ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษครับ...ที่ผมมันโรคจิต

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : ทำงานหลังเลิกเรียน

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 52


     





    อากาศตอนเช้าเกือบดีเลย ถ้าไม่นับไอ้แสงแดด ที่ชอบมาแยงตาผมตอนที่เผลอเอามือไปปัดผมข้างหน้าล่ะนะ บ้านผมอยู่ในตัวหมู่บ้าน ที่มีครบหมดทุกอย่างไม่ว่าจะ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือห้างใหญ่เล็กแล้วแต่จะเปิดแข่งกัน ถึงจะครบแต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ครบ







    ผมเดินออกมาจากบ้านได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่า ลืมหยิบสมุดจดการบ้านของเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมา 






    ตายล่ะมึงถ้าไม่เอาไปให้ครูวันดี เซนละก็กูโดนไล่ออกแน่วันนี้ โรงเรียนผมมีมาตรการกฎระเบียบที่ออกจะแปลกกว่าโรงเรียนอื่นสักเล็กน้อย ผมว่านะ คือถ้าหยุด เกิน 3วันขึ้นไป จะต้องมีรายเซนจากผู้ปกครอง เป็นการยืนยันว่า คุณไม่ได้โดดเรียน หรือจะอะไรก็ช่าง ยังไงผมคงต้องวน กลับไปเอามัน







    ถึงแม้ว่าจะไม่อยากจะเจอหน้าไอ้ขี้ดิน นั่นเลยก็ตาม










    ผมเดินวนกลับมาถึงตรงหน้าบ้านยังไม่ทันจะได้เข้าำไป เสียงสิ่งของในบ้านแตกกระจายเสียหายก็ดังออกมา ราวกับเตือนว่าถ้าผมเข้าไปตอนนี้ มีหวังแผลเก่าไม่หายได้มีแผลใหม่เพื่มขึ้นแน่





    "อีนังนี่ อย่ามาเถียงกับกูนะ มึงมีหน้าที่ทำงานก็ทำไป อย่ามาเสือกกับชีวิตกูให้มาก" เสียงไอ้ดินตะโกนออกมาอย่างดุดัน อะไรกันมันทะเลาะอะไรกับแม่







    "ก็ถ้าพี่หางานทำบ้าง ฉันก็คงไม่พูดกับพี่แบบนี้หรอก" เสียงแม่ผมพูดด้วยอาการสั่นเทา ผมค่อยๆแง้มประตู ดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน  แม่ผมกำลังนั่งอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษข้าวของแตกกระจายเต็มไปหมด ร่างบางสั่นพยายามกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา 





    แม่น้ำตาคลอ มือเรียวขาวประคองแก้มที่แดงช้ำ ที่มีรอยนิ้วมือของไอ้ดินประดับไว้อยู่








    "ฉันเหนื่อยเป็นเหมือนกันนะพี่ ไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องเลี้ยงไอ้ฉการมัน พี่ไม่สงสารฉันบ้างหรอไงที่ต้องมาเลี้ยงพี่เพิ่มอีกคนน่ะ"




    แม่พูดอย่างตัดพ้อน้อยใจ น้ำตาใสค่อยๆ ไหลอาบใบหน้าสวย หยดลงบนพื้นหินอ่อนราวกับจะตอกย้ำความรู้สึกที่เก็บมานาน ไม่สามารถที่จะระบายบอกกับใครได้ ว่าแม่เจ็บปวดแค่ไหน




    "เหอะ กูเตือนมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปแต่งกับไอ้ชลมัน แล้วเป็นไง มึงต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ดี มึงจะได้หัดจำใส่สมองน้อยๆของมึงเอาไว้ ว่าทีหลังจะแต่งกับใครก็ดูฐานะมันบ้าง จะได้ไม่ต้องมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้" ไอ้ดินพูดพ่นน้ำลายใส่แม่ ราวกับพ่อบังเกิดเกล้าสั่งสอนลูกสาวอยู่




    "ปัญหามันไม่ใช่ว่า มึงต้องเลี้ยงกู ปัญหาคือมึงเลือกผัวเฮงซวยเองตางหาก มึงเข้าใจมั้ย กูไม่ผิด" ไอ้ดินยังคงสาดคำด่าใส่แม่ไม่หยุด








    "ฮึก พี่พอเถอะ ชลเขาตายไปแล้ว พี่อย่าไปด่าเขาอีกเลย" แม่เริ่มปล่อยโฮออกมา แม่รักพ่อผมมาก ถึงแม้พ่อจะมีเงินอยู่ในฐานะธรรมดา พอมีพอกินอยู่อย่างสบายโดยไม่ต้องไปกู้ยืมเงินใคร แต่ไอ้ดินมันก็ยังไม่พอใจอยู่ดี







    "มึงหยุดร้องไห้ แล้วไปทำงานได้แล้ว กูจะดูทีวี แล้วอย่าลืมมาทำความมสะอาดห้องด้วย เดี๋ยวเศษแก้ว เศษอะไรจะมาบาดตีนกู" ไอ้ดินจิกหัวแม่ ก่อนจะลากไปเข้าครัวแล้วเดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น






    มันนั่งทอดอารมณ์ดูโทรทัศน์ อย่างสบายใจ ส่วนแม่ยังคงอยู่ในห้องครัวไม่ยอมออกมา หรือออกมาไม่ได้ก็ไม่รู้ แม่ไม่ออกมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ที่โดนไอ้ดินลากเข้าไป มันทำอะไรแม่





    "ไอ้ฉการ เข้ามากูรู้ว่ามึงแอบดูกูอยู่" 



    ไอ้ดินเรียกผมที่แอบอยู่หลังประตู ให้เข้ามา มันเห็นได้ไง !!? มันเห็นผมตอนไหน !!? ผมได้แต่เงียบคิดว่ามันคงไม่เห็นผมจริงๆ มันอาจจะพูดลอยๆ โดยคิดว่ามีผมอยู่ก็ได้






    "ไอ้ฉการ ถ้ามึงยังลีลาไม่ยอมออกมาอีก มึงได้สารรูปไม่ต่างจากแม่มึงแน่"  ไอ้ดินขู่ก่อนตั้งท่าจะเดินไปทางห้องครัวที่แม่อยู่ ไอ้....







    "มึงทำอะไรแม่กู !!!!" 









    ถึงตรงนี้ผมรีบกระชากประตูเปิดเข้าไปทันที ไอ้กลัวก็กลัว แต่ผมโกรธแค้นมันมากกว่า ผมอยากรู้มันทำอะไรแม่ แม่เป็นอะไร แล้วทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงแม่เลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่






    "ฮะฮะ แม่ีมึงก็นอนจูบพื้นในห้องครัวอยู่ตรงนั้นไง" มันชี้ไปตรงหลังเคาร์เต้อ ผมรีบวิ่งไปทันทีไม่รอให้มาสาทยาย ว่าแม่โดนมันทำอะไรไว้บ้าง





    "แม่ แม่.....มะ....."  ร่างของแม่นอนคุดคู้อยู่กับพื้น เลือดสีแดงไหลอาบนองไปทั่วพื้นห้องครัว เนื้อตัวแม่มีแต่รอยฝกช้ำ กับจ้ำแดงๆ เต็มไปหมด แม่หายใจโลยรินและช้าเนิบเหมือนกับกำลังจะหมดลมหายใจ ไม่ ไม่ ไอ้ดินมันทำอะไรแม่น่ะ แม่ แม่





    "แม่ แม่ แม่ตื่นสิ แม่ตื่นมาพูดกับฉการก่อน แม่ !!!!" ผมเขย่าร่างบางตรงหน้า พยายามปลุกสติให้แม่ตื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ แม่อย่าตายนะ แม่ 






    น้ำตาผมไหลเอ่อเลอะหน้าไปหมด ความรู้สึกเสียใจถาโถมเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด ผมร้องไห้จนหายใจ

    ไม่ออก มันจุกไปหมด ปัญหาที่ตามมารุมเล้าผม จนผมที่ตั้งมันขึ้นมาเองยังรู้สึกมึนไปหมด ถ้า

    แม่ตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าแม่ตายแล้วใครจะเลี้ยงเรา ถ้าแม่ตายแล้วเราจะอยู่กับใคร แล้ว ถ้าแม่ตายแล้ว อะไรจะตามมา ....






    ผมช้อนแม่ขึ้นมาสวมกอด แม่ยังไม่ตายแม่ยังหายใจ แต่ใครจะช่วยแม่ได้ ลำพังผมเพียงคนเดียวทำอะไรไม่ได้หรอก เงินก็ไม่มีจะรักษา ซ้ำยังเป็นแค่เด็กม.ปลายที่โดดเรียนตอนเช้าอีก








    "หยุดร้องไห้คร่ำครวญ สักทีฉันทำแม่แกฉันก็จะรักษาแม่แกเอง แต่ว่า..." ไอ้ดินลุกออกจากหน้าโทรทัศน์แล้วเดินเข้ามาหาผมที่สวมกอด แม่อย่าหวงแหน เสียงเท้าที่กระทืบ เดินมากระแทกหูผมไปหมด





    "แกจะต้อง ทำงานแทนแม่แกแล้วหาเงินมาให้ฉันทุกวันแทนแม่แกเข้าใจมั้ย ไม่งั้นแม่แกตายแน่" ไอ้ดินขู่ ก่อนจะจิกหัวผมขึ้นมา




    "มึงจะทำอะไรแม่กู นั่นน้องสาวมึงนะึมึงจะฆ่าน้องสาวแท้ๆของมึงงั้นหรอ" ผมด่าัมันกลับจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำมันวาว มันฉายแววประกายก่อนจะกระตุกยิ้ม แล้วสาดเสียงคำรามเหมือนอสุรกาย ออกมาจากปากอันเหม็นเน่าใส่หน้าผม






    "ฮ่าฮ่าๆๆ น้องสาวข้างั้นเหรอ ต่อให้เป็นลูกในไส้ ถ้ามันไม่มีประโยชน์ข้าก็ไม่เก็บมันไว้หรอกว่ะ มานี่"




    มันจิกหัวผมก่อนจะลากออกมานอกบ้าน แล้วจับยัดใส่รถยนต์ของพ่อก่อนจะสตาร์ตรถขับออกไปที่ๆนึง




    "ข้าจะพาเอ็งไปฝากงาน ถึงเงินจะไม่ค่อยเยอะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเงินจะแดก" ไอ้ดินพูดขณะขับรถ ผมกำลังจินตนาการอยู่ว่า





    ผมจะกระชากพวงมาลัยแล้วให้รถหักมุมไปชนกับเสาไฟฟ้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่มันขับอยู่ดีมั้ย ผมนึก

    ภาพสภาพศพมัน หัวถุยทะลุออกนอกกระจกรถ ลำตัวถ่อนล่างถูกเศษไม้แทงทะลุถึงสันหลัง ขาที่หัก

    ไม่เป็นรูป กับดวงตาที่เบิกโพลงเพราะความกลัวเลือดอาบใบหน้าย้อยลงมาถึงเบรก ยัง ยังไม่พอ เศษกระจกเฉือนใบหน้าให้มันเละ จนดูไม่ได้

    เฉือนให้ไอ้เนื้อแดง ใต้ไขมันให้หลุดห้อยออกมา หัวโดนแรงอัดจากการขับรถเร็วทำให้กระโหลกแตกละเอียดสมองสีชมพูอมแดงขุ่นทะลักออกมา เลือดสีแดงสด สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งคันรถ









    นั่นล่ะ สภาพของศพมัน





    "เหม่ออะไร ไอ้ฉการ มาถึงแล้วลงไป" ไอ้ดินกระแทกประตูรถ ก่อนจะเดินนำ ที่นี่มัน...








    วัดประจำหมู่บ้าน 










    ผมเดินตามลงมา สำรวจบริเวณวัดอย่างอึ้งๆ สภาพวัด แถบดูไม่ได้ ผมยังนึกแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมยังมีพระสงฆ์มาอาศัยอยู่อีก มันเก่ามากแล้วตั้งแต่ที่ผมจำใจความได้ สภาพมันเป็นแบบนี้แถบจะไม่เปลี่ยนเมื่อ10กว่าปีก่อนหน้านี้ ต้นไม้ที่ดูท่าว่าจะตายไม่ตายแหล่ สภาพวัดที่สีหลุดถลอก มีแต่คราบดำๆ ขึ้นเป็นปื้นเต็มไปหมด 





    "โยม โยม ตรงนั้นน่ะมานี่" หลวงพ่อท่านนึงกวักมือเรียกผม



    "ครับหลวงพ่อ" ผมยกมือไหว้ท่านเดินไปหาอย่างสงสัย




    "โยมดินเขาฝากงานให้เราไหว้เขาสะสิ" หลวงพ่อพูด


    ผมจ้องมองหน้าำไอ้ดินอย่างสงสัยก่อนจะหันไปหาหลวงพ่ออย่างตั้งคำถาม




    "หลวงพ่อครับ ลุงผมมาฝากงานอะไรไว้ให้หรอครับ" 



    "โยมดินยังไม่บอกโยมอีกหรอ" หลวงพ่อหันไปถามไอ้ดิน



    "ผมบอกมันแล้วครับหลวงพ่อ มันนั่นแหล่ะมัวแต่เหม่อไม่ตั้งใจฟัง นี่ไงละครับผมจึงต้องมาฝากกับหลวงพ่อที่นี่" ไอ้ดินโกหกหน้าด้านๆตีสีหน้าเกรงใจ อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน



    "อืม นับแต่วันนี้โยมต้องมาทำงานที่วัดเป็นผู้ช่วยสัปเหร่อ แบกร่างญาติโยมที่ไม่มีสังขารไปฝังทุกวันเข้าใจที่อัตมาพูดมั้ย" 






    ผมมองหน้าหลวงพ่ออย่าง ตลึง นี่หลวงพ่อพูดจริงงั้นเหรอ !!!



    "ยังไงผมก็ฝากหลานชายของผมด้วยละกันน่ะครับ ลาละครับหลวงพ่อ" ไอ้ดินไหว้หลวงพ่อก่อนจะเดินมาทางผมแล้วฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนจะขับรถ ถอยออกจากวัดไป




    ยังดีที่วัดอยู่ในตัวหมู่บ้าน มันไม่ไกลจากบ้านผมสักเท่าไหร่นัก ถ้าอยากจะกลับก็กลับตอนไหนก็ได้แค่เดินไปไม่กี่กิโล ก็ถึงโรงเรียนของผมแล้วล่ะ ยังไงวัดนี้ก็เป็นทางผ่านต้องเจอกันทุกเมื่อเชื่อวันอยู่ดี




    "เดี๋ยวค่าแรงทางวัดจะจ่ายให้ลุงของโยมเอง เอาล่ะมาวันนี้ก็เริ่มงานเลยละกัน" หลวงพ่อท่านว่าก่อนจะเดินนำไปยังหลังวัดที่สภาพ โทรมยิ่งกว่าข้างหน้าเสียอีก








    กลิ่นเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งออกมาตามทิศลมเป็นละลอก เหม็นจนจะอ้วกอยู่แล้ว พื้นดินที่ผมเดินตามหลวงพ่อมาทั้งเปียกชื้นเหนอะรองเท้านักเรียนผมเต็มไปหมด เราเดินมาได้สักพักจนถึงจุดนี้กลิ่นของมันแรงขึ้นเป็นทวีคูณ ภาพตรงหน้าที่ผมเห็นเล่นเอาผมสำลอกของเก่าของเมื่อคืนออกมาจนหมดไส้หมดพุง



    ผมดูหนังผีมาเยอะ ดูข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ไม่มีเซ็นเซอศพก็เยอะพอสมควรจนเรียกว่าไม่รู้สึกอะไรแล้วก็ว่าได้ ดูการแต่งหน้าสเปเชี่ยวเอ๊ฟเฟ็กของต่างประเทศจนชินไปหมดแล้วแท้ๆ แต่ของจริงมันต่างกันราวกับฟ้ากับดิน



    มันไม่มีตัวตัดกลิ่น ที่ส่งผลถึงระบบประสาทจมูกขนาดนี้ มันไม่ได้ยินเสียงของแมลงวันที่ตอมศพ ดังชัดขนาดนี้ และภาพของมันไม่คมชัดมากขนาดนี้ !!!!!














    "ครั้งแรก ก็ต้องลำบากกันแบบนี้กันทุกคนนั่นแหล่ะ ตอนนี้ให้โยมมองญาติโยมตรงหน้าให้ชินก่อน รอไอ้ด่างสัปเหร่ออีกคนให้ตื่น ก่อนค่อยมาเริ่มงานละกันนะ อาตมาไปก่อนละ" หลวงพ่อพูดเสร็จก็เดินจากไปทันที




    ปล่อยให้ผมจ้องมองเหล่าซากศพที่กองพะเนินที่ห่างจากผมไป ไม่กี่ 100เมตรตรงหน้า 




    ศพบางคนผมพอจำได้ เขาคือคนที่ไปจับปลาแถวคลอง ก่อนจะโดนแหรัดขาแล้วจมลงคลอง กว่าชาวบ้านจะรู้ว่าเขาหายไป ศพก็ลอยอืด เป็นอาหารปลาบริเวณนั้นไปหมดแล้ว ตอนนั้นหมู่บ้านผมเลิกกินปลาไปซักระยะนึงเห็นจะได้



    ร่างที่บวมอืดจนลูกตาแถบถลนออกมาจ้องมองผม อย่างอยากทำความรู้จัก ร่างทั้งร่างบวมอืดจนน้ำเหลืองทะลักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แมลงวันนับ10 วนตอมกลิ่นของศพอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย  มันเหม็นจนผมต้องเดินเลี่ยงออกมาสูดอากาศหายใจบริเวณลานวัด





    ผมมานั่งใต้ต้นไม้ที่ใกล้ตาย แล้วหันกลับไปมองบริเวณหลังวัดอีกครั้งก่อนจะเผยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว























    วันแรกที่เริ่มงาน ชักกระตุ้นผมสะแล้วสิ




























    ------------------------------------***********************************----------------------------------------


    จบบทที่ 2 แล้ว ไงก็ คอมเม้น ติชม ด้วยนะคะ >.,<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×