ตอนที่ 52 : ลิ้น
บทที่ 52 ลิ้น
"แล้วเราจะทำยังไงดี" เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ด้วยนํ้าเสียงสงสัยขึ้นมาแฝงด้วยความเป็นกังวลอยู่สายนึง
"เราไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น...สิ่งที่เกิดจะเป็นบทพิสูจน์ว่าลูกที่เราเลี้ยงดูฟูมฟักมานี้...เติบโตได้แค่ไหน สิ่งที่เราต้องทำให้ตอนนี้ก็แค่สนับสนุนกรให้เดินไปในทางที่ถูกเท่านั้น....ไม่ต้องเป็นกรหรอก อาการป่วยของกรนั้นดูท่าจะดีขึ้นมาก....ร่างกายของกรชัยดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆด้วย คิดไม่ผิดที่พ่อตัดสินพากรกลับมาที่บ้านเกิดพ่อ" คนๆนั้นคือพ่อของกรชัยนั้นเอง เขาพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงเรียบนิ่ง ฝ่ายหญิงก็คือแม่ของกรชัย หลังจากที่ลูกชายของตนได้ปั่นจักรยานไปโรงเรียนแล้ว จึงได้หยิบเรื่องนี้มาพูดขึ้น
เนื่องจากพวกตนนั้นสังเกตเห็นการกระทำของกรชัยในช่วงระยะเวลานี้ออกจากดูผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็อยู่ในฐานที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่แข็งแรงขึ้น สมองที่ชาญฉลาดขึ้น โดยมีใบเกรดของกรชัยที่เอามาให้พวกตนดูยืนยันเอาไว้ ทั้งการสอบถามกับครูอาจารย์อยู่ในโรงเรียน กรชัยในตอนนี้เปรียบเสมือนอัจฉริยะที่จับตัวได้ยากคนนึง
"อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงของลูกกรนั้นไม่ใช่ธรรมดานะพ่อ...แถมหมอยังบอกว่าเคสของกรยังหาได้ยากด้วย" แม่ของกรชัยพูดออกมา การที่ให้กรชัยนั้นปั่นจักรยานไปโรงเรียนไปกลับร่วม 30 กิโลเมตรนั้นมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง เพื่อการรักษาอาการป่วยของกรชัยให้หายดี
"ไม่เป็นไรหรอกแม่ อาการของกรชัยตอนนี้ยังไงก็ดีขึ้นมากเลย ดูสิลูกชายยกของหนักๆได้สบาย ตอนมันอาบนํ้าพ่อแอบเห็นกล้ามหน้าท้องของมันด้วยนะ" พ่อพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงหยอกเย้า
"พ่อ..แม่ซีเรียสนะ แม่กลัวว่าลูกเราจะไม่ได้หายป่วยอย่างที่เราๆเห็น..." แม่กรพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงเต็มไปด้วยความกังวล พ่อกรชัยอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกระชับภรรยาเข้ามาในอ้อมอกแล้วพูดว่า
"ไม่ต้องห่วงลูกชายเราหรอก ดูสิคนมาทำสัญญาซื้อขายกับมัน...จากฮาวาร์ดหน่ะ ไม่รู้มันไปเหนียวมาจากไหน เขี้ยวพอๆกับแม่ของมันเลยด้วยซํ้า เจ้าลูกกรก็เข้าใจวิธีต่อรอง แถมเข้ามาต่อรองในบ้านเราอีก ดูยังไงๆศาสตราจารย์คนนั้นก็แพ้" พ่อกรชัยส่ายหน้าออกมา แม่เองก็พยักหน้าเข้าใจ ถึงแม้ผู้เป็นสามีจะเหน็บตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะเข้าใจว่าต้องการปลอบใจตน
"ที่สำคัญ....ผู้หญิงคนนั้นที่มากับศาสตราจารย์...เจย์ใช่มั้ยพ่อจำไม่ได้ ดูท่าทางแปลกๆนะ แม่ว่ามั้ย?" พ่อกรชัยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ แม่กรชัยตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว จึงมีอารมณ์เริ่มหยอกเย้ากับสามี
"อะไรพ่อ? พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" แม่กรชัยพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงเข้ม แฝงไปด้วยความขบขัน เธอรู้ว่าสามีเธอต้องการพูดอะไร
"ใจเย็นๆนะแม้ พ่อไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น" พ่อกรชัยหัวเราะแห้งๆ แม่เองก็ตลกท่าทางสามีเช่นกัน
"แม่รู้พ่อจะพูดอะไร...มันโตแล้ว เรื่องแบบนี้ปล่อยๆมันเถอะ แม่เองไม่อยากกดดันเจ้ากรเรื่องนี้...แต่ว่าพ่อ ถ้าวัดกัน ผู้หญิงคนนั้นกับแม่คนไหนสวยกว่ากัน?" แม่กรชัยพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงจริงจัง พ่อกรชัยเองรู้สึกเหงื่อตกตั้งแต่ได้ยินคำนี้แล้ว แรงกดที่ฝ่ามือภรรยาเริ่มๆหนักขึ้นทุกที....เลยตอบออกไปเสียงหวานว่า
"คนนั้นก็สวยนะแม่...แต่ยังไงก็สวยไม่สู้แม่หรอก" พ่อกรชัยแอบปาดเหงื่ออยู่หน้าผากเงียบๆ ใช้มุขเดิมๆที่ชอบใช้สมัยเป็นวัยรุ่น แม่กรชัยที่ได้ยินสามีพูดเช่นนั้นก็ตบหน้าอกสามีเบาๆ
"พูดดีๆ..." แม่กรชัยพูดยํ้าสองรอบ พ่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจว่า
'พูดผิดคงได้ไปนอนด้านนอกหน่ะสิ....'
กรชัยตอนนี้รู้สึกอับจนกับหนังสือด้านหน้า ภายในสวนสาธารณะที่เขาชอบนั่งเล่น ตอนนี้เขาได้คว้าหนังสือค่ายกลที่อาจารย์ฮุยเหลียงฝากเอาไว้ให้ขึ้นมาอ่าน หลังจากที่เขาศึกษาเรื่องตัวอักษรจีนโบราณจบแล้วเขาก็ศึกษาเรื่องนี้ต่อ ตัวอักษรในตำราเล่มนี้ช่างสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง กว่าจะสามารถอ่านได้หนึ่งหน้าก็ใช้เวลานานโข
ศึกษามาตั้งนานกรชัยรู้แค่ค่ายกลง่ายๆหนึ่งรูปแบบ แต่เขาก็ต้องยอมแพ้หากจะศึกษาให้ลึกลงไป ทราบว่าตนเองไม่มีสติปัญญาในการเข้าใจศาสตร์สลับซับซ้อนก็เลยถอนหายใจด้วยความท้อแท้ แต่ก็ไม่หยุดความพยายาม ดึงดันที่จะอ่านต่อไป
กรชัยเข้าใจพองูๆปลาๆก็มีความคิดอยากริลอง เลยเอาก้อนหินที่อยู่บริเวณรอบๆนั้นขึ้นมาใช้แทน เรียงตามหลักดาว 8 ทางพร้อมกับใช้ลมปราณกระตุ้นเล็กน้อย กระบวนการทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ บังเกิดคลื่นพลังสายหนึ่งหมุนเวียนอยู่ในนั้น ผ่านไป 5 ลมหายใจทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
ตอนนั้นกรชัยได้ใส่พลังปราณลงไปเล็กน้อย เลยอยู่ได้แค่ 5 ลมหายใจ เลยตั้งสมมุติฐานของตนขึ้นมาเงียบๆ ตั้งใจจะทำสิ่งที่แปลกใหม่จากในหนังสือเล็กน้อย เลยใช้หินทดลองวางตำแหน่งนั้นนี้ไปมา รู้ตัวอีกทีลมปราณก็แทบจะหมดตัว กรชัยเลยจิ๊ปากด้วยความขัดใจ เลยปั่นจักรยานกลับบ้าน ขึ้นห้องไปก็หยิบก้อนหินที่พกมาจากสวนวางระเกะระกะบริเวณนั้น แล้วนั่นขัดสมาธิฟื้นฟูลมปราณเงียบๆ
พอลมปราณกลับมาเต็มกรชัยก็ทดลองใหม่ แน่นอนว่าไม่มีค่ายกลที่ที่อยู่ได้เกิน 7 วินาที เมื่อลมปราณเหือดแห้งก็นั่งฟื้นฟูใหม่ พร้อมกับหยิบโอสถที่หลอมเอาไว้โยนเข้าปาก โคจรลมปราณไม่กี่รอบก็กลับมาเต็ม วนเวียนไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
รู้ตัวอีกทีพ่อแม่ก็เรียกออกมาทานข้าว กรชัยเลยลุกขึ้นไปจัดการกับอาหารอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมาทดลองค่ายกลตลอดคืน
วันนี้ครบเจ็ดวันที่กรชัยอดหลับอดนอนทดลองค่ายกลลมปราณตามตำรา แถมยังตีความค่ายกลในแบบของตนอีกต่างหาก ท่าทางในตอนนี้เขาอิดโรยเป็นอย่างมาก หากเขานั่งเฉยๆไม่นอนหลับเจ็ดวันก็ยังสามารถอยู่ได้สบายๆ แต่นี้เขาโคจรลมปราณฟื้นฟูตลอดเวลา สักพักลมปราณก็หมดตัว วนเวียนไปไม่รู้กี่รอบ พอเต็มปุ้บไม่นานก็หมด
กรชัยที่ทดลองค่ายกลอย่างบ้าคลั่งตั้งใจว่าวันนี้จะหยุดพักสักวัน ช่วงระยะเวลานี้เขาทุ่มเทความคิดไปอย่างมาก แม้จะสำนึกว่าตนไม่ค่อยมีหัวด้านค่ายเสียเท่าไหร่ แต่กรชัยยังดั้นด้นสามารถตีความค่ายกลในแบบของตนได้อย่างทุลักทุเล
กรชัยเลยทดลองรอบสุดท้ายของวันนี้ ตั้งใจจะกักขังมดกลุ่มหนึ่งที่เดินเผ่นพ่านบริเวณนี้ วางก้อนหินไปในตามจุดต่างๆพร้อมกับส่งพลังเข้าไปหมุนเวียน
หากเปรียบเสมือนก้อนหินเหมือนฟั่นเฟืองแล้ว พลังปราณของเขาก็เปรียบเสมือนถ่านแบตเตอรี่ กระตุ้นให้ฟั่นเฟืองทำงาน หากฟั่นเฟืองไม่ได้ต่อกันอย่างเป็นระบบ ทุกอย่างก็ไม่สามารถที่จะเดินได้ และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กรชัยลุ้นเล็กน้อย แต่มดนั้นก็ยังสามารถเดินผ่านค่ายกลที่เขาวางเอาไว้อย่างง่ายได้ กระทบกระเทือนจิตใจของเขาอย่างยิ่งยวด ปาดนํ้าตาแห่งความเสียใจสองสามทีก็ด่าทอว่า
"โธ่ ไอ้มดไม่ดูสถานการณ์ เดินทำท่าถูกขัง ให้กำลังใจชั้นหน่อยก็ไม่ได้ ไอ้พวกมดใจดำเอ๊ย!"
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเส้นทางในการศึกษาค่ายกลของเขายังอีกยาวไกล เพียงแค่ตีความกระดาษแผ่นเดียวเขายังใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ แม้แต่มดยังไม่มีปัญญากักขังเอาไว้ ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะสามารถสั่นฟ้าสะเทือนดินได้
กรชัยเมื่อความคืบหน้าไม่ค่อยเป็นไปอย่างที่เขาพอใจก็รู้สึกๆบางอย่าง กรชัยเลยเข้าห้องไปแล้วหยิบหยกที่อาจารย์ทิ้งเอาไว้ให้ก่อนที่จะใส่พลังลมปราณเข้าไป
"อาจารย์ อาจารย์ อาจารย์!!" กรชัยหลังจากที่ใส่พลังลงไปเรียบร้อยก็ตระโกนเรียกอยู่สองสามรอบก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับมาว่า
"โว้ยย!! พูดเบาๆครั้งเดียวข้าก็ได้ยินแล้วโว้ย ไม่ต้องตระโกนมา ข้าหนวกหู" เสียงที่ตอบรับเขาเป็นเสียงของอาจารย์หลี่ฮวง
"อ้าว..ศิษย์ขอโทษละกัน แหะๆๆ" กรชัยหัวเราะแห้งๆออกมา
"ว่าแต่เจ้าติดต่อมามีเรื่องอะไรหรือ หรือว่าเจ้าไม่เข้าใจหนังสือที่ข้าเอาให้" อาจารย์หลี่ฮวงอารมณ์แปรเปลี่ยนรวดเร็ว เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนจับอารมณ์ไม่ได้ง่ายเสียจริง
"โยมหลี่ เจ้าพูดอะไรขอเจ้า เจ้ากรจะเข้าใจศาสตร์เกี่ยวกับสมุนไพรได้ง่ายๆเช่นไร ตำราที่เจ้าให้ศิษย์ของเราก็ค่อนข้างเข้าใจยากเลย ไม่แปลกที่จะมีคำถาม" เสียงของอาจารย์ฮุยเหลียงพูดแทรกขึ้นมา
"เอ่อ..หนังสือสมุนไพรที่อาจารย์หลี่ฝากไว้ให้ข้า...ข้าอ่านหมดแล้ว" กรชัยพูดเสียงเบา หลี่ฮวงถึงกับสมองอื้ออึงไปชั่วขณะก่อนที่จะตระคอกว่า
"เจ้าอย่ามาโป้ปดต่ออาจารย์ไปหน่อยเลย บอกมาเร็วๆว่าเจ้าไม่เข้าใจตรงไหน ข้าจะได้ชี้แนะเจ้าถูก" หลี่ฮวงพ่นคำออกมาอย่างรวดเร็ว
"จริงๆศิษย์ก็มีคำถามมากมาย แต่ศิษย์ทดลองปรุงยาจนได้คำตอบมากมาย พอที่จะเอามาอ้างอิงกับตำราของอาจารย์หลี่ได้แล้ว" กรชัยพูดจบคำนี้ หลี่ฮวงก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
ปรุงยา?
บิดาเจ้าสิ!
ข้าใช้เวลาเกือบสิบปี ก่อนจะปรุงยาสำเร็จได้ เจ้าบอกว่าเจ้าใช้เวลาเดือนกว่าๆ ปรุงยาเม็ดแรกออกมาได้ต่อให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ บอกว่าสุนัขบ้านเจ้าสามารถพูดคุยออกมาเป็นภาษาคนได้ เข้ายังเชื่อมากกว่าเจ้าปรุงยาออกมาได้!
"เจ้าโป้ปดอีกแล้ว...." หลี่ฮวงคล้ายจะหน้ามือเป็นลม เวลาเกือบสิบปีนี้มันหมายความว่าอะไร ศิษย์ตนใช้เวลาเดือนเศษจำสมุนไพรทั้งหมดแล้วปรุงยาออกมา ข้อเท็จจริงนี้ตนแทบจะไม่อยากเชื่อ
"จริงๆนะอาจารย์หลี่ ตอนนี้ข้าหลอมโอสถฟื้นฟูพลังปราณได้แล้ว...แต่ไฟหลอมยาของข้าไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ ศิษย์จึงไม่รู้วิธีใช้ที่ถูกต้อง ต้องการคำแนะนำจากอาจารย์หลี่" กรชัยพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงจริงจัง หลี่ฮวงที่ตีอกทุบหัวตัวเองก็นิ่งเงียบทันที นํ้าเสียงของกรชัยนั้นดูใสซื่อบริสุทธ์เป็นอย่างมาก จึงนึกละอายใจตนที่ไปว่ากล่าวศิษย์ของตนว่าเป็นคนโป้ปด
"อะแฮ่มๆ เจ้าถามมาก็ดี เจ้ายังอยู่ในขั้นจอมยุทธ์ไม่แปลกที่ไฟหลอมยาของเจ้าจะยังไม่เสถียร หากเจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไป ไฟของเจ้าจะควบคุมได้ง่ายขึ้นเอง ตอนนี้เจ้าแค่เตรียมความพร้อมหลอมยาไปเรื่อยๆเท่านั้น จำไว้ศิษย์ข้า ของแบบนี้มันอยู่ที่ประสบการณ์ เจ้าต้องล้มเหลวก่อนพันรอบก่อนที่จะสำเร็จหนึ่งครั้ง แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักหลอมโอสถอย่างเราๆ...ช่างเถอะเจ้าหมั่นฝึกฝนแล้วกัน ว่าแต่ธุระจริงๆของเจ้ามันคืออะไร?" หลี่ฮวงถือโอกาสสั่งสอนกรชัยไปหนึ่งรอบ
"ศิษย์ไม่เข้าใจวิชาค่ายกลของอาจารย์ฮุยครับ" กรชัยตอบออกไปตามตรง
"โอ้...แสดงว่าเจ้าศึกษาวิชาค่ายกลของข้าแล้วสินะ ดีดี" ฮุยเหลียงหัวเราะออกมา
"แล้วเจ้าติดขัดตรงไหนละ?" ฮุยเหลียงกล่าวต่อ
"ศิษย์ลองใช้ค่ายกลกักขัง...ศิษย์ทดลองใส่ลมปราณให้หมุนเวียนภายในค่ายกลไม่ได้ ผลลมปราณเลยขาดห้วง..." กรชัยพูดยังไม่จบ
"ค่ายกลเลยสลาย..." ฮุยเหลียงเข้าใจปัญหาของกรชัย แต่พระชราอย่างเขาไม่คิดจะให้คำแนะนำตรงๆให้กับกรชัย โดยตั้งใจจะให้กรชัยลองผิดลองถูกในแบบของตนเอง
"หากว่าเจ้าใส่ข้างในแล้วมันไม่ได้ผล เจ้าลองทำแบบอื่นดูสิ" ฮุยเหลียงกล่าวออกไปง่ายๆ กรชัยที่ได้ยินก็ถึงกับตบหน้าผากตนเองดังแปะ
"ศิษย์เข้าใจอาจารย์แล้ว ขออภัยที่ศิษย์ของพวกท่านโง่งมเกินไป ทำให้พวกท่านอับอายแล้ว ศิษย์ไม่ขอรบกวนอาจารย์ทั้งสอง ขอตัวลาไปก่อน" กรชัยพูดด้วยความละลายก่อนที่จะปลดลมปราณที่หมุนเวียนอยู่ภายในหยกออกไป แล้วลุกขึ้นไปลองตามวิธีที่อาจารย์ฮุยเหลียงแนะนำมา
"โยมหลี่" ฮุยเหลียงพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงนิ่งสงบ
"อะไรเจ้าพระเฒ่า" หลี่ฮวงตอบกลับมาด้วยความฉุนเฉียว
"โยมคงไม่ลืมวาจาของโยมนะ...." ฮุยเหลียงกล่าวเสียงเรียบ
"พระเช่นเจ้ามันช่างน่ารำคาญเสียจริง ถึงแบบนี้แต่ข้าหลี่ฮวงไม่เคยกลับคำพูดใดๆ" หลี่ฮวงพูดออกมา
"...โยมจะทำอะไรก็นึกถึงความปลอดภัยของศิษย์เราด้วยแล้วกัน" ฮุยเหลียงกล่าวตักเตือนออกมา
"เพ้ย! แค่ศิษย์คนเดียวสองเฒ่าอย่างเราหากไม่มีปัญญาดูแล ข้ายอมให้สวรรค์ผ่าข้าตายเสียดีกว่า" หลี่ฮวงสบถออกมา
"ฮ่าๆ เจ้าพวกมดแสนกระจ้อย เมื่อมาเจอกับข้าผู้เยี่ยมยุทธ พวกเจ้าก็ต้องงงเป็นมดตาแตก เป็นไงละ ค่ายกลของข้าเจ๋งมั้ย ฮ่าๆๆ" กรชัยที่กำลังหัวเราะให้กับมดที่กำลังวนอยู่ในค่ายกลที่เขาทำสำเร็จเมื่อครู่
"โอ้ย!"
กรชัยหัวเราะมากไปจนเผลอกัดลิ้นตัวเอง จึงแลบลิ้นออกมาด้วยความเจ็บปวด
*********************************************
วันนี้ไปบริจาคเลือดมาครับ รอบที่ 12...ไม่แน่ใจแล้ว จำไม่ได้ 5555 พยาบาลน่ารักมากๆครับอิอิ
ละสายตาจากเรื่องนี้ไม่ได้เรยสงสัยโดนค่ายกลแน่ๆ