คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เด็กชายปริศนา
ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเนินเขา แสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องโหว่ของพุ่มใบไม้ผ่านลงไปสะท้อนเส้นผมสีเงินเป็นแสงระยิบระยับ ดวงตาสีแดงฝาดกำลังจ้องมองท้องฟ้ากว้างใหญ่อย่างไร้จุดหมาย ภายในกระจกตาสะท้อนออกมาแต่เพียงภาพท้องฟ้าสีครามและหมู่เมฆสีขาวเท่านั้น เด็กชายผมสีเงินกำลังนั่งเหม่อลอยกับความคิดตัวเองอย่างสงบ
“นี่นายหนะ ไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆ หรอ” เด็กหญิงมัดผมเปียคนหนึ่งเอ่ยถามเด็กชายที่กำลังนั่งซึมอยู่ใต้ต้นไม้
“นี่ ฉันพูดกับนายอยู่นะ ไม่ได้ยินหรือไง”
เด็กชายยังคงนั่งเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้นกับคำพูดของเด็กสาว
“เฮ้ย! นี่ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะเฟร้ย!” เด็กหญิงตะคอกเสียงดัง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเด็กชาย
แต่เด็กชายยังคงนั่งเงียบเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับบทสนทนาเลยแม้แต่นิดเดียว
เด็กสาวยังคงยืนจ้องเด็กชายตาไม่กระพริบอยู่ที่ใต้ต้นไม้นั่น ไม่ไปไหน เพราะคงรอคอยให้เด็กชายตอบคำถามของเธอ
“เธอหนะ พึ่งจะมาใหม่สินะ” เด็กชายพูดโต้ตอบบทสนทนาแล้ว
“เย้! ดีใจจัง ในที่สุดนายก็ยอมพูดกับฉัน” เด็กหญิงร้องเสียงดัง พร้อมกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ ถ้าจะมานี่เพื่อแสดงท่าทางไร้สาระนั่นก็กลับไปซะดีกว่า”
“นี่นาย!! ว่าฉันหรือไง” เด็กหญิงหยุดการกระทำของเธอ แล้วหันกลับไปมองเด็กชายด้วยสายตาโกรธเคือง
“เฮ้อ... ฉันไม่น่าพูดกับเธอเลยจริงๆ ก็บอกแล้วไงว่าให้ตอบคำถามของฉัน ไม่ใช่ให้เธอมาถามฉัน”
“ใช่! ฉันพึ่งมาใหม่ พึ่งจะย้ายมาที่นี่เมื่อวานนี้เอง แล้วนายจะทำไม” เด็กหญิงตอบคำถามของเด็กชาย ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความโกรธที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจที่ถูกเด็กชายว่า
“คงอย่างนั้นสินะ เธอคงยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันเลยละสิ”
“จะเรื่องอะไรก็ช่าง แต่เมื่อกี้นายด่าฉัน ฉันให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอซะหน่อย ถ้าเธอจะตีโพยตีพายไปเองมันก็แล้วแต่เธอ ฉันไม่มีเวลาว่างพอที่จะมาเถียงเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นกับเธอหรอกนะ”
“นี่นายว่าฉันอีกแล้วหรือไง!”
“เฮ้อ เธอนี่มัน....”
“ฉันมันทำไม? ฉันทำไม!”
แล้วบทสนทนาของทั้งคู่ก็ต้องถูกตัดไป เมื่อมีกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา
“เฮ้ยพวกเรา นั่นยัยคนที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่นี่หว่า” เด็กผู้ชายหัวโจกของกลุ่มพูดขึ้นมา
“ยัยนั่นไปอยู่กับไอ้ปีศาจนั่นได้ยังไง หรือมันจะเป็นพวกเดียวกัน” เด็กอีกคนในกลุ่มพูด
“นี่พวกนายกำลังพูดเรื่องอะไรกัน ใครเป็นปีศาจ พวกนายบ้าไปแล้วหรือไง” เด็กหญิงพูดตอบโต้กลับไปบ้าง หลังจากที่ยืนฟังอยู่ได้ซักพักหนึ่ง
“นี่เธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไอ้ปีศาจนี่หรือยังไงกันนะ มันหนะคือปีศาจรู้ไหม”
“นี่พวกนายจะบ้าหรือไง เค้าก็ไม่เห็นจะเหมือนปีศาจตรงไหน พวกนายจะมาบอกว่าเด็กคนนี้เป็นปีศาจได้ยังไงกัน”
“เธอคงเป็นพวกเดียวกับมันสินะ งั้นพวกเราจัดการมันเลย” หัวโจกของกลุ่มออกคำสั่ง
“อะไรกัน พวกเดียวอะไรกัน พวกนายมันบ้าไปแล้ว นี่นายหนะ ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรือไง” เด็กหญิงหันหน้ากลับไปถามเด็กชายแต่เมื่อหันกลับไป เด็กชายก็หายไปเสียแล้ว
“เธอหนะ ช่วยวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ที ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันไปด้วย”
“หนะ น่ะ นายมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เด็กหญิงตกใจที่เด็กชายมายืนอยู่ข้างๆ ตัวเธอทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วย
“อย่าพึ่งพูดมาก ฉันบอกให้ไปหลบ ก็รีบไปสิ”
“นายจะทำอะไร...”
“ก็บอกให้ไปไงเล่า!” เด็กชายตะคอกใส่เด็กสาวเสียงดัง
ตอนนี้เด็กหญิงวิ่งไปหลบอยู่ที่หลังต้นไม้ต้นใหญ่นั่นแล้ว เธอนั่งลงพิงลำต้นของมัน แล้วเอามือมาปิดหูของตนเอาไว้
“เด็กผู้หญิงนั่นไม่เกี่ยว ปล่อยเธอไปซะ” เด็กชายเริ่มบทสนทนากับพวกแกงค์เด็กที่เข้ามา
“พวกเราไม่สนหรอกเว้ย! ในเมื่อยัยนั่นอยู่กับนาย ก็คือพวกเดียวกับนาย เฮ้ยพวกเรา ตามไปจัดการยัยนั่นเลย” หัวโจกของกลุ่มบอกกับลูกน้องให้วิ่งไปที่หลังต้นไม้นั่น
“ได้ยินแล้วก็ไปสิวะ ไอ้พวกนี้นี่” หัวโจกพยายามย้ำคำสั่ง
หลังจากได้ยินคำสั่ง กลุ่มเด็กที่เป็นลูกน้องต่างพากันวิ่งไปที่หลังต้นไม้นั่น ในมือต่างกำทั้งก้อนหินและอะไรก็ตามทีที่สามารถหยิบมาใช้เป็นอาวุธได้ แต่ยังไม่ทันจะวิ่งเลยต้นไม้นั้นไป เด็กชายก็มายืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มเด็กพวกนั้น
“ก็บอกแล้วไง ว่าเด็กนั่นไม่เกี่ยว จะทำก็ทำฉันคนเดียวพอ อย่าดึงคนอื่นเข้ามายุ่ง”
“ทำไมพวกเราต้องฟังไอ้ปีศาจอย่างนายด้วย ไป พวกเราลุย!” กลุ่มเด็กพวกนั้นยังคงไม่หยุด และเริ่มวิ่งต่อไป แต่เพียงพริบตาเดียวจู่ๆ เด็กชายก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเด็กพวกนั้นอีกครั้ง
“ก็บอกแล้วไง ว่าเด็กนั่นไม่เกี่ยว จะทำก็ทำฉัน หรือพวกนายไม่กล้า” เด็กชายพูดท้าทายเด็กพวกนั้น
“ได้... ในเมื่อนายอยากโดนนักหละก็ พวกเราจะสงเคราะห์ให้เป็นบุญก็แล้วกัน จัดการมันก่อนเลย ยัยผู้หญิงนั่นค่อยเก็บไว้จัดการทีหลังก็ยังทัน” ตอนนี้เด็กพวกนั้นเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เด็กชายแล้ว กลุ่มเด็กกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งเข้าไปหาเด็กชาย
เด็กชายยังคงยืนนิ่งก้มหน้าก้มตาเหมือนจะยอมรับชะตากรรมของตนเอง เด็กพวกนั้นวิ่งเข้ามาถึงตัวเด็กชาย ใช้ก้อนหินในมือเขวี้ยงปาใส่ร่างของเด็กชายที่ยืนอยู่เฉยๆ ใช้ไม้ในมือฟาดอย่างสุดแรงลงที่ร่างของเด็กชาย
เด็กพวกนั้นยังคงทุบตีเด็กชายอย่างไม่ยั้ง ตอนนี้ร่างกายของเด็กชายบอบช้ำไปทั้งตัว เขาล้มลงไปนอนอยู่กับพื้นอย่างน่าอนาถ และไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาตอบโต้คนที่ทำร้ายเขาแม้แต่น้อย
แต่แล้ว... จู่ๆ มีเด็กคนหนึ่งในกลุ่มกระเด็นออกมาจากวงทำร้าย เด็กทุกคนต่างหยุดทุกอย่างแล้วหันกลับไปมองเด็กที่กระเด็นออกไป มีเด็กบางคนที่วิ่งออกไปดูอาการของเพื่อนตัวเองที่กระเด็นแล้วสลบไป
เด็กพวกนั้นหันกลับมาที่เด็กชายอีกครั้ง ตอนนี้เด็กชายได้ยืนขึ้นมาแล้ว เด็กชายเงยหน้าขึ้น แววตาของเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนแรกโดยสิ้นเชิง แววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสีดำ ตาดำของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีแดงสด สีหน้าที่โหดอำมหิตถูกฝังไว้ด้วยความเคียดแค้นมหาศาล เด็กชายแยกเขี้ยวแล้วพูด
“นี่พวกแก อยากตายกันนักใช่ไม๊!” เสียงยียวนกวนประสาทแสบแก้วหูและท่าทางที่แปลกประหลาดทำให้เด็กพวกนั้นหน้าซีดไปตามๆ กัน ราวกับว่าเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่เด็กพวกนั้นทำร้ายเมื่อซักครู่
“ฉันกำลังหลับสบายๆ อยู่แท้ๆ ร่างกายที่อ่อนแอนี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไหร่เมื่อตื่นขึ้นมา แต่ไหนๆ ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ฉันก็คงต้องฆ่า! เท่านั้นหละนะ” สิ้นเสียงนั่นเด็กพวกนั้นก็ทรุดลงไปนั่งขุกเข่ากันทุกคน มีอะไรบางอย่างกดดันให้เด็กพวกนั้นต้องนั่งลงไปกับพื้น และลุกขึ้นมาอีกไม่ได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น... ไอ้ปีศาจนั่นมันทำอะไร” เด็กชายหัวโจกร้องเสียงหลงด้วยความกลัว
“เอาหละนะ ถึงเวลาตายของพวกแกแล้ว!” เด็กชายทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าใส่เด็กทุกคน แต่แล้วจู่ๆ ท่าทางนั่นก็เปลี่ยนไป
“นี่แก ปลุกฉันขึ้นมาแล้ว ฉันไม่ยอมกลับไปอยู่ในตัวแกอีกหรอกน่า” เด็กชายเอามือจับหัวตัวเองแล้วพูดเสียงดังอยู่คนเดียวแต่ก็เหมือนพูดกับใครซักคนอยู่
“ออกไปจากตัวฉัน ไอ้ปีศาจ อ๊ากกก” เด็กชายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ออกไป...”
เด็กชายร้องโอดครวญอยู่คนเดียวอยู่นานสองนาน เด็กพวกนั้นเห็นท่าไม่ดี ต่างคนต่างวิ่งหนีกันอุตลุดไม่สนใจว่าใครจะเป็นใครเวลานี้คงมีแต่คำว่า ตัวใครตัวมัน
“แฮก ... แฮก” เด็กชายนั่งคุกเข่ากับพื้น เสียงหายใจดังและแรงเหมือนคนที่พึ่งจะหนีหรือสู้กับอะไรบางอย่างมา จนร่างกายบอบช้ำจนทนแทบจะทนไม่ไหว
ความคิดเห็น