พรหมลิขิตป่วนหัวใจ | BrightxBuapink - นิยาย พรหมลิขิตป่วนหัวใจ | BrightxBuapink : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    พรหมลิขิตป่วนหัวใจ | BrightxBuapink

    มึงอย่าพูดว่าเธอไม่รักกู แค่เธอมีอย่างอื่นที่รักมากกว่ากูก็เท่านั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    237

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    42

    ผู้เข้าชมรวม


    237

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    30
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ย. 67 / 14:37 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “เรามานอนคุยกันก่อนดีไหม” ผมไม่ควรแสดงอาการหอบเหนื่อยเหมือนจะตาย ทั้งที่มันเพิ่งจะเป็นเซ็กซ์รอบแรกแต่มันก็เก็บอาการไว้ไม่อยู่ หวังว่าเธอคงไม่มองว่าผมเป็นคนไก่อ่อนแต่ปากดี ส่วนหนึ่งผมขอโยนความผิดให้เธอคนนี้ร่วมรับผิดชอบ เธอแม่งโคตรเซ็กซี่ ผมไม่เคยเห็นร่างกายที่สวยขนาดนี้มาก่อน หน้าอกสวยกลมกลึง เอวบางคอดเล็กรับกับสะโพกผายแถมยังเนียนยิ่งกว่าตูดเด็ก เด็ดสุดคงจะเป็นเสียงครางหวานเซ็กซี่ของเธอทำเอาใจของวรัญเต้นแรง ระริกระรี้อยากจะเอาเธอแรง ๆ สุดท้ายคนใช้แรงอย่างผมต้องหอบแฮ่ก จากที่คิดว่าจะลุกขึ้นแล้วทำตัวเท่ ๆ จับขาเธอมาพาดบ่าแล้วเริ่มรอบสอง ผมก็ทำไม่ไหว ล้มตัวข้างกายเธอแทน



    “เธออยากคุยอะไร” บัวชมพูเกยคางบนแผงอก อัตราการเต้นของหัวใจยังคงอยู่ในความเร็วขั้นวิกฤต ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มหวานบาดใจ รู้ตัวอีกทีเผลอยื่นมือลูบหัวเธอเข้าแล้ว



    “ก็อยากทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่”



    “ถามจริง?” เสียงหัวเราะเล็ก ๆ พลันทำให้หัวใจของผมคันยุบยิบ ผู้หญิงคนนี้เล่นกับใจคนเก่งจังวะ “เพื่อนใหม่ที่นอนเอากันงี้เหรอ”



    “อ่าฮะ เธอคิดว่ายังไง” สำหรับตอนนี้ผมกับเธอคงต้องใช้สถานะนี้กำหนดระดับความสัมพันธ์ของเราก่อนชั่วคราว



    หนึ่งเดือนก่อนผมรู้จักบัวชมพูผ่านเกมออนไลน์เกมหนึ่ง จำได้ว่าเรารู้จักกันด้วยประโยคนี้ ‘เล่นให้ดีมันจะตายหรือไง’ เธอส่งข้อความทักมาด่าผมในแชตหลังจากผมทิ้งทีมกลางทางเพราะต้องรีบไปรับป๋าไวท์กับแม่เบลล์ที่สนามบิน ผมเล่นดีได้แต่เกมจะสำคัญกว่าบุพการีไม่ได้ ท่านทั้งสองอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลบินมาเยี่ยมลูกชายสุดที่รักในวันคริสต์มาส ผมจะทำตัวเป็นลูกเนรคุณได้ยังไง

    วนกลับมาที่เรื่องของผมกับสาวสวยคนนี้

    เราเริ่มต้นรู้จักกันในวันคริสต์มาส ซานตาครอสโยนกล่องของขวัญที่ชื่อว่า บัวชมพู มาให้ผมรู้จัก

    ตอนนั้นผมตอบกลับข้อความของเธอไปว่า...

    ยังไงนะ จำไม่ได้แล้ว

    อ้อ จำได้ละ ๆ

    ‘ใจเย็นเบบี๋ เราขอแก้ตัว ต่อไปเราจะแบกเธอไปทั้งชีวิต’

    จากวันนั้นเราสองคนก็มักจะเจอกันบ่อย ๆ ผ่านโลกของเกมออนไลน์ คุยกันผ่านเกม เสียงของเธอน่ารักมาก คิดว่าตัวจริงต้องน่ารักมากแน่ ๆ ความอยากรู้ทำให้ผมตัดสินใจนัดเจอเธอหลังจากแบกเธอจนหลังหักครบหนี่งเดือน



    ‘เจอกันไหม’



    ‘อยากเจอเรา?’



    ‘อืม คิดว่าเธอคงไม่อยากพลาดที่จะเจอเราเหมือนกัน’



    ‘หลงตัวเองชะมัด’



    ‘ใครว่า เราอาจจะหลงเธอก็ได้’



    ‘นี่ จีบ’



    ‘จีบแปลว่าอะไร’



    ‘เราจีบไม่เป็น’



    ‘ไม่รู้จะเอาอะไรมาเชื่อเธอ’



    ‘ความน่ารักของเธอไง’



    ‘แหวะ เลี่ยนมาก’



    ‘HA HA HA let's catch up’



    ผมนัดเจอเธอร้านอาหารไทยแถวย่านอะพาร์ตเม้นต์ซึ่งผมพักอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทสุดซี้ปึ้ก แต่ผมขอเลิกเป็นเพื่อนสนิทของมันชั่วคราว ไอ้ป้องติดหญิงจนไม่มีเวลามาอยู่กับเพื่อนแล้ว ที่ผ่านมาผมจึงมีเพื่อนใหม่อย่างบัวชมพูเข้ามาแทนที่



    เรานัดกันว่าจะใส่เสื้อสีชมพูมาเจอกัน ผมไม่มีเสื้อสีชมพูก็เลยใส่หมวกแก็บสีชมพูแทน เรานัดเจอกันเวลาสองทุ่ม คนว่างอย่างผมมาก่อนเวลาถึงยี่สิบนาที จัดการสั่งอาหารบางส่วนให้เธอแล้ว วันก่อนเธอบ่นว่าอยากกินส้มตำเพราะไม่ได้กินมานานมาก ผมถามกลับว่านานกี่ปี เธอบอกว่าจำไม่ได้เพราะมันนานเกินไป คาดเดาว่าเธอคงอาศัยอยู่ที่อเมริกานานแล้ว อาจจะนานกว่าผมที่เพิ่งมาอยู่เข้าปีที่สาม



    บานประตูด้านหน้าของร้านเปิดออกพร้อมกับเสียงกระดิ่งแขวนเหนือประตูเพื่อแจ้งให้พนักงานรู้ว่าลูกค้าคนใหม่กำลังเข้ามาด้านใน ผมช้อนสายตาขึ้นมองด้วยความตื่นเต้น



    ผู้หญิงหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ทั้งตัวเธอไม่มีสีชมพูแต่ทำไมผมรู้สึกมั่นใจว่าเธอคนนี้คือคนที่ผมนัดเจอ



    เราสองคนสบสายตากัน ดวงตากลมโตมองผมแล้วอมยิ้มน้อย ๆ เธอเดินมายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเธอคนนี้ต้องใช่แน่ ๆ กระทั่งเธอเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม



    “เสื้อสีชมพู” เธอมองเสื้อโค้ทสีดำของผมแล้วเอ่ยถามขึ้นมา



    “เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีเสื้อสีชมพูก็เลยใส่หมวกมาแทนนี่ไง” ผมจับปลายหมวกแก็บพลางฉีกยิ้มกว้าง “เธอก็ไม่ได้ใส่สีชมพู”



    เสื้อโค้ทของเธอเป็นสีเทาเข้ากับหมวกไหมพรมสีเดียวกัน ด้านในเป็นเสื้อฮีทเทคคอเต่าสีดำ ท่อนล่างเป็นกระโปรงลายสก็อตสั้น สวมถุงน่องสีดำกับรองเท้าบู๊ทเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายในวันที่อุณหภูมิติดลบ เธอแต่งตัวได้คุมโทนสุด ๆ



    “ใส่สิ”



    “หรือเราจะตาบอดสี” ผมถามยิ้ม ๆ



    “ทำไมรู้ว่าเป็นเรา” เธอถาม



    “เธอน่ารัก คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ อีกอย่างเธอเดินมาหาเรา”



    “ก็เธอใช้รูปตัวจริงตั้งโพรไฟล์”



    “อ่า” ไม่จำเป็นต้องนัดใส่เสื้อสีอะไร เธอก็จำผมได้อยู่ดี “ตัวจริงกับรูป ใครหล่อกว่า”



    “ตัวจริง”

    “ใช่ไหมล่ะ รูปจะหล่อกว่าตัวจริงได้ไง” กล้องราคาหลักแสนก็ไม่สามารถเก็บความหล่อของผมได้หมด พูดได้เต็มปากว่าตัวเองคือความภาคภูมิใจของป๊ากับแม่ โดยเฉพาะป๊าของผม ขยันชมลูกชายเช้าเย็น ผมได้ยินว่าป๊าชมว่าลูกชายหล่อเหมือนป๊าตั้งแต่จำความได้

    “เราเพิ่งเจอคนหลงตัวเองแต่เถียงกลับไม่ได้สักคำ”

    “ประชดปะเนี่ย”

    “พูดจริง ๆ เธอหล่อ ไม่สิ หล่อมาก”

    น้ำเสียงอาจฟังดูไม่ค่อยมั่นใจแต่นั่นแหละทำให้ผมรู้ว่าเธอไม่ได้พูดประชด เธอกำลังประหม่าที่ต้องเอ่ยชมกัน



    “เธอก็น่ารัก” ดวงตากลมโตสีน้ำตาล ปากนิด จมูกหน่อย หน้าเนียนใสราวกับเด็กมัธยม “เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้”



    “รู้จักเหรอ”



    “รู้จักสิ เคยเล่นตอนเด็ก ๆ”



    “ถามจริง?” เธอถามตาโตตกใจราวกับว่าไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ “เธอคงไม่ใช่...”

    บัวชมพูชะงักไปครู่หนึ่งราวกับไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งที่อยากรู้ออกมาอย่างไรไม่ให้เสียมารยาทกับคนที่เพิ่งเจอกัน “เราไม่ค่อยเห็นเด็กผู้ชายเล่นตุ๊กตา”



    “เรามีพี่สาวฝาแฝดน่ะ สองคนนั้นชอบชวนเราเล่นแต่งตัวตุ๊กตา แต่เราชอบผู้หญิงนะ” ผมไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดจึงรีบเอ่ยออกไป



    “อ้อ” เธอเอ่ยรับอย่าวเก้อเขิน



    “ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่เหรอ เรา 21”



    “22”



    “เกิดเดือนอะไรเหรอ เรามกรา”



    “ธันวา”



    “งั้นเราสองคนก็น่าจะรุ่นเดียวกันปะ แค่เกิดท้ายปีกับหัวปี”



    “คิดว่างั้น”



    “ว้า เสียดายจังคิดว่าจะได้ยินเธอเรียกเราว่า น้อง แล้ว” ผมฉีกยิ้มกว้างให้เธอ พนักงานของร้านนำอาหารมาเสิร์ฟพอดี ส้มตำ ปีกไก่ทอด คอหมูย่าง ต้มยำกุ้ง ร้านนี้ผมกับป้องมักจะแวะมากินข้าวกันเป็นประจำ บางวันผมก็ขอเข้าครัวไปทำอาหารเองเพราะบางเมนูไม่ได้มีในร้าน



    “อยากเป็นน้องเหรอ”



    “ก็อยากได้ฟีลไอ้หมาเด็ก” เอ่ยหยอกพร้อมกับหยิบปีกไก่ทอดแกะเอาเนื้อใส่จานให้เธอ “แทะกระดูกเก่งมาก”



    “พูดตรง ๆ นะ เราไม่ได้เตรียมตัวเพื่อจะรับมือกับเธอเลย” บัวชมพูจับส้อมแล้วจิ้มเนื้อไก่เข้าปาก เธอมองผมคล้ายกำลังอ่านใจกัน ผมยินดีให้เธออ่านใจกันได้อย่างเต็มที่



    “การที่ต้องรู้ทุกอย่างมันน่าเบื่อจะตายว่าไหม” ผมชอบใช้ชีวิตโดยสัญชาตญาณมากกว่าแบบแผน ไอ้ TO DO LIST เอย PLAN FUTURE เอย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีอยู่ในความคิด ถ้าหากเอาแต่ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ ชีวิตจะมีความหมายอะไรหากไม่ได้ใช้มันอย่างเต็มที่ในทุกด้าน คนอย่างผมไม่เคยมีขีดจำกัดให้กับสิ่งใด

    “แต่เราไม่ชอบความไม่รู้ มันทำให้เราเหมือนคนโง่” บัวชมพูดก็มีแนวคิดในการใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน แม้ว่าแนวคิดของเธอจะแตกต่างจากผม



    มันเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก คนเราไม่มีทางเหมือนกัน แน่นอนว่าผมชอบความแตกต่างที่ลงตัวในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง



    “กินข้าวแล้วไปนั่งชิลล์กันต่อปะ”



    “ที่ไหน”



    “ห้องเรา”



    “ไม่ได้ชวนแค่ไปนั่งชิลล์แล้วมั้ง”



    “ก็อาจจะมีกิจกรรมอื่นด้วย”



    “เอาสิ” บัวชมพูดตอบรับด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ไร้แววเขินอายราวกับเธอรู้อยู่แล้วว่าการนัดเจอกันครั้งนี้จะจบลงอย่างไร



    “เอาเนาะ”





    เพื่อนใหม่ที่นอนเอากันงี้เหรอ?



    “เธอคิดว่ายังไง” เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง นั่งกินข้าว นั่งดื่มเหล้าแล้วจบลงที่เตียง ผมจึงไม่อยากจะยัดเยียดสถานะผูกมัดให้กับเธอ แต่ใจก็ไม่อยากให้มันเป็นเพียงวันไนต์แสตนด์ก็เลยลองเสนอคำนิยามว่าเพื่อนนอนออกไป “อยากเจอเธออีก”



    “อยากเจอหรืออยากเอาอีก” บัวชมพูหัวเราะพลางใช้นิ้วเขี่ยปลายคางของผมเล่น



    “อยากเจอสิ แต่เรื่องอยากเอาให้มันเป็นเรื่องของอารมณ์” ผมคงพูดไม่ได้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย “เธอล่ะ”



    “ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไร แต่อยากเอามากกว่า”



    “งั้นมาเป็นเซ็กซ์พาร์ทเนอร์กันปะ” ผมเสนอด้วยแววตาลุกวาว ส่วนไอ้เสือน้อยพร้อมเตรียมรบรอบสองแล้ว



    “นานแค่ไหน”



    “ก็จนกว่าเธอจะบอกไม่อยากเป็นแล้ว” อย่างที่บอกผมไม่เคยกังวลกับเรื่องอนาคต ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันมากกว่า



    “แล้วหลังจากนั้นล่ะ”



    “มันก็มีอยู่สองทาง หนึ่งไปต่อในสถานะอื่นที่จริงจังขึ้น สองไม่ไปต่อแล้วแยกย้ายกัน” ผมก็อยากให้มันแฟร์ทั้งสองฝ่าย แม้จะรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายย่อมได้เปรียบมากกว่า ฉะนั้นผมจึงต้องรอบคอบและรัดกุมเรื่องเซ็กซ์ให้ได้มากที่สุด “เราจะคุมให้ดีไม่มีพลาดแน่นอน”



    “ถ้าหากพลาดล่ะ”



    “ถ้าหากเธอพลาดก็ขอให้เก็บเขาเอาไว้ เธอไม่พร้อมจะเลี้ยงเขา แต่ขอเวลาแค่เก้าเดือนให้เขาเกิดมา เราจะดูแลเธอให้ดีที่สุด หลังจากนั้นเราจะเลี้ยงลูกเอง”



    “ไหนบอกว่าไม่โฟกัสเรื่องอนาคต”



    “ก็เธอถาม เราก็ต้องมีคำตอบให้ปะ” ผมอาจไม่ได้วางแผนเรื่องอนาคตจริงจังแต่ผมเป็นคนชัดเจน และไม่ชอบตอบคำว่าไม่รู้ ผมเชื่อว่าทุกคำถามที่ถูกเอ่ยขึ้นมาแล้วย่อมต้องการคำตอบทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดคำถามขึ้นมาเพื่อสิ่งใดกัน



    “อืม”



    “อืมคือตกลงจะเป็นเพื่อนนอนกันใช่ไหม”



    คราวนี้บัวชมพูพยักหน้าแล้วขึ้นคร่อมตัวผม แววตาบ่งบอกว่าได้เวลาเริ่มรอบที่สองกันแล้ว และครั้งนี้เธอจะเป็นคุมเกมเอง “เราไม่อยากนอนเฉย ๆ”



    “ดีเลย เราอยากนอนเฉย ๆ อยู่พอดี”



     ฝากติดตามกันด้วยน้า แวะกดเข้าชั้นกันได้ค่ะ 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น