอยู่นะกว่าฉันจะกระแทกให้มันหลุดได้จนวันนี้…หึ นายคงคิดไม่ถึงสินะอาโอมิเนจจิก็แน่อยู่หรอก เอาล่ะฉันไปดีกว่าคุโรโกจจิเองก็น่าจะกำลังมาแล้วด้วย” ว่าแล้วก็เดินออกไปจากห้องอาโอมิเนะด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะร่าราวกับสิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่วางไว้เป๊ะในขณะที่อาโอมิเนะได้แต่กัดฟันมองเพราะสติของเขาก็เริ่มเรือนรางลงเรื่อยๆคิสะทุบมาที่ท้ายทอยคนปกติคงสลบไปแล้วแต่ไม่ใช่กับเขาอาโอมิเนะค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถืออย่างยากลำบากก่อนกดโทรออกไปที่หน่อยของเขา
‘หัวหน้า?...ศูนย์บัญชาการโทรมาบอกว่า...’
“ช่างมันตอนนี้พวกแกรีบมาที่บ้านฉัน...แวมไพร์มัน...” สติที่เรือนรางเรื่อยๆจนพูดลำบากในที่สุดเขาก็สลบไปเพราะไม่อาจคงสติเอาไว้ได้นานเกินกว่านี้เขาก็มนุษย์นี่หว่าโดนเล่นทีเผลอแบบนี้...
สรุปก็มายืนอยู่หน้าบ้านอาโอมิเนะซะแล้วสิ คุโรโกะถอนหายใจก่อนกลั้นใจเดินเข้าไปกดกริ้งหน้าบ้านของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมองหน้ากันติดรึเปล่าแต่ตั้งนานสองนานก็ไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดหรือเสียงตอบรับใดๆจากคนในบ้านเลยแม้แต่น้อยคุโรโกะย่นคิ้วก่อนลองบิดลูกบิดประตูดู
แกร๊ก...
ปรากฎว่ามันไม่ได้ล็อกเจ้าของร่างเล็กจึงเดินเข้าไปในบ้านมุ่งหน้าไปยังประตูห้องที่เปิดค้างไว้น่าจะเป็นห้องนอนของคนในบ้านนี่ล่ะนะแต่เมื่อเดินเข้าไปกลับพบว่าอาโอมิเนะที่เรียกเขาออกมาคุยดันนอนอยู่บนเตียงแถมยังนอนคว่ำเหมือนโดนใครดักตีหัว...
“อาโอมิเนะคุง…” คุโรโกะเดินเข้าไปใกล้และพยายามเรียกชื่อปลุกให้อีกร่างที่นอนสลบเหมือดอยู่เลิกเฝ้าพระอินทร์เสียทีแต่มาคิดดูอีกทีเขาควรจะปลุกมั้ยนะ…
ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปเห็นเลือดที่ใหลมาจากซอกคอของอีกฝ่ายดูเหมือนจะเพิ่งถูกกัดแน่ๆแต่ว่าใครกัดกันล่ะ...ที่สำคัญเขี้ยวของเขา...งอกออกมาอีกแล้ว คุโรโกะปิดปากตัวเองพยายามไม่ให้เข้าไปดูดเลือดอาโอมิเนะทางที่ดีเขาควรปลุกอาโอมิเนะให้ตื่นขึ้นมาก่อนดีกว่าถ้าหลับอยู่แบบนี้เขาคงเผลอดูดเลือดนั่นแน่ๆเมื่อคิดได้คุโรโกะจึงเปลี่ยนจากเอามือปิดปากตัวเองเป็นเขย่าร่างอาโอมิเนะแทน
“อาโอมิเนะคุ…”
ปัง!!
“หัวหน้....!!!!” ผู้ชายร่างกำยำ4-5คนเข้ามาในบ้านอาโอมิเนะพลางตะโกนโหวกเหวกราวกับหนีพายุมาแต่เพราะตกใจคุโรโกะจึงหันหน้าไปมอง เขี้ยวที่ยังไม่หายไปบวกกับตาที่เรืองแสงอาโอมิเนะที่สลบอยู่บวกกับมือของเขาที่กำลังประคองร่างอาโอมิเนะมองเพลินๆมันเหมือนเขากำลังจะกัดคออาโอมิเนะบวกกับรอยกัดเดิมที่เขาไม่ได้ทำบนคออาโอมิเนะอีก...
ซวยมหาซวยเลยงานนี้
"แก!! แวมไพร์!!” เท่านั้นคุโรโกะก็กระจ่างทันทีว่าชายเหล่านั้นเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ในขณะที่กำลังสับสนอยู่นั้นปืนไฟฟ้าแรงสูงก็ถูกยิงโดยเป้าหมายคือเขาคุโรโกะเบิกตาโพร่งและรีบม้วนตัวหลบทันทีเขาวิ่งหลบสารพัสอาวุธที่ชายเหล่านั้นโจมตีมาจนกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างถึงแม้หน้าต่างบ้านเพื่อนจะแตกแต่เวลานี้คงไม่มีเวลามาจ่ายเงินค่าซ่อมให้หรอกคุโรโกะวิ่งหลบลัดเลาะเข้าซอยอื่นไปทั่วในขณะเดียวกันพวกฮันเตอร์2-3คนก็วิ่งตามเขามาจำนวนลดน้อยลงแสดงว่าที่เหลือคงพยาบาลอาโอมิเนะอยู่สินะ
ผัวะ!!
“อึ๊ก..!” ค้อนใหญ่ๆถูกขว้างใส่กลางหลังคุโรโกะเต็มๆส่งผลให้ร่างบางสะดุดล้มลงไปกองกับพื้นชาย2-3คนรีบจ้ำเดินมาทางเขาทันทีเวลาเดียวกับคุโรโกะที่ตื่นกลัวและพยายามลุกขึ้นแต่สายไปชายเหล่านั้นมาถึงตัวเขาแล้วปืนและท่อนไม้ใหญ่ชูขึ้นตรงหน้าเขาว่ากันว่าถ้าจะฆ่าแวมไพร์หรือผีดูดเลือดต้องใช้ไม้แหลมตอกทะลุอกหรือไม่ก็ตัดหัวและเมื่อไม้แหลมขนาดใหญ่นั่นอยู่ตรงหน้าคุโรโกะก็สั่นไปทั้งตัวน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้งพยายามส่งสายตาอ้อนวรแต่ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่สนใจเลย
ขอร้องล่ะ...
ผมกลัว...
อาคาชิคุง...
“ตายซะ...ไอ้ตัวประหลาด!!”
.......................................................................................................
ตัดฉับ!!
โว้ยยยยยยยยย ทำไมปริศนามันเยอะจังฟระ!!//โดนเตะ แต่งเองบ่นเอง เฮ้อชีวิต= =
อ๊ากกกกกกก ขอบคุณค่ะที่เม้นดีใจทุกครั้งค่ะที่ลงแต่ละตอนแล้วมีคนเม้นอ่ะ><
ไม่มีไรเม้นไม่เป็นไรไม่บังคับ555//พูดแบบนี้เม้นจะหายมั้ย555ช่างเถอะ ตอนนี้แลดู...ซีเรียสมาก
สารภาพเกือบคิดพล็อตต่อไม่ออกT^Tท่านอาคาชิก็ค่าตัวแพงตามเคยโผล่มาต้นเรื่อง
แล้วก็แว่บไปแว่บมาได้ข่าวในเมะHeหายไป2ตอน555แหมพระเอกก็งี้แหละมาตอนหลังๆถึงจะเท่
ว่าไปนั่น...ขอบคุณสำหรับหลายท่านที่ติดตามฟิคเรานะคะ//ไหว้งามๆ ลากันดีกว่า55(ทำไมรู้สึกAoKiเด็นกว่าพระนางเรื่องนี้?//หลบทรีนแม่ยก)
ซียู♥
ความคิดเห็น