ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] light&dark {lubaek , kaido ,etc.}

    ลำดับตอนที่ #6 : -FIVE

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 57








    ………………………………………………………………………………………………………….

     

    หลังจากที่แบคฮยอนแกล้งจงอินได้สมใจ สายตาที่เย็นชามีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดค่อยๆเดินกลับเข้ามาในห้องที่มืดนิดนั่นช้าๆเอาหัวพิงไปทีกระจกหน้าต่าง ทอดสายตามองไปสายยางที่จงอินทิ้งไว้ ค่อยๆเอาหัวที่พิงกระจกกระแทกลงไปช้าๆ


    แล้วค่อยๆเพิ่มแรงขึ้นไปอีก


    เสียงดังของหัวที่กระแทกกับกระจกดังขึ้นเรื่อยๆในความมืด


    แรงกระแทกที่ไม่เบานั้นทำให้หัวของคนตัวเล็กขึ้นสีแดงจนน่ากลัว



    แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของหัวบอบบางนั่นก็ไม่คิดจะหยุดการกระทำนั้น แต่กลับเพิ่มแรงขึ้นไปอีก



    จนกระจกมีรอยร้าวเล็กน้อยทำให้มีเศษกระจกที่เปิดออกมากแทงเข้าไปในหัวของเขา....


    เพิ่มบาดแผลขึ้นเรื่อยๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผลนั่นไม่หยุด แต่เขาก็ไม่คิดจะเบาแรงลงสักนิด


    เหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด...

     

     

    “หึหึ..คนโง่..คนโง่ต้องโดนลงโทษแบคฮยอนคนโง่ไม่มีใคร….รักความมืด....คนน่ารังเกียจต้องโดนลงโทษ…” พึมพำวนไปวนมาซ้ำๆแรงกระแทกของหัวก็ไม่ได้เบาลงแม้แต่น้อย

     









    ………………………………………………………………………………….

     

    แบคฮยอนตื่นมาในตอนเช้าเพราะแสงแดดส่องจ้าทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็พบว่าตัวเองนอนขดอยู่ที่ริมหน้าต่าง

     

    “อ๊ะ เจ็บจัง..” พอตื่นเต็มตาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา เขาค่อยๆยกมือขึ้นไปแตะบริเวณมุมหน้าผากบนซ้ายเบาก็ต้องชักมือกลับ เพราะเจ็บปวดเกินจะจับที่มาของความเจ็บนั่นได้ เลื่อนมือตัวเองมามองระดับสายตาก็ต้องเบิกตาโพลง

     

    เลือด….ทำไมเลือดเยอะขนาดนี้

     

    กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งแบคฮยอนรู้สึกเหนียวๆที่ไหล่ซ้ายจึงค่อยๆหันไปมองก็ต้องเบิกตาโพลงอ้าปากค้างด้วยความตกใจขึ้นไปอีก เพราะบริเวณเสื้อที่ไหล่และแขนของเขานั้นชุ่มไปด้วยเลือด ที่มีบางส่วนแห้งกรังไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังเปียกๆ เหมือนมันยังไหลออกมาไม่หยุด

     

    “แบคฮยอนแม่ขอเข้าไปนะลูกสายแล้วทำไมไม่ตื่นซะที เดี๋ยวไปเรียนสายกันพอดี…. แบคฮยอน!!!!!!!”  แทยอนที่เคาะประตูเรียกลูกชายอยู่ซักพักก็แปลกใจเพราะไม่มีเสียงตอบกลับมาจากคนในห้องจึงต้องเปิดประตูออกเข้าไป

     

    ภาพตรงหน้าทำให้เธอต้องตะโกนออกมาเสียงหลง

     

    ลูกชายคนเดียวของเธอที่หันมามองเธอดวงตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่หัวมีรอยแผลขนาดใหญ่เลือดสีแดงข้นไหลออกมาช้าๆ เต็มลำคอและเปื้อนเสื้อสีขาวเต็มไปหมด พอมองสูงขึ้นก็เห็นที่มาของแผลนั่น กระจกหน้าต่างที่มีรอยร้าวขนาดใหญ่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเป็นวงกว้าง

     

     

    “มะ….แม่ครับแบคเจ็บ”  

     

    ตุ๊บ!

     

    แบคฮยอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียแผ่วเบาก่อนที่จะล้มอย่างหมดแรงลงไปกับพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวเพราะเสียเลือดไปมาก แทยอนรีบถลาไปประคองลูกชายมากอดในอ้อมแขน

     

     

    “อินนา!!!จงอิน!!!ช่วยด้วย!!!!เรียกรถพยาบาลเร็ว!!!!” เธอแทบเสียสติที่ลูกชายตัวเล็กล้มลงไปต่อหน้าต่อตา

     

     

    จงอินที่กำลังสะลึมสะลือเดินออกมาจากห้องเพราะกว่าจะนอนได้ก็เกือบเช้าเพราะภาพไอ่ตุ๊กตานั่นติดตาเขาหลอนทั้งคืน ก็ต้องตกใจกับเสียงที่ดังลั่นบ้าน พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามเสียงนั่นไป

     

     

    “มีอะไรหรอกครับคุณหญิง  คุณหนู!!!!!” จงอินช็อคกับภาพตรงหน้าตัวชาไปหมด

     

     

    เกิดอะไรขึ้นคุณหนู….’

     

     

    “จงอิน ไปโทรเรียกรถพยาลมาเร็ว  เร็วสิ!!!

     

     

    “ครับๆ”  จงอินที่ถูกแทยอนตะโกนใส่ก็ตั้งสติได้ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อเอาโทรศัพท์โทรไปเรียกรถพยาบาล ก็สวนกับป้าของเขาที่รีบร้อนขึ้นมาจากชั้นล่างเพราะเสียงนั้นเหมือนกัน

     

     

    “จงอินเกิดอะไรขึ้น!” อินนาถามหลานชายอย่างร้อนรน

     

     

    “คุณหนูทำร้ายตัวเองอีกแล้วป้าเข้าไปดูเถอะ ผมจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล” พูดจบจงอินก็วิ่งเข้าห้องไปโทรเรียกรถพยาบาท ทิ้งให้อินนายืนตัวแข็งทื่อ

     

     

    ก็มีหลายครั้งที่คุณหนูทำร้ายตัวเอง แต่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน

     

     

    อีกไม่นานจงอินก็รีบมาอุ้มร่างคนตัวเล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือดลงไปชั้นล่างเพราะรถพยาบาลก็มารับไป แทยอนขึ้นไปกับรถนั้นอย่างร้อนรนทิ้งให้จงอินกับอินนามองตามอย่างเป็นกังวลไม่ต่างจากแทยอน

     

     

    ขอให้อย่าเป็นอะไรเลยนะคุณหนู….’

     

     

    ………………………………………………………………

     

     

    แทยอนมองลูกชายที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้ซักพัก เธอเอาแต่ลุกๆนั่งๆเดินวนไปมาไม่หยุด

     

     

    แบคฮยอนต้องไม่เป็นอะไรนะลูก

     

     

    อีกซักพักประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออดแทยอนรีบถลาเข้าไปถามอาการของลูกชายทันที

     

     

    “คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นไงบ้างคะ”

     

     

    “คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ ดีที่บาดแผลไม่กว้างมากแต่ก็ลึกเอาเรื่องอยู่ เสียเลือดไปเยอะแต่ตอนนี้หมอเติมเลือดให้แล้ว ถ้าฟื้นตรวจอาการอีกทีก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วครับ”

     

     

    “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆค่ะ” แทยอนโค้งให้คุณหมอโล่งใจที่ลูกชายไม่เป็นอะไรมากนัก

     

     

    “ไม่เป็นไรครับเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว แต่บาดแผลแบบนี้คนไข้โดนทำร้ายมาหรอครับ คุณแม่น่าจะไปแจ้งความไว้ก่อนนะครับ” หมอถามออกมาพราะบาดแผลนั้นไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุได้ เพราะบาดแผลมันมีหลายรอย เหมือนถูกกระแทกซ้ำๆ

     

     

     

    …..ทราบแล้วค่ะเดี๋ยวจะไปแจ้งความไว้ คุณหมอคะฉันจะเข้าไปเยี่ยมลูกได้เลยไหมคะ” แทยอนรีบเปลี่ยนเรื่องอ้างว่าจะไปแจ้งความเพราะถ้าบอกไปว่าลูกเธอได้รับอุบัติเหตุ หมอคงต้องไม่เชื่อง่ายๆแน่นอนเพราะบาดแผลแบบนั้นมันไม่น่าเกิดขึ้นได้

     

     

    “อีกซักครู่พยาบาลจะพาคนไข้ไปห้องพักฟื้นนะครับคุณก็เข้าไปเยี่ยมได้เลย ถ้ายังไงแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็โค้งแล้วก็เดินจากไป

     

     

    “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”

     

     

    Rrrrrrrrrrrr

     

    “ฮัลโหล” แทยอนกดรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเบอร์ที่โทรเข้าก็เป็นเบอร์จากบ้าของเธอเอง

     

     

    “คุณหญิงคะ คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ” 

     

     

    “ตอนนี้ปลอดภัยแล้วจ๊ะอินนา รอให้แบคฮยอนฟื้นก็น่าจะกลับบ้านได้”

     

     

    “ขอบคุณสวรรค์ ดีแล้วค่ะคุณหญิง เดี๋ยวป้าจะเตรียมอาหารไว้รอนะคะ” ปลายสายถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะตอนที่เห็นสภาพคุณหนูตอนแรกอินนากังวลมาก

     

     

    “จ๊ะ อินนาแบคฮยอนออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วฉันเข้าไปหาลูกก่อนนะ” แทยอนรีบบอกลาและวางสายจากอินนา เพราเห็นพยาบาลเข็นเตียงลูกชายเธอออกมาจากห้องฉุกเฉินเข้าไปในห้องพักคนไข้

     

     

    ……………………………………………………………

     

     

    “อื้อ

     

     

    “แบคฮยอนฟื้นแล้วหรอลูก เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” แทยอนรีบลุกจากเก้าอี้เข้าไปลูบแขนถามไถ่อาการของลูกชายทันทีที่เห็นว่าเขาลืมตาขึ้นมามองรอบๆห้องทำตาปริบๆ

     

     

    “แม่ครับ แบคอยู่ที่ไหน..

     

     

    “โรงพยาบาลจ๊ะ ลูกสลบไปหนะแม่คิดว่าจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก แต่ปลอดภัยแล้วไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวแม่ไปตามพยาบาลมาให้นะลูก” แทยอนผละมือออกจากแขนของลูกชาย ตั้งท่าจะเดินออกไปจากเรียกพยาบาลก็ชะงักเพราะถูกลูกชายจับดึงแขนไว้แน่น

     

     

    “แม่ครับฮึก.แบคแบคเป็นอะไรฮึกแบคเป็นตัวอะไรกันแน่ครับ….” แบคฮยอนน้ำตาไหลพรากตัวสั่นสะอื้นจับแขนแม่ตัวเองไว้แน่น เขาเริ่มจะมั่นใจแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน..

     

     

    “แบคฮยอน” แทยอนมองภาพตรงหน้าแทบขาดใจ

     

    เธอจะบอกลูกว่าอย่างไรดี

     

    ถึงเวลาที่แบคฮยอนสมควรรู้แล้วหรือยัง

     

     

    “ฮึกได้โปรดครับแม่ได้โปรดบอกผม” แบคฮยอนปล่อยโฮออกมาเพราะเค้าทั้งกลัว ทั้งสับสน ทั้งอยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่

     

     

     

    “ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ แม่จะบอกทุกอย่างเอง ไม่ร้องแล้วนะ” แทยอนโผเข้ากอดลูกชายตัวเองอย่างหวงแหนลูบหลังปลอบโยนเด็กตัวเล็กคนนี้น้ำตาขอเธอก็ไหลไม่ต่างจากลูก

     

     

     

    ความเจ็บปวดที่แบคฮยอนรู้สึก แทยอนที่เป็นแม่รู้สึกเจ็บยิ่งกว่า

     

     

     

    ………………………………………………………………

     

    หลังจากที่เรียกหมอมาตรวจอาการของแบคฮยอน หมอก็ให้เขานอนพักอีกสักครู่แล้วก็ให้กลับบ้านได้ หมอออกไปหมดแล้วเหลือแต่สองแม่ลูกที่ตอนนี้ลูกชายนั่งมองผู้เป็นแม่ตาแป๋ว อย่างรอคำตอบหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่ตายังคงแดงก่ำ

     

     

    “แม่ครับเล่าได้แล้ว แบคพร้อมแล้ว”

     

     

    “เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้” แทยอนลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงลูกชายเอื้อมมือไปลูบหลังมือลูกชายอย่างอ่อนโยน “แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่มันเริ่มขึ้นเมื่อหกปีที่แล้ว หลังจากที่เกิดเรื่องนั้น หลังจากตอนที่ลูกไม่ยอมออกจากห้องสามวัน ตอนกลางคืนลูกก็….แปลกไป”

     

     

    แบคฮยอนตั้งใจฟังทุกคำที่ออกมาจากแม่ของเขา ใจกระตุกวูบเมื่อรู้ว่าเขาผิดปกติมาหกปีแล้ว…. เขายังจำเรื่องราวเมื่อหกปีที่แล้วได้ดีคนคนนั้นที่ทำให้เขาต้องขังตัวเองอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องสามวันไม่ยอมออกไปไหน แต่วันนึงเค้าก็ออกมา ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เข้าใจมาตลอดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรแล้วเขาหายกลัวแล้วนี่ทำไมถึงเป็นแบบนี้

     

     

    “แปลกแบบไหนครับแม่….ผมฆ่า….ผมฆ่าจะ..เจ้าพวกนั้นด้วยใช่ไหม..” แบคฮยอนตัวสั่นเทิ้มไปหมดเมื่อฉุกคิดได้ว่าหกปีที่ผ่านมา สัตว์เลี้ยงของเขาทุกตัว….ตาย

     

     

    “คะคือ” แทยอนอึกอักไม่รู้จะตอบอะไรออกไปเธอสงสารลูกเหลือเกิน เธอเลื่อนมือไปลูบหัวลูกชายเบาๆ

    “ฟังแม่นะแบคฮยอน ไม่ว่าลูกจะเป็นแบบไหนลูกก็คือลูกแม่ เราต้องผ่านไปให้ได้นะลูก”

     

     

    “แต่แม่ครับ ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ผมกลัวแม่ครับผมกลัวตัวเอง..” แบคฮยอนตอบไปอย่างที่ใจคิด เพราะเขากลัวที่จะทำร้ายคนอื่น เค้าทำได้อย่างไร เค้าฆ่าฮานะเองกับมือจริงๆหรือ

     

     

    “จริงๆแล้วแม่ก็ปรึกษาหมอเรื่องอาการของลูกมานานแล้ว ถ้าลูกไม่ว่าอะไรแม่ก็จะพาลูกไปหาหมอ” แทยอนอึกอักเล็กน้อยเพราะเธอกังวลว่าลูกจะรับไม่ได้และโกรธเธอที่แอบไปทำอะไรแบบนั้น

     

     

    “หมอหมออะไรครับแม่ แม่จะพาผมไปรักษาที่ไหนครับ

     

     

    “คุณหมอคริสจ๊ะลูก คุณหมอคริส..ที่โรงพยาบาลจิตเวชเจจอง” หลังจากประโยคที่ออกมาจากปากของแม่เขา ทำให้แบคฮยอนตัวแข็งทื่อค้างนิ่งไป โรงพยาบาลจิตเวช…. หมายความว่าเค้าไม่ได้แค่แปลกไปแต่เขากำลังเป็นบ้า…..

     

     

    “ถ้าลุกไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะแม่แค่ไปปรึกษา ลูกแม่จะเป็นยังไง..

     

     

    “ขอเวลาผมหน่อยได้ไหมครับแม่.. ผมอยากไปรักษาแต่ผม

     

     

    “ไม่เป็นไรลูกๆ แม่เข้าใจไม่ต้องรีบไปหรอกนะ พักผ่อนก่อนเถอะนะเดี๋ยวเราจะได้กลับบ้านกัน” แทยอนรีบแทรกพูดขึ้นเพราะเห็นแววตาที่สับสนของลูก แต่ก็โล่งใจที่แบคฮยอนไม่ได่ปฎิเสธว่าจะไม่ไปที่นั่น

     

     

    “ผมดีขึ้นแล้วครับแม่ไม่เจ็บเท่าไหร่ ผมอยากกลับบ้าน

     

     

    “ได้จ๊ะๆ แน่ใจนะว่าไหว แม่ได้เอารถมานะลูกเราคงต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านกัน”

     

     

    “ไหวแน่นอนครับแม่ ผมออกจะแข็งแรง” ไม่พูดเปล่าแต่กลับทำท่าแบ่งโชว์กล้ามแขนเรียวนั่นให้แม่ดู

     

     

    “ฮ่าๆๆ กล้ามหรือไขมันแขนกันแน่ลูกคนนี้ งั้นเดี๋ยวรอแปบนะแม่ไปจ่ายค่ายาแล้วเรากลับบ้านกัน” แทยอนขำออกมากับท่าทางของลูกชาย เธอโล่งใจอย่าบอกไม่ถูกที่ลูกชายไม่ได้คิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก

     

    แต่หลังจากที่แทยอนเดินออกไปแบคฮยอนมองตามแผ่นหลังของแม่ตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะหายใจออกมายาวๆพร้อมกับแววตาเศร้าหมอง

     

     

    โลกใบนี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเขานะ

     

     

     

    ………………………………………………

     

    อินนากับจงอินที่กำลังเตรีมอาหารในครัวเงียบๆหลังจากที่รู้ว่าคุณหนูตัวเล็กของบ้านปลอดภัยพวกเขาก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    “เอ่อนี่จงอิน เมื่อคืนหลานไปรดน้ำต้นไม้แล้วลืมปิดน้ำหรอ ตอนเช้าป้าไปปิดให้น้ำนองไปทั่วสวนเลย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะนอกจากจะเปลืองค่าน้ำแล้วยังจะทำต้นไม่ในสวนเน่าตายอีก” อินนาเอ็ดหลานชายตัวเอง เพราะเมื่อเช้าเธอต้องไปปิดน้ำให้เพราะได้ยินเสียงน้ำไหลในสวน

     

     

    “ผมไม่ได้ลืมหรอกป้า แต่ผมไม่มีเวลาปิด”

     

     

    “หมายความว่ายังไงห๊ะ” อินนาละมือจากการหั่นผักก่อนที่จะจ้องมองหลานตัวเองอย่างสังสัย แค่ปิดน้ำทำไมจะไม่มีเวลากัน

     

     

    “ก็คุณหนูแหละป้าเค้าร้องเพลงสยองๆใส่ผมแถมยังหย่อนตุ๊กตาประหลาดๆใส่ผมอีก ผมนี่สติแทบกระเจิง ไม่เป็นลมอยู่ในสวนก็ดีแค่ไหนแล้ว” จงอินตอบป้าเค้าไปตรงๆเพราะตอนนั้นใครจะว่าเค้าตุ๊ดเค้าแต๋วก็ว่าเถอะ บรรยากาศแบบนั้นใครจะไปแมนไหวกัน

     

     

    “นี่จงอิน เกินไปแล้วนะ เลิกพูดเรื่องนี้แล้วทำกับข้าวต่อเถอะ” อินนาเอ็ดหลานเบาๆก่อนที่จะก้มลงไปหั่นผักต่อ

     

     

    “เอาจริงๆนะป้า ผมก็ชอบคุณหนูนะผมรู้ว่าผมไม่ควร แต่คุณหนูตอนเช้าสดใสเหลือเกิน” จงอินพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

     

     

    “ก็ยังดีที่หลานรู้ว่ามันไม่ควร...” อินนาส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินเลี่ยงหันหลังให้หลานตัวเองเพื่อเอาผักไปล้าง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าจงอินคิดยังไงกับคุณหนู

    ที่สำคัญเธอก็รู้ว่าคุณหนูคิดยังไงกับจงอินแต่สถานะที่แตกต่างกันขนาดนี้ เธอก็ไม่แน่ใจว่าแทยอนจะรับได้ไหม แม้แทยอนจะไม่ใช่คนหยิ่งทะนงตัว แต่อินนาเองต่างหากที่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่อยากให้หลานชายตัวเองคิดเกินเลยอะไรกับคุณหนู

     

     

    “เอาตรงๆนะป้า ผมก็ชอบคุณหนูนะ แต่ก็เฉพาะตอนเช้า ตอนกลางคืนนี่ไม่ไหวสยองเกินจะทน ถ้าผมคบใครแล้วต้องคอยกังวลว่าตอนกลางคืนเค้าจะลุกมาฆ่าผมไหม มันจะมีความสุขอะไร” จงอินพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด หลังจากที่เขาอยู่ที่นี่ได้ซักพักแม้จะชอบคุณหนูมากแค่ไหน ใจเต้นเสมอเวลาที่คุณหนูยิ้มให้ แต่นั่นมันก็เฉพาะตอนเช้า พอตอนกลางคืนเค้าไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคุณหนูด้วยซ้ำไป สงสารคุณหนูก็สงสาร แต่ก็ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเหมือนกัน….

     

     

    “ป้าเองก็ต้องระวังนะพักนี้คุณหนูอารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำร้ายตัวเองได้ขนาดนั้นเกิดบุกเข้าห้องมาทำร้ายป้าจะแย่เอาล็อคกลอนประตูให้ดีด้วยนะป้า”

     

     

    “จงอิน!!!หยุดเลยนะ” อินนาที่หันกลับมาจะเอ็ดหลานชายก็แทบจะหาลิ้นไม่เจอ เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหลังของหลานชายนั่น………..

     

    คุณหนู…………

     

     

    “อะไรป้า ผมพูดความจริงนะถึงคุณหนูจะน่ารักแค่ไหนแต่ตอนกลางคืนก็ไว้ใจไม่ได้นะต้องระวังตัวเองให้ดีๆ”

     

     

     

    “ผะผมมันผมมันน่ารังเกียจน่ากลัวจนต้องระวังไม่ให้ใกล้ผมขนาดนั้นเลยหรอกครับ….พี่จงอิน…..” เสียงที่ดังขึ้นมานั้นทำเอาจงอินตัวชา ค่อยๆหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นก็ยืนยันเสียงได้ชัดเจน คุณหนู….

     

     

    แบคฮยอนและแทยอนที่กลับมาถึงบ้าน แต่คนในบ้านคงจะไม่ได้ยินเสียงรถเพราะรถแท็กซี่จอดอยู่แค่ตรองประตูรั้วใหญ่ ทำให้เขากับแม่ต้องเดินเข้ามา แทยอนเดินเลี่ยงขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาชั้นบน  แต่แบคฮยอนเดินไปที่ห้องครัวเพราะเผื่อเขาจะได้ช่วยทำอาหารบ้าง

    อีกอย่างเค้าก็แอบคิดว่าป้าอินนาและพี่จงอิน….จะเป็นห่วงเขาอยู่เลยจะไปบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก

     

     

    แต่สิ่งที่เค้าได้ยินกลับทำเอาเขาเจ็บปวดกว่าแผลที่หัวซะอีก

     

     

    “คุณหนูครับผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” จงอินเหมือนถูกแช่แข็ง คุณหนูของเขาที่น้ำตาไหลอาบนองหน้าตัวสั่นที่กำลังส่งสายตาตัดพ้อมาให้เขา นั่นทำให้จงอินใจหวิวได้ไม่ยาก

     

     

    …..ฮึก..แบคมันน่ารังเกียจแบคมันตัวอันตรายแบคมันฆาตกรฮึก..แบบนี้ที่พี่หมายถึงสินะครับ” แบคฮยอนเจ็บปวดแทบขาดใจเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกรังเกียจและหวาดกลัวจากคนที่เขารักมาโดยตลอด..ใช่เขาแอบรักจงอินมาโดยตลอดแต่วันนี้นอกจากเขาจะรู้ว่าจงอินไม่เพียงแต่ไม่รักเค้าแต่ยัง….หวาดกลัวไม่อยากเข้าใกล้เขาเสียด้วยซ้ำไป

     

     

    “คุณหนูคะ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”

     

     

    “นี่มันอะไรกัน” แทยอนที่ลงมาจากชั้นบนเดินมาที่ห้องครัวเพื่อตามลูกชายขึ้นไปอาบน้ำก็พบกับบรรยากาศแปลกๆในนี้ แถมยังเห็นแผ่นหลังที่สั่นเทิ้มของลูกชายตัวเอง

     

     

    “แม่ครับฮือออ” แบคฮยอนที่ได้ยินเสียงแม่ก็หันเข้าไปกอดแน่นแล้วปล่อยโฮออกมา จนทำให้แทยอนสับสนเข้าไปอีกได้แต่ลูบหลังปลอบโยนเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดพร้อมกับส่งสายตาถามจงอินและอินนาที่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของเธอ

     

     

    “ฉันถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแบคฮยอนเป็นแบบนี้” แทยอนคาดคั้นเองคำตอบเพราะลูกชายตัวเล็กของเธอร้องไห้ไม่หยุดเสียที

     

     

    “คือว่าผมความผิดผมเองแหละครับคุณหญิงคือ

     

     

    “มะ..ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกครับแม่..ฮึก..มันเป็นความผิดของแบคเองแบคมันน่าเกลียดน่ากลัวฮึก….แม่ครับได้โปรดพาแบคไป….พาแบคไปรักษาตอนนี้…ช่วยพาแบคออกไปจากที่นี่นะครับแม่..ฮึก..”  จงอินที่กำลังจะบอกความจริงไปก็ถูกคุณหนูแทรกขึ้นมาเขารู้สึกเหมือนโดนอะไรมาทุบที่หัว มึนงงไปหมด อยากจะบอกกับคุณหนูเหลือเกินว่าเขาไม่ได้รังเกียจคุณหนู แต่ก็เหมือนจะหาปากตัวเองไม่เจอ….



    หรือบางทีลึกๆเขากำลังคิดแบบนั้นอยู่กันแน่

     

     

    ด้านแทยอนที่ได้ยินคำตอบจากลูกชายของตัวเองก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมา ลูบหัวปลอบลูกชายเงียบๆก่อนที่จะบอกให้แบคฮยอนไปรอเธอที่รถแล้วเธอจะตามไป

     

     

    พอแบคฮยอนเดินออกไปจากห้องครัว แทยอนก็หันมามองจงอินที่ก้มหน้านิ่ง

     

     

    “จงอินฉันไม่โกรธเธอหรอกนะที่จะกลัวลูกฉันฉันเข้าใจ..และฉันก็พอรู้ว่าเธอคิดยังไงกับลูกฉันเหมือนกัน”  แทยอนพูดเสียงเรียบมองตาจงอินที่ยอมเงยหน้ามาสบตาเธอแล้ว

     

     

    “แต่ถ้าเธอชอบลูกฉันแค่ด้านสว่างของเขาอย่างเดียว แต่กลับรับด้านที่มืดมิดของเขาไม่ได้ นั่นก็แปลว่าเธอไม่ได้รักลูกฉันในทุกๆอย่างที่เขาเป็น ฉันไม่เคยสนใจในเรื่องความเหมาะสมความเท่าเทียม ฉันรู้ว่าลูกฉันก็ชอบเธอ แต่ถ้าเธอคิดแบบนี้กับแบคฮยอน ฉันก็ขอสั่งว่าต่อแต่นี้ไป อย่ามายุ่งกับลูกชายฉันอีก” แทยอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

     

     

    “คุณหญิงครับผมขอโทษคือผม” จงอินเหมือนถูกตบหน้าเค้าพูดอะไรไม่ออก แบคฮยอนก็ชอบเขางั้นหรอ..

     

     

    “ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกจงอิน ฉันเข้าใจเรื่องแบบนี้ใครจะทำใจรับได้ก็ลำบาก แต่ถ้าฉันจะต้องยกลูกชายคนเดียวให้ใครดูแล คนๆนั้นก็ต้องเป็นคนที่รักทุกๆอย่างที่เป็นแบคฮยอน” แทยอนคิดแบบนั้นจริงๆเธอไม่ได้โกรธอะไรจงอินมากนักเพราะเธอเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ใครที่จะยอมรับได้ แต่เชื่อว่าต้องมีสักคนที่รักทั้งแสงสว่าง และ ความมืด ของแบคฮยอน อย่างแน่นอน

     

     

     เหตุผลนั้นก็ทำเอาจงอินนิ่งไปทันที …. มันก็ถูกอย่างที่คุณหญิงว่า

     

     

    “เอาหละฉันฝากบ้านด้วยนะจงอินฉันจะพาแบคฮยอนไปโรงบาล อ่อ แล้วก็เตรียมจัดกระเป๋าให้แบคฮยอนด้วยนะอินนา หมอคริสเคยบอกฉันว่าถ้าไปรักษาก็คงต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นซักพัก แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับมาเอาไปให้แบคฮยอน”

     

     

    “ได้เลยค่ะคุณหญิง ขอบคุณนะคะที่ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจงอิน..

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะอินนา ฉันเข้าใจ ฉันไปก่อนนะ”

     

     

    แทยอนเดินออกมาไปขึ้นรถที่มีลูกชายเธอนั่งตัวสั่นสะอื้นอยู่ในนั้นลูบหัวปลอบลูกชายเบาๆ นั้นก่อนที่จะขับออกมาจากตัวบ้านมุ่งหน้าไป โรงพยาบาลจิตเวชเจจอง

     

     

    ………………………………………………………………………..

     

    “แผนเราก็เป็นแบบนี้นะลู่หาน เอ๊ะ! นี่นายฟังฉันอยู่ไหมเนี้ย” ซิวหมินตะคอกใส่คนข้างๆที่ไม่สนใจการอธิบายแผนของเขาแม้แต่น้อย ทั้งที่ตอนนี้เขาสองคนนั่งอยู่ในรถในโรงจอดรถของโรงบาลเจจองแล้ว

     

    “นี่หมินอ่า คนบ้าจำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าได้ยังไงด้วยหรอ อย่าโชว์ให้ฉันรู้ว่าสมองนายน้อยนักสิ” ลู่หานตอบกลับไปเรียบๆสายตาก็ทอดมองไปในตัวโรงพยาบาลที่เงียบสงบมือก็ลูบเจ้าหมาน้อยที่เขาเก็บมาเลี้ยงวันนั้นบนตักเบาๆ

     

     

    “โธ่เว้ย! ฉันละอยากจะฆ่านายจริงๆลู่หาน ยังไงก็อย่าให้หมอจับได้หละว่านายไม่ได้บ้า เรื่องมันจะยุ่งยากไปใหญ่”

     

     

    ลู่หานที่ฟังเสียงที่เขาคิดเสมอว่าน่ารำคารของซิวหมินไปอย่างไม่สนใจอะไร ซิวหมินเป็นคนรอบคอบอยู่ในกรอบเกินไปจนเขาคิดว่าน่าเบื่อ คนอะไรทำอะไรต้องมีแผนไปซะทุกอย่าง

     

     

    คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาก็สะดุดตากับรถสีขาวที่เข้ามาจอดในลานจอดรถข้างๆรถของพวกเขา ลู่หานมองนิ่งก่อนที่จะเห็นคนลงมาจากรถนั่น คนแรกเป็นผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยหน้าตาสวยไม่เบา

    และอีกคนทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งนั่งตัวตรงแต่ก็ยังคงใบหน้าเรียบเฉยไว้อย่างเดิม มองเด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม จมูกรั้นๆ ปากสีสวยที่คว่ำน้อยๆ ค่อยเดินผ่านหน้ารถเขา ลู่หานมองเด็กชายตรงหน้าก่อนที่จะก้มมองไอ่หมาบนตักตัวเอง สลับไปมา จ้องมองตามจนเด็กคนนั้นเดินลับหายไปในตัวอาคารของโรงพยาบาล

     

     

    นี่มันไอ่หมาเวอร์ชั่นคนรึเปล่าว่ะ

     

     

    “เห้ย! ลู่หานฟังอยู่รึปล่าวว่ะเนี้ย” ซิ่วหมินที่พึ่งรู้สึกตัวว่าเหมือนตัวเองโดนปล่อยให้พูดคนเดียวเพราะไอ่คนที่เขาพูดให้ฟังกลัวเอาแต่มองไปนอกรถนิ่งๆ สลับกับมองหมาบนตักตัวเอง

     

     

    “อืม ว่าไงนะ”

     

     

    “โอ้ย!ฉันจะบ้าตาย ช่างมันเถอะ แล้วนี่จะเอาไอ่ตัวนี้เข้าไปอยู่ด้วยจริงๆหรอ” ซิวหมินถามพลางมองหมาน้อยน่ารักบนตักของลู่หานที่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับเจ้าตัวสักนิด

     

     

    “อืม”

     

     

    “แล้วแน่ใจนะว่าจะอยู่โรงบาลนี้ ที่นี่การรักษาระดับต้นๆของเอเชียเลยนะ นั่นก็หมายความว่าเปอร์เซ็นการที่จะโดนจับได้ก็สูงขึ้นไปอีก” ซิวหมินถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

     

     

    “ไม่หรอก ที่นี่แหละตอนแรกมั่นใจ ตอนนี้ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีก ไอ่หมาอาจจะเจอเพื่อนอีกตัวก็ได้

     


    ซิวหมินที่ได้ฟังคำตอบของลู่หานก็งงๆ แต่หลังจากนั้นก็ต้องขนลุกพรึบขึ้นมาทันที...

     

     

    ซิวหมินเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของลู่หานเพราะตอนนี้ลูหานหันข้างให้เขาอยู่

     

     

    แต่อย่าบอกนะว่า เมื่อกี้ลู่หาน….มันยิ้ม…..

     

     

    ไม่จริงซิวหมินแกคงนอนดึกเกินไปเลยทำให้เห็นภาพหลอน  ตื่นสิตื่น

     

     

    อยู่กับไอ่ลู่หานนี่ได้ไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องเจอกับความประสาทเสียจนไปถึงหลอนเพราะเห็นไอ่หมอนี่ยิ้ม

     

     

    หวังว่าพอส่งลู่หานเข้าไปเสร็จเขาจะไม่ต้องตามเข้าไปอยู่จริงๆด้วยคนหรอกนะ….

     

     

    โอ๊ยกูจะบ้าแล้วครับ!!!!






    ...............................................................

    ในที่สุดก็เจอกันแล้วนะ 55555555555
    เค้าจัดหน้ากระดาษไม่เก่ง อ่านยากกันไหมเอ่ย เพราะยังมือใหม่นี่คือครั้งแรกที่แต่งฟิคเลย
    สนุกไม่สนุกก็เม้นกันได้ เค้ารออ่านทุกวันเลยนะจริงๆ

    ส่วนคนที่เม้นประจำ เราอยากบอกว่า ขอบคุณมากจริงๆค่ะ คุณคือกำลังใจที่ดีมากจริงๆ
    เคยอ่านแต่ฟิคมาไม่เข้าใจว่าทำไมไรท์ต้องขอให้เม้นท์ วันนี้เข้าใจแล้ว มันมีความสุขเวลาที่ได้อ่าน
    เวลาที่คนอ่านเข้าใจตัวละครที่เราพยายามจะนำเสนอ .ปาดน้ำตาแปบ...

    ยังไงก็อย่าพึ่งเลิกอ่านฟิคนี้กันนะ ถึงจะมือใหม่แต่เราก็จะพยายามเต็มที่
    แม้จะเหลือคนอ่านแค่คนเดียว เราก็จะแต่งให้จบ!!!!
    บางทีแค่คนมาชอบสิ่งที่เราทำ แค่คนเดียวมันก็ปลื้มมากเลยนะๆๆ


    อ๋อๆๆๆ มันมีช่องแฟนคลับไรด้วยอ่ะเค้าพึ่งเห็น5555 ขอบคุณที่กดกันน้า
    แล้วก็มีช่องวิจารณ์ด้วย ถ้าว่างก็รบกวนหน่อยนะ เค้าจะได้ปรับปรุง


    วันนี้เม้าท์เยอะมากเอิ้กๆ
    เลิฟยูนะคนอ่าทู๊กคนนน

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×