คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -SIX
……………………………………………………………………………………………………
แบคฮยอนที่นั่งตาแดงก่ำอยู่ในรถมองวิวที่ผ่านไปอย่างเงียบๆ แม้จะหยุดร้องแล้วแต่คำพูดทำร้ายจิตใจของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่ไปไหน
นี่เขากำลังโดนรังเกียจจากคนที่เค้าแอบรักอยู่งั้นหรอ…
“แบคฮยอนกลัวหรอลูก” แทยอนถามออกมาเพื่อทำลายความเงียบในรถ แม้ลูกชายของเธอจะหยุดร้องไห้ได้ซักพักแล้ว แต่การที่นั่งเงียบๆแบบนี้มันน่าอึดอัดใจมากกว่า
“ไม่หรอครับแม่ แบคแค่คิดอะไรนิดหน่อย อีกไกลไหมครับ”
“เดี๋ยวก็ถึงแล้วจ๊ะ ไม่ต้องคิดมากนะ”
“แม่ครับ แบคจะได้กลับบ้านไหม…ถ้าแบคหายแม่จะมารับแบคไหม..แล้วถ้าแบคไม่หายแม่จะทิ้งแบคไว้รึเปล่า…” แบคฮยอนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆจากดวงตาที่ช้ำจนแดงก่ำที่พึ่งหยุดจากการร้องไห้ซักพัก ให้มันช้ำและแดงก่ำขึ้นไปอีก
เขากลัว..กลัวเหลือเกินว่าทุกคนจะทิ้งเขาไป..
ตั้งแต่คนๆนั้นที่ทำร้ายเขา…
พี่จงอินที่รังเกียจเขา..
เขาเหลือแม่แค่คนเดียว..เขากลัวว่าแม่ที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย..จะทิ้งเขาไปอีกคน..
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะแบคฮยอน” แทยอนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ถ้าลูกพูดแบบนี้แสดงว่าลูกไม่เชื่อใจแม่ แบคฮยอนแม่ก็เหลือลูกเป็นคนสุดท้าย ลูกเจ็บแค่ไหนอยากให้รู้ว่าแม่เจ็บยิ่งกว่า ต่อให้แม่ต้องตายแม่ก็ไม่มีวันจะทิ้งลูกไปไหนเด็ดขาด” แทยอนกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เธอไม่อยากให้ลูกชายเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอเธอคือที่พึ่งสุดท้ายของลูกข้อนั้นเธอเข้าใจดี และเธอก็อยากให้ลูกรู้ว่าเธอจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของลูกตลอดไป
“แม่ครับ..แบค..แบคขอโทษครับแม่ แบคจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” แบคฮยอนเอียงตัวมากอดแขนแม่ตัวเองไว้แน่นราวกับว่ากลัวแม่จะหายไป
แทยอนยกมือข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยมาลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ
สองแม่ลูกปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆกับทางไปโรงพยาบาลที่เหมือนจะใกล้ขึ้นทุกที
เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ลูกไปเผชิญเรื่องแบบนี้ ชีวิตเธอแบคฮยอนมีค่าที่สุด เธอเหลือแค่แบคฮยอนลูกชายที่รักคนเดียว
แต่เพื่อทำให้แบคฮยอนหาย แบคฮยอนไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้ ให้ตายเธอก็ยอมทำ
นี่แหละนิยามความเป็นแม่ของพยอนแทยอน
…………………………………………………………………………………….
“แบคลูก ถึงแล้วตื่นเถอะ” แทยอนเขย่าแขนลูกชายที่ซบไหล่เธอจนหลับไปเพราะอ่อนเพลียจากการร้องไห้ ท่านอนอ้าปากกว้างแบบเด็กๆ ยิ่งเห็นแบบนี้เธอก็ยิ่งรู้ว่าลูกเธอยังเด็กเกินไปที่จะมาที่แบบนี้หรือเปล่า
“งื้ออ ถึงแล้วหรอครับแม่” แบคฮยอนลืมตาที่ปวดตุบๆขยี้เบาๆแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น และหวาดกลัวเขาไม่รู้ว่าจะต้องเข้าไปเจออะไรบ้างในอาคารสีขาวสูงใหญ่นี้
“ถึงแล้วจ๊ะ แบคฮยอนกลัวไหมลูก ไม่ต้องกลัวนะแม่จะอยู่ข้างๆลูกนะ” แทยอนเอื้อมมือไปกุมมือแบคฮยอนแล้วบีบเบาๆ
“ครับแม่แบคจะไม่กลัวเข้าไปกันเถอะนะครับ แบคพร้อมแล้ว” แบคฮยอนยิ้มตอบแม่ตัวเองบางๆ เขาไม่อยากหนีต่อไปแล้ว
พอออกจากรถเดินเข้าไปในตัวโรพยาบาล ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนเขาถูกจ้องมองอยู่ตลอด รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ จนต้องเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในตัวตึกของโรงบาลให้ไวที่สุด
‘น่าขนลุกชะมัดเลย’
……………………………………………………………………………………………….
“ตอนนี้คุณหมอคริสกำลังตรวจคนไข้อีกสองเคสนะคะ รบกวนคุณแทยอนพาน้องแบคฮยอนไปนั่งรออยู่ด้านหน้าก่อนนะคะ เดี๋ยวซักพักก็เรียบร้อย แล้วดิฉันจะเรียกอีกทีนะคะ” พยาบาลสาวบอกด้วยน้ำเสียงใจดียิ้มแย้มตลอดทำให้แบคฮยอนอุ่นใจขึ้นมาอีกนิ๊ด… นิดเดียวจริงๆก็เค้าคิดว่าโรงบาลแบบนี้พยาบาลต้องโหดๆซะอีกนี่นา
“แบคฮยอนเราไปนั่งรอกันตรงนั้นก่อนนะลูก” แทยอนจูงมือที่เย็นเฉียบของลูกชายมานั่งที่เก้าอี้สีขาวยาวๆของโรงบาล ยิ้มให้ลูกชายหน่อยๆก่อนจะหยิบหนังสือในชั้นของโรงบาลมานั่งอ่านรอเวลา
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่ออะไรคะ” เสียงของพยาบาลสาวคนเดิมดังขึ้นทำให้แทยอนและแบคฮยอนต้องเงยหน้าหันไปมอง พอแทยอนเห็นว่ามีคนมาติดต่อเลยไม่สนใจจึงก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนเดิม
แต่แบคฮยอนนี่สิกลับละสายตาไปไหนไม่ได้เลย คนแรกเป็นผู้ชายตัวเล็กๆแก้มยุ้ยๆน่ารักที่กำลังพูดกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงฉะฉาน และอีกคน ผู้ชายผมสีขาว ใบหน้าเรียวได้รูปรวมๆก็หล่อ…ร่างสูงโปร่งแต่กลับดูแข็งแรง แววตาเย็นชาและก็เหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น…
แววตาเหมือนเด็กที่กำลังเจอของเล่นชิ้นใหม่น่าสนใจ งั้นหรอ?…
ทำไมแบคฮยอนถึงได้รู้ว่าแววตาของผู้ชายคนนั้นเย็นชาหนะหรอ ก็เพราะตั้งแต่เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง ผู้ชายคนนั้นก็เอาแต่จ้องหน้าเขานิ่งๆไม่ละสายตาไปไหนเลยหละสิ ทำเอาแบคฮยอนถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อกระดิกไปไหนไม่ได้เลย ทำไมสายตาคนๆนี้ถึงได้น่ากลัวพิลึกแบบนี้นะ
‘ฮื้ออ แม่ครับ แบคจะทำไงดีละเนี้ย’
“อ๋อที่โทรมาติดต่อไว้เมื่อวานใช่ไหมคะ เคสของคุณลู่หาน…ขอหมอคริสเป็นผู้ดูแลเคสนี้ใช่ไหมคะ…งั้นเชิญนั่งรอก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวหมอคริสตรวจคนไข้เสร็จดิฉันจะเรียกตามคิวเลยค่ะ”
พอได้ยินเสียงพยาบาลสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วประโยคถัดมานี่แสดงว่าคนๆนั้นกำลังจะเดินมานั่งตรงนี้ ทำเอาแบคฮยอนรีบหลบสายตาก้มหน้างุดมือกำกางเกงตัวเองแน่น
‘ทำไงดีๆๆๆๆ แง้’
ซิ่วหมิวที่ฟังพยาบาลพูดจบก็ยิ้มให้น้อยๆก่อนหันมามองที่เก้าอี้ก็พบกับผู้หญิงที่กำลังก้มอ่านหนังสือ กับเด็กผู้ชายที่นั่งก้มหน้าตัวสั่นน้อยๆ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ก็นี่มันโรงบาลแบบนี้ คนสั่นกว่านี้คงมีอีกเยอะละมั้ง..
ซิวหมินทำท่าจะไปนั่งข้างๆสองคนนั้น แต่ไอ่ลู่หานตัวดีนี่สิกลับเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับสองคนนั้นทำให้เขาต้องเดินตามไปนั่งด้วยคน
ตอนแรกก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่หรอกนะ แต่ไอ่ลู่หานที่นั่งจ้องเด็กที่ตัวสั่นคนนั้นไม่ละสายตาไปไหน ทำเอาเขาแทบจะตัวสั่นเหมือนกับเด็กนั่น ดูสายตาที่มันมองเด็กนั่นสิยังกับจะกินเข้าไปทั้งตัวงั้นแหละ
ซิวหมินเอาศอกกระทุ้งสีข้างของลู่หานเบาๆเพื่อให้หยุด เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าจากหนังสือมามองพวกเขา แล้วก็มองลู่หานสลับกับมองเด็กข้างๆตัวเองด้วยสายตาสงสัย
“เอ่อ….ขอโทษนะครับ พอดีน้องชายผมเค้าสติไม่ค่อยดีหนะครับ” ซิวหมินพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มน้อยให้ผู้ผู้หญิงคนนั้น ประโยคนั้นทำเอาลู่หานชะงักก่อนจะตวัดสายตามองซิวหมินนิ่งๆ ทำเอาคนที่พึ่งจะพูดประโยคนั้นไปอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย แค่สายตาเฮียก็ทำซิวหมินคนนี้เย็นวาบละครับ…..
“อ๋อค่ะ ไม่เป็นไรค่ะๆ แบคฮยอนไม่ต้องกลัวนะลูกพี่เขาไม่ทำอะไรเราหรอก” ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่เด็กคนนี้หรอเนี้ยไม่บอกซิ่วหมินคงคิดว่าเป็นพี่สาว..
“คะครับแม่..” แบคฮยอนหันไปตอบแม่ก่อนที่จะเหลือบสายตาไปมองตรงหน้ายิ้มให้พี่แก้มยุ้ยแห้งๆ แต่พอเลื่อนสายตามามองอีกคนก็ยิ่งอยากจะกลับไปก้มหน้าเหมือนเดิม
‘แง้..แม่ทำไมไม่บอกแบคหละว่าไอ่คนนี้มันยังมองอยู่หละ..’
“คุณแทยอนเชิญเข้าห้องหมอคริสได้เลยค่ะ” เหมือนเสียงสวรรค์ทำเอาแบคฮยอนเด้งตัวขึ้นลุกยืนตรงก้าวฉับๆตามแม่เข้าห้องของหมอไป
‘ไปไหนก็ได้ มันดีกว่าตรงนี้แน่นอน อัดอัดเป็นบ้าเลย’
“ทำไมไปจ้องเด็กนั่นขนาดนั้นว่ะลู่หาน” ซิ่วหมินรีบหันมาถามหลังจากที่สองแม่ลูกนั่นลับสายตาหายเข้าไปในห้องตรวจ
“อยากรู้เรื่องของชาวบ้านจนติดเป็นนิสัยหยั่งลึกเลยนะหมินอ่า” ลู่หานตอบกลับมานิ่งๆแต่ประโยคนั่นทำเอาซิ่วหมินหน้าชา ‘ด่าตรงๆยังเจ็บน้อบกว่าเลย’
“โอ๊ย เออไม่อยากรู้แล้วโว๊ย แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าหมินอ่าได้ไหมขนลุก” จริงๆก็ไม่ขนลุกอะไรมากหรอก แต่หมินอ่าเนี้ย ไอ่เด็กนั่นมักจะเรียกเขาประจำเลยนี่นา ก็ไม่ได้หวงให้เรียกได้เฉพาะเด็กนั่นหรอกนะ! แต่ก็ดีกว่าให้ไอ่หน้านิ่งนี่เรียกก็แล้วกันชิ!
“อ่อหรอ หมินอ่า”
“เออ ตามใจเถอะจะเรียกอะไรก็เรียก กูเพลียกูเหนื่อย!” ซิวหมินพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด โอ๊ยอยากจะบ้าจริงๆโว๊ย
................................................................................................
ตอนนี้อาจสั้นไปนิดดดนะเพราะร่างกายไม่ไหวจริงๆ
ที่หายไปเพราะใกล้สอบงานเยอะมว๊าก ไหนจะซ้อมบูมอีก เดินแทบไม่ไหวT^T
แต่ฟิคเรื่องนี้ก็ไม่หายไปไหนนะ จะอัพต่อเรื่อยๆ วันเสาร์ ไม่ก็อาทิตย์จะมาลงอีกตอน
อย่าพึ่งเลิกอ่านกันนะทุกคน เม้น=กำลังใจ
ขอบคุณค้า
ความคิดเห็น