ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] light&dark {lubaek , kaido ,etc.}

    ลำดับตอนที่ #5 : -FOUR

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 57


    ..................................................................................



    “หื้ม ตำรวจสืบใกล้เข้ามาถึงตัวฉัน” เสียงเรียบเฉยตอบกลับคนในสาย ไม่ได้มีแววตาเดือดร้อนหรือตกใจ แต่ก็สงสัยอยู่มาก
    คนอย่างเขา ไม่เคยพลาด หรือตำรวจจะฉลาดขึ้น?

     

     เหอะ ….

     

    ความคิดโง่ๆ

     

     

     

    “ใช่ แต่ไม่ใกล้ขนาดนั้น แต่ยังไงซะนายก็ต้องหายไปลู่หาน เมือง ของเราไม่ต้องการเสียมือดีอย่างนายไป” เสียงปลายสายก็ตอบกลับมาอย่างนิ่งๆเช่นกัน

     

     

    “พวกคนเก็บกวาดคงทำงานฉันพังสินะ ฮ่ะๆ แย่จังเลยนะพวกคนกระจอกของเมืองที่นายส่งมาหนะ ซิวหมิน”

     

     

    “ใช่ แล้วสมาชิกก็ได้ลงโทษพวกนั้น อย่างสาสมแล้ว”

     

     

    “น่าเสียใจจัง แค่ทำงานพลาดงานเดียว ก็หายใจต่อบนโลกไม่ได้แล้ว..สมาชิกในเมืองโหดร้ายจริงๆ” ถึงคำพูดจะดูสงสารแค่ไหน แต่หน้าตาของลู่หานก็ยังคนนิ่งเหมือนเดิม จะมีก็แต่มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย

     

     

    “ฉันไม่ว่างจะมาพูดเล่นกับนายมากหรอกนะลู่หาน ที่ไหน?” คนปลายสายถอนหายใจออกมาเนือยๆเพราะเขารู้ดีว่าลู่หาน ไม่มีหรอกไอ้ความสงสารคนอื่นไร้สาระแบบนั้น ลู่หานคงอยากจะกวนประสาทเค้ามากกว่าที่ส่งคนเก็บกวาดไปทำลายหลักฐาน แต่พวกนั้นกลับทำงานพลาด ไม่น่าตายไวเลยนะพวกแกถ้ารู้ว่าจะต้องโดนลู่หานเยาะเย้ยแบบนี้จะเอากรดกรอกปากให้ค่อยๆตายดีกว่ายิงให้ตายไปง่ายๆแบบไม่ค่อยเจ็บปวดเท่าไหร่

     

     

    “ฉันไม่หนีหรอกนะซิวหมินอ่า”

     

     

    “ลู่หาน! ฉันบอกนายไปแล้วนะว่าคนในเมืองไม่ต้องการจะเสียมือดีอย่างนายไป!” ซิวหมินตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ไอ่บ้านี่กวนประสาทจริงโว้ย!

     

     

    “กลัวจะเสียมือดีอย่างฉันหรือกลัวความลับของเมืองที่ฉันรู้หลุดไปกันแน่ หื้ม

     

     

    “นี่!!!

     

     

    “เหอะ..ยังไงฉันก็ไม่อยากโดนจับเหมือนกัน..แต่ฉันก็จะไม่หนีไปที่ไหน..มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรอกว่าหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ถึงจะอันดับปลายๆ อยู่ดีๆก็บินไปต่างประเทศตอนที่เค้ากำลังสืบคดีกัน….คิดอะไรโง่ๆ สมเป็นพวกในเมืองดีจริงๆนะ เหอะ”

     

     

    “ถ้าคิดว่าวิธีการของพวกฉันโง่นักนายมีวิธีอื่นรึไงลู่หาน” ซิ่วหมินกัดฟันกรอดกำมือแน่นถึงแม้เค้าจะเห็นด้วยหน่อยๆกับเหตุผลของลู่หานแต่ไอ่คำดูถูกของมันนี่ยังไงก็ฟังไม่เข้าหู อีกอย่างไอ่แผนหนีไปต่างประเทศนี่ก็ไม่ใช่ความคิดของเขา แต่เป็นของไอ่จงแดที่ทำหน้าโง่อยู่ตรงหน้าโต๊ะเขาเนี้ย


    ไม่รู้เลยว่าเจ้านายแกโดนอะไรบ้างนะไอ่จงแดอยากจะจับหน้าฟาดโต๊ะจริงยิ้มอยู่นั่นแหละ
    !!!

     

     

    “คนแบบไหนที่ตำรวจเค้าจะไม่สงสัยเป็นอันดับแรกๆหละ ฉันคิดว่านายคงจะไม่โง่พอที่จะคิดไม่ออกนะซิ่วหมิน”

     

     

    …….อย่าบอกนะว่า” ซิ่วหมินหยุดคิดไปเล็กน้อยก่อนจะตอบคนในสายไป ไม่จริงหน่า ลู่หานเนี้ยนะ….

     

     

    “ก็ยังโง่น้อยพอที่จะคิดออก คนบ้า..นั่นแหละที่จะถูกสงสัยน้อยที่สุด.. ช่วยจัดการพาฉันเข้าไปรักษา..เรื่องจัดฉากสร้างเรื่องแบบนี้พวกเมืองคงจะถนัด”

     

     

    “ฮึ้ย!!! เออ แต่ว่านายเนี้ยนะจะเป็นบ้า จะไปแสดงอะไรแบบนั้นเป็นหรอไงคุณมือสังหารลู่หาน” แม้วิธีการของลู่หานจะดีแค่ไหน จะทำใจยากยังไงแต่มันก็ดีกว่าวิธีของไอ่แป๊ะยิ้มตรงหน้าเขา แต่ก็นะลู่หานเนี้ยนะจะแสดงเป็นคนบ้าร้องเต้นเอ๋อๆ ติดตุ๊กตาโง่ๆ แค่คิดก็ขำจนอยากตามไปดูในโรงบาลบ้าละ

     

     

    “นายคงไม่คิดว่าฉันจะไปเป็นคนบ้าแบบที่ร้องเพลงเพี้ยนๆอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม”

     

     

    ……..เออกูกำลังคิดอยู่เลยแหละ

     

     

    “ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรนี่ ที่เป็นอยู่ก็ชอบมีคนบอกว่าฉันบ้าอยู่แล้ว ก็ลองไปทั้งอย่างนี้แหละ”

     

     

    “ก็ถูกของนาย….” จริงอย่างที่ลู่หานว่าซิ่วหมินเองก็เคยคิดว่าลู่หานบ้าเหมือนกัน คนอะไรฆ่าคนตายไปแท้ๆ แต่ก็ซื้อข้าวมากินข้างศพที่ตัวเองยิงตายไปหมาดๆ แถมยังคุยกับศพเป็นตุเป็นตะ ไม่รวมพฤติกรรมสุดพิสดารของลู่หานที่ซิ่วหมินบรรยายออกมาไม่หมด แม้จะทำงานให้กับเมืองมานานและเป็นเพื่อนกับลู่หานมาตั้งแต่เด็กๆแต่ก็ไม่เคยเข้าใจพฤติกรรมของไอ่หมอนั่นซักนิด

     

     

    คงจะบ้าจริงๆแล้วมั้ง….

     

     

    “แล้วจะไปที่ไหนหละจะได้รีบจัดการให้”

     

     

    “ที่ไหนดี” ลู่หานเคาะนิ้วกับโต๊ะใช้ความคิดจนซักพักก็ได้คำตอบออกมา

     

     

    โรงพยาบาลจิตเวชเจจอง


     

    …………………………………………………………………………

     

     

    หลังจากที่ซิ่วหมินที่วางสายจากลู่หานเค้าก็นั่งคิดทบทวนอยู่ซักพักก่อนที่จะลุกไปบอกคนอื่นๆให้เตรียมตัวทำงานต่อไปกัน

     

    โรงพยาบาลจิตเวชเจจองงั้นหรอ ได้ข่าวว่าที่นี่การรักษาดีเยี่ยม..ซึ่งก็หมายความว่าหมอก็จะต้องเก่งอย่างแน่นอน แล้วเรื่องที่ลู่หานปลอมเป็นคนบ้าแบบนี้หมอจะดูไม่ออกเชียวหรอ..’

     

     

    คิดแล้วก็ปวดหัวลู่หานต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่นอน

     

     

    แต่ทำไมหมอนั่นยังเลือกที่จะไปโรงพยาบาลนี้…..

     

     

    “พี่ซิวหมินนนนน”

     

     

    กำลังคิดอะไรเครียดๆก็ชะงักแล้วก็หายไปหมดเพราะตอนนี้เค้าตกอยู่ในอ้อมกอดของเด็กโข่งตรงหน้า

     

     

    “อะไรเนี้ยเซฮุน!

     

     

    “ก็ผมคิดถึงพี่นี่ครับผิดตรงไหน”

     

     

    “ปล่อยนะเซฮุน!” ซิวหมินออกแรงผลักอกเด็กตรงหน้า

     

    “พี่ไม่คิดถึงผมหรอครับผมหายไปตั้งนานนนนนนนนนนนน” เซฮุนคลายอ้อมกอดจากคนตัวเล็กยกมือมาบีบแก้มคนที่ทำหน้ายุ่งปากคว่ำไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาซักนิด

     

     

    “หรืองอนที่ผมไปไม่บอก โอ๋ๆดีกันน๊าหมินอ่า” เซฮุนดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดอีกครั้งเอาแก้มของตัวเองถูกับแก้มนุ่มนิ่ม

     

     

    “พอเถอะนะเซฮุนเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นมันไม่ดี”

     

     

    “ทำไมครับใครมาเห็นแล้วมันจะทำไม” เซฮุนคลายกอดแล้วยืนจ้องหน้ารอคำตอบเดิมๆของคนตรงหน้า ทั้งที่รู้ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหนแต่ก็อยากฟัง เผื่อวันนึงมันจะเปลี่ยนไป..

     

     

    “นายก็รู้คำตอบเซฮุน   มันไม่เหมาะสม ไปทำงานได้แล้วพี่ก็จะไปทำงานเหมือนกัน” ซิวหมินพูดจบก็เบี่ยงตัวเดินผ่านเซฮุนออกมาได้สามก้าว ก็หยุดชะงักกึกกับคำถามของอีกคนที่ดังขึ้นมา

     

     

    “อะไรคือความเหมาะสมครับพี่….แค่เรารักกัน….แค่พี่รักผมบ้างมันไม่พอให้เราข้ามผ่านความเหมาะสมบ้าบออะไรนั่นหรอ…..

     

     

    “แค่ความรัก ไม่มีพอหรอกนะเซฮุน” เซฮุนมองแผ่นหลังคนตัวเล็กที่พูดประโยคแสนเจ็บปวดนั่นใส่เขาแล้วเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

     

     

     

    น้ำตาที่ไม่มีใครเคยเห็นจากเขาคนนี้กลับไหลออกมาจากตาของเขาไม่หยุด

    น้ำตาที่เสียให้กับซิวหมินผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียวทำให้

    ทายาทคนต่อไปที่จะได้รับตำแหน่งผู้ปกครองเมืองอย่างเซฮุนอ่อนแอได้ขนาดนี้….

     

     

    พี่ไม่เคยรักผมเลยหรอพี่ซิวหมิน

     

     

    ซิวหมินที่เดินออกมาจากตรงนั้นได้ซักพักก็ทรุดตัวลงกอดเข่าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีแม้เสียงสะอื้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจ็บปวด เสียงของเซฮุนที่ถามเขายังคงวนเวียนในหัว

    ทำไมนะ ทำไมต้องรักเซฮุน

     

    ทำไมนะซิวหมินทำไมนายไม่กล้าเผชิญความเหมาะสมด้วยความรักอย่างที่เซฮุนบอก

     

    ทำไมต้องอ่อนแอขนาดนี้ซิวหมิน

     

    แค่ความรักมันไม่พอจริงๆหรอ

     

     

    ซิวหมินที่นั่งปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆได้ซักพักก็ปาดน้ำตาออกจากหน้าลุกขึ้นยืนถอนหายใจออกมายาวๆ

     

     

    “จะมัวแต่มาร้องไห้แบบนี้ไม่ได้ ถ้างานของไอ่ลู่หานไม่ถึงไหนมีหวังได้โดนมันกวนประสาทตายแน่นอนเลย เห้ออ” ซิวหมินพูดกับตัวเองเบาๆแล้วก็เดินหันกลับเข้าไปในอาคารสูงที่ดูเหมือนจะเป็นตึกสูงธรรมดามีป้ายเขียนไว้ว่า

     

     

    ‘OWNER 0’

     

     

    มองจากภายนอกเหมือนกับเป็นบริษัทชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ทั่วไป เข้ามาก็มีพนักงานทำงานปกติมีอุปกรณ์ชิ้นส่วนของเครื่องมือต่างๆที่จัดส่งจำหน่ายให้กับบริษัทใหญ่ๆเพื่อไปประกอบ แต่ที่แปลกก็คือตั้งแต่ชั้นที่5-10ห้ามไม่ให้พนักงานทุกคนขึ้นไปโดยเด็กขาด แต่ถึงอยากขึ้นก็ขึ้นไม่ได้เพราะลิฟต์ที่จะขึ้นไปชั้นบนได้นั้นต้องมีบัตรเพื่อสแกนและมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือ นั้นก็หมายความว่าถ้าไม่ใช่คนที่อนุญาตให้ขึ้นไป ก็จะขึ้นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกพนักงานที่ตอนแรกก็สงสัยเพราะเขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของที่นี่เลยสักครั้ง เห็นแต่บางคนเท่านั้นที่คุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นไปด้านบนบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยทักหรือรู้จักชื่อเพราะทุกคนที่เข้ามาก็ไม่เคยแม้แต่ที่จะชายตาแลมองพนักงานอย่างพวกเขาสักนิด แต่หัวหน้างานของเขาด้านล่างก็บอกว่าชั้นบนนั้นเป็นที่จะผลิตอุปกรณ์ใหม่ๆขึ้นมาจึงทำให้มีแต่พนักงานบางส่วนเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้ เพราะหากข้อมูลรั่วไหลก็จะทำให้บริษัทเสียหายไม่น้อย ก็ทำให้พนักงานพวกนั้นเข้าใจและไม่ไปวุ่นวายอีกเลย เพราะถึงจะอยากรู้แค่ไหนก็ไม่อยากจะถามเกิดไปวุ่นวายมากเข้าก็อาจโดนไล่ออกไม่รู้ตัว

    งานเดี๋ยวนี้หาง่ายซะที่ไหน  

     

     

    แต่ในความจริงแล้วบริษัทนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาตบตาพวกตำรวจโง่ๆเท่านั้น เพราะใครจะคิดว่าที่อยู่ของเหล่า นักฆ่ารับจ้างจะอยู่ใจกลางเมืองและโดดเด่นแบบนี้   

    นี่แหละนะที่ๆอันตรายที่สุด บางทีมันก็เป็นที่ๆปลอดภัยที่สุด

     

    ที่นี่ก็คือโอนเนอร์ซีโร่ แต่นักฆ่าทุกคนจะเรียกที่นี่ว่า เมือง เพราะที่นี่ครบครันไม่ว่าจะเป็นด้านดีที่เป็นบริษัทชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ทุกปีจะมีการบริจาคเงินเพื่อการกุศลดูเด็กยากไร้ให้ได้เรียนหนังสือสร้างชีวิตใหม่ให้กับเด็กๆ

    หรือแม้แต่ด้านมืดที่เป็นบริษัทรับเงินมาเพื่อแลกกับชีวิตของคน

     พูดง่ายๆก็รับจ้างฆ่าทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือคนที่มาจ้างพวกเขา ถ้าไม่เป็นบริษัทที่หวังจะทำลายคู่แข่ง ก็เป็นพวกแกงค์มาเฟียที่ไม่มีปัญญาจะไปลอบฆ่าเองเพราะกลัวโดนประณามเรื่องศักดิ์ศรีบ้าบออะไรนั่น  หรือแม้แต่กระทั่งองค์กรลับของพวกตำรวจไม่ว่าจะเป็นในเกาหลีเอง และแต่ต่างประเทศ ที่จ้างพวกเขาไปตามล่าฆ่าคนร้ายที่ตามตัวจับยาก หรือพวกที่ก่อคดีรุนแรงระดับประเทศ เพราะตำรวจพวกนั้นเส้นสายข่าวลับไม่มีเท่าในเมืองนี้ มันก็เหมือนกับคนจากที่สว่างหาคนในที่มืดไม่เจอ แต่ในเมืองนี้มืดกว่า การจะหาพวกมืดด้วยกันไม่ยากแน่นอน



    พอจับตัวคนร้ายได้พวกตำรวจก็เอาหน้าไป ส่วนพวกเขาก็ได้เงินมหาศาล



    แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพวกตำรวจที่จ้างเขาเป็นองค์กรลับซึ่งก็แปลว่าพวกตำรวจทั่วไปไม่รู้ว่ามีองค์กรนี้อยู่ ทำให้พวกเขาต้องมีหน่วยเก็บกวาดที่จะคอยเก็บกวาดงานที่นักฆ่าได้ทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นศพ หรือหลักฐานอะไรก็ตามที่จะสืบมาหานักฆ่าของพวกเขาได้แม้กระทั่งละอองดินปืนก็ต้องเก็บกวาดให้เรียบ แต่หน่วยที่ส่งไปเก็บกวาดงานของลู่หานนักฆ่าอันดับหนึ่งของเมืองนี้ก็กลับทำงานพลาดแต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะพวกนั้นพึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานเก็บกวาดครั้งแรก และดันได้ทำงานของลู่หาน ซึ่งก็รู้ดีว่าเป็นคนที่ชอบทำงานเลอะเทอะ

     

    Rrrrrrrrrrrr

    ซิวหมินที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะจัดการเรื่องเอกสารนำตัวลู่หานเข้าไปโรงบาลก็สะดุ้งตัวเพราะเสียโทรศัพท์ แต่ที่น่าตกใจกว่าคือเบอร์ของคนที่โทรเข้ามา

    “ครับหัวหน้า..

     

     

    “เรื่องลู่หานไปถึนไหนแล้วซิวหมิน”

     

     

    “กำลังจัดการอยู่ครับหัวหน้า แต่ลู่หานไม่รับข้อเสนอเราครับลู่หานจะไม่หนี”

     

     

    “หมายความว่ายังไง” เสียงปลายสายถามกลับมานิ่งๆ

     

     

    “เขาขอเข้าไปรักษาตัวในโรงบาลจิตเวชครับ”

     

     

    “ฮ่ะๆๆ สมกับที่เป็นลู่หานจริงๆ แล้วนายเจอเซฮุนรึยังซิวหมิน”

     

     

    “เจอแล้วครับหัวหน้า”

     

     

    “ดีแล้วหละเจ้าเซฮุนตอนมาอยู่กับฉันที่ปักกิ่งก็บ่นถึงนายทุกวันเลย ลูกชายฉันนี่ทำตัวเป็นเด็กติดพี่ไม่เลิกยังไงก็ฝากด้วยนะซิวหมินอีกไม่กี่เดือนฉันก็จะลงจากตำแหน่งให้เซฮุนรับช่วงต่อแทนแล้ว ดูแลลูกฉันให้หน่อยนะ”

     

     

    “เอ่อ คือ.. ให้จงแดดูแลแทนได้ไหมครับ พอดีผมต้องจัดการเรื่องของลู่หาน

     

     

    “นี่ซิวหมินเรื่องของลู่หานคนอย่างนายแปบเดียวก็เรียบร้อย อย่าปฎิเสธฉันเลยฉันไว้ใจนายที่สุดนะ นายก็เหมือนลูกฉันคนนึงเหมือนกัน”

     

     

    “แต่หัวหน้าครับ” ซิวหมินอึกอักเพราะเค้ารู้ดีว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร

     

     

    “ซิวหมินฟังฉันนะ นายหรือทุกๆคนที่ฉันรับมาเลี้ยงฉันไม่เคยคิดว่าเป็นแค่ตัวหมากหรือลูกน้องฉันรักทุกคนเหมือนลูก ถึงเราจะทำงานแบบนี้แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไม่มีความรักต่อกันนะถูกไหม..” คนปลายสายถอนหายใจออกมาเบาๆกับความคิดมากของซิวหมิน แล้วก็พูดต่อ “จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้คิดว่าที่ฉันทำอยู่นี่มันเลวหรอกนะ เราฆ่าคนที่ควรตาย มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอซิวหมิน ฉันหวังว่าจะเข้าใจนะฝากลูกชายฉันด้วย”

     

     

    “ครับหัวหน้า” ซิวหมินรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ พูดบอกลาแล้วกดวางสาย แม้จะเป็นกังวลที่หัวหน้ามักจะให้ความสำคัญกับเขาที่เป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง แต่ลึกๆก็ดีใจที่คนปลายสายมักจะรู้ว่าเขาคิดอะไร หน้าที่ของเขาในเมืองคือการที่มอบหมายงานให้นักฆ่าแต่ละคน เห็นประวัติของคนที่จะถูกสั่งให้ตายแม้คนนั้นจะเลวร้ายแค่ไหน แต่พอดูประวัติครอบครัวแล้วรู้ว่าคนๆนั้นมีครอบครัวมีลูกก็แอบคิดไม่ได้ว่าครอบครัวเขาจะเสียใจแค่ไหนนะ…. มันเหมือนเป็นตราบาปติดอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา แม้ไม่เคยบอกใครแต่หัวหน้าก็รู้เสมอ แล้วบทสนทนาเมื่อครู่ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย

     

     

    บางทีการที่เราฆ่า คนที่ควรตายมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่ก็ได้….

     

     

    ………………………………………………………………………

     

    แทยอนเลี้ยวรถกลับเข้ามาในบ้านตอนค่ำๆเธอมองท้องฟ้าอย่างเป็นกังวล  รีบจอดรถแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างรีบๆ

     

    จะมืดแล้วหรอเนี้ย…’

     

     

    “คุณแทยอนกลับมาแล้วหรอคะ” อินนาทักคุณหญิงของบ้านที่เดินเข้ามามองซ้ายขวาอย่างเป็นกังวล

     

     

    “จ๊ะ อินนาแบคฮยอนหละอยู่ไหน”

     

     

    “คุณหนูก็ขึ้นไปอยู่บนห้อง…..เหมือนเดิมแหละค่ะ” อินนาตอบพร้อมมองขึ้นไปชั้นบนด้วยแววตาเศร้าๆ

     

     

    “หรอ..ดีแล้วหละ อินนาก็ไปพักเถอะนะแล้วเก็บมีดของมีคมไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” แทยอนมักจะกำชับให้อินนาและจงอินเก็บของมีคมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยเพราะเธอไม่อยากให้แบคฮยอนเอามันมาทำร้ายตัวเอง….หรือแม้กระทั่งคนอื่น….

     

     

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่..คุณหญิงคะจะไม่ล็อคห้องคุณหนูไว้..

     

     

    “อินนา! ลูกฉันไม่ใช่ตัวประหลาดไม่จำเป็นต้องขังเขาไว้หรอกนะ!” แทยอนโมโหที่อินนาอยากให้เธอขังลูกชายไว้ในห้อง เธอรู้ดีว่าอินนาห่วงแบคฮยอนกลัวจะทำร้ายตัวเองอีก แต่เธอก็ไม่ชอบใจที่จะต้องมาขังลูกของตัวเองไว้เหมือนนักโทษ..

     

     

    “ขอโทษค่ะคุณหญิง ป้าแค่เป็นห่วงคุณหนู..” อินนาตัวสั่นเล็กน้อยเพราะเธอไม่เห็นคุณหญิงของบ้านจะอารมณ์เสียบ่อยนัก

     

     

    “ฉันรู้อินนา แต่ไม่จำเป็นต้องขังแบคฮยอนไว้หรอก….ปกติเขาก็ขังตัวเองอยู่แล้วไปพักผ่อนเถอะฉันก็จะพักเหมือนกัน.” แทยอนพูดจบก็เดินขึ้นไปเข้าห้องของตัวเองทิ้งให้หญิงชรามองตามอย่างเป็นกังวล เมื่อไหร่เรื่องพวกนี้จะผ่านไปสักทีนะ….

     

     

    ……………………………………………………………………………………………..

     

    ความมืดที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในห้องเล็กสีหวาน คนตัวเล็กขดตัวซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ถดถอยหลังจนติดที่มุมตู้สั่นเทิ้มไปทั่วร่าง

    แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้กลัวความมืด เวลาที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าเขาก็กลัว เขารู้สึกว่าต้องซ่อน เขาต้องหนีจากมัน

    ทุกๆวันพอเวลามืดจะใกล้เข้ามาก็เหมือนสมองจะสั่งให้เขาต้องซ่อนจากมัน เขาต้องหนีจากมัน แต่พอความมืดเข้ามาเขาก็เหมือนจะหลับไป

    ไม่สิเหมือนฝันฝันว่าตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างในตัวออกไป บางอย่างที่อึดอัดเหลือเกิน..

    พอตื่นเช้าขึ้นมาถ้าไม่เจ็บตัว ก็จะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นรอบๆตัวเขาไปหมด รูปภาพจากเลือดบนผนังห้อง เลือดจากนิ้วมือของเขาเอง ที่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร สุนัขหรือแมวที่เลี้ยงตายไปอย่างประหลาด เขารู้ดีว่าเจ้าพวกนั้นไม่ได้โดนของตกใส่เหมือนที่แม่คอยบอกเขาประจำ แต่เขาก็ไม่กล้าถามสาเหตุมันออกไป

     

    เพราะเขากลัวว่าสิ่งที่ฆ่าพวกนั้นจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากตัวเขา……

     

     

    สิ่งที่เขาปลดปล่อยมันออกมา…..

     

     

    “ฮึกฮึกฮึๆๆ คิกความมืดมาแล้วสินะ..” ร่างเล็กที่สั่นอยู่ในตู้มืดๆสายตาที่หวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาในชั่วพริบตาที่ความมืดเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง เปิดประตูตู้ออกมาช้าๆค่อยๆเดินวนไปรอบๆห้องก่อนที่จะหยุดตรงหน้าต่างมองลงไปข้างล่างเห็นคนที่แสนจะคุ้นตากำลังรดน้ำต้นไม้ในสวน

     

     

    “อ๊ะ..คุณจงอินนี่เอง..” ร่างเล็กเอียงคอมองแล้วยิ้มออกมา

     

     

    รอยยิ้ม….ที่เหมือนกับนักล่าที่ยิ้มปลอบใจให้กับสัตว์ที่ตัวเองกำลังจะลงมือฆ่า

     

     

    แบคฮยอนค่อยๆเอาเล็บกรีดเข้าไปที่กระจกหน้าต่างทำให้เกิดเสียงแสบแก้วหูแต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้าน เอาแต่มองลงไปที่จงอินไม่ลาสายตาไปไหน มืออีกข้างก็หิ้วผมของตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่มีแต่หัว ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะถูกคนตัวเล็กเอาไฟลนไปที่หน้าของมันจากใบหน้าที่น่ารักก็กลายเป็นตุ๊กตาที่มีรอยไหม้ไปทั่ว

     

     

    เสียงเหมือนคนกรีดกระจกดังอยู่ชั้นบนของบ้านทำให้จงอินชะงักและเกือบเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทันเพราะเขารู้ว่า ที่มาของเสียงนั้นคืออะไร จึงทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินและก้มหน้าก้มตารดน้ำต่อไป

     

     

    การกระทำนั้นทำให้แบคฮยอนหุบยิ้มมองด้วยสายตาโกรธแค้น ก่อนที่จะยิ้มอีกครั้ง แล้วก้มมองหัวตุ๊กตาในมือ

     

     

    “ทนเจ็บหน่อยนะ เจ็บนิดเดียว” พูดจบก็เดินไปหยิบกล่องเข็มหมุดที่วางอยู่บนหัวเตียงของตัวเองมาปักลงที่หน้าของตุ๊กตาตัวนั้น ที่ละอันทีละอัน จนเต็มไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งที่ดวงตาและดูเหมือนจะมากที่สุดเขาค่อยๆบรรจงหยิบเชือกเส้นยาวมามัดที่ผมของตุ๊กตานั่น เดินไปเปิดประตูระเบียงก่อนที่จะค่อยๆหย่อนหัวตุ๊กตาลงไปข้างล่าง ที่ๆมีจงอินยืนรดน้ำต้นไม่อยู่พอดี…..

     

     

    Someone's always watching me.

    Someone's always there.

    When i'm sleeping he just …waits

    and, he stares.

    (ใครบ้างคนที่มักจะจ้องมองฉัน

    ใครบางคนที่มักจะอยู่ตรงนั้น

    เมื่อฉันนอนหลับเขาก็แค่..รอ

    และ เขาก็คอยจ้องมอง)



    (นี่เพลงนี่น้องแบคร้องนะขอโทษที่เค้าเอาคลิปลงไม่เป็น /-\
    เปิดฟังด้วยเพื่อเพิ่มอรรถสรในการอ่าน ฮิฮิ)
    >>>-
     http://www.youtube.com/watch?v=XnQYqpCeHNk

     

    เสียงร้องเพลงเย็นๆดังขึ้นมาในความเงียบทำให้จงอินตัวแข็งทื่อ มือที่จับสายยางอยู่ก็ควบคุมให้หยุดสั่นไม่ได้.. ไฟที่สวนก็กระพริบติดๆดับๆขึ้นมายิ่งเพิ่มบรรยากาศอันน่าขนลุกนี้ขึ้นไปอีก

     

     

    ไฟจะมาเสียอะไรตอนนี้ว่ะ

     

    แม้จะหัวเสียแค่ไหนแม้จะอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้เท่าไหร่ แต่ขาเขาก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย ทำได้แค่ยืนปล่อยให้น้ำไหลออกจากสายยากส่งเสียดังคลอไปกับเสียงเพลงนั่น

     

    He has no Face.

    He hides with the trees.

    He Loves little children

    When they Beg and Scream.

    (เขาไม่มีใบหน้า

    เขาซ่อนอยู่ในต้นไม้

    เขารักเด็กเล็ก ๆ

    เมื่อเด็กพวกนั้น อ้อนวอน และ หวาดกลัว)

    Where are you going?

    Why won't you stay?

    They might be scared of you,

    But i just want to …. Play.

    (คุณจะไปไหน?

    ทำไมไม่มีใครอยากให้คุณอยู่ด้วย

    พวกเขาอาจจะกลัวของคุณ

    แต่ฉันแค่อยากที่จะ เล่น)

     

     

    เสียงเย็นยะเยือกกับ เนื้อเพลงที่ความหมายช่างไม่น่าเอามาร้องในเวลานี้ ในความคิดของจงอินดังออกมาไม่หยุด เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะขยับไปไหน

    ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างมาหยุกหยิกตรงไหล่เขา ยิ่งที่ให้เขาตัวแข็งทื่อขึ้นไปอีก ก่อนที่จะค่อยๆหันไปมองที่มาของมันช้าๆ

     

     

    ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเขาคือหน้าของตุ๊กตาที่บิดเบี้ยว เต็มไปด้วยเข็มหมุดที่ปักอยู่นับไม่ถ้วนมีเลือดไหลหยดลงมาจากคางนั่นที่ละหยดๆ นั่นมากพอที่จะทำให้จงอินแทบจะเสียสติไปเลย

     

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” จงอินปล่อยสายยางในมือก่อนที่จะวิ่งเหมือนคนสติแตกเข้าไปในบ้านโดยไม่สนที่จะปิดน้ำหรืออะไรอีกต่อไป

     

     

    ภาพที่ปรากฏในสายตาทำให้แบคฮยอนหัวเราะในลำคอเบาๆ

     

     

    แต่หยดน้ำตามากมายกลับไหลออกมาไม่หยุด……

     

    ไม่มีใครต้องการคนอย่างเขา โลกที่มืดมิดนี่แหละคือคำตอบของทุกอย่าง

     

    I just want to play…

    Please...

     

    (ฉันแค่อยากที่จะเล่น

    ได้โปรด….)

     

     

     

    ……………………………100%……………………………………


    ครบแล้ววว สนุกกันไหมม
    นี่จะห้าตอนละพี่ลู่กะน้องแบคยังไม่เจอกันซะที เดี๋ยวก็เจอนะๆใจเย็นๆ 55555
    แล้วจะรีบมาอัพให้น้อ ขอโทษที่พาร์ทนี้บรรยายเยอะไปหน่อยเค้าอยากให้เข้าใจความเป็นมาของเรื่อง
    หวังว่าจะชอบกันนะ เม้นๆนะเค้ารออ่านเม้นอยู่ทุกวันนนน
    รักทุกคน พรุ่งนี้อาจจะมาอัพอีกตอน เลิฟยู





    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×