ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศัพท์การ์ตูน

    ลำดับตอนที่ #2 : Yaoi.............(มาแรงสุดแล้วนี่ เอาไว้อันแรก 555+)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 52


    คำว่า  yaoi  มาจาก

    ya     :   yama-nashi      แปลว่า    no climax             ไม่มีไคลแมกซ์
    o       :   ochi-nashi        แปลว่า  no point               ไม่มีประเด็น
    i         :  imi-nashi          แปลว่า  no meaning           ไม่มีความหมาย



     yaoi   หมายความถึงงานการ์ตูนล้อเลียนที่มีผู้ชายสองคนเป็นตัวเอกและเน้นความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเนื้อหาหลัก


    ง่ายๆว่า  yaoi คือ  อะไรก็ตาม (เดี๋ยวนี้มีทั้งฟิค เกม นิยาย โด การ์ตูน  สารพัด....) 
    ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความรักของเพศชาย   และต้องมีฉากอย่างว่า

    ถ้าไม่มี  ก็ไม่ใช่  yaoi   แต่จะเป็น  shonen  ai 
    แต่เดี๋ยวนี้คนเราก็เอามาเหมารวมอ่ะนะ  ซึ่งมันก็คงสะดวกกว่าในการสืบค้น  
    กลายเป็นว่าทั้งหมด  คือ  y  

    กระจ่างมั๊ย??

    สีประจำสาย yaoi  คือ  สีม่วง
    ดอกไม้ประจำสาย?? คือ ดอกกุหลาบ


    แล้ว  yaoi จะมี 2 ฝ่าย คือ 

    Seme   เซเมะ/เสะเมะ   อาจเรียกแค่ เสะ  หรือ เมะ ตามความพอใจ
                   คือ  จู่โจม (ฝ่ายรุก) (ต้องอธิบายรึเปล่า -*- ว่ารุกคืออะไร)
    Uke       อุเกะ/อุเคะ  โดยทั่วไปจะเรียกว่าเคะ  (ไม่มีใครอุตริเรียก อุ หรอกมั้ง)
                   คือ รับ (ฝ่ายรับ)

    ทั้งสองคำเป็นที่พบในการ์ตูนประเภท Shounen-ai หรือ Yaoi ( การ์ตูน ชายรักชาย ) 
    จะแสดงถึง สถานภาพ ของตัวละครในพล็อตเรื่องนั้นๆ 

    อย่างเช่นโดจินชิของเรื่อง Naruto เมื่อเขียนเนื้อหาว่า SasukeXNaruto 
    จะหมายถึงว่า Sasuke คือฝ่ายรุก ส่วน Naruto คือฝ่ายรับ 
    ถ้าเป็น Naruto X Sasuke จะมีความหมายว่า Naruto เป็นฝ่ายรุก ส่วนSasuke เป็นฝ่ายรับ 

    เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้โดยง่ายว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ และฝ่ายใดเป็นผู้ถูกกระทำ
    และคาแรกเตอร์ของตัวละครจะถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับบทเสะและเคะ


    และเมื่อกาลเวลาผ่านไป  ก็มีเพศเพิ่มมาอีก 2 เพศ 
    อุเมะ.....     
    กับ  เสะเคะ..........อ๊ากกกก....... พอๆๆๆ ไม่ดีๆๆ พวกนี้จะทำให้คุณเสียสุขภาพจิตอย่างสูง~






    คำอธิบาย  กระจ่างถึงที่มาที่ไปอย่างแรงงงง~ 

    ของคุณ
    ryusei

    อยากให้ทุกคนเข้าใจจริงๆน่ะค่ะ ว่า Yaoi และ Shonen Ai คืออะไร


            จากข้อสรุปหลายๆอย่างที่พยายามจะตีความ Shonen Ai และ Yaoi หรือปรากฏการณ์ที่ผู้คน(ส่วนใหญ่ผู้หญิงอ่ะนะ)ลุกฮือขึ้นมานิยมชมชอบความรักระหว่าง ชาย กับ ชาย

        ~*มีการสำรวจหนึ่งซึ่งได้ผลที่น่าสนใจว่า ปรากฏการณ์ Yaoi และ Shonen ai ถือกำเนิดมาจากบรรดาผู้หญิงซึ่งมีชีวิตอยู่ในสังคมซึ่งชาย เป็นใหญ่(สังคมตะวันออกแหละ) ผู้หญิงจำพวกนี้คือเหมือนกับคิดว่า หลังจากแต่งงานแล้ว ความโรแมนติกก็จะจบ เหลือแต่การกลายเป็นแม่บ้านซึ่งต้องมาง่วนวุ่นวายกับงานบ้านทั้งวันทั้งคืน  จึงมีคนคิดว่า บางทีไอ้การจินตนาการแบบนี้อาจจะเป็นตัวแทนอาการอยากฉีกม่านประเพณีของสาวญี่ปุ่นก็เป็นได้ หึๆ

        ~*อีกผลสำรวจนึงบอกว่า Shonen ai คือสุดยอดดดดของความโรแมนติกซึ่งไร้แล้วซึ่งแรงริษยาจากนักอ่าน  เป็นความรักซึ่งอยู่เหนืออุปสรรคทั้งปวง(โดยเฉพาะเรื่องเพศเรื่องใหญ่นะน่ะ)
    ซึ่งแท้จริงแล้วเนี่ยนะ  อุเคะ หรือฝ่ายรับ ก็คือ "สัญลักษณ์" ของเพศหญิงนั่นเอง เพราะรูปร่างมักอ้อนแอ้นอรชร อ่อนหวานไม่ต่างจากผู้หญิงเลย(น่ารักกว่าด้วยซ้ำ โฮะๆๆๆ) แต่เนื่องจากเพศหญิงเป็นอะไรที่มีความริษยาสูง  นางเอกบางคนทำตัวไม่สมเป็นกุลสตรีหรือไม่ก็ทำตัวเป็นกุลสตรีเกินไป น่าหมั่นไส้
        ด้วยเหตุนี้  จึงได้กำเนิดรักที่ไร้แรงริษยา คือรักที่ไร้นางเอกนั่นเอง ฮ่าๆๆๆ

        ~*ทฤษฎีว่าด้วยบุคคลที่สามสรุปออกมาได้ว่า  การที่เราจะพูดถึงเรื่องที่ไม่ดีในตัวเองนั้น พูดเรื่องของคนอื่นง่ายกว่า  ดังนั้นเรื่องความรักแบบผิดศีลธรรมหรือความรักที่รุนแรง  การจะใช้ตัวเอกเป็นผู้หญิง  นักอ่านหญิงทั้งหลายอาจเกิดอาการรับไม่ได้  เพราะมันผิดศีลธรรมผิดกับที่ถูกสั่งถูกสอนมา  การใช้ตัวละครชายนั้น  อาจทำให้ยอมรับได้ง่ายยิ่งขึ้น  และทำให้นักอ่านหญิงรู้สึกขัดเขินน้อยกว่า


           "ชายในสังคมเรามีแต่พวกชอบกดขี่..."
    นี่คือหนึ่งในคำให้การของ otaku yaoi

         ดังนั้นYaoi และ Shonen Ai จึงเป็นโอกาสในการร้างตัวละครชายในอุดมคติขึ้นมา และผู้หญิงบางคนก็รู้สึกว่า ไม่ชอบเพศหญิงเลย เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอและถูกกดขี่หรือไม่ยอมรับจากสังคมอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดความคิดที่ว่า
               "อยากเกิดเป็นผู้ชายจังเลย... แต่ก็ยังอยากรับความรักจากผู้ชายอยู่ดี"
         และแล้ว อุเคะ จึงถือกำเนิดขึ้น ความต้องการที่ซับซ้อนนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ให้กำเนิด Yaoi และ Shonen ai ขึ้นมา

           ข้อพิสูจน์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า : Yaoi เป็นเพียง "สัญลักษณ์" ไม่ใช่ "ความเป็นจริง"
    พิสูจน์ได้จากการลองให้โอตาคุยาโอยไปดูภาพเปลือยแท้ๆของผู้ชายกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน  ผลก็คือ
       >>อ้วกแตกกันหมด  เพราะไม่เหมือนในจินตนาการที่คิดเอาไว้       
        หรือว่าถ้าให้คุณเกย์ตัวจริงมาอ่านการ์ตูนวาย คุณเกย์ก็จะบอกได้ว่า นี่มันไม่ใช่เกย์ของจริงนี่นา

                      ดังนั้นถ้าคุณอ่านอะไรที่มันวายๆแล้วคิดว่าคุณจะกลายเป็นเกย์ได้นั้นผิดหมันต์


      Comic June มีการกล่าวไว้ว่า "June คือสถานที่สำหรับเยียวยาผู้หญิงซึ่งถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ"  นอกจากนี้ยังมีการตีความว่า

                  "วัฒนธรรมShonen Ai นี้ช่วยรักษาบาดแผลของผู้หญิงที่ระทมทุกข์เพราะไม่มีวันที่จะเท่าเทียมกับผู้ชายในสังคมนี้ได้เลย"


                                                                        ขอบคุณ ffman นะคะ สำหรับข้อมูลทั้งหมด
                                                                                                    เราเอามาเรียบเรียงใหม่เองแหละ หึๆ

    ...............Credit   http://suannonweb.com/board/viewtopic.php?id=1767






    แบบละเอียดลึกซึ้งถึงแก่น~
    อ่านนี่....ข้างล่างๆ

    credit  :  http://dek-d.com/board/view.php?id=540788
    ซึ่งเครดิตมาจาก  โจนฟาร์ม  ของ  ffman  อีกที
    http://ffman.exteen.com/ (สารพัดโด y เหอๆๆๆ~)

    Yaoi คืออะไร?

                    ในมุมมองของนักวิชาการแล้ว โดจินชิ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลทางการตลาด  แต่โดจินชิคือ สัญลักษณ์ ที่ต้องการการตีความอย่างลึกซึ้ง  ท่ามกลางสัญลักษณ์มากมายนี้ shonen-ai (หรือ boy’s love) และ “yaoi” เป็นหนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจ  อะไรซ่อนอยู่ภายใต้การ์ตูนที่แสดงออกถึงความรักของชายสองคนกันแน่?

                    ปรากฏการณ์ shonenai และ yaoi นั้นเกิดขึ้นอย่างน่าพิศวง  ครั้งแรกคุณโยเนซาวะได้ลองสังเกตงาน comiket แล้วพบว่านักวาดโดจินชิ 80% เป็นผู้หญิง  ในช่วงยุค 70 นั้นโดจินชิมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ  ได้แก่ โดจินชิที่คิดเนื้อเรื่องและตัวการ์ตูนเอง  กับที่นำตัวการ์ตูนจากเรื่องต้นฉบับมาเขียนล้อเลียนซึ่งหนึ่งในการล้อเลียนก็คือ yaoi  คำว่า “yaoi” กำเนิดครั้งแรงช่วงปลายยุค 70 โดยซาคาตะ ยาซุโกะและฮัตสุ รินโกะ ที่ต้องการล้อเลียนโครงสร้างของงานเขียนโคลงจีนยุคเก่าซึ่งต้องประกอบด้วย ki (introduction บทนำ), syo (development ดำเนินเรื่อง), ten (transition จุดผกผัน), และ ketsu (conclusion บทสรุป)  พวกเธอยำซะเละโดยสร้างงานที่ Yamanasi (no climax ไม่มีไคลแมกซ์), Ochinashi (no point ไม่มีประเด็น), และ Iminashi (no meaning ไม่มีความหมาย)  กลายมาเป็นงานโดจินชิที่ชื่อ Loveri

                    ต่อมาในยุค 80 คำว่า yaoi ได้หมายความถึงงานการ์ตูนล้อเลียนที่มีผู้ชายสองคนเป็นตัวเอกและเน้นความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเนื้อหาหลัก  ส่วน shonenai หมายถึงการ์ตูนที่มีผู้ชายสองคนเช่นกัน  แต่เน้นความรักโรแมนติกและน่ารักอ่อนโยนกว่า  ทั้ง yaoi และ shonenai ไม่ใช่การ์ตูนที่กล่าวถึงความรักของ เกย์ เลย  แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของความรักที่ เหนือ (superior) กว่าความรักระหว่างคนต่างเพศทั่วไป

                    แต่ถึงกระนั้นก็ตาม  ต้นกำเนิดของความสัมพันธ์แบบชายกับชายในการ์ตูนไม่ได้เกิดในดงโดจินชิเป็นที่แรก  แต่กลับเกิดในงานการ์ตูนที่มีพิมพ์ขายแบบเป็นล่ำเป็นสัน  เรื่องนั้นคือ Kaza to Ki no Uta หรือ A Poem of Wind and Trees งานเขียนของทาเคมิยะ เคย์โกะ ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิงในปี 1976 (งานของแกมีพิมพ์ในไทยหลายเรื่อง  ที่ขายอยู่ตอนนี้คือ Crystal Lord Opera ของบุรพัฒน์ฯ)  เรื่องนี้เป็นเรื่องของกิลเบิร์ต คอคโต เด็กหนุ่มรูปงามในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งที่มีอันต้องร่วมหอลงเตียงกับเพื่อนหนุ่มรูมเมท 

    อ.ทาเคมิยะเล่าให้ฟังว่ากว่าเรื่องนี้จะได้ลงตีพิมพ์ต้องฟาดฟันกับบรรณาธิการอยู่นานมาก  แต่หลังจากลงไปแล้ว  สิ่งที่เกิดตามมานั้นน่าทึ่งกว่าเพราะมันกลายเป็น ความดังเพียงชั่วข้ามคืน  เรื่องนี้ได้ลงต่อเนื่องยาวนานในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิงและส่งให้ shonenai กลายเป็นวัฒนธรรมการ์ตูนแบบใหม่

                    ต่อมาในปี 1978 นิตยสาร Comic June ได้วางแผงช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มของซาคาตะคิดค้นคำว่า yaoi  ถือเป็นนิตยสารเล่มแรกที่มีแต่เรื่องชายกับชาย  ที่แปลกว่านั้นคือทำเพื่อขายวัยรุ่นหญิง!  ภาพยนตร์ก็ถูกนำมาทำเป็น yaoi เช่นกันซึ่งงานแรกๆที่ถูกจับมายำคือ Star Trek คู่เคิร์กกับสปอค

    อ.ทาเคมิยะเล่าให้ฟังว่ากว่าเรื่องนี้จะได้ลงตีพิมพ์ต้องฟาดฟันกับบรรณาธิการอยู่นานมาก  แต่หลังจากลงไปแล้ว  สิ่งที่เกิดตามมานั้นน่าทึ่งกว่าเพราะมันกลายเป็น ความดังเพียงชั่วข้ามคืน  เรื่องนี้ได้ลงต่อเนื่องยาวนานในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิงและส่งให้ shonenai กลายเป็นวัฒนธรรมการ์ตูนแบบใหม่

                    ต่อมาในปี 1978 นิตยสาร Comic June ได้วางแผงช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มของซาคาตะคิดค้นคำว่า yaoi  ถือเป็นนิตยสารเล่มแรกที่มีแต่เรื่องชายกับชาย  ที่แปลกว่านั้นคือทำเพื่อขายวัยรุ่นหญิง!  ภาพยนตร์ก็ถูกนำมาทำเป็น yaoi เช่นกันซึ่งงานแรกๆที่ถูกจับมายำคือ Star Trek คู่เคิร์กกับสปอค (โอ้ววว)


         แล้วคุณล่ะคิดว่ายังไง.......................




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×