ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sh! KiZe คลังเก็บของของเจ้าชายคีส

    ลำดับตอนที่ #8 : Zefa-Ricardo

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 58


                ครั้งแรกที่ข้าลงมาโลกของปิศาจ สิ่งแรกที่ข้ามั่นหมายว่าจะต้องทำเป็นอันดับต้นๆคือการมาขอเข้าพบราชาปิศาจตัวเป็นๆ

     

                ใครๆต่างก็เล่าลือนามของราชาเซฟา หรือ ในฉายาว่าราชาปรสิตมาได้พักใหญ่ๆแล้ว ตั้งแต่บนพื้นโลกที่เหล่าภูติพรายซุ่มกระซิบฉอดๆยันบนสวรรค์ที่มีประเด็นกันให้วุ่นเกี่ยวกับความไม่น่าไว้วางใจในตัวของเขาที่ยึดบัลลังก์ของราชาตนเก่าขึ้นมาด้วยวิธีทรยศ บางปากว่าเขาดูเย็นชา ไร้เมตตา คำพูดชวนสั่นสะท้านหนาวยะเยือกจนผู้ที่ได้สดับเป็นต้องผินหน้าหนีไม่กล้าสบตา

     

                แต่บางปากก็ว่าเขาเป็นผู้รับใช้ที่เคย...เคยภักดีมาโดยตลอด เป็นผู้นำที่เข้าใจการทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกศึกที่ใดหนไหนไม่มีทางชนะตัวเขาที่ได้ลงสนามรบได้ในฐานะมือสังหารเพียงผู้เดียวที่ไม่เคยมีใครจับตัวได้...เป็นที่พึ่งพาของผู้น้อยมากมายแม้ว่าใบหน้าจะอัปลักษณ์ไม่น่าชอบพลอ

     

                ไหนๆวันนี้ข้าก็มีโอกาสได้ลงมาเที่ยวเลนบ้านเกิดของฮ็อกซ์เวิร์ธ แวมไพร์คู่พันธสัญญาของข้า...ยามข้าก้าวลงมาบนแผ่นดินของหมู่ปิศาจ การต้อนรับก็มาอย่างเป็นกันเองเกินไปหน่อย...แต่ทำอย่างไรได้ พวกเขาก็คิดว่าข้าเหมือนเทพตนอื่นๆที่ปองร้ายคิดจะทำลายโลกของพวกเขาก็เท่านั้น จะเป็นหมาหัวเน่าก็คงไม่แปลก

     

                “ราชารับสั่งว่ายอมให้เจ้าพบได้”

     

                หลังมีการเจรจาฝีปากกันเล็กน้อย ผู้ที่เป็นเหมือนมหาดเล็กในวังจึงจำยอมพาข้าเข้ามาหลังกำแพงปราสาทที่สูงถึง50เมตรและปิดประตูลงอย่างแน่นหนาตามคำสั่ง ข้ากับฮ็อกซ์เวิร์ธจึงได้เดินเข้ามาจนถึงหน้าประตูวังที่มีราชองครักษ์เฝ้าอยู่ ฝีเท้ามหาเล็กหยุดเพียงเท่านั้นเพื่อกระซิบกับผู้เฝ้าประตูแล้วแยกออกไปปล่อยให้พวกข้ายืนรอ

     

                ฮ็อกซ์เวิร์ธดูจะไม่มีท่าทีเร่งรีบหรือข้องใจแต่ประการใด กลับกันข้านั้นค่อนข้างไม่พอใจ...ราชาบ้าอะไรไม่ต้อนรับแขกเอาเสียเลยแฮะ? จะเปิดประตูเชิญแขกเข้าไปนั่งจิบน้ำชาสักหน่อยรึก็ไม่มีปล่อยให้ข้ายืนกอดอกจ้องหน้าพวกทหารยามกันเป็นเกมสงครามประสาทฆ่าเวลา?

     

                อยากจะก้าวเข้าไปด้านในเหลือเกินจริงๆ...ถึงปกติข้าจะรักษามาดผู้นำของเหล่าผู้ปฏิวัติสวรรค์ก็เถอะ แต่ถ้านับตามอายุขัยเทพข้าก็เป็นวัยรุ่น ใจร้อนและเลือดร้อน... “ริค ไม่เอาน่า...”

     

                “เจ้าทนรอราชาที่ไม่รับแขกเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”ของเพลียและละเหี่ยใจกับเจ้าเด็กหน้าระรื่นด้านหลัง

     

                “เขาไม่ได้ไม่รับแขก ริค...”

     

                ข้าเหลือบมองพลางเลิกคิ้ว “แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร”

     

                “คือว่า...”

     

     

     

                ยังเป็นเด็กละอ่อนอย่างที่ข้าได้ยินมาจริงๆด้วย

     

                สายลมวูบไหวเย็นวาบไปถึงแนวสันหลังของข้ากับเสียงทุ้มแหบห้าวมีอำนาจดังเรื่อยมาจากข้างหลัง ข้ารีบหันไปข้างหลังนั้นอย่างรวดเร็วและระแวดระวัง

     

                ชายตัวสูงสันทัดในชุดรัดรูปสีดำจนเห็นกล้ามเนื้อแข็งแรง บ่งบอกถึงการดูแลรักษาสุขภาพให้พร้อมใช้งานอย่างดี กางเกงเป็นกางเกงเลสีดำเช่นเดียวกับเสื้อและรองเท้าบูทหนังสูงถึงเข่า ดูแล้วช่างเป็นการแต่งตัวที่น่าประหลาดจริง

     

                แต่จะว่าไปแล้ว ข้าระวังตัวขนาดนี้...ใช้พลังเพื่อตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าใกล้ตัวข้าขนาดนี้...

     

                ปิศาจตนนี้คืออะไร ใยจึงเข้าประชิดตัวข้าได้อย่างง่ายดายราวกับกำลังเดินผ่านต้นไม้ที่หยุดนิ่งไม่มีทางขยับเขยื้อนไปที่ใด...ความสามารถเช่นนี้ แค่เดินเข้าไปในดงศัตรูก็จัดการกับแม่ทัพได้อย่างง่ายดาย

     

                ถ้าข้าเป็นศัตรูกับปิศาจตนนี้เข้า...ไอเย็นวะวาบพวกนี้ ความว่างเปล่าที่เด็ดหัวข้าได้นี่คง...

     

                “ขอต้อนรับเจ้าเข้าสู่ดินแดนปิศาจ คงต้องขอโทษหากเรากลับมาต้อนรับเจ้าไม่ทันภายในเวลานัด”เสียงนั้นยังคงกล่าวต่อไปจนข้ารู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง ข้ากำลังกลัว...?หรือข้าแค่กำลังไม่คุ้นชินกับมังกรที่แก่กล้ากว่าข้านอกจากท่านพ่อ?

     

                เงยหน้า ริคาร์โด้...มัวแต่ก้มหน้าเหงื่อแตก นี่มันไม่ใช่ผู้นำนะ...

     

                เงยหน้าสิ!!

     

                “...ข้าอาจจะใจร้อนไปเอง ข้าต่างหากที่สมควรขอโทษท่านราชา...”กลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ สงบสติให้ตัวเองผ่อนคลายและปรับเสียงพูดให้ปกติสุขุมเช่นเดิม

     

                หากแต่สายตาขึ้นไปสะดุดเข้ากับใบหน้าใต้เงามืดนั่นเข้า...

     

                แล้วใบหน้าข้าก็ดันร้อนฉ่าขึ้นมาเหมือนไปนั่งอังไฟตอนอากาศร้อนจัด

     

                เรือนผมสีแดงสั้นดั่งพระเพลิงของเขาตัดกับสีผิวขาวซีดนั่นขับให้ดวงหน้าคมเข้มดูแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ตราตรึง ดวงตาสีม่วงอะเมทิสต์แม้จะหม่นหมองเหมือนมิได้ผ่านการเจียระไนแต่ก็สามารถดึงดูดให้ผู้คนอยากเข้าไปค้นหา จมูกโด่งสันได้รูปแบบชาวตะวันตกน่าเสียดายที่ผ้าปิดปากสีดำนั้นปิดบังความน่าเมียงมองเสน่หานั่นไปเกือบครึ่ง ตำหนิอีกอย่างก็คงไม่พ้นดวงตาขวาของเขาที่ถูกเฉือนเปลือกตาออกเหวะหวะน่ากลัว

     

                ไม่ใช่ความน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่พวกบนสวรรค์กล่าวถึงแม้แต่นิด ความเย็นชาอะไรของพวกภูตปิศาจไม่เห็นมีความจริง ชายที่อยู่ตรงหน้าข้ามีดวงตาที่ปิดเร้นความมภักดีอยู่ภายใน ทำทุกอย่างเพื่อบุคคลสำคัญแม้จะถูกตราหน้าเพียงใด

     

                น่าอิจฉาผู้ที่สามารถเป็นคนสำคัญของปิศาจตนนี้เสียจริง

     

                เสียงกระแอมกับดวงตาที่มองข้าทำให้ข้าได้สติ “ขะ ข้า...มาเพื่อพูดคุยเรื่องความเป็นไปของสถานการณ์ด้านบน— แล้วก็หวังจะพักผ่อนที่นี่...”

     

                ที่ภพนี้สิโว้ยไม่ใช่ที่นี่!!! แทบกัดลิ้นตัวเองขาด แล้วไอ้อาการพูดตะกุกตะกักพวกนั้นมันอะไรกัน ริคาร์โด้เจ้าไม่ใช่เด็กทารกแล้วนะ!

     

                “ย่อมได้ มกุฎราชกุมารลงมาที่นี่ทั้งที เราก็ต้องต้อนรับขับสู้ท่านให้สมกับเป็นเจ้าบ้านที่ดี...เชิญ ห้องว่างในปราสาทนี้มีเยอะมากพอที่เจ้าจะเลือกพักได้”

     

                ท่านแกล้งฟังที่ข้าพูดผิดไปใช่ไหม!

     

                ข้าดูสีหน้าเขาไม่ออกเลยสักนิดยามเขาใส่ผ้าปิดปากนั่น ดวงตาก็อ่านออกยากเย็นยิ่งกว่าใครที่ข้าเคยเจอมา...รู้ตัวอีกทีระหว่างข้าฟุ้งซ่านราชาตนนั้นก็เดินนำข้าเข้าปราสาทไปเสียแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ห้องสมุดหลวงของที่นี่นับเป็นที่พักผ่อนที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

     

                หลังจากข้าได้แวะไปดูห้องพักที่ราชาได้แนะนำให้ข้าก็ได้ทำการพูดคุยอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องของพวกเทพบริสุทธิ์ด้านบน— นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ข้าหายใจหายคอลำบากไม่น้อย...เพราะข้าต้องนั่งพูดต่อหน้าเขาตลอดเวลา

     

                เราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดของพวกเจ้าตราบเท่าที่ไม่รุกคืบเข้าสทวารบาลของแดนข้าเขาตัดสินใจได้อย่างเยือกเย็นหลังฟังคำอธิบายของข้า ข้าถือว่าการที่พวกเจ้าเผ่าสวรรค์ทะเลาะกันนั้นเป็นเรื่องภายในแดนของเจ้าเอง พวกข้าไม่เกี่ยวกับการกบฎหรือปฏิวัตินี้แม้แต่น้อย

     

                ขอบคุณท่านราชาที่เข้าใจ’

     

                ลำบากไหม อายุน้อยเพียงเท่านี้กลับต้องคุมกำลังคนและเรียกร้องการยอมรับเพื่อวิญญาณน้อยใหญ่ทั้งหลายนั่นน่ะจู่ๆเขาก็ถามขึ้นมากลางปล้องขณะที่ข้ากำลังจะกลับออกมาจากห้องทำงานนั้น

     

                ลำบากไหม...? ไม่รู้สินะ ข้าแค่ทำสิ่งที่คิดว่ามันถูก จะเหนื่อยจะท้อย่อมมีเป็นธรรมดา’

     

                นั่นน่ะสินะ...

     

                เป็นการจบบทสนทนาที่มึนตึงอย่างบอกไม่ถูก ข้าไม่แน่ใจว่าเขาถามขึ้นมาเช่นนั้นเพราะเหตุใด แต่คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักถ้าหากให้ข้าเดา...ข้าแค่ทำในสิ่งที่คิดว่ามันรักษาสมดุลย์ของโลกได้ก็เท่านั้น เพื่อแบ่งแยกวิญญาณให้คนดีได้รับสุข คนชั่วได้รับกรรม เวียนว่ายตายเกิดดั่งที่ควร ไม่มีการสูญสลายแตกหายไป

     

                “อ่ะ...”

     

                หลังของข้าถูกสะกิดให้หลุดจากภวังค์ ข้าเงยหน้าขึ้นก็สบกับตัวตาสีน้ำแข็งของฮ็อกซ์เวิร์ธที่ติดตามข้ามา “ริค เจ้าเปิดหน้านั้นค้างมาสองสามชั่วโมงแล้วนะ...ค่ำแล้วเจ้าควรไปหาอะไรทานแล้วเข้านอนเสีย”

     

                อ่า นี่ข้าฟุ้งซ่านจนเลยเวลางั้นเหรอ “ได้...เดี๋ยวข้าจะไป เจ้าไปพักก่อนได้เลย”ข้านวดหัวคิ้วตัวเอง วางหนังสือแล้วไล่ฮ็อกซ์เวิร์ธให้ไปพัก เขาไม่ลืมที่จะตักเตือนข้าให้เข้านอนตรงเวลาก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดหลวงไปที่ห้องพักของพวกข้า...ใช่ ข้ากับฮ็อกซ์เวิร์ธต้องนอนห้องเดียวกันอยู่แล้ว เป็นโอกาสได้แกล้งอะไรคลายเครียดนิดๆหน่อยพอเป็นพิธีด้วย

     

                แอ๊ด...

     

                “หือ?” “เห้อม์?”

     

                เสียงขานนั้นแทบจะพร้อมเพรียงกว่าข้า ฟังแล้วอายุน่าจะไล่เลี่ยกันกับข้าอยู่พอดูจึงได้เหลียวหลังไปมอง ชายหนุ่มวัยสักยี่สิบปีมนุษย์สูงไม่ต่างจากข้าเท่าไหร่นักใส่แว่นผมแดงสั้นยุ่งเหยิงพะรุงพะรังในชุดเชิ้ตและกางเกงธรรมดา สีหน้าเหมือนเพิ่งตื่นและมึนเบลอยามเจอข้า

     

                ดวงตาสีเดียวเฉกเช่นราชา “อ้า มีแขกเรอะ...ขอโทษๆ ข้าแวะเอาหนังสือมาคืนเดี๋ยวก็ไปละ”

     

                “...เจ้า?”

     

                “ตาแก่บอกว่านายคือเจ้าชายจากข้างบนสินะ”แล้วก็พูดแทรกขึ้นมาเรื่อยๆอย่างกับคนไร้มารยาท แล้วตาแก่ที่ว่านี่เจ้าหมายถึงใครกัน? “จะนอนพักที่นี่ยาวๆก็คงได้เจอกันบ่อยล่ะ ข้าชื่อเอลเมซ...ยินดีที่ได้รู้จัก”

     

                “ข้า...ริคาร์โด้... เจ้าเป็นใคร?”นิ่วหน้าข้ารู้สึกไม่ชอบใจอย่างไรชอบกล

     

                “อ๊าว ก็เพิ่งแนะนำตัวไป ความจำเสื่อมเรอะพ่อคู๊ณ!”ขึ้นเสียงสูงพร้อมกับทำหน้ากวนบาทาเปิดเผย ไอ้เจ้านี่มัน—  “เห่ย อย่าทำหน้างั้นดิ ข้าก็ล้อเล่นไปเรื่อย นานๆจะเจอคนเล่นหัวด้วยได้สักที”

     

                “ตอบคำถามข้า...”ข้าพร้อมจะลุกไปต่อยหน้าเด็กนี่ถ้าเกิดพูดอะไรขัดหูข้าอีกรอบ

     

                ทว่ากลับโดนชี้หน้ากลับมาอย่างเอาเรื่อง “เฮ้ย...อย่าทำนิสัยคุณหนู คุณชายไม่ได้ดั่งใจแล้วกระฟัดกระเฟียดชักสีหน้าดิวะ ไม่งั้นเจ้าก็ไม่ต่างจากพวกข้างบนสักเท่าไหร่หรอกน่ะ”

     

                น่าโมโหแต่กลับได้ผลชะงัดนักกับข้า ข้าจึงทำได้เพียงนั่งสะกดกลั้นอารมณ์อยู่กับที่ก่อนจะทำตัวใจเย็นลองถามออกไปอีกครั้งช้าๆชัดๆ

     

                “ข้าถามเจ้าว่า เจ้าเป็นใคร...ข้าหมายถึงลูกใคร ตำแหน่งอะไร”

     

                “ไม่ยักรู้ว่าพ่อข้าเป็นใครมันจะหนักหัวคนอื่นด้วยแฮะ”ไม่ทิ้งลายวอนบาทาฟาด “ข้าเป็นมกุฎราชกุมารของวงศ์ปิศาจ ลูกชายของเซฟา คีย์ลัน มิฮาเอล...”

     

                ละ ลูกชาย...

     

                ราชานั่นมีลูกชายที่อายุเท่าๆกับข้าเลยเนี่ยนะ...ทั้งที่ ยังดูหนุ่มแน่นทั้งพลังแล้วก็ร่างกายขนาดนั้นเนี่ยนะ มีลูกชายแล้ว!? “ลูกชาย...สินะ งั้นหมายความว่านายจะรับตำแหน่งต่อจากพ่อนาย?”

     

                “เปล่า ไม่เอาอ่ะ...”

     

                ห้ะ... ข้าไดด้แต่ทำหน้างงไม่เข้าใจสิ่งมีชีวิตตรงหน้ามากขึ้นไปอีก เป็นมกุฎราชกุมารแต่ไม่เอาตำแหน่งราชาเนี่ยนะ?







    to be continued
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×