คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : -FIVE
………………………………………………………………………………………………………….
หลังจากที่แบคฮยอนแกล้งจงอินได้สมใจ สายตาที่เย็นชามีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดค่อยๆเดินกลับเข้ามาในห้องที่มืดนิดนั่นช้าๆเอาหัวพิงไปทีกระจกหน้าต่าง ทอดสายตามองไปสายยางที่จงอินทิ้งไว้ ค่อยๆเอาหัวที่พิงกระจกกระแทกลงไปช้าๆ
แล้วค่อยๆเพิ่มแรงขึ้นไปอีก
เสียงดังของหัวที่กระแทกกับกระจกดังขึ้นเรื่อยๆในความมืด
แรงกระแทกที่ไม่เบานั้นทำให้หัวของคนตัวเล็กขึ้นสีแดงจนน่ากลัว
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของหัวบอบบางนั่นก็ไม่คิดจะหยุดการกระทำนั้น แต่กลับเพิ่มแรงขึ้นไปอีก
จนกระจกมีรอยร้าวเล็กน้อยทำให้มีเศษกระจกที่เปิดออกมากแทงเข้าไปในหัวของเขา....
เพิ่มบาดแผลขึ้นเรื่อยๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากแผลนั่นไม่หยุด แต่เขาก็ไม่คิดจะเบาแรงลงสักนิด
เหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด...
“หึ…หึ..คนโง่..คนโง่ต้องโดนลงโทษ…แบคฮยอนคนโง่…ไม่มีใคร….รักความมืด....คนน่ารังเกียจต้องโดนลงโทษ…” พึมพำวนไปวนมาซ้ำๆแรงกระแทกของหัวก็ไม่ได้เบาลงแม้แต่น้อย
………………………………………………………………………………….
แบคฮยอนตื่นมาในตอนเช้าเพราะแสงแดดส่องจ้าทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็พบว่าตัวเองนอนขดอยู่ที่ริมหน้าต่าง
“อ๊ะ เจ็บจัง..” พอตื่นเต็มตาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา เขาค่อยๆยกมือขึ้นไปแตะบริเวณมุมหน้าผากบนซ้ายเบาก็ต้องชักมือกลับ เพราะเจ็บปวดเกินจะจับที่มาของความเจ็บนั่นได้ เลื่อนมือตัวเองมามองระดับสายตาก็ต้องเบิกตาโพลง
เลือด….ทำไมเลือดเยอะขนาดนี้…
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งแบคฮยอนรู้สึกเหนียวๆที่ไหล่ซ้ายจึงค่อยๆหันไปมองก็ต้องเบิกตาโพลงอ้าปากค้างด้วยความตกใจขึ้นไปอีก เพราะบริเวณเสื้อที่ไหล่และแขนของเขานั้นชุ่มไปด้วยเลือด ที่มีบางส่วนแห้งกรังไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังเปียกๆ เหมือนมันยังไหลออกมาไม่หยุด…
“แบคฮยอนแม่ขอเข้าไปนะลูกสายแล้วทำไมไม่ตื่นซะที เดี๋ยวไปเรียนสายกันพอดี…. แบคฮยอน!!!!!!!” แทยอนที่เคาะประตูเรียกลูกชายอยู่ซักพักก็แปลกใจเพราะไม่มีเสียงตอบกลับมาจากคนในห้องจึงต้องเปิดประตูออกเข้าไป
ภาพตรงหน้าทำให้เธอต้องตะโกนออกมาเสียงหลง
ลูกชายคนเดียวของเธอที่หันมามองเธอดวงตาคลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่หัวมีรอยแผลขนาดใหญ่เลือดสีแดงข้นไหลออกมาช้าๆ เต็มลำคอและเปื้อนเสื้อสีขาวเต็มไปหมด พอมองสูงขึ้นก็เห็นที่มาของแผลนั่น กระจกหน้าต่างที่มีรอยร้าวขนาดใหญ่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเป็นวงกว้าง
“มะ….แม่ครับแบคเจ็บ…”
ตุ๊บ!
แบคฮยอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียแผ่วเบาก่อนที่จะล้มอย่างหมดแรงลงไปกับพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวเพราะเสียเลือดไปมาก แทยอนรีบถลาไปประคองลูกชายมากอดในอ้อมแขน
“อินนา!!!จงอิน!!!ช่วยด้วย!!!!เรียกรถพยาบาลเร็ว!!!!” เธอแทบเสียสติที่ลูกชายตัวเล็กล้มลงไปต่อหน้าต่อตา
จงอินที่กำลังสะลึมสะลือเดินออกมาจากห้องเพราะกว่าจะนอนได้ก็เกือบเช้าเพราะภาพไอ่ตุ๊กตานั่นติดตาเขาหลอนทั้งคืน ก็ต้องตกใจกับเสียงที่ดังลั่นบ้าน พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามเสียงนั่นไป
“มีอะไรหรอกครับคุณหญิง คุณหนู!!!!!” จงอินช็อคกับภาพตรงหน้าตัวชาไปหมด
‘เกิดอะไรขึ้นคุณหนู….’
“จงอิน ไปโทรเรียกรถพยาลมาเร็ว เร็วสิ!!!”
“ครับๆ” จงอินที่ถูกแทยอนตะโกนใส่ก็ตั้งสติได้ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อเอาโทรศัพท์โทรไปเรียกรถพยาบาล ก็สวนกับป้าของเขาที่รีบร้อนขึ้นมาจากชั้นล่างเพราะเสียงนั้นเหมือนกัน
“จงอินเกิดอะไรขึ้น!” อินนาถามหลานชายอย่างร้อนรน
“คุณหนูทำร้ายตัวเองอีกแล้วป้าเข้าไปดูเถอะ ผมจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล” พูดจบจงอินก็วิ่งเข้าห้องไปโทรเรียกรถพยาบาท ทิ้งให้อินนายืนตัวแข็งทื่อ
ก็มีหลายครั้งที่คุณหนูทำร้ายตัวเอง แต่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้…ไม่เคยมีมาก่อน…
อีกไม่นานจงอินก็รีบมาอุ้มร่างคนตัวเล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือดลงไปชั้นล่างเพราะรถพยาบาลก็มารับไป แทยอนขึ้นไปกับรถนั้นอย่างร้อนรนทิ้งให้จงอินกับอินนามองตามอย่างเป็นกังวลไม่ต่างจากแทยอน
‘ขอให้อย่าเป็นอะไรเลยนะคุณหนู….’
………………………………………………………………
แทยอนมองลูกชายที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้ซักพัก เธอเอาแต่ลุกๆนั่งๆเดินวนไปมาไม่หยุด
‘แบคฮยอนต้องไม่เป็นอะไรนะลูก’
อีกซักพักประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออดแทยอนรีบถลาเข้าไปถามอาการของลูกชายทันที
“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นไงบ้างคะ”
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ ดีที่บาดแผลไม่กว้างมากแต่ก็ลึกเอาเรื่องอยู่ เสียเลือดไปเยอะแต่ตอนนี้หมอเติมเลือดให้แล้ว ถ้าฟื้นตรวจอาการอีกทีก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆค่ะ” แทยอนโค้งให้คุณหมอโล่งใจที่ลูกชายไม่เป็นอะไรมากนัก
“ไม่เป็นไรครับเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว แต่บาดแผลแบบนี้คนไข้โดนทำร้ายมาหรอครับ คุณแม่น่าจะไปแจ้งความไว้ก่อนนะครับ” หมอถามออกมาพราะบาดแผลนั้นไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุได้ เพราะบาดแผลมันมีหลายรอย เหมือนถูกกระแทกซ้ำๆ…
“…..ทราบแล้วค่ะเดี๋ยวจะไปแจ้งความไว้ คุณหมอคะฉันจะเข้าไปเยี่ยมลูกได้เลยไหมคะ” แทยอนรีบเปลี่ยนเรื่องอ้างว่าจะไปแจ้งความเพราะถ้าบอกไปว่าลูกเธอได้รับอุบัติเหตุ หมอคงต้องไม่เชื่อง่ายๆแน่นอนเพราะบาดแผลแบบนั้นมันไม่น่าเกิดขึ้นได้
“อีกซักครู่พยาบาลจะพาคนไข้ไปห้องพักฟื้นนะครับคุณก็เข้าไปเยี่ยมได้เลย ถ้ายังไงแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็โค้งแล้วก็เดินจากไป
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
Rrrrrrrrrrrr
“ฮัลโหล” แทยอนกดรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเบอร์ที่โทรเข้าก็เป็นเบอร์จากบ้าของเธอเอง
“คุณหญิงคะ คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วจ๊ะอินนา รอให้แบคฮยอนฟื้นก็น่าจะกลับบ้านได้”
“ขอบคุณสวรรค์ ดีแล้วค่ะคุณหญิง เดี๋ยวป้าจะเตรียมอาหารไว้รอนะคะ” ปลายสายถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะตอนที่เห็นสภาพคุณหนูตอนแรกอินนากังวลมาก
“จ๊ะ อินนาแบคฮยอนออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วฉันเข้าไปหาลูกก่อนนะ” แทยอนรีบบอกลาและวางสายจากอินนา เพราเห็นพยาบาลเข็นเตียงลูกชายเธอออกมาจากห้องฉุกเฉินเข้าไปในห้องพักคนไข้
……………………………………………………………
“อื้อ…”
“แบคฮยอนฟื้นแล้วหรอลูก เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” แทยอนรีบลุกจากเก้าอี้เข้าไปลูบแขนถามไถ่อาการของลูกชายทันทีที่เห็นว่าเขาลืมตาขึ้นมามองรอบๆห้องทำตาปริบๆ
“แม่ครับ แบคอยู่ที่ไหน..”
“โรงพยาบาลจ๊ะ ลูกสลบไปหนะแม่คิดว่าจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก แต่ปลอดภัยแล้วไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวแม่ไปตามพยาบาลมาให้นะลูก” แทยอนผละมือออกจากแขนของลูกชาย ตั้งท่าจะเดินออกไปจากเรียกพยาบาลก็ชะงักเพราะถูกลูกชายจับดึงแขนไว้แน่น
“แม่ครับ…ฮึก.แบค…แบคเป็นอะไร…ฮึก…แบคเป็นตัวอะไรกันแน่ครับ….” แบคฮยอนน้ำตาไหลพรากตัวสั่นสะอื้นจับแขนแม่ตัวเองไว้แน่น เขาเริ่มจะมั่นใจแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน..
“แบคฮยอน…” แทยอนมองภาพตรงหน้าแทบขาดใจ
เธอจะบอกลูกว่าอย่างไรดี…
ถึงเวลาที่แบคฮยอนสมควรรู้แล้วหรือยัง…
“ฮึก…ได้โปรดครับแม่…ได้โปรด…บอกผม…” แบคฮยอนปล่อยโฮออกมาเพราะเค้าทั้งกลัว ทั้งสับสน ทั้งอยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ แม่จะบอกทุกอย่างเอง ไม่ร้องแล้วนะ…” แทยอนโผเข้ากอดลูกชายตัวเองอย่างหวงแหนลูบหลังปลอบโยนเด็กตัวเล็กคนนี้น้ำตาขอเธอก็ไหลไม่ต่างจากลูก
ความเจ็บปวดที่แบคฮยอนรู้สึก แทยอนที่เป็นแม่รู้สึกเจ็บยิ่งกว่า…
………………………………………………………………
หลังจากที่เรียกหมอมาตรวจอาการของแบคฮยอน หมอก็ให้เขานอนพักอีกสักครู่แล้วก็ให้กลับบ้านได้ หมอออกไปหมดแล้วเหลือแต่สองแม่ลูกที่ตอนนี้ลูกชายนั่งมองผู้เป็นแม่ตาแป๋ว อย่างรอคำตอบหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่ตายังคงแดงก่ำ
“แม่ครับเล่าได้แล้ว แบคพร้อมแล้ว”
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้” แทยอนลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงลูกชายเอื้อมมือไปลูบหลังมือลูกชายอย่างอ่อนโยน “แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่มันเริ่มขึ้นเมื่อหกปีที่แล้ว หลังจากที่เกิดเรื่องนั้น หลังจากตอนที่ลูกไม่ยอมออกจากห้องสามวัน ตอนกลางคืนลูกก็….แปลกไป”
แบคฮยอนตั้งใจฟังทุกคำที่ออกมาจากแม่ของเขา ใจกระตุกวูบเมื่อรู้ว่าเขาผิดปกติมาหกปีแล้ว…. เขายังจำเรื่องราวเมื่อหกปีที่แล้วได้ดี…คนคนนั้นที่ทำให้เขาต้องขังตัวเองอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องสามวันไม่ยอมออกไปไหน แต่วันนึงเค้าก็ออกมา ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เข้าใจมาตลอดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรแล้ว…เขาหายกลัวแล้วนี่…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…
“แปลกแบบไหนครับแม่….ผมฆ่า….ผมฆ่าจะ..เจ้าพวกนั้นด้วยใช่ไหม..” แบคฮยอนตัวสั่นเทิ้มไปหมดเมื่อฉุกคิดได้ว่าหกปีที่ผ่านมา สัตว์เลี้ยงของเขาทุกตัว….ตาย…
“คะคือ…” แทยอนอึกอักไม่รู้จะตอบอะไรออกไปเธอสงสารลูกเหลือเกิน เธอเลื่อนมือไปลูบหัวลูกชายเบาๆ
“ฟังแม่นะแบคฮยอน ไม่ว่าลูกจะเป็นแบบไหนลูกก็คือลูกแม่ เราต้องผ่านไปให้ได้นะลูก”
“แต่แม่ครับ ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ผมกลัว…แม่ครับผมกลัวตัวเอง..” แบคฮยอนตอบไปอย่างที่ใจคิด เพราะเขากลัวที่จะทำร้ายคนอื่น เค้าทำได้อย่างไร เค้าฆ่าฮานะเองกับมือจริงๆหรือ…
“จริงๆแล้วแม่ก็ปรึกษาหมอเรื่องอาการของลูกมานานแล้ว ถ้าลูกไม่ว่าอะไร…แม่ก็จะพาลูกไปหาหมอ…” แทยอนอึกอักเล็กน้อยเพราะเธอกังวลว่าลูกจะรับไม่ได้และโกรธเธอที่แอบไปทำอะไรแบบนั้น
“หมอ…หมออะไรครับแม่ แม่จะพาผมไปรักษาที่ไหนครับ…”
“คุณหมอคริสจ๊ะลูก คุณหมอคริส..ที่โรงพยาบาลจิตเวชเจจอง…” หลังจากประโยคที่ออกมาจากปากของแม่เขา ทำให้แบคฮยอนตัวแข็งทื่อค้างนิ่งไป โรงพยาบาลจิตเวช…. หมายความว่าเค้าไม่ได้แค่แปลกไป…แต่เขากำลังเป็นบ้า…..
“ถ้าลุกไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะแม่แค่ไปปรึกษา ลูกแม่จะเป็นยังไง..”
“ขอเวลาผมหน่อยได้ไหมครับแม่.. ผมอยากไปรักษาแต่ผม…”
“ไม่เป็นไรลูกๆ แม่เข้าใจไม่ต้องรีบไปหรอกนะ พักผ่อนก่อนเถอะนะเดี๋ยวเราจะได้กลับบ้านกัน” แทยอนรีบแทรกพูดขึ้นเพราะเห็นแววตาที่สับสนของลูก แต่ก็โล่งใจที่แบคฮยอนไม่ได่ปฎิเสธว่าจะไม่ไปที่นั่น
“ผมดีขึ้นแล้วครับแม่ไม่เจ็บเท่าไหร่ ผมอยากกลับบ้าน…”
“ได้จ๊ะๆ แน่ใจนะว่าไหว แม่ได้เอารถมานะลูกเราคงต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านกัน”
“ไหวแน่นอนครับแม่ ผมออกจะแข็งแรง” ไม่พูดเปล่าแต่กลับทำท่าแบ่งโชว์กล้ามแขนเรียวนั่นให้แม่ดู
“ฮ่าๆๆ กล้ามหรือไขมันแขนกันแน่ลูกคนนี้ งั้นเดี๋ยวรอแปบนะแม่ไปจ่ายค่ายาแล้วเรากลับบ้านกัน” แทยอนขำออกมากับท่าทางของลูกชาย เธอโล่งใจอย่าบอกไม่ถูกที่ลูกชายไม่ได้คิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก
แต่หลังจากที่แทยอนเดินออกไปแบคฮยอนมองตามแผ่นหลังของแม่ตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะหายใจออกมายาวๆพร้อมกับแววตาเศร้าหมอง
‘โลกใบนี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเขานะ’
………………………………………………
อินนากับจงอินที่กำลังเตรีมอาหารในครัวเงียบๆหลังจากที่รู้ว่าคุณหนูตัวเล็กของบ้านปลอดภัยพวกเขาก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อนี่จงอิน เมื่อคืนหลานไปรดน้ำต้นไม้แล้วลืมปิดน้ำหรอ ตอนเช้าป้าไปปิดให้น้ำนองไปทั่วสวนเลย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะนอกจากจะเปลืองค่าน้ำแล้วยังจะทำต้นไม่ในสวนเน่าตายอีก” อินนาเอ็ดหลานชายตัวเอง เพราะเมื่อเช้าเธอต้องไปปิดน้ำให้เพราะได้ยินเสียงน้ำไหลในสวน
“ผมไม่ได้ลืมหรอกป้า แต่ผมไม่มีเวลาปิด”
“หมายความว่ายังไงห๊ะ” อินนาละมือจากการหั่นผักก่อนที่จะจ้องมองหลานตัวเองอย่างสังสัย แค่ปิดน้ำทำไมจะไม่มีเวลากัน
“ก็คุณหนูแหละป้าเค้าร้องเพลงสยองๆใส่ผมแถมยังหย่อนตุ๊กตาประหลาดๆใส่ผมอีก ผมนี่สติแทบกระเจิง ไม่เป็นลมอยู่ในสวนก็ดีแค่ไหนแล้ว” จงอินตอบป้าเค้าไปตรงๆเพราะตอนนั้นใครจะว่าเค้าตุ๊ดเค้าแต๋วก็ว่าเถอะ บรรยากาศแบบนั้นใครจะไปแมนไหวกัน
“นี่จงอิน เกินไปแล้วนะ เลิกพูดเรื่องนี้แล้วทำกับข้าวต่อเถอะ” อินนาเอ็ดหลานเบาๆก่อนที่จะก้มลงไปหั่นผักต่อ
“เอาจริงๆนะป้า ผมก็ชอบคุณหนูนะผมรู้ว่าผมไม่ควร แต่คุณหนูตอนเช้าสดใสเหลือเกิน” จงอินพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ก็ยังดีที่หลานรู้ว่ามันไม่ควร...” อินนาส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินเลี่ยงหันหลังให้หลานตัวเองเพื่อเอาผักไปล้าง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าจงอินคิดยังไงกับคุณหนู…
ที่สำคัญเธอก็รู้ว่าคุณหนูคิดยังไงกับจงอิน… แต่สถานะที่แตกต่างกันขนาดนี้ เธอก็ไม่แน่ใจว่าแทยอนจะรับได้ไหม แม้แทยอนจะไม่ใช่คนหยิ่งทะนงตัว แต่อินนาเองต่างหากที่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่อยากให้หลานชายตัวเองคิดเกินเลยอะไรกับคุณหนู
“เอาตรงๆนะป้า ผมก็ชอบคุณหนูนะ แต่ก็เฉพาะตอนเช้า ตอนกลางคืนนี่ไม่ไหวสยองเกินจะทน ถ้าผมคบใครแล้วต้องคอยกังวลว่าตอนกลางคืนเค้าจะลุกมาฆ่าผมไหม มันจะมีความสุขอะไร” จงอินพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด หลังจากที่เขาอยู่ที่นี่ได้ซักพักแม้จะชอบคุณหนูมากแค่ไหน ใจเต้นเสมอเวลาที่คุณหนูยิ้มให้ แต่นั่นมันก็เฉพาะตอนเช้า พอตอนกลางคืนเค้าไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคุณหนูด้วยซ้ำไป สงสารคุณหนูก็สงสาร แต่ก็ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเหมือนกัน….
“ป้าเองก็ต้องระวังนะพักนี้คุณหนูอารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำร้ายตัวเองได้ขนาดนั้นเกิดบุกเข้าห้องมาทำร้ายป้าจะแย่เอาล็อคกลอนประตูให้ดีด้วยนะป้า”
“จงอิน!!!หยุดเลยนะ…” อินนาที่หันกลับมาจะเอ็ดหลานชายก็แทบจะหาลิ้นไม่เจอ เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหลังของหลานชายนั่น………..
คุณหนู…………
“อะไรป้า ผมพูดความจริงนะถึงคุณหนูจะน่ารักแค่ไหนแต่ตอนกลางคืนก็ไว้ใจไม่ได้นะต้องระวังตัวเองให้ดีๆ”
“ผะ…ผมมัน…ผมมันน่ารังเกียจ…น่ากลัวจนต้องระวังไม่ให้ใกล้ผมขนาดนั้นเลยหรอกครับ….พี่จงอิน…..” เสียงที่ดังขึ้นมานั้นทำเอาจงอินตัวชา ค่อยๆหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นก็ยืนยันเสียงได้ชัดเจน คุณหนู….
แบคฮยอนและแทยอนที่กลับมาถึงบ้าน แต่คนในบ้านคงจะไม่ได้ยินเสียงรถเพราะรถแท็กซี่จอดอยู่แค่ตรองประตูรั้วใหญ่ ทำให้เขากับแม่ต้องเดินเข้ามา แทยอนเดินเลี่ยงขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาชั้นบน แต่แบคฮยอนเดินไปที่ห้องครัวเพราะเผื่อเขาจะได้ช่วยทำอาหารบ้าง
อีกอย่างเค้าก็แอบคิดว่าป้าอินนาและพี่จงอิน….จะเป็นห่วงเขาอยู่เลยจะไปบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก
แต่สิ่งที่เค้าได้ยินกลับทำเอาเขาเจ็บปวดกว่าแผลที่หัวซะอีก…
“คุณหนูครับ…ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” จงอินเหมือนถูกแช่แข็ง คุณหนูของเขาที่น้ำตาไหลอาบนองหน้าตัวสั่นที่กำลังส่งสายตาตัดพ้อมาให้เขา นั่นทำให้จงอินใจหวิวได้ไม่ยาก
“…..ฮึก..แบคมันน่ารังเกียจ…แบคมันตัวอันตราย…แบคมันฆาตกร…ฮึก..แบบนี้ที่พี่หมายถึงสินะครับ…” แบคฮยอนเจ็บปวดแทบขาดใจเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกรังเกียจและหวาดกลัวจากคนที่เขารักมาโดยตลอด..ใช่เขาแอบรักจงอินมาโดยตลอด…แต่วันนี้นอกจากเขาจะรู้ว่าจงอินไม่เพียงแต่ไม่รักเค้า…แต่ยัง….หวาดกลัว…ไม่อยากเข้าใกล้เขาเสียด้วยซ้ำไป…
“คุณหนูคะ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”
“นี่มันอะไรกัน” แทยอนที่ลงมาจากชั้นบนเดินมาที่ห้องครัวเพื่อตามลูกชายขึ้นไปอาบน้ำก็พบกับบรรยากาศแปลกๆในนี้ แถมยังเห็นแผ่นหลังที่สั่นเทิ้มของลูกชายตัวเอง
“แม่ครับ…ฮือออ” แบคฮยอนที่ได้ยินเสียงแม่ก็หันเข้าไปกอดแน่นแล้วปล่อยโฮออกมา จนทำให้แทยอนสับสนเข้าไปอีกได้แต่ลูบหลังปลอบโยนเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดพร้อมกับส่งสายตาถามจงอินและอินนาที่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของเธอ
“ฉันถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแบคฮยอนเป็นแบบนี้” แทยอนคาดคั้นเองคำตอบเพราะลูกชายตัวเล็กของเธอร้องไห้ไม่หยุดเสียที
“คือว่าผม…ความผิดผมเองแหละครับคุณหญิงคือ…”
“มะ..ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกครับแม่..ฮึก..มันเป็นความผิดของแบคเองแบคมันน่าเกลียดน่ากลัว…ฮึก….แม่ครับ…ได้โปรดพาแบคไป….พาแบคไปรักษาตอนนี้…ช่วยพาแบคออกไปจากที่นี่นะครับแม่..ฮึก..” จงอินที่กำลังจะบอกความจริงไปก็ถูกคุณหนูแทรกขึ้นมาเขารู้สึกเหมือนโดนอะไรมาทุบที่หัว มึนงงไปหมด อยากจะบอกกับคุณหนูเหลือเกินว่าเขาไม่ได้รังเกียจคุณหนู แต่ก็เหมือนจะหาปากตัวเองไม่เจอ….
หรือบางทีลึกๆเขากำลังคิดแบบนั้นอยู่กันแน่…
ด้านแทยอนที่ได้ยินคำตอบจากลูกชายของตัวเองก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมา ลูบหัวปลอบลูกชายเงียบๆก่อนที่จะบอกให้แบคฮยอนไปรอเธอที่รถแล้วเธอจะตามไป
พอแบคฮยอนเดินออกไปจากห้องครัว แทยอนก็หันมามองจงอินที่ก้มหน้านิ่ง
“จงอิน…ฉันไม่โกรธเธอหรอกนะที่จะกลัวลูกฉันฉันเข้าใจ..และฉันก็พอรู้ว่าเธอคิดยังไงกับลูกฉันเหมือนกัน” แทยอนพูดเสียงเรียบมองตาจงอินที่ยอมเงยหน้ามาสบตาเธอแล้ว
“แต่ถ้าเธอชอบลูกฉันแค่ด้านสว่างของเขาอย่างเดียว แต่กลับรับด้านที่มืดมิดของเขาไม่ได้ นั่นก็แปลว่าเธอไม่ได้รักลูกฉันในทุกๆอย่างที่เขาเป็น ฉันไม่เคยสนใจในเรื่องความเหมาะสมความเท่าเทียม ฉันรู้ว่าลูกฉันก็ชอบเธอ แต่ถ้าเธอคิดแบบนี้กับแบคฮยอน ฉันก็ขอสั่งว่าต่อแต่นี้ไป อย่ามายุ่งกับลูกชายฉันอีก” แทยอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“คุณหญิงครับ…ผมขอโทษ…คือผม…” จงอินเหมือนถูกตบหน้าเค้าพูดอะไรไม่ออก แบคฮยอนก็ชอบเขางั้นหรอ..
“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกจงอิน ฉันเข้าใจเรื่องแบบนี้ใครจะทำใจรับได้ก็ลำบาก… แต่ถ้าฉันจะต้องยกลูกชายคนเดียวให้ใครดูแล คนๆนั้นก็ต้องเป็นคนที่รักทุกๆอย่างที่เป็นแบคฮยอน” แทยอนคิดแบบนั้นจริงๆเธอไม่ได้โกรธอะไรจงอินมากนักเพราะเธอเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ใครที่จะยอมรับได้ แต่เชื่อว่าต้องมีสักคนที่รักทั้งแสงสว่าง และ ความมืด ของแบคฮยอน อย่างแน่นอน
เหตุผลนั้นก็ทำเอาจงอินนิ่งไปทันที …. มันก็ถูกอย่างที่คุณหญิงว่า…
“เอาหละฉันฝากบ้านด้วยนะจงอินฉันจะพาแบคฮยอนไปโรงบาล อ่อ แล้วก็เตรียมจัดกระเป๋าให้แบคฮยอนด้วยนะอินนา หมอคริสเคยบอกฉันว่าถ้าไปรักษาก็คงต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นซักพัก แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับมาเอาไปให้แบคฮยอน”
“ได้เลยค่ะคุณหญิง ขอบคุณนะคะที่ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจงอิน..”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะอินนา ฉันเข้าใจ ฉันไปก่อนนะ”
แทยอนเดินออกมาไปขึ้นรถที่มีลูกชายเธอนั่งตัวสั่นสะอื้นอยู่ในนั้นลูบหัวปลอบลูกชายเบาๆ นั้นก่อนที่จะขับออกมาจากตัวบ้านมุ่งหน้าไป ‘โรงพยาบาลจิตเวชเจจอง’
………………………………………………………………………..
“แผนเราก็เป็นแบบนี้นะลู่หาน… เอ๊ะ! นี่นายฟังฉันอยู่ไหมเนี้ย” ซิวหมินตะคอกใส่คนข้างๆที่ไม่สนใจการอธิบายแผนของเขาแม้แต่น้อย ทั้งที่ตอนนี้เขาสองคนนั่งอยู่ในรถในโรงจอดรถของโรงบาลเจจองแล้ว
“นี่หมินอ่า คนบ้าจำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าได้ยังไงด้วยหรอ อย่าโชว์ให้ฉันรู้ว่าสมองนายน้อยนักสิ” ลู่หานตอบกลับไปเรียบๆสายตาก็ทอดมองไปในตัวโรงพยาบาลที่เงียบสงบมือก็ลูบเจ้าหมาน้อยที่เขาเก็บมาเลี้ยงวันนั้นบนตักเบาๆ
“โธ่เว้ย! ฉันละอยากจะฆ่านายจริงๆลู่หาน ยังไงก็อย่าให้หมอจับได้หละว่านายไม่ได้บ้า เรื่องมันจะยุ่งยากไปใหญ่”
ลู่หานที่ฟังเสียงที่เขาคิดเสมอว่าน่ารำคารของซิวหมินไปอย่างไม่สนใจอะไร ซิวหมินเป็นคนรอบคอบอยู่ในกรอบเกินไปจนเขาคิดว่าน่าเบื่อ คนอะไรทำอะไรต้องมีแผนไปซะทุกอย่าง
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาก็สะดุดตากับรถสีขาวที่เข้ามาจอดในลานจอดรถข้างๆรถของพวกเขา ลู่หานมองนิ่งก่อนที่จะเห็นคนลงมาจากรถนั่น คนแรกเป็นผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยหน้าตาสวยไม่เบา
และอีกคน…ทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งนั่งตัวตรงแต่ก็ยังคงใบหน้าเรียบเฉยไว้อย่างเดิม มองเด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม จมูกรั้นๆ ปากสีสวยที่คว่ำน้อยๆ ค่อยเดินผ่านหน้ารถเขา ลู่หานมองเด็กชายตรงหน้าก่อนที่จะก้มมองไอ่หมาบนตักตัวเอง สลับไปมา จ้องมองตามจนเด็กคนนั้นเดินลับหายไปในตัวอาคารของโรงพยาบาล
‘นี่มันไอ่หมาเวอร์ชั่นคนรึเปล่าว่ะ’
“เห้ย! ลู่หานฟังอยู่รึปล่าวว่ะเนี้ย” ซิ่วหมินที่พึ่งรู้สึกตัวว่าเหมือนตัวเองโดนปล่อยให้พูดคนเดียวเพราะไอ่คนที่เขาพูดให้ฟังกลัวเอาแต่มองไปนอกรถนิ่งๆ สลับกับมองหมาบนตักตัวเอง
“อืม ว่าไงนะ”
“โอ้ย!ฉันจะบ้าตาย ช่างมันเถอะ แล้วนี่จะเอาไอ่ตัวนี้เข้าไปอยู่ด้วยจริงๆหรอ” ซิวหมินถามพลางมองหมาน้อยน่ารักบนตักของลู่หานที่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับเจ้าตัวสักนิด
“อืม”
“แล้วแน่ใจนะว่าจะอยู่โรงบาลนี้ ที่นี่การรักษาระดับต้นๆของเอเชียเลยนะ นั่นก็หมายความว่าเปอร์เซ็นการที่จะโดนจับได้ก็สูงขึ้นไปอีก” ซิวหมินถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
“ไม่หรอก ที่นี่แหละตอนแรกมั่นใจ ตอนนี้ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีก ไอ่หมาอาจจะเจอเพื่อนอีกตัวก็ได้…”
ซิวหมินที่ได้ฟังคำตอบของลู่หานก็งงๆ แต่หลังจากนั้นก็ต้องขนลุกพรึบขึ้นมาทันที...
ซิวหมินเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของลู่หานเพราะตอนนี้ลูหานหันข้างให้เขาอยู่
แต่อย่าบอกนะว่า เมื่อกี้…ลู่หาน….มันยิ้ม…..
ไม่จริงซิวหมินแกคงนอนดึกเกินไปเลยทำให้เห็นภาพหลอน ตื่นสิตื่น…
อยู่กับไอ่ลู่หานนี่ได้ไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องเจอกับความประสาทเสียจนไปถึงหลอนเพราะเห็นไอ่หมอนี่ยิ้ม…
หวังว่าพอส่งลู่หานเข้าไปเสร็จเขาจะไม่ต้องตามเข้าไปอยู่จริงๆด้วยคนหรอกนะ….
โอ๊ยกูจะบ้าแล้วครับ!!!!
...............................................................
ในที่สุดก็เจอกันแล้วนะ 55555555555
เค้าจัดหน้ากระดาษไม่เก่ง อ่านยากกันไหมเอ่ย เพราะยังมือใหม่นี่คือครั้งแรกที่แต่งฟิคเลย
สนุกไม่สนุกก็เม้นกันได้ เค้ารออ่านทุกวันเลยนะจริงๆ
ส่วนคนที่เม้นประจำ เราอยากบอกว่า ขอบคุณมากจริงๆค่ะ คุณคือกำลังใจที่ดีมากจริงๆ
เคยอ่านแต่ฟิคมาไม่เข้าใจว่าทำไมไรท์ต้องขอให้เม้นท์ วันนี้เข้าใจแล้ว มันมีความสุขเวลาที่ได้อ่าน
เวลาที่คนอ่านเข้าใจตัวละครที่เราพยายามจะนำเสนอ .ปาดน้ำตาแปบ...
ยังไงก็อย่าพึ่งเลิกอ่านฟิคนี้กันนะ ถึงจะมือใหม่แต่เราก็จะพยายามเต็มที่
แม้จะเหลือคนอ่านแค่คนเดียว เราก็จะแต่งให้จบ!!!!
บางทีแค่คนมาชอบสิ่งที่เราทำ แค่คนเดียวมันก็ปลื้มมากเลยนะๆๆ
อ๋อๆๆๆ มันมีช่องแฟนคลับไรด้วยอ่ะเค้าพึ่งเห็น5555 ขอบคุณที่กดกันน้า
แล้วก็มีช่องวิจารณ์ด้วย ถ้าว่างก็รบกวนหน่อยนะ เค้าจะได้ปรับปรุง
วันนี้เม้าท์เยอะมากเอิ้กๆ
เลิฟยูนะคนอ่าทู๊กคนนน
ความคิดเห็น