รักของกะพรุนดำ
หนึ่งชาย หนึ่งหญิงสาวสวย กับ 271 วันกลางมหาสมุทร
ผู้เข้าชมรวม
175
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมเคยนึกขำคนวาดการ์ตูนที่ชอบจินตนาการให้มีชายหนุ่มผมยาว หนวดเครารกรุงรัง ติดอยู่บนเกาะเล็กๆ พร้อมมะพร้าวหนึ่งต้น แล้วใส่มุขตลกที่พลิกแพลงในคาแร็กเตอร์เดิมๆ ลงไป นึกขันว่าพวกเขาช่างอับจนในด้านจินตนาการเสียจริงๆ จึงวาดคาแร็กเตอร์คลาสสิกที่เหลือเชื่อนั้นออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมเคยนึกขำภาพวาดตัวการ์ตูนติดเกาะหนวดเครารุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่นั่นล่ะคือสภาพของผมในตอนนี้ และแทบจะไม่ต่างไปจากสภาพของเธอในเรือลำเดียวกัน ยกเว้นก็แต่เธอ...ไม่มีหนวด
เวลา 9 เดือนกับความหวังที่เคว้งคว้างดั่งมหาสมุทร เศษก้างปลาและกลิ่นคาวหมึก คือหลักฐานยืนยันว่าเราไม่สามารถอิ่มทิพย์ แม้แต่บ่อน้ำจืดของเราก็อยู่บนฟ้า รอเพียงเมตตาจากเมฆ ส่วนพายุนั้นถือเป็นมหรสพจากพระเจ้า หากเราต่างไม่โปรดปราน
เมื่อคืนเราแข่งกันว่าเช้านี้ใครจะตื่นก่อน และผมกำลังรอเธอลืมตา เพราะวันนี้ผมชนะ สังเกตว่าเปลือกตาของเธอเริ่มตอบสนองต่อแสงอาทิตย์แล้ว
“ตื่นเลย วันนี้คุณแพ้ผมแล้ว”
เธอยันตัวขึ้นบิดขี้เกียจ เอามือเกาหัวที่เส้นผมเหนียวๆ กระจุกตัวกันเป็นก้อนๆ แล้วส่งสายตามาทางผมเหมือนจะค้อน
“อ้าว มาค้อนอะไรกันกลางมหาสมุทร ”
“ฉันไม่ใช่ปลาฉลามนี่ จะได้กินหัวคุณแทนที่จะค้อน”
“เอาเถอะ วันนี้คุณแพ้ผม”
“อือ ฉันขี้เกียจรีบตื่น เล่นเกมนี้ชนะคุณมา 28 วันแล้ว ชักเริ่มเบื่อ”
“แต่มันแปลว่าวันนี้คุณต้องเป็นคนหาอาหาร”
“รู้แล้วน่า ก่อนอื่นคุณช่วยถอนขนรักแร้ให้ฉันหน่อย” ไม่พูดเปล่า เธอโชว์วงแขนแสดงพื้นที่เป้าหมาย
“จะถอนให้มันเกลี้ยงไปทำไม ก็เห็นกันอยู่แค่ 2 คนมา 9 เดือนแล้ว”
คิ้วเธอวิ่งมาประสานงากันตรงสันจมูก น้ำเสียงเธอจริงจัง
“ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่ ต้องรักสวยรักงามสิ ใครจะปล่อยให้ขนรักแร้ดกเป็นหนวดแมงกะพรุนเหมือนคุณล่ะ”
“จ้า แม่วงแขนขาว” ผมแกล้งยั่ว “เดี๋ยวผู้พิทักษ์รักแร้จะปฏิบัติภารกิจให้รักแร้ออกมาสวยงามดุจผู้ใช้ไวท์เทนนิ่ง”
“ดีมากกะพรุนน้อย” เธอยังชูวงแขน รอผมเข้าไปจัดการ
“แต่หลังจากเสริมสวยรักแร้เสร็จแล้ว อย่าลืมหาอาหารนะ วันนี้ถึงตาของคุณ”
ในเรือตกปลาของเรานั้น อุปกรณ์ยังชีพตอนนี้มีเหลืออยู่เพียง 3 อย่าง คือเบ็ดตกปลา มีด และสวิง ที่จริงก็มีถังน้ำอีกใบหนึ่งด้วย แต่มันกลายเป็นที่สำรองน้ำจืดซึ่งมีความหมายมากสำหรับเราทั้งคู่ และไม่ว่าผมหรือเธอ เรามีกฎว่าห้ามล้างส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทุกส่วนของร่างกายด้วยน้ำจืดในถังเด็ดขาด มิฉะนั้น อาจตายเพราะขาดน้ำ
ผมถอนขนรักแร้ให้เธอเกลี้ยงเกลาทั้ง 2 วงแขน ที่จริงแม้จะกรำแดดฝนมากว่า 9 เดือนกลางมหาสมุทร แต่เธอก็ยังมีเค้าความสวยอยู่มาก ผมเคยแอบหลงรักเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน และยังรักอยู่จนบัดนี้ ถ้าไม่ติดว่าเธอมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้วล่ะก็... 271 วันที่ผ่านไป คงมีสักวันที่ผมจะได้สารภาพความในใจออกไปบ้าง
เธอตกปลาไม่เก่ง แต่ที่ผมยอมให้เธอเป็นพรานเบ็ดก็เพราะเธอจะได้ใช้สมาธิอยู่กับคันเบ็ด และผมจะได้มองเธออย่างที่อยากมองในเวลากลางวันเสียบ้าง ผมแพ้เธอบ่อยๆ ตอนที่แข่งกันว่าใครจะตื่นก่อน นั่นเพราะในยามที่เธอหลับ มีแต่ผมที่อยู่ดูแลเธอเสมอทุกค่ำคืน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอเริ่มบ่นเมื่อปลาไม่กินเบ็ด
“ถ้าพวกแกไม่ส่งบรรณาการมาให้ฉันในอีก 3 นาที ขึ้นบกได้ฉันจะเอาเรืออวนมาลากให้หายอยากเลยเชียว”
ผมอมยิ้ม แกล้งตะโกนลอยๆ
“เอ้า! ได้ยินหรือยังฝูงปลา นางผีเสื้อสมุทรขู่อาฆาตแล้ว ส่งปลาวาฬบรูด้ามางับเบ็ดเล่นสักตัวเร้ววว”
เธอหันขวับมาทางผม ทำเสียงหายใจฟืดฟาด ทำตาขวางใส่
“ฉันอาฆาตเธอด้วย เจ้ากะพรุนดำ”
แต่ไม่ทันที่ผมจะต่อปากต่อคำกับเธอ เรือทั้งลำก็โคลงไปมา เบ็ดที่เธอถืออยู่สายตึงเปรี๊ยะอย่างกับมีสัตว์ทะเลขนาดยักษ์คอยฉุดดึงอยู่เบื้องล่าง เธอตกใจ รั้งคันเบ็ดไว้แน่นปักฐานกับลำตัว ผมลุกไปช่วยจับคันเบ็ดไว้ แล้วบอกให้เธอปล่อย รู้สึกกังวลกลัวว่าข้างใต้จะเป็นปลาฉลาม แต่ก็พยายามเรียกขวัญของเธอกลับคืนมา
“สงสัยพวกปลาส่งปลาวาฬบลูด้ามาให้คุณจริงๆ ด้วย โอย...อึ๊บบ! หนักชะมัด”
“ให้ฉันช่วยคุณด้วยดีกว่า” เธอสวมมืออ้อมมาจากด้านหลังของผม ช่วยรั้งคันเบ็ด ผมโยก-ปล่อย โยก-ปล่อย สู้กับเจ้าสัตว์ใหญ่เต็มกำลัง ขณะจิตใจก็พองโต เพราะตัวผมอยู่ในอ้อมกอดของความรัก นี่เป็นครั้งแรก
“อุ่นเหลือเกิน โอย..อึ๊บบ!”
“ฉันว่าปล่อยมันไปดีไหม ชักไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ได้ เราเสียเบ็ดคันนี้ไม่ได้ เก้าเดือนมานี้ไม่มีเรือผ่านมาทางเราสักลำ ถ้าทิ้งเบ็ดไปก็คงอดตาย กลายเป็นเนื้อเค็มตากแห้งอยู่บนเรือแน่ๆ” ในใจผมส่งกระแสจิตไปบอกกับเจ้าตัวยักษ์ใต้มหาสมุทรว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้ อ้อมกอดนี้อุ่นประหลาดนัก อยากอยู่อย่างนี้นานๆ
“เรือมันโคลงเคลงไปทั้งลำ คุณเห็นไหม เราต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้ก่อนนะ ถึงจะได้ต่อสู้กับวันพรุ่งนี้ ปล่อยเบ็ดเถอะ”
“โอยยยย...อึ๊ดดดดดดด!!!” ผมยังสู้อยู่กับมัน แต่ภายในใจปั่นป่วนยิ่งกว่า หรือนี่ผมกำลังฉวยโอกาสจากชีวิตที่เอาแน่นอนอะไรไม่ได้
“เราสู้มันไม่ไหวหรอก” เธอร้องโอยๆ และเหมือนจะร้องไห้ เก้าเดือนที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นวันที่เธอสิ้นหวังขนาดนี้ แม้ต่อให้ต้องลอยเรือฝ่าพายุ เธอก็ไม่เคยยอมแพ้
ผมยังมีแรง แต่ที่สุดก็ยอมปล่อยให้คันเบ็ดถูกฉุดลงมหาสมุทรไป น้ำตาของเธอต่างหากที่ผมต่อกรไม่ไหว แม้ชีวิตอาจเหลือแค่วันนี้...พรุ่งนี้ แต่ผมจะพิทักษ์ความรู้สึกของเธอไม่ให้น้ำตากัดกร่อนออกมาได้
เธอร้องไห้หนัก มันเป็นเช้าที่หนักหน่วงกว่าที่คิด เราทั้งคู่เพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตไป และในเวลาที่จำกัดเช่นนี้ ผมจึงคิดแล้วว่าถึงวันนี้เสียที วันที่หัวใจจะได้เอ่ยเป็นคำพูด
“อย่าร้องไห้เลยคนดี” ผมเอื้อมสัมผัสแผ่นแก้มเกรียมแดด ใช้นิ้วหัวแม่มือช่วยซับน้ำตา
“เราอยู่กันมาอย่างนี้ได้ตั้ง 271 วันก็นับว่าเหลือเชื่อแล้ว เวลาที่มันเหลือต่อไปคงมีอีกไม่มาก ผมเลยอยากบอกอะไรบางอย่างกับคุณ” ผมจับคางของเธอเชิดขึ้น มองลึกลงไปในดวงตาที่ชุ่มน้ำตาของเธอ
“จะบอกอะไร?” เธอเอ่ยถาม ตัวยังสั่นสะอื้น
“ผมอยากถอนขนรักแร้ให้คุณทั้งชีวิต ถ้าทำได้”
“แต่ฉันมีคนรักแล้ว”
“ผมรู้ข้อนั้น”
“แต่คุณไม่รู้บางอย่าง เขาไม่เคยขอเป็นคนถอนขนรักแร้ให้ฉันเลย”
ผมเงียบ เสียงลมแรง เธอพูดต่อไป
“แต่ฉันก็รักเขาทุกวันจนบัดนี้”
“ครับ ผมเข้าใจ” ผมเหม่อมองไกลออกไป เห็นฝูงปลาโลมากระโดดอยู่ลิบๆ ตรงมาทางเรือของเรา
“คุณคงได้เป็นอย่างที่คุณปรารถนาถ้าเราต้องตายจากกันอยู่บนเรือลำนี้ แต่ถ้าเรารอด ฉันก็ขอให้ได้ภักดีกับความรักของฉันต่อไปเถิด”
ผมยิ้มและขันในลำคอแบบขื่นๆ ฝูงปลาโลมากระโดดตรงมาทางเรือ ภาพใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผมกำลังนึกถึงอ้อมกอดเมื่อสักครู่
“ผมคงอิจฉาเขามากถ้าเรารอดไปได้ และผมอยากให้เรารอดมากกว่าไม่รอด”
เธอยิ้ม
“แต่ถ้ามีวันนั้น ผู้หญิงทั้งโลก รวมถึงผู้ชายเช่นเขา คงนึกอิจฉาฉัน ที่ได้อยู่ลำพังกับสุภาพบุรุษอย่างคุณถึง 9 เดือน”
“คุณจะกอดผมได้ไหม ?”
“ฉันจะกอดคุณ ถ้าเราได้มีโอกาสกลับถึงฝั่งค่ะ”
ถึงตอนนี้ผมแลเห็นฝูงโลมาชัดเจน เจ้าพวกนี้ชอบเล่นอยู่ตามลำเรือ ผมมองไปลิบๆ เห็นภาพรางๆ เหมือนภาพฝัน หรือก้อนเมฆขอบฟ้าฟากโน้นกำลังปรากฏเป็นรูปเรือในจินตนาการตามเงาสะท้อนของแสงอาทิตย์
ผมเดินไปที่กราบเรือ ชะโงกมองออกไปเบื้องหน้าจนเริ่มเห็นภาพบางอย่างชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ
“คุณมาดูนี่สิ” ผมเรียกเธอให้มาในจุดที่ผมยืน
“พระเจ้าอาจส่งปลาตัวนั้นมายึดเบ็ดของท่านคืนไปก็ได้ เพราะวันนี้ท่านส่งเรือมาให้เราแล้ว”
เธอรีบชะโงกมองตามด้วยความตื่นเต้น ฝูงโลมากำลังนำเรือมาทางนี้
“เช้านี้สดชื่นจริงๆ” ผมกางแขนกว้าง สูดอากาศบริสุทธิ์ “แล้วอย่าลืมนะว่าคุณสัญญาอะไรไว้หลังจากที่ขึ้นบกไปแล้ว”
เธออมยิ้ม เอามือกอดอก ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“อย่ามาขี้ตู่ฉันเลยนายแมงกะพรุนดำ”
แล้วเราก็ชวนกันหัวเราะออกมาให้กับชะตาชีวิต โดยที่ผมมั่นใจว่าอีกไม่นาน ความอบอุ่นอีกครั้งจากอ้อมกอด จะได้เข้าไปประทับอยู่ในความทรงจำ
เวลา 9 เดือนกับ 2 กอด คงเพียงพอแล้วที่ชีวิตผมจะจดจำสิ่งดีๆ นี้เอาไว้ ...ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ
ผลงานอื่นๆ ของ ภูดารา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ภูดารา
ความคิดเห็น