คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : AXION [Character Fiction]
AXION
ชีวิตที่ไม่อาจดับสูญได้ ไม่อาจสูญสิ้นได้ ไม่อาจแตกดับได้
การใช้ชีวิตโดยที่ความตายนั้นไม่อาจพรากวิญญาณไปได้นั้นช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ในแบบที่มนุษย์ทุกผู้ใฝ่ฝันหา
เพื่อให้ได้มีเวลาอีกสักนิดทำตามความฝัน...
เพื่อให้ได้มีเวลาอีกสักนิดเพื่อกอบโกยความรุ่งโรจน์ของตนเอง...
เพื่อให้ได้มีเวลาอีกสักนิดอยู่เคียงข้างกับคนที่ตนเองห่วงใย...
ชีวิตอันเป็นนิรันดร์เป็นดั่งความฝันแสนหวานของทุกคนเพื่อให้ได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองปรารถนา
แต่ความจริงแล้วมันเป็นยาขมที่ทำให้ชีวิตนั้นขมขื่นตรากตรำลำเค็ญยิ่ง...
กุบกับ...กุบกับ...!
กีบเท้าปราดเปรียวว่องไวควบตะบึงดั่งวายุโหมกระหน่ำ เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหวมาจากในป่ารกชัฏมืดมิดอันเต็มไปด้วยต้นสนหนาแน่นและหิมะสีขาวโพลนตัดกับยามค่ำคืนเป็นพื้นหนาเตอะลำบากต่อการสัญจร เงาสีดำกระเพื่อมไหวอย่างคล่องแคล่วตามแนวสนนั่นคือยอดอาชาอันแกร่งกล้า
ฮี้!
เสียงร้องของม้าดังขึ้นทันทีที่เจ้าของกระตุกบังเหียนหยุดมันไว้ แสงจันทร์นวลเล็ดลอดผ่านม่านเมฆทอดสู่ร่างสง่าบนหลังพาหนะคู่ใจราวกับชายผู้นี้จุติลงมาจากสวรรค์ก็มิปาน
อัศวินในชุดเกราะสีทมิฬน่าเกรงขามใช้ดวงหน้าที่ต้องแสงจันทราเงยมองแสงนั้น ใบหน้าเรียวรีขาวสะอาดงดงามดั่งหิมะในฤดูหนาว เนตรไพลินพิสุทธิ์ใต้แพขนตาหนานั้นกลมหวานน่าหลงใหลจนผู้ที่ได้เหลือบมองเครื่องเคราทั้งหมดบนใบหน้าของเขานั้นต้องแทบหยุดหายใจ
เขาหลับตาลงแล้วถอนหายใจ ราวกับต้องการให้แสงจันทร์เป็นเครื่องลบล้างเงาร้ายในร่างของเขา “ต้องรีบแล้ว...ข้าไม่ควรหยุดอยู่ตรงนี้นาน ไปเถอะ...ดิเอนด์” พลางลูบข้างลำคอใหญ่ของอาชาคู่กายอย่างทนุถนอมก่อนจะเริ่มห้อตะบึงม้าออกไปอีกครั้ง
ทว่าก็จำเป็นต้องหยุดอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้หยุดพัก “ช่วยด้วย...!”
“นั่นใคร”เมื่อรั้งบังเหียนไว้นานจนเกินไปดิเอนด์ก็กระทืบกีบเท้าทั้งสองลงกับพื้นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับไอสีดำที่แผ่ออกมาราวกับเงาวูบไหว “เจ้าเป็นใคร จงออกมาเดี๋ยวนี้!”
พลันเมื่อตวาดลั่นร่างเพรียวบางในชุดพรตญี่ปุ่นก็วิ่งกะโผลกกะเผลกออกมาจากเงาไม้ “ขะ ข้ามีนามว่าฮัวหลง โปรดช่วยข้าด้วย”
อัศวินหนุ่มพิจรณาสภาพสะบักสะบอมของอีกฝ่ายอย่างละเอียด รอยฟกช้ำดำเขียวของการถูกรุมชกต่อยและเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่มอมแมมเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าอีกฝ่ายถูกผู้อื่นทำร้ายมาแน่นอน “เจ้าโดนใครทำร้ายมา”
“เบล ...เบลเซบับ กับพวกของลูกซิเฟอร์ขอรับ”น้ำเสียงฟังดูเหนื่อยอ่อนและแฝงความเจ็บปวดไว้ลึกๆ
“อย่างนั้นรึ...เจ้าเองก็เป็นปิศาจสินะ”
อัศวินเกราะดำลงจากหลังม้าพลันรีบเข้ามาพยุงร่างที่สูงกว่าเขาเพียงไม่เท่าไหร่อย่างทุลักทุเลพอดู ฮัวหลงจึงได้อธิบาย “ข้านั้นเป็นเท็นงูที่ถูกพวกเขาคิดกำจัดทิ้งขอรับ”
“ไม่ใช่ว่าเผ่าเท็นงูอยู่ในการคุ้มครองของพวกนั้นรึ?”เขาเอะใจเล็กน้อย แต่คำพูดต่อมาทำให้เขาเห็นใจอีกฝ่ายมากขึ้นทันทีที่ได้ฟัง
“พวกเราเหลืออยู่น้อยมากและคิดจะไปพึ่งใบบุญของท่านลูซิเฟอร์องค์ใหม่ แต่พวกเขารู้เสียก่อนจึงกำจัดเสี้ยนหนามอย่างพวกเราให้เหี้ยน”
อัศวินหนุ่มกัดฟันอย่างโมโห เพียงแค่คิดใยจึงต้องกำจัด...เพราะปกป้องไม่ได้จึงทำลายดีกว่าอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ชอบเอาเสียเลยกับการกระทำที่ทำเหมือนทุกชีวิตเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งเช่นนี้ ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี มีสิทธิที่จะเลือก
ใยจึงต้องทำกันเช่นนี้...
“เจ้าไปกับข้าก่อนก็แล้วกัน...”พลางอุ้มอีกร่างขึ้นหลังม้า “ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านผู้นั้นให้เอง”
“ท่านใจดีเหลือเกิน ท่านเป็นใครรึขอรับ...”ฮัวหลงเอ่ยถามนามอย่างมีมารยาท
“ดูลาฮานตนสุดท้าย นามของข้า คือ เอ็กซิออน”
ที่เขาช่วยฮัวหลงอาจเป็นเพราะการสงสารชั่ววูบของเขา และอาจเป็นเพราะเขายังอายุเพียงร้อยกว่าปีเท่านั้นจึงมีจิตใจที่อ่อนไหวง่ายแม้ว่าฝีมือของเขาจะยากหาผู้ใดทัดเทียม ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะเขามีประสบการณ์บางอย่างจากหนึ่งร้อยกว่าปีที่ผ่านมารบกวนจิตใจอยู่
แต่เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของสหายมนุษย์ผู้หนึ่ง...
ย้อนไปเมื่อเขายังอายุเพียง 18 ปี...แม้จะมีร่างกายสูงใหญ่ดั่งมนุษย์ทั่วไปแต่เขายังถือได้ว่าเป็นเด็กในหมู่ดูลาฮานด้วยกัน ในยามกลางวันทุกอย่างของเขาก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไปหาแต่ถ้าไม่ระวังข้อต่อชั่วคราวระหว่างหัวกับคอก็หลุดออกมาได้เช่นกัน
ในตอนนั้นเขายังมีเพื่อนสนิทผู้หนึ่งเป็นมนุษย์... ทั้งๆที่เขาไม่เคยมีเพื่อนเป็นปิศาจด้วยกันเลยสักนิด
อาเธอร์เป็นเพื่อนของเขาที่โดนกลั่นแกล้งบ่อยที่สุดในหมู่บ้านจากผู้มีอิทธิพลเป็นเชื้อสายเจ้าบ้าง เชื้อสายขุนนางบ้างในไอแลนด์ นั่นทำให้เขาเกลียดการทำร้ายคนไม่มีทางสู้อย่างที่สุด...แต่อาเธอร์กลับไม่ใส่ใจ ชายคนนั้นเชื่อว่าสักวันเขาจะยิ่งใหญ่และต่อต้านอำนาจที่ไม่ถูกต้องได้ ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำได้จริงๆ
กระทั่งผ่านไปหลายสิบปี ด้วยอายุขัยของมนุษย์จึงทำให้อาเธอร์แก่ลงเรื่อยๆ...และอีกฝ่ายเองก็รู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ กระนั้นก็ไม่ได้รังเกียจอย่างเช่นมนุษย์คนอื่นๆแม้จะถูกดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นพวกนอกรีดก็ตาม
วาระสุดท้ายของอาเธอร์ไม่มีใครจัดพิธีให้อย่างสมเกียรติ มีเพียงเขาที่ฝังศพนั้นคืนหวนสู่พสุธา...
หลังจากนั้นเพียงไม่นานพวกมนุษย์ก็ได้สร้างองค์กรนักล่าปิศาจขึ้น พวกมันกวาดล้างและทำลายดูลาฮานทั้งหมดในไอแลนด์จนเหลือเพียงแค่เขาตนเดียว
ดังนั้นเขาจึงชิงชังมนุษย์เล่านั้นเหลือเกิน... เขาชิงชังจึงได้ตระเวณขี่ม้าช่วงชิงวิญญาณเหล่ามนุษย์อย่างบ้าคลั่งกระทั่งได้พบกับผู้ที่มุ่งจะเป็นลูซิเฟอร์องค์ใหม่ ผู้หวังทำลายล้างโลกและมนุษย์ให้พินาศ
เขาจึงยอมติดตามมานั่นเอง...
เคร้งๆ!
“อั่ค!”
สายโซ่เงาพันธนาการรัดตรึงร่างของเอ็กซิออนไว้อย่างแน่นหนา เขาไม่อยากเชื่อว่าแม่ทัพยอดฝีมืออย่างเขาจะพลาดท่าได้ง่ายดายเช่นนี้ ศัตรูเบื้องหน้าของเขาคือใครกันแน่ “นี่เจ้า...!”
“ตอนนี้ก็ได้เชลยมาแล้วล่ะนะ”เสียงทุ้มเอ่ยกังวาลไม่ต่างจากระฆังที่ที่ลั่นบอกถึงคราวสงบศึก เมื่อแม่ทัพพลาดท่าตกเป็นเชลยเหล่าปิศาจใต้บัญชาจึงได้แตกฮือหนีกลับกันไปคนละทิศละทาง “แค่นี้ก็พอแล้ว”
“อ๊ะ!”
ความมืดบดบังทุกอย่าง รู้ตัวอีกทีเขาก็ได้มาโผล่ในห้องขังอันหนาวเย็นเสียแล้ว... รอบกายมีเพียงควาว่างเปล่ากับลูกกรงเหล็กหนากักขังไว้
หลังจากถูกจับตัวและย้ายมาอยู่ที่นี่เขาก็เห็นพวกของลูซิเฟอร์อีวาน ดาร์ควู้ดต้องการข้อมูลจากปากของเขา แม้จะไม่มีการทรมานและการขู่เข็ญ แต่เขากลับเจอเรื่องที่เลวร้ายและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาจนย่อยยับ อีวานไม่ได้เป็นผู้อนุญาตในเรื่องนี้เขารู้ดีเพราะเจ้าปิศาจที่มาเหยียบย่ำความเป็นชายของเขาคืออินคิวบัสเจ้าของตำแหน่งบาปแห่งราคะ... เรเชียรนั่นเอง
ไม่รู้ว่าเขาโดนทำอะไรไปบ้าง รู้เพียงว่าเจ็บใจและทรมานเหลือจะกล่าว...เอ็กซิออนสลบไปพักใหญ่หลังจากที่รู้ตัวว่าไม่อาจเปล่งวาจาสารภาพแผนการได้เพราะคำสาปปิดปากของลูซิเฟอร์องค์ใหม่ที่เขาเชื่อใจ และเมื่อมานึกได้ทีหลัง...เขาเพิ่งนึกได้ว่าคำสัตย์สาบานที่ให้ท่องในห้องนั้นเป็นคำสาปสั่งตายและคำสาปชักจูงวิญญาณ
นี่เขาไปเชื่อใจนายที่คิดฆ่าตัวเองได้อย่างไรนะ...โง่จริงๆ
แล้วความมืดก็ร่วงโรยลงโอบล้อมสติของเขา จมลงไปในห้วงจิตใต้สำนึกที่ยากหยั่งถึงลึกเข้าไปในส่วนที่เขาไม่เคยได้เข้าไปถึงที่นั่นสักครั้ง เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่านั่นเป็นความทรงจำของเขาหรือเป็นเพียงภาพฝันที่เขาวาดขึ้นมากันแน่
เคร้ง...!
ปลายดาบเย็นเฉียบจ่ออยู่ใกล้ต้นคอของเขา หรือ มันอาจจะเป็นใครอื่นสักคนที่เขารับบทบาทในความฝันก็เป็นได้ สายตาของเขาพร่าเลือนยากจะหาจุดโฟกัสสายตาอื่น
อ่า... เขาเคยฝันแบบนี้ครั้งสองครั้งเมื่อครั้งอาเธอร์ยังอยู่ แต่สัมผัสทุกอย่างมันไม่ชัดเจนถึงเพียงนี้
เขาถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือกแน่นหนา ร่างกายของเขายามนั้นราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาหมาดๆเพราะมันเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บจากการถูกฟาดฟันและทำร้ายด้วยสรรพาวุธ ดวงตาพร่าเลือนเลิกสนใจตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูงแสงอาทิตย์ที่สาดแสงเข้ามาอย่างไม่ปราณี
เขาเริ่มปรับสายตาได้บ้างแล้ว เขาเห็นลานประหารที่มีชายร่างใหญ่กำลังถือดาบเตรียมตวัดเฉือนศีรษะของนักโทษ ดวงตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างนักโทษที่หมดเรี่ยวแรงและถูกบังคับให้ลงนั่งคุกเข่า...ชายคนนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับเขานี่เอง
เสียงโห่ร้องดังชัดเจนและอื้ออึงเซ็งแซ่ ทุกคนรายรอบเขาล้วนแต่ส่งเสียงร้อง ‘ตัดหัวมัน! ประหารมัน!’ ตอนนี้เขาเริ่มไม่เข้าใจหรืออาจจะเข้าใจขึ้นมาอย่างหนึ่งว่าก่อนเขามาเป็นดูลาฮานเขาคงโดนตัดหัวเช่นเดียวกับคนบนแท่นนั่นแน่
เขาเงยหน้าใบหน้าหล่อเหลาคมคายและมีร่างกายแข็งแรงกำยำคล้ายนักรบตัวอย่าง ริมฝีปากที่โผล่พ้นเงาเส้นผมสีดำอมน้ำตาลเข้มแบบชาวเอเชียกำลังเผยอขึ้นเล็กน้อย ไม่แน่ว่าชายคนนั้นอาจจะปลงตกแล้วก็ได้ ครั้นเมื่อมัจจุราชเงื้อคมดาบขึ้นเขาก็เห็นชายผู้นั้นมองมาทางเขา
ริมฝีปากหนาได้รูปขยับยิ้มพลางพูดบางสิ่งออกมา... เสียงที่น่าจะเบาราวกับผีเสื้อขยับปีก กลับแทรกผ่านกระแสพายุโหมคลั่งของเหล่าผู้คนมาถึงเขาได้
...รัก...เจ้า...
แทบสิ้นสติ หัวใจที่บอบช้ำและเหนื่อยล้ากลับถูกบีบรัดอีกครั้ง...ไม่ใช่เพราะเชือกที่พันธนาการเขาเอาไว้ ไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่พยายามกดร่างที่พร้อมพุ่งทะยานตรงดิ่งเข้าหาแท่นประหารของเขา หากแต่เป็นคำพูดสั้นๆเท่านั้น คำพูดแผ่วเบาสั้นๆเพียงประโยคเดียวทีสามารถทำให้เขาตะโกนด่าทอผู้อื่นกลางเสียงโห่ร้อง คำพูดที่สามารถทำให้เขาร้องไห้เรียกร้องให้คนๆนั้นกลับมา
“ข้าชิงชังพวกเจ้า!!ข้าชิงชังพวกเจ้า!! ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้าทุกคนที่บังอาจทำกับเจ้านายของข้า!!”
...เจ้านายของเขา...
แอ๊ด...
“...?” ได้สติตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เหล่าผู้ครองปราสาทของดินแดนปิศาจเปิดกรงขังเข้ามาหาเขา เอ็กซิออนพยายามฝืนตัวหันมองอย่างเจ็บใจแต่พลันเมื่อเห็นเรเชียรเข้ามาใกล้ก็จำเป็นต้องดิ้นรนเสือกไสตัวเองถอยออกมา “ยะ อย่าเข้ามา...!ข้าก็บอกแล้วไง ว่าข้าพยายามจะบอกเจ้าแล้ว แต่มันพูดไม่ได้!”
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่มองเขาอย่างเห็นใจ “เรเชียรพอเถอะ อย่าไปแกล้งเด็กเลย”
ยามนี้ไม่มีใครที่เขาพอจะพึ่งได้แล้ว คงได้แต่เข้าไปหลบหลังพึ่งร่างสูงใหญ่คอยปกป้องเขาจากปิศาจแห่งบาปราคะผู้ไม่รู้จักพอตนนั้น “เจ้าคงโดนคำสาปเช่นกัน ไม่ต้องห่วง...ยาถอนคำสาปกำลังจะมีคนทำให้เจ้า”
“ยาถอนคำสาป...?”
เขาจำได้ว่าคำสาปแบบนี้การจะปรุงยาเพื่อล้างมันออกนั้นยากเย็นยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรแท้ๆ แต่เหล่าปิศาจพวกนี้พยายามจะเสาะหามา?
คงเพราะต้องการข้อมูลที่เป็นอันตรายต่อพวกเขา...
“คำสาปนั่นปล่อยเรื้อรังนานคงไม่ได้ มันอาจทำให้ร่างกายหมดลมหายใจไปเฉยๆได้”เด็กสาวที่ท่าทางเหมือนเป็นแพทย์หลวงอธิบาย นั่นเล่นเอาใจของเอ็กซิออนหล่นวูบอีกครั้ง
นี่ลูซิเฟอร์องค์ใหม่คิดจะฆ่าปิศาจในสังกัดตัวเองด้วยงั้นรึ...
โหดร้าย...โหดร้ายที่สุด
ความคิดเห็น