ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวงรักวิศวะตัวร้าย I To the man that I Love

    ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 12

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 67


    “พี่อ้น อุ้มโดนแกล้ง” อลีนาอดกลั้นต่อไปไม่ไหวโผกอดพี่ชายแล้วร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก คนเป็นพี่ตกใจรีบปลอบกอดน้อง ตั้งแต่เล็กจนโตน้องสาวไม่เคยร้องไห้เสียใจหนักขนาดนี้มาก่อน 

    ใครกันที่กล้ามาแกล้งน้องสาวของเขา

    “พี่จะไปบอกผอ. โรงเรียนให้จัดการรุ่นพี่คนนั้น” อธิกิตกำมือแน่นหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากน้องสาวว่าเธอโดนรุ่นพี่ผู้หญิงมาหาเรื่อง กล้าทำเรื่องเลวร้ายราดน้ำแดงใส่หัวน้อง แถมยังอัดคลิปโพสต์ลงโซเชียลให้คนมารุมด่าน้องสาวของเขาอีก 

    “พี่อ้นอย่าทำแบบนั้นเลย อุ้มผิดเองที่ไปอ่อยแฟนเขา” พี่ชายก็เคยเตือนแล้ว แต่เธอกลับเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเคยเป็นห่วงกัน สุดท้ายเธอก็เจอเข้ากับตัว หากจะหาคนรับผิดชอบกับการกระทำครั้งนี้ เธอก็คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง แต่เมื่อครู่ความอึดอัด ความเสียใจมันถาโถมเข้ามา พอพี่ชายเอ่ยถามกันด้วยแววตาเป็นห่วง บ่อน้ำตามันก็แตกออกมาอย่างที่เห็น 

    “แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ควรทำกันรุนแรงขนาดนี้ พี่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทั้งรุ่นพี่คนนั้นและก็ไอ้เด็กดัดฟันนั่นด้วย ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วยังจะมายุ่งกับผู้หญิงคนอื่น ไอ้ชาติหมา สันดานเลว ไอ้ศิ มึงไปเอาเรื่องมันกับกู” อธิกิตโกรธจัดจนไม่มีใครห้ามได้แล้ว หากวันนี้เขาไม่ได้สั่งสอนไอ้เด็กดีนนั่น เขาคงไม่มีหน้าไปบอกพ่อแม่ว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ดีของน้องสาว

    “ใจเย็น เพื่อน” ศตานนท์เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนที่รู้สึกโกรธแทนน้องสาว อยากเอาคืนคนที่แกล้งเธอ แต่การใช้อารมณ์แก้ปัญหาเพื่อให้หายเจ็บใจเพียงชั่วคราวไม่สามารถจะแก้ข้อกล่าวหาเรื่องอลีนาแย่งแฟนรุ่นพี่ให้หายไปได้ หนำซ้ำมันอาจจะเป็นการเพิ่มเชื้อไฟความเกลียดชังให้คนอื่นเกลียดน้องมากกว่าเดิม 

    “แล้วมึงจะให้กูทำยังไง น้องกูโดนแกล้ง มึงเข้าใจไหม กูเป็นพี่ชายจะทนเฉยได้ยังไง”

    “กูเข้าใจ แต่มันต้องไม่แก้ปัญหาด้วยการใช้กำลัง ผลสุดท้ายสิ่งที่มึงทำจะตกอยู่ที่น้อง มึงตอบคำถามกูให้ได้ก่อน มึงสามารถกลับไปที่โรงเรียนแล้วปกป้องน้องได้ตลอดเวลาไหมล่ะ ถ้ามึงทำได้ กูก็จะพามึงไปกระทืบมันเอง”

    คนเป็นพี่ชายกัดฟันกรอดเมื่อโดนคำถามจี้ใจดำ เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปปกป้องน้องเหมือนเมื่อก่อนได้ “แล้วมึงจะให้กูทำยังไง”

    “ตัวต้นเหตุมันทำอะไรไว้ก็ให้มันไปแก้ไขให้มันถูกต้อง เดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีก”

    “พี่ศิจะทำอะไร” คนที่ถูกกันออกจากบทสนทนาหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ชายฟังเอ่ยถามขึ้น คำว่าแก้ไขให้มันถูกพลันทำให้เธอรู้สึกถึงความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็มั่นใจอย่างหนึ่งว่าเขาจะไม่ใช้ความรุนแรงกับใคร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ออกปากห้ามพี่ชายของเธอ

    “พี่จะทำให้อุ้มยืนต่อหน้าคนอื่นแล้วพูดว่าเราไม่ได้แย่งแฟนของใคร” ศตานนท์เอ่ยคำสัญญากับเธอด้วยแววตามุ่งมั่น

    คำพูดของเขาทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาราวกับมนต์วิเศษ หัวใจของเธอเริ่มกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง 

    รถยนต์สีดำเปลี่ยนทิศทางจากคาเฟ่มุ่งหน้ากลับบ้าน หลังจากน้องสาวขึ้นห้องไปแล้ว ทั้งสองหนุ่มก็มานั่งคุยกันที่โซฟาห้องนั่งเล่นโดยพยายามคุยกันด้วยระดับเสียงที่เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้คนข้างบนได้ยินมัน

    “ที่บอกว่าจะเรียกชื่อเสียงกลับมาให้อุ้ม มึงมีแผนว่ายังไง”

    “มันปั่นมาเราก็ต้องปั่นกลับ พวกนั้นหาว่าอุ้มไปแย่งแฟน เราก็ต้องทำให้คนอื่นรู้ว่าอุ้มไม่ได้ทำอะไรแต่โดนรุ่นพี่พวกนั้นคุกคามต่างหาก” ชายหนุ่มวางแผนเอาไว้ในใจหมดแล้ว เหลือแค่ลงมือเริ่มปฏิบัติการเอาคืนให้น้องเท่านั้น 

    “ไหน มึงว่าแผนการมาสิ”

    จากนั้นสองหนุ่มซุบซิบคุยกันอยู่นานหลายนาที จริงจังยิ่งกว่าตอนเรียนคลาสคำนวณฟิสิกส์เสียอีก เมื่อพูดคุยกันเสร็จสิ้นแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน อธิกิตอยู่ในห้องนอนเพื่อใช้เวลาวิดีโอคอลคุยกับแฟนสาว ส่วนศตานนท์ออกไปสูบบุหรี่ด้านนอกบ้าน

    คนตัวเล็กหยิบเสื้อนักเรียนซึ่งเปื้อนน้ำแดงเป็นวงใหญ่ลงมาชั้นล่างเพื่อทำความสะอาด เธอเดินไปยังลานซักล้างหลังบ้าน หยิบกะละมังมาวางแล้วเปิดก๊อกน้ำเพื่อเติมน้ำลงไป เด็กสาวนั่งมองคราบสีแดงบนเนื้อผ้าอย่างเหม่อลอย หลังจากเกิดเหตุการณ์น่าอายเมื่อกลางวันมันทำให้ความรู้สึกอยากไปโรงเรียนลดน้อยลง เธออยากจะลาป่วยจนถึงวันจันทร์หน้าเพราะยังไม่พร้อมออกไปเผชิญหน้ากับใคร

    เธอเคยได้รับความรักมาตลอด เมื่อถูกใครหลายคนมองด้วยแววตาเกลียดชัง รวมตัวกันรุมด่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ  ยอมรับตามตรงว่าเธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะต้องจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร 

    “ทำไร” 

    คนนั่งเหม่อลอยสะดุ้งตกใจ เมื่อเธอหันกลับไปมองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “พี่ศิ อุ้มตกใจหมด”

    “โทษที ไม่นึกว่าเราจะขวัญอ่อน” ชายหนุ่มเดินมานั่งยอง ๆ ข้างกายสาวน้อย เธออยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีขาวทรงเตี้ย ทรงผมที่เคยรวบตึงเป็นหางม้าเวลานี้ยุ่งเหยิงเพราะมันถูกม้วน ๆ ทำเป็นรูปดังโงะ ความยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบก็ทำให้บุคลิกของคนตัวเล็กดูน่ารัก น่ามองอีกแบบ

    “ไม่เป็นไร”

    “ทำไรอยู่เหรอ”

    “แช่เสื้อนักเรียนค่ะ มันเป็นคราบต้องแช่น้ำยาก่อน” ยิ่งมองคราบน้ำแดงบนเนื้อผ้ายิ่งตอกย้ำบาดแผลในใจของเธอ 

    “คงออกยากนะ พี่ว่าทิ้งแล้วซื้อใหม่ดีกว่าไหม เดี๋ยวพี่ซื้อให้” ชายหนุ่มเอื้อมมือปิดก๊อกน้ำเมื่อเห็นว่าน้ำกำลังเอ่อล้นออกมาจากกะละมัง แถมยังแนะวิธีการแก้ไขอีกแบบหนึ่งให้กับคนตัวเล็ก

    “ต้องซื้อใหม่เลยเหรอ อุ้มคิดว่าแค่เอามันมาซักก็น่าจะออกแล้ว”

    “แต่มันใช้ไม่ได้กับใจว่าไหม สู้ทิ้งมันไปแล้วซื้อใหม่คงดีกว่า” ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปนัยน์ตาของเด็กสาว ดวงตากลมที่เคยเปล่งประกายยามนี้กลับหม่นหมองเสียเหลือเกิน

    “ถ้าทิ้งแล้วมันจะหายเหรอคะ” หัวใจของเธอจะหายดีจริง ๆ ใช่ไหม

    “หายสิ เชื่อพี่ไหม” ศตานนท์เอ่ยอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังกล่อมลูกแมวตัวน้อยที่โดนฝน เนื้อตัวเปียกปอนหลงทางมาเจอเขา

    “ของที่ทิ้งไปเท่ากับว่ามันไม่ค่าอะไรกับเราอีก ไม่มีประโยชน์ต้องเก็บมันไว้ถูกไหม เสื้อตัวนี้ก็เหมือนกัน พี่ขอเอาไปทิ้งแทนเราได้ไหม”

    คนตัวเล็กพยักหน้าเป็นการตกลง กลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้แต่สุดท้ายก็ห้ามมันไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้ กระทั่งเรียวนิ้วอุ่นจากคนตรงหน้าช่วยปัดมันทิ้งไปอย่างนุ่มนวล จนมันค่อย ๆ เหือดหายไปจากดวงตาและแก้มทั้งสองข้าง ทว่าอาการทางใจกลับยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

    “พี่ศิ”

    “ฮื”

    “อุ้มชอบพี่ศิ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×