คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 02
"มึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน" อธิกิตเปิดประตูห้องตัวเองให้เพื่อนเข้าไปวางกระเป๋าเป้ เมื่อลูกชายบอกว่าเพื่อนจะมาค้างที่บ้านด้วย มารดาเตรียมฟูกนอนขนาดสามฟุตครึ่งเอาไว้ต้อนรับเพื่อนของลูกชายอย่างดี
"พ่อกับแม่มึงล่ะ"
"ไม่เข้ามาแล้วว่ะ เพิ่งโทรมาบอกว่ากำลังยุ่งเตรียมประชุมงาน น่าจะยาวเลย"
อธิกิตกลับบ้านเพื่อมาดูแลน้องสาวแทนบิดามารดา เนื่องจากท่านทั้งสองต้องไปประชุมสัมมนาประจำปีของโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
ส่วนสาเหตุที่ศตานนท์กลับมาพร้อมเขาด้วยนั้นก็เป็นเพราะมันกำลังหนีความวุ่นวายจากใครบางคนจึงขอใช้บ้านของเขาเป็นหลุมหลบภัย
หลังจากดูแล แนะนำ ต้อนรับแขกของบ้านเสร็จ อธิกิตเดินไปเคาะประตูหน้าห้องน้องสาว คนด้านในตะโกนบอกให้เขารอแป๊บหนึ่ง ชายหนุ่มยืนพิงผนังอยู่ตรงหน้าประตูโดยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเงียบ ๆ
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่คิดจะเคาะประตูด้วยซ้ำ เขาคงเปิดประตูเข้าไปหาน้องเลยเพราะขี้เกียจรอ ทว่าตอนนี้น้องสาวตัวเล็กเติบโตเป็นสาวแล้ว คนเป็นพี่ควรให้พื้นที่ส่วนตัวกับเธอบ้าง โดยเฉพาะเรื่องแตะเนื้อต้องตัว ทำตัวสนิทสนมกันเกินพอดีก็เป็นเรื่องที่ควรปรับเปลี่ยน เว้นระยะห่างให้เหมาะสม แต่เขาก็ไม่อยากทำให้น้องรู้สึกถึงความเหินห่างจึงแสดงความรักความห่วงใยในอีกรูปแบบหนึ่งที่โตขึ้นด้วยการถามไถ่ แนะนำ เป็นที่ปรึกษา เฝ้าดูแลเธอห่าง ๆแต่ไม่ไกลจากสายตาของเธอ
"พี่อ้นมีอะไรเหรอ" คนตัวเล็กเปิดประตูห้องต้อนรับพี่ชาย สาเหตุที่เปิดประตูช้าเพราะเธอกำลังเปลี่ยนชุด ร่างบางเปลี่ยนชุดนักเรียนเป็นชุดลำลองใส่สบายอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว
"ไปกินปิ้งย่างเกาหลีกัน" มื้อเย็นวันนี้อธิกิตตัดสินใจพาน้องสาวกับเพื่อนออกไปกินข้าวนอกบ้าน มารดาโอนเงินให้เขาจัดการดูแลอาหารการกินของทุกคนเรียบร้อยแล้ว
"มาถึงก็ชวนอ้วนเลย น้องอุตส่าห์ลดน้ำหนักได้ตั้งหนึ่งกิโลแล้ว" เด็กสาวบ่นอิดออดเมื่อพี่ชายกำลังทำให้ความตั้งใจลดน้ำหนักของเธอล้มเหลวเป็นรอบที่ร้อย
"ลดหนึ่งกิโลแค่น้ำหรือเปล่า แบบนั้นไม่นับว่าลดนะ" อธิกิตเอ่ยแซวพลางเดินสำรวจโต๊ะอ่านหนังสือของน้องสาว เมื่อเห็นว่าเธออ่านแต่หนังสือยาก ๆ เพื่อเตรียมตัวสอบเรียนพยาบาลตามรอยมารดา เขาก็รู้สึกทึ่งและชื่นชมความตั้งใจของเธอ
ส่วนตัวเขานั้นเลือกเส้นทางเดินที่แตกต่างจากครอบครัว สมัยเด็กชายหนุ่มติดสอยห้อยตามมารดาไปทำงานที่โรงพยาบาลทุกวัน ชายหนุ่มจึงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลจนเกษียณ ก็เลยเบนสายไปเรียนทางอื่นที่ไม่เกี่ยวกับวงการแพทย์ทุกแขนง
ขณะเขากำลังค้นหาทิศทางให้ตัวเอง โรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมแนะแนวทางการศึกษาต่อด้วยการนำรุ่นพี่มาพูดแนะนำ ข้อดีข้อเสียต่าง ๆ ของแต่ละคณะ เขาประทับใจรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งพูดถึงความภาคภูมิในคณะตัวเอง เสื้อชอปโคตรเท่ พูดแต่ละทีเหมือนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ คล้ายจะเห็นดวงตาคนพูดลุกเป็นประกายไฟ ฟังแล้วฮึกเฮิม ตื่นเต้นสุด ๆ อีกส่วนหนึ่งเขาอยากออกไปผจญภัยนอกกรอบ ก็เลยตัดสินใจเรียนวิศวกรรมศาสตร์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็บอกบิดามารดาทันที แน่นอนว่าพวกท่านทั้งสองพร้อมสนับสนุนลูกทั้งสองคนอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางใดก็ตาม
"พูดซะน้องไม่กล้ากินอะไรเลย" เด็กสาวรู้สึกอ่อนใจ
"ไปเถอะน่า พรุ่งนี้ค่อยลด"
"ก็ได้" เรื่องของกินเป็นอะไรที่อลีนาปฏิเสธยากมาก โดยเฉพาะของโปรดอย่างอาหารปิ้งย่าง แค่นึกถึงก็น้ำลายไหล จินตนาการเกิดขึ้นทั้งภาพและเสียง แค่นึกถึงหมูสามชั้นทาบบนกระทะร้อน ๆ กลิ่นหอม ๆ ของหมูย่างหมักน้ำมันงา
ในวันที่ฝนตกแบบนี้ เธอจะอดใจไหวได้อย่างไร
ร่างบางลุกจากเตียงนอน หยิบเสื้อแขนยาวมาสวมทับเตรียมออกไปกินหมูย่างแสนอร่อย
"ไปกันเลยไหม"
"รอแป๊บหนึ่ง ศิมันยังอาบน้ำอยู่"
"อ้อ เค ๆ ว่าแต่เพื่อนพี่คนนี้น้องไม่เคยเห็นเลย รู้จักกันที่คณะเหรอ" อันที่จริงเธอก็ไม่เคยเห็นพี่ชายพาเพื่อนคนไหนมาค้างที่บ้าน พี่ศิเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้
"อืม บัดดี้กันน่ะ ก็เลยสนิทกัน ช่วงนี้มันว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยขอมาเที่ยวบ้านเรา"
"ใช่คนเดียวที่แชร์บ้านเช่ากับพี่ปะ"
"ใช่ๆ คนนี้แหละ" มหาวิทยาลัยของอธิกิตอยู่ในตัวเมืองห่างจากบ้านราว ๆ สองชั่วโมง ชั้นปีหนึ่งมีกิจกรรมเยอะมาก นอกจากเรียนยังต้องรับน้องอีกทำให้ชายหนุ่มต้องกลับบ้านดึกทุกวัน ทำอยู่อย่างนั้นประมาณหนึ่งเดือนก็เริ่มไม่ไหว เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ลดความเร่งรีบและหลีกเลี่ยงรถติด ชายหนุ่มตัดสินใจขอบิดาและมารดาไปอยู่หอพักใกล้สถานศึกษา
ระหว่างอธิกิตหาหอพักที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ตัวเอง ศตานนท์ได้ชวนเขาและเพื่อนอีกคนแชร์บ้านเช่าด้วยกัน บ้านเช่าชั้นเดียวยกสูงมีสามห้องนอน สองห้องน้ำ ทำเลตั้งอยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัย เงียบสงบ แน่นอนว่าสะดวกสบายมากกว่าหอพักแถมยังไม่มีกฎให้ต้องปฏิบัติ ค่าเช่าหารกันสามคนยังถูกกว่าราคาหอพักห้องหรูหราแต่พื้นที่ใช้สอยจำกัดเสียอีก เขาจึงตอบตกลงทันที
"ทำไมเหรอ" อธิกิตหรี่สายตามองน้องสาวอย่างจับผิด ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกว่าน้องสาวสนใจเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษ
"ก็ไม่ทำไม น้องแค่ถามเฉยๆ เพื่อนพี่ น้องก็ต้องรู้จักบ้าง เผื่อวันหนึ่งพี่อ้นเกิดเหตุอะไร น้องจะได้รู้ว่าควรติดต่อใคร" เด็กสาวอธิบายยาวเยียด มั่นใจว่ามันเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้พี่ชายหยุดสงสัย
"อ้อ นึกว่าน้องเมากล้ามท้องมันซะอีก"
"พี่อ้น คิดว่าน้องเป็นคนยังไงเนี่ย" เด็กสาวแหวใส่พี่ชาย ใบหน้าแดงก่ำราวกับลูกมะเขือเทศ สองมือยกกอดอกตั้งท่าโกรธอีกฝ่ายหากยังไม่หยุดล้อเธอ
"ก็คนที่มองเพื่อนพี่จนตาค้างไง" ชายหนุ่มเห็นกับตาว่ายัยน้องมองกล้ามท้องศตานนท์ตาไม่กระพริบ ถึงได้บอกว่าน้องสาวตัวน้อยโตแล้ว รู้จักชื่นชมเรือนร่างของผู้ชาย
"ตอนไหน น้องไม่ได้มองสักหน่อย" ร่างบางกอดอกแน่น ทำหน้าปั้นปึ่ง หากเขายังแซวอีกคำเดียว เธอจะปิดประตูแล้วไม่ไปกินหมูย่างกับเขาอีกแล้ว
"โอเค ไม่มองก็ไม่มอง แต่ถ้าหากน้องอยากมองก็ไม่เป็นอะไรหรอก อาหารตา" คนพี่ยักคิ้วอย่างยียวน
"อะไรเนี่ยพี่อ้น ไม่ห่วงไม่หวงน้องบ้างเลย" หากเป็นพี่ชายคนอื่นคงสั่งเสียงเข้มห้ามน้องสาวเข้าใกล้ผู้ชายแล้ว
"เอาอะไรมาห่วง ไอ้ศิมันไม่สนใจน้องหรอก"
Talk
มารอลุ้นกันว่าพี่ศิจะสนใจยัยน้องหรือเปล่า
พี่ปีหนึ่งกับน้องมอสี่ฝากตัวด้วยค่ะ
หากอ่านแล้วชอบฝากกดเข้าชั้น กดหัวใจ คอมเม้นต์มาคุยกันได้น้า
ความคิดเห็น