ตอนที่ 81 : อาการ
บทที่ 81 อาการ
กรชัยหลังจากที่ซัดเข็มแล้วหน้าตาก็ดูซีดเซียวเล็กน้อย อาจารย์หลี่ฮวงเคยบอกไว้ว่าการฝังเข็มนั้น จำเป็นต้องสิ้นเปลืองสมาธิเป็นอย่างมาก หากยิ่งต้องใช้การฝังเข็มเพื่อการรักษาโรคหรือขับไล่สิ่งโสมม
เพื่อประสิทธิผลที่ดีนั้นจำเป็นต้องใช้ลมปราณควบคู่ไปด้วย และขั้นตํ่าในการลงมือรักษาผู้คนนั้น อย่างน้อยควรอยู่ในชนชั้นปราชญ์ ไม่ใช่ชนชั้นจอมยุทธ์กำมะลออย่างเขา
อีกทั้งเขายังต้องใช้ลมปราณเพื่อคงสภาพค่ายกลเสริมหยิน กรชัยใช้เข็มทั้งหมด 11 เข็ม เคลื่อนย้ายกำลังภายในของตนเองแฝงไปด้วย
หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีมดนับไม่ถ้วนไต่ขึ้นตามตัว สูดหายใจเพียงครั้งเดียวกลับได้ความเย็นสบายเข้าตัว เธอรู้สึกได้ว่ามีเข็มทิ่มตามตัว แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย กลับรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆเริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ เลือดไหลเวียนเร็วขึ้น
กรชัยทรุดตัวลงพื้น มีเหงื่อผุดขึ้นตามศีรษะ สีหน้าดูเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มทรุดตัวลง ทำสมาธิเล็กน้อยก่อนที่จะทำนิ้วเป็นดัชนี จี้ไปตามจุดชีพจรอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีนิ้วแข็งแกร่งกำลังจี้จุดแปลกๆที่เธอไม่รู้จัก ทุกครั้งที่มีนิ้วจิ้มไปยังจุดของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกสบายกายอย่างบอกไม่ทุก การจี้จุดชีพจรนั้นดำเนินเพียง 108 ครั้ง กรชัยก็หยุดมือ หญิงสาวรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้รับความรู้สึกทางกายเช่นนั้นต่อ
แต่ความรู้สึกจากการถูกจี้จุดเสร็จรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนปุยเมฆ สติทั้งหมดรู้สึกแจ่มแจ้งกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างกายรู้สึกความอบอุ่นหนึ่งประกาย พร้อมกับความเย็นสบายกายที่แฝงอยู่ในนั้น
กรชัยสะบัดมือเพียงครั้งเดียวเข็มเงินทั้งหมดก็กลับมาอยู่ในซองของมัน กรชัยนั่งขัดสมาธิเช่นเคย ค่ายกลมีตัวอักษรส่องแสงสีขาวนวลสว่างขึ้นอย่างเห็นได้เช่น หมุนเวียนรอบกายพี่สาวเจ้าของห้องอย่างเร็วรี่
หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไป ค่ายกลที่หมุนอยู่ก็ค่อยๆช้าลง ผ้าขาวที่ถูกตั้งไว้อยู่กลับกลายเป็นสีดำสนิทอย่างน่าประหลาดใจ กรชัยรู้สึกว่าตนเองในตอนนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก รีดเค้นลมปราณเพื่อนำมาควบคุมค่ายกลตลอด 1 ชั่วโมงทำให้เขาเหนื่อยล้าถึงขีดสุด
ค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายกลธรรมดาที่ใช้เป็นประจำ แต่เป็นถึงค่ายกลระดับกลาง จะร่ายใช้ออกมาต้องพาพลังญาณและพลังปราณมหาศาล หากว่ากรชัยไม่สามารถควบคุมสติได้เพียง 15 นาทีแรกค่ายกลก็น่าจะล่มแล้ว
"เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ...พี่หายแล้ว" กรชัยพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงแผ่วเบา หน้าตาซีดเซียวราวกับศพ เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากและแผ่นหลัง เรียกได้ว่าเหงื่อโชกกายก็ว่าได้
หญิงสาวที่ได้ยินคำพูดของกรชัย หลังจากที่เพลิดเพลินกับการรักษาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย แอบชะเง้อไปมองกรชัยที่นั่งทรุดตัวทำสมาธิอยู่ด้วยสีหน้าซีดเซียวก็รู้สึกสะทกสะท้อนใจไม่เบา เธอค่อยๆแต่งกายทั้งหมดให้เรียบร้อย เมื่อแต่งตัวเสร็จเธอก็มาพินิจหน้าของกรชัยอีกครั้ง
ที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยสังเกตหน้าตาของกรชัยชัด พบว่ากรชัยนั้นหล่อเหลาเป็นอย่างมาก แม้แต่ดาราที่อยู่บนทีวียังไม่รู้จะเทียบเท่าหรือไม่ กิริยาวาจาของกรชัยก็นับว่าสุภาพอ่อนน้อมเป็นอย่างมากราวกับถูกอบรมจากทางบ้านเป็นอย่างดี
"น้องเป็นอะไร?" เธอขยับปากอันอวบอิ่มของเธอ
"อ่า...แค่อาการเหนื่อยล้าจากการรักษาหน่ะครับ" กรชัยตอบกลับมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ นํ้าเสียงของเขาดูแหบแห้งราวกับไม่ได้ดื่มนํ้ามาหลายวัน
"แล้วน้องจะเป็นอะไรมากไหม?" เธอถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ครั้งแรกเธอก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย แต่หลังจากเห็นสภาพคนที่ลงมือรักษาเธอมาอยู่ในสภาพแบบนี้ก็รู้สึกสะทกสะท้อนใจไม่น้อย
"สบายมากครับ ผมพักอีกสักหน่อยก็เดินได้แล้ว....อาการของพี่หนักกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ถ้าผมไม่รีบลงมือทำอะไรสักอย่างพี่คงได้นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแน่" กรชัยหัวเราะออกมาด้วยนํ้าเสียงแหบแห้ง
"หนักขนาดนั้นเลยหรอ?"
"ผมจะโกหกพี่ทำไมละ? พี่ก็เห็นสภาพผมในตอนนี้นะครับ" กรชัยหัวเราะอีกครั้ง แต่เสียงหัวเราะในครั้งนี้เบากว่าครั้งก่อนอย่างาก
"งั้นหรอ...พี่ขอบคุณน้องมากๆนะ...น้องอยากให้พี่ตอบแทนน้องยังไงหรอ...เอ่อ ถ้ามันไม่เกินไปนะ" เมื่อพูดถึงตรงนี้หน้าของเธอก็เริ่มมีสีแดงระเรือเล็กน้อย หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิม
"เรื่องตอบแทนผมไม่ค่อยได้คิดอะไรหรอกครับ...จรรณยาบรรณที่อาจารย์ผมสอนเอาไว้คือมีวิชาเอาไว้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อย่าหวังสิ่งตอบแทน ช่วยชีวิตผู้คนสร้างกุศลได้มากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น แค่กๆๆ..." กรชัยไอออกมา เลือดสดๆถูกพ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ สร้างความแตกตื่นให้กับหญิงสาวอย่างขีดสุด มือไม้ปั่นป่วน สีหน้าดูสับสนงงงวยเป็นอย่างมาก
"หว่า! น้องๆ ให้พี่พาไปโรงบาลเถอะนะ ไอออกมาเป็นเลือดแล้ว..." หญิงสาวพูดไม่ทันจบกรชัยก็เอ่ยขัดขึ้นมา
"ไม่ต้องห่วงครับ เลือดพวกนี้เป็นเลือดเสียหน่ะ ถ้าไม่ขับออกจะเป็นผลเสียมากกว่า...อีกอย่างที่โรงพยาบาลคงไม่มีคนที่มีความสามารถมากพอที่จะรักษาอาการของพี่...ของผมก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องพวกนั้นหรอกครับ อีกอย่าง ร่างกายของผม เกิดอะไรขึ้นผมรู้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วงหรอกครับ แค่พักเฉยๆผมก็หายแล้ว" ครั้งนี้กรชัยลืมตาขึ้นมา ตาสีดำประกายสีฟ้าเรืองรอง สบตากับหญิงสาวรูปงามที่กำลังทำหน้าตาเหรอหราอยู่
พี่สาวเจ้าของสะอึกเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาอันแสนอบอุ่นของกรชัย แววตานั้นดูราวกับว่าไม่ใช่วัยรุ่น แต่เป็นแววตาของผู้ใหญ่เจนโลกคนนึง เธอเผลอกำชายเสื้อไม่รู้ตัว
"ละ...แล้วจะให้พี่ทำยังไงละ? น้องอุสาห์รักษาพี่แล้ว สภาพน้องเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ป่วยก็แล้วไป หากน้องเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไงละ?" มาคราวนี้นํ้าเสียงของเธอกลับแข็งขึ้นเล็กน้อย จ้องตากับเด็กหนุ่มรูปร่างหล่อเหลาอย่างมีความหมาย
"ก็บอกแล้วไม่ต้องทำอะไรครับ ผมแค่ต้องการพักเท่านั้น...ผมพูดจะสามรอบแล้วนา" กรชัยส่ายหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างขบขัน
"...ก็ได้...แต่จะให้น้องรักษาฟรีๆแบบนี้พี่คงรับไม่ไหวหรอก...ให้พี่ตอบแทนอะไรน้องเถอะ" หญิงสาวพูดด้วยนํ้าเสียงอ่อนขึ้นเล็กน้อย เอาซะกรชัยตามอารมณ์แทบจะไม่ทัน
"งั้น...เอาแบบนี้แล้วกันครับ ผมไม่ขาดเงินเท่าไหร่...ถ้าจะให้ผมรับควรเป็นสิ่งของ...อืม เอาแบบนี้แล้วกัน พี่แค่ช่วยทำอาหารให้ผมกินทุกมื้อก็แล้วกัน" กรชัยยิ้มแล้วมองไปทางพี่สาวเจ้าของหอสุดสวยด้วยสายตาสุภาพอ่อนน้อม หญิงสาวรู้สึกขัดๆเขินๆเล็กน้อย เผยอปากอันเรียวงามพูดว่า
"...ก็ได้...อีกอยางพี่ชื่อนํ้าผึ้ง...เรียกพี่ว่าพี่นํ้าผึ้งก็ได้นะ" เธอยิ้มให้กับกรชัยครั้งนึง สีหน้าของเธอพลันแดงขึ้นเล็กน้อย
"...โอ้? พี่ชื่อนํ้าผึ้งหรอครับ...เห็นคนชื่อนํ้าผึ้งจะสวยมากนิครับ" กรชัยพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงแหยเย้า วิธีพูดแบบนี้เขาจำเอามาจากที่ทำงานของเขาในชาติก่อน ถึงแม้มุขนี้จะเก่ากึก แต่ก็น่าจะใช้ได้อยู่
"บ้า...พูดอะไรก็ไม่รู้ พี่ไปแล้วนะ" พูดจบเธอก็เชิ่ดหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไป กรชัยยิ้มแห้งก่อนที่จะพูดว่า
"จะรีบไปไหนหรอครับ?" ขณะที่นํ้าผึ้งกำลังจะปิดประตูก็หันมามองหน้ากรชัยแล้วพูดว่า
"ไปทำอาหารเย็นให้เธอหน่ะสิ" พูดจบเธอก็ปิดประตูเดินจากไปท่ามกลางสายตาขบขันของกรชัย
หลังจากที่เธอเดินออกไปกรชัยก็เริ่มยิ้มเครียด อาการบาดเจ็บภายในของเขาจากการฝืนใช้ค่ายกลนั้นถือว่ารุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ระดับพลังของเขายังตํ่าอยู่ ทางที่ดีเขาควรรีบบ่มเพาะพลังแล้วรีบๆทะลวงให้ไวที่สุด เขาถึงจะสามารถรักษาผู้คนได้ตามใจนึก
วันนี้เขาใช้ลมปราณของเขาเพื่อรักษาปู่ของตนก็แทบจะหมดก๊อกแล้ว มาคราวนี้เขายังต้องรีดเค้นลมปราณเพื่อรักษานํ้าผึ้งอีก เส้นลมปราณจึงถูกรีดเค้นจนไม่เหลือลมปราณแม้แต่น้อยอย่างสิ้นเชิง อาจจะส่งผลทำให้เขาไม่สามารถใช้ลมปราณได้อีกหลายวัน แต่นี้ก็เป็นสิ่งที่กรชัยรับได้
กรชัยหยิบโอสถฟื้นฟูที่หลอมเอาไว้โยนเข้าปาก เพ่งสมาธิไปที่การรักษาตัวเองอย่างรวดเร็ว
เหตุอีกอย่างที่เขาลงมือกระทำการก็คือเขาต้องการ 'เมือกหยิน' เมือกหยินนั้นลักษณะโดยรวมแล้วมันจะคล้ายๆกับปรสิต ชอบดูพลังหยินจากมนุษย์ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้อยาก คนส่วนมากที่โดน เมือกหยิน สิ่งสู่แล้วมักจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไม่ก็เจ้าหญิงนิทรา เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหยินพร่องนั้นเอง
ซึ่งแน่นอนว่านํ้าผึ้งนั้นโดนเมือกหยินสิ่งสู่ โชคยังดีที่เมือกหยินตัวนี้มีอายุเพียงแค่ 5 ปี เขาเลยสามารถปราบมันลงได้ ซึ่งตอนนี้เมือกหยินนั้นกำลังอยู่ในผ้าสีขาวของเขาที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสีดำเรียบร้อยแล้ว
กรชัยอยากจะลงมือศึกษาเมือกหยินด้วยตัวเอง เนื่องจากตำราของอาจารย์ของเขามีอธิบายไว้เพียงนิดเดียว หากพูดอีกอย่างก็คือแม้แต่อาจารย์หลี่ฮวงยังไม่เคยเจอเมือกหยินนั้นเอง มีเพียงคัดเลือกบันทึกจากบูรพาจารย์ไว้เป็นแหล่งอ้างอิงเท่านั้นเอง
และเหตุผลหลักที่เขาทำแบบนั้นก็คือ...
เขาอยากกินข้าวฟรี!
ยิ่งเป็นอาหารที่สาวสวยเป็นคนทำแล้วละก็ กรชัยยิ่งอย่างขึ้น รูปร่างหน้าตาของนํ้าผึ้งนั้น เด็ดโดนใจ กระชากสายตาของเขาตั้งแต่แรกเห็น ในใจอดคิดอกุศลไม่ได้ แต่จะทำให้ยังไงละ ใครใช้ให้นํ้าผึ้งสวยหุ่นเชะกระเดะซะขนาดนั้น ถ้าเขาไม่มองเขาก็เสียชื่อกรชัยแล้ว
เพียงแค่จินตนาการว่ามีสาวสวยทำอาหารให้เขาทานทุกวันเขาก็มีความสุขจนไม่รู้จะมีความสุขยังไงแล้ว เพียงแค่คิดเขาก็ยิ้มจนปากฉีกถึงหู หากพ่อแม่ของกรชัยมาเห็นลูกชายตนเป็นเช่นนี้คงไม่แคล้วจับส่งไปโรงบาลบ้าอย่างแน่นอน
คิดเรื่องไร้สาระพักเดียวก็กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นมาในระหว่างที่กรชัยกำลังทำสมาธิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"พี่เข้าห้องนะ" เสียงหวานๆดังมาจากประตูห้องของกรชัย ไม่ทันที่กรชัยได้เอ่ยปากตอบโต้อะไรเธอก็ผลักประตูเข้ามาในห้องของเขาแล้ว กรชัยลืมตามองเธอพบว่าเธออยู่ในชุดเดิมเพิ่มเติมคือใส่ผ้ากันเปื้อนเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร โชคดีที่ห้องของกรชัยอยู่ชั้นหนึ่งเธอเลยไม่ได้ต้องเดินขึ้นบันไดให้ยุ่งยาก
"ว้าว หอมจังเลยนะครับ" กรชัยสูดจมูกฟุดฟิดก็รู้สึกได้ถึงไอนํ้ากรุ่นที่ลอยออกมาจากถ้วยจานที่ใส่อาหารไว้ซะเต็มที่ กรชัยตัดสินใจไม่สนใจข้าวแกงที่เขาซื้อมา ว่าจะทิ้งแบบไม่ใยดี
ให้เขาเลือกข้าวแกงที่ป้าทำกับอาหารที่สาวสวยทำเขาจะเลือกอะไร?
ยังจะกล้าถามอีกหรอ!?
ต้องอาหารที่สาวสวยทำสิ!!
"แน่นอนสิ ระดับพี่แล้ว...ดูสิพี่ทำซุปเห็ด ข้าวไข่เจียวกุ้ง กุ้งชุปแป้งทอด แล้วก็ไข่ลูกเขย" นํ้าผึ้งวางถาดอาหารไว้โต๊ะสำหรับทานอาหารที่อยู่ภายในห้อง ก่อนที่จะนั่งเก้าอี้ลงไป กรชัยมองไปยังเธออย่างงุนงง นํ้าผึงเองเหมือนจะเข้าใจสายตาของกรชัยก็พูดว่า
"มองอะไร? พี่ทำกับข้าวให้ตัวเองกินด้วยนี้นา อีกอย่างพี่ก็หิวแล้วด้วย มาๆ มานั่งโต๊ะดีๆ" นํ้าผึ้งหันไปเค้นเสียงใส่กรชัย เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ
"ผมกินนะ" กรชัยพูดออกมาพร้อมกับร้อยยิ้ม นํ้าผึ้งพยักหน้าก่อนที่จะค่อยๆลงมือทาน
แต่ทันใดนั้น
กริ้งๆๆๆ
เสียงมือถือของกรชัยดังขึ้นมา เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย นํ้าผึ้งเองก็สงสัยเช่นกัน กรชัยลุกขึ้นไปหยิบมือถือขึ้นมาดู รู้สึกขัดใจเล็กน้อย ระหว่างเขากินอาหารฝีมือสาวสวย กับสาวสวย ยังมีมารผจญอีก แต่หลังจากที่มองไปยังจอมือถือกรชัยก็ถึงกับมือสั่นระริก อาการดีอกดีใจที่ได้ทานอาหารกับสาวสวยพลันมลายหายไปหมด แทนที่ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นประการนึง รู้สึกเหมือนอยากจะเป็นลม อยากกระอักเลือดออกมาสักลิตรหนึ่ง หน้าดูซีดเซียว
ซีดเซียวกว่าตอนเขารักษานํ้าผึ้งเสร็จ
.........
......
....
'เอลิซ่า'
***************************************
สวัสดีครับ วันนี้ลงช้านิดหน่อย 5555
อจ.จับผมมานั่งหน้าห้องเพราะจำชื่อผมได้แม่นมาก เรียกชื่อผมทุกคาบ ทุกเวลา ทุกๆสิบนาที 55555
ผมเลยหน้ามึน ควักโน้ตบุ๊คออกมาเขียนนิยาย ทำท่าเป็นตั้งใจจดที่อจ.สอน (นศ.ดีเด่น)
วันนี้มีเรียนถึง 2 ทุ่ม(ตายแปป)
แล้วก็สอบถึงเที่ยงคืน (ตายของแท้)
ผมต้องเติมพลังด้วยหมูกระทะนะครับ ไม่งั้นพน.เขียนไม่ไหว อิอิ
เอลิซ่าถ้าจะเป็นเมียหลวงแล้วละ แค่โทรมายังทำกรชัยกลัว
*คนเจ้าชู้จะเข้าใจสิ่งที่ไรค์ต้องการสื่อ
*ถ้าผิดพลาดก็ขออภัย (ไรค์ชวนเก็บเศษหน้าด้วยนะ)
นิยายเรื่องนี้สนุกมากแต่งตามที่ตัวเองคิดและชอบเลยครับ
รบกวนคนเขียน ช่วยอธิบายให้ที.....งง จะมีอาการเพื่อ?
จะสนุกเพิ่มขึ้นไหมเน้อ...555+