ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความเหงาของวิเวียนนานีย่า กับ อนาคตของเวนอล
    ราชอาณาจักรเวนอลมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลจัดเป็นอันดับที่สามในเอเดน  ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข 
แผ่นดินกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหลังจากได้ฝนทองที่ตกติดต่อกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน  ทำให้ราษฎรที่
เคยแสนทุกข์ยากลำบากเมื่อตอนมีฝนเลือดตกทั่วเอเดนเป็นเวลาสามวันสามคืนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
    แต่ถึงแม้ราษฎรจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข  ก็ใช่ว่าองค์จักรพรรดินีจะสุขสบายไปด้วย  การที่ต้องเป็น
กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองใหญ่อย่างเวนอลทั้งที่ตัวเธอเองก็เป็นแค่เด็กสาวอายุ 15 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย 
ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่ต้องจัดการเรื่องงานด้านการปกครองเองทั้งหมด  เพราะมีท่านแม่ทัพคอริปัสคอย
ดูแลให้กว่าครึ่ง  แต่มันก็มากเกินกว่าเธอจะรับไหวอยู่ดี
    บางครั้งวิเวียนนานีย่าก็ไปนั่งเล่นอยู่ในสวนคนเดียวแล้วรำพึงรำพันถึงอดีต  อดีตเกี่ยวกับใครหลาย
คนที่เคยอยู่ร่วมกันกับเธอ  เพราะในยามนี้เธอไม่มีที่พักพิงใดเหลืออยู่อีกแล้ว  ทั้งเสด็จพ่ออดีตองค์
จักรพรรดิวิลเลี่ยม  โบแด็งที่สาม  เสด็จแม่  เสด็จพี่ชาเบรียน  หรือแม้แต่เจ้าพี่โรเวน  แต่อดีตไม่
สามารถหวนกลับมาได้อีกทุกคนต่างจากเธอไปแล้ว  ถึงแม้เจ้าพี่โรเวนจะยังมีชีวิตอยู่แต่เจ้าพี่ก็ไม่ได้
สนใจเธออีกต่อไปแล้ว  เจ้าพี่มีเจมิไนต้องดูแลอยู่แล้ว  ไม่ว่างมาช่วยเธอดูแลเนอลได้หรอก
    พอคิดเรื่องนี้ทีไรนำตาก็พาลขะไหลทุกที  เธอต้องการที่พึ่งพิงในยามนี้  ถึงแม้ใครต่อใครจะพากัน
บอกเธอให้อดทนแล้วยืนหยัดดัวยขาของตัวเองให้ได้  แต่เธอก็ยังไม่พร้อม  เธออ่อนแอเกินไปเพราะไม่
เคยเตรียมใจกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากเสด็จพ่อทรงสวรรคตเช่นนี้  ถึงแม้จะรู้ว่าแผ่นดินเวนอลจะต้อง
ผลัดมาถึงเธอสักวัน  แต่ไม่เคยนึกว่ามันจะเร็วขนาดนี้
    องค์จักรพรรดินีสาวน้อยได้แต่นั่งทอดถอนใจอยู่ในสวนดอกไม้ในเขตพระราชฐานแต่เพียงผู้เดียว  โดย
ไม่รู้ตัวเลยว่ามีนายทหารชั้นผู้ใหญ่สองนายกำลังจ้องมองเธออยู่จากทางด้านหลังด้วยความเป็นห่วง  ห่วงทั้ง
ตัวจักรพรรดินีสาวและอนาคตของเวนอล
ณ ห้องส่วนตัวของแม่ทัพคอริปัส
    \"เอสเซ็ก  ข้าเป็นห่วงอนาคตของเวนอลเหลือเกิน  เวนอลต้องการกษัตริย์ที่เข้มแข็ง\" แม่ทัพคอริปัส
เอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด
    \"ข้าก็เห็นด้วยกับท่าน  คอริปัส\" ขุนพลคนสนิทขานรับด้วยเสียงเคร่งเครียดไม่แพ้กัน \"ท่านก็เห็นว่า
องค์จักรพรรดินีทรงเหงาและท้อแท้เพียงใด  ดูก็รู้ว่าท่านต้องการที่พึงพิง  ข้าถึงสนับสนุนให้รวมเมือง
กับแอเรียสไง\"
    \"เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก  ท่านก็รู้ว่าองค์จักรพรรดินีทรงเอาแต่พระทัยแค่ไหน\" แม่ทัพคอริปัส
กล่าวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
    \"ก็เพราะอย่างงี้แหละข้าถึงได้กำลังนีกถึงเจ้าชายชาเบรียนอยู่นี่ไง\" คำพูดของขุนพลเอสเซ็กเรียกให้แม่ทัพ
คนสำคัญชะงักกึก \"บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีสุดท้ายที่เหลืออยู่เพื่อให้เวนอลคงอยู่ต่อไปก็ได้  ถ้าหากขาดกษัตริย์
ที่ทรงปรีชาสามารถ  เวนอลอาจไม่รอด\"
    \"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่าน  นี่อาจเป็นวิธีสุดท้ายที่จะช่วยองค์จักรพรรดินีได้  ถึงแม้ว่าถ้าเราตัดสินใจใช้วิธี
นี้ก็อาจมีปัญหาถึงขั้นก่อสงครามกับทริสทอร์ได้  และถ้าเราจะตามหาตัวเจ้าชายชาเบรียนก็อาจต้องใช้เวลา
หลายปี  แล้วยังไม่รู้ว่าถ้าพบแล้วจะทรงยอมกลับเวนอลอีกหรือเปล่า  นอกจากนี้องค์จักรพรรดินีจะทรงเห็น
ด้วยกับความคิดนี้หรือไม่\" แม่ทัพคอริปัสว่าแล้วถอนหายใจ
    \"ถึงอย่างไรก็ตามเราก็น่าจะลองวิธีนี้ดู  เรื่องที่ว่าจะทรงยอมกลับเวนองหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที  เราควรจะ
เอาเรื่องนี้ลองขึ้นกราบทูลองค์จักรพรรดินีดูก่อน  ข้าคิดว่าจะต้องทรงดีพระทัยแน่ถ้ารู้ว่าเจ้าชายยังทรงมี
พระชนม์ชีพอยู่  ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าชายทรงอยู๋ที่ไหน  ข้าพอจะสืบได้ความมาบ้างแล้ว\" ขุนพลคนเก่งแห่ง
เวนอลรีบบอก
    \"จริงหรือ  ท่านนี่ทำงานได้รวดเร็วว่องไวสมกับที่ข้าไว้ใจจริงๆ\" คอริปัสชมแล้วถามต่อ \"แล้วท่านสืบได้
ความว่าอย่างไรบ้างล่ะ\"
    ขุนพลเอสเซ็กจึงรีบตอบทันทีว่า
    \"เจ้าชายชาเบรียนขณะนี้กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบอร์ก\"
แผ่นดินกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหลังจากได้ฝนทองที่ตกติดต่อกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน  ทำให้ราษฎรที่
เคยแสนทุกข์ยากลำบากเมื่อตอนมีฝนเลือดตกทั่วเอเดนเป็นเวลาสามวันสามคืนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
    แต่ถึงแม้ราษฎรจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข  ก็ใช่ว่าองค์จักรพรรดินีจะสุขสบายไปด้วย  การที่ต้องเป็น
กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองใหญ่อย่างเวนอลทั้งที่ตัวเธอเองก็เป็นแค่เด็กสาวอายุ 15 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย 
ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่ต้องจัดการเรื่องงานด้านการปกครองเองทั้งหมด  เพราะมีท่านแม่ทัพคอริปัสคอย
ดูแลให้กว่าครึ่ง  แต่มันก็มากเกินกว่าเธอจะรับไหวอยู่ดี
    บางครั้งวิเวียนนานีย่าก็ไปนั่งเล่นอยู่ในสวนคนเดียวแล้วรำพึงรำพันถึงอดีต  อดีตเกี่ยวกับใครหลาย
คนที่เคยอยู่ร่วมกันกับเธอ  เพราะในยามนี้เธอไม่มีที่พักพิงใดเหลืออยู่อีกแล้ว  ทั้งเสด็จพ่ออดีตองค์
จักรพรรดิวิลเลี่ยม  โบแด็งที่สาม  เสด็จแม่  เสด็จพี่ชาเบรียน  หรือแม้แต่เจ้าพี่โรเวน  แต่อดีตไม่
สามารถหวนกลับมาได้อีกทุกคนต่างจากเธอไปแล้ว  ถึงแม้เจ้าพี่โรเวนจะยังมีชีวิตอยู่แต่เจ้าพี่ก็ไม่ได้
สนใจเธออีกต่อไปแล้ว  เจ้าพี่มีเจมิไนต้องดูแลอยู่แล้ว  ไม่ว่างมาช่วยเธอดูแลเนอลได้หรอก
    พอคิดเรื่องนี้ทีไรนำตาก็พาลขะไหลทุกที  เธอต้องการที่พึ่งพิงในยามนี้  ถึงแม้ใครต่อใครจะพากัน
บอกเธอให้อดทนแล้วยืนหยัดดัวยขาของตัวเองให้ได้  แต่เธอก็ยังไม่พร้อม  เธออ่อนแอเกินไปเพราะไม่
เคยเตรียมใจกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากเสด็จพ่อทรงสวรรคตเช่นนี้  ถึงแม้จะรู้ว่าแผ่นดินเวนอลจะต้อง
ผลัดมาถึงเธอสักวัน  แต่ไม่เคยนึกว่ามันจะเร็วขนาดนี้
    องค์จักรพรรดินีสาวน้อยได้แต่นั่งทอดถอนใจอยู่ในสวนดอกไม้ในเขตพระราชฐานแต่เพียงผู้เดียว  โดย
ไม่รู้ตัวเลยว่ามีนายทหารชั้นผู้ใหญ่สองนายกำลังจ้องมองเธออยู่จากทางด้านหลังด้วยความเป็นห่วง  ห่วงทั้ง
ตัวจักรพรรดินีสาวและอนาคตของเวนอล
ณ ห้องส่วนตัวของแม่ทัพคอริปัส
    \"เอสเซ็ก  ข้าเป็นห่วงอนาคตของเวนอลเหลือเกิน  เวนอลต้องการกษัตริย์ที่เข้มแข็ง\" แม่ทัพคอริปัส
เอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด
    \"ข้าก็เห็นด้วยกับท่าน  คอริปัส\" ขุนพลคนสนิทขานรับด้วยเสียงเคร่งเครียดไม่แพ้กัน \"ท่านก็เห็นว่า
องค์จักรพรรดินีทรงเหงาและท้อแท้เพียงใด  ดูก็รู้ว่าท่านต้องการที่พึงพิง  ข้าถึงสนับสนุนให้รวมเมือง
กับแอเรียสไง\"
    \"เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอก  ท่านก็รู้ว่าองค์จักรพรรดินีทรงเอาแต่พระทัยแค่ไหน\" แม่ทัพคอริปัส
กล่าวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
    \"ก็เพราะอย่างงี้แหละข้าถึงได้กำลังนีกถึงเจ้าชายชาเบรียนอยู่นี่ไง\" คำพูดของขุนพลเอสเซ็กเรียกให้แม่ทัพ
คนสำคัญชะงักกึก \"บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีสุดท้ายที่เหลืออยู่เพื่อให้เวนอลคงอยู่ต่อไปก็ได้  ถ้าหากขาดกษัตริย์
ที่ทรงปรีชาสามารถ  เวนอลอาจไม่รอด\"
    \"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่าน  นี่อาจเป็นวิธีสุดท้ายที่จะช่วยองค์จักรพรรดินีได้  ถึงแม้ว่าถ้าเราตัดสินใจใช้วิธี
นี้ก็อาจมีปัญหาถึงขั้นก่อสงครามกับทริสทอร์ได้  และถ้าเราจะตามหาตัวเจ้าชายชาเบรียนก็อาจต้องใช้เวลา
หลายปี  แล้วยังไม่รู้ว่าถ้าพบแล้วจะทรงยอมกลับเวนอลอีกหรือเปล่า  นอกจากนี้องค์จักรพรรดินีจะทรงเห็น
ด้วยกับความคิดนี้หรือไม่\" แม่ทัพคอริปัสว่าแล้วถอนหายใจ
    \"ถึงอย่างไรก็ตามเราก็น่าจะลองวิธีนี้ดู  เรื่องที่ว่าจะทรงยอมกลับเวนองหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที  เราควรจะ
เอาเรื่องนี้ลองขึ้นกราบทูลองค์จักรพรรดินีดูก่อน  ข้าคิดว่าจะต้องทรงดีพระทัยแน่ถ้ารู้ว่าเจ้าชายยังทรงมี
พระชนม์ชีพอยู่  ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าชายทรงอยู๋ที่ไหน  ข้าพอจะสืบได้ความมาบ้างแล้ว\" ขุนพลคนเก่งแห่ง
เวนอลรีบบอก
    \"จริงหรือ  ท่านนี่ทำงานได้รวดเร็วว่องไวสมกับที่ข้าไว้ใจจริงๆ\" คอริปัสชมแล้วถามต่อ \"แล้วท่านสืบได้
ความว่าอย่างไรบ้างล่ะ\"
    ขุนพลเอสเซ็กจึงรีบตอบทันทีว่า
    \"เจ้าชายชาเบรียนขณะนี้กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบอร์ก\"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น