คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : -FOUR
..................................................................................
“หื้ม ตำรวจสืบใกล้เข้ามาถึงตัวฉัน” เสียงเรียบเฉยตอบกลับคนในสาย ไม่ได้มีแววตาเดือดร้อนหรือตกใจ แต่ก็สงสัยอยู่มาก…คนอย่างเขา ไม่เคยพลาด หรือตำรวจจะฉลาดขึ้น?
เหอะ ….
ความคิดโง่ๆ…
“ใช่ แต่ไม่ใกล้ขนาดนั้น แต่ยังไงซะนายก็ต้องหายไปลู่หาน เมือง ของเราไม่ต้องการเสียมือดีอย่างนายไป” เสียงปลายสายก็ตอบกลับมาอย่างนิ่งๆเช่นกัน
“พวกคนเก็บกวาดคงทำงานฉันพังสินะ ฮ่ะๆ แย่จังเลยนะพวกคนกระจอกของเมืองที่นายส่งมาหนะ ซิวหมิน”
“ใช่ แล้วสมาชิกก็ได้ลงโทษพวกนั้น อย่างสาสมแล้ว”
“น่าเสียใจจัง แค่ทำงานพลาดงานเดียว ก็หายใจต่อบนโลกไม่ได้แล้ว..สมาชิกในเมืองโหดร้ายจริงๆ” ถึงคำพูดจะดูสงสารแค่ไหน แต่หน้าตาของลู่หานก็ยังคนนิ่งเหมือนเดิม จะมีก็แต่มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย
“ฉันไม่ว่างจะมาพูดเล่นกับนายมากหรอกนะลู่หาน ที่ไหน?” คนปลายสายถอนหายใจออกมาเนือยๆเพราะเขารู้ดีว่าลู่หาน ไม่มีหรอกไอ้ความสงสารคนอื่นไร้สาระแบบนั้น ลู่หานคงอยากจะกวนประสาทเค้ามากกว่าที่ส่งคนเก็บกวาดไปทำลายหลักฐาน แต่พวกนั้นกลับทำงานพลาด ไม่น่าตายไวเลยนะพวกแกถ้ารู้ว่าจะต้องโดนลู่หานเยาะเย้ยแบบนี้จะเอากรดกรอกปากให้ค่อยๆตายดีกว่ายิงให้ตายไปง่ายๆแบบไม่ค่อยเจ็บปวดเท่าไหร่
“ฉันไม่หนีหรอกนะซิวหมินอ่า”
“ลู่หาน! ฉันบอกนายไปแล้วนะว่าคนในเมืองไม่ต้องการจะเสียมือดีอย่างนายไป!” ซิวหมินตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ไอ่บ้านี่กวนประสาทจริงโว้ย!
“กลัวจะเสียมือดีอย่างฉัน…หรือกลัวความลับของเมืองที่ฉันรู้หลุดไปกันแน่ หื้ม…”
“นี่!!!”
“เหอะ..ยังไงฉันก็ไม่อยากโดนจับเหมือนกัน..แต่ฉันก็จะไม่หนีไปที่ไหน..มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรอกว่าหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ถึงจะอันดับปลายๆ อยู่ดีๆก็บินไปต่างประเทศตอนที่เค้ากำลังสืบคดีกัน….คิดอะไรโง่ๆ สมเป็นพวกในเมืองดีจริงๆนะ เหอะ”
“ถ้าคิดว่าวิธีการของพวกฉันโง่นักนายมีวิธีอื่นรึไงลู่หาน” ซิ่วหมินกัดฟันกรอดกำมือแน่นถึงแม้เค้าจะเห็นด้วยหน่อยๆกับเหตุผลของลู่หานแต่ไอ่คำดูถูกของมันนี่ยังไงก็ฟังไม่เข้าหู อีกอย่างไอ่แผนหนีไปต่างประเทศนี่ก็ไม่ใช่ความคิดของเขา แต่เป็นของไอ่จงแดที่ทำหน้าโง่อยู่ตรงหน้าโต๊ะเขาเนี้ย
ไม่รู้เลยว่าเจ้านายแกโดนอะไรบ้างนะไอ่จงแดอยากจะจับหน้าฟาดโต๊ะจริงยิ้มอยู่นั่นแหละ!!!
“คนแบบไหนที่ตำรวจเค้าจะไม่สงสัยเป็นอันดับแรกๆหละ ฉันคิดว่านายคงจะไม่โง่พอที่จะคิดไม่ออกนะซิ่วหมิน”
“…….อย่าบอกนะว่า” ซิ่วหมินหยุดคิดไปเล็กน้อยก่อนจะตอบคนในสายไป ไม่จริงหน่า ลู่หานเนี้ยนะ….
“ก็ยังโง่น้อยพอที่จะคิดออก คนบ้า..นั่นแหละที่จะถูกสงสัยน้อยที่สุด.. ช่วยจัดการพาฉันเข้าไปรักษา..เรื่องจัดฉากสร้างเรื่องแบบนี้พวกเมืองคงจะถนัด”
“ฮึ้ย!!! เออ แต่ว่านายเนี้ยนะจะเป็นบ้า จะไปแสดงอะไรแบบนั้นเป็นหรอไงคุณมือสังหารลู่หาน” แม้วิธีการของลู่หานจะดีแค่ไหน จะทำใจยากยังไงแต่มันก็ดีกว่าวิธีของไอ่แป๊ะยิ้มตรงหน้าเขา แต่ก็นะ…ลู่หานเนี้ยนะจะแสดงเป็นคนบ้าร้องเต้นเอ๋อๆ ติดตุ๊กตาโง่ๆ แค่คิดก็ขำจนอยากตามไปดูในโรงบาลบ้าละ…
“นายคงไม่คิดว่าฉันจะไปเป็นคนบ้าแบบที่ร้องเพลงเพี้ยนๆอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม”
“……..” เออกูกำลังคิดอยู่เลยแหละ…
“ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรนี่ ที่เป็นอยู่ก็ชอบมีคนบอกว่าฉันบ้าอยู่แล้ว ก็ลองไปทั้งอย่างนี้แหละ”
“ก็ถูกของนาย….” จริงอย่างที่ลู่หานว่าซิ่วหมินเองก็เคยคิดว่าลู่หานบ้าเหมือนกัน คนอะไรฆ่าคนตายไปแท้ๆ แต่ก็ซื้อข้าวมากินข้างศพที่ตัวเองยิงตายไปหมาดๆ แถมยังคุยกับศพเป็นตุเป็นตะ ไม่รวมพฤติกรรมสุดพิสดารของลู่หานที่ซิ่วหมินบรรยายออกมาไม่หมด แม้จะทำงานให้กับเมืองมานานและเป็นเพื่อนกับลู่หานมาตั้งแต่เด็กๆแต่ก็ไม่เคยเข้าใจพฤติกรรมของไอ่หมอนั่นซักนิด
คงจะบ้าจริงๆแล้วมั้ง….
“แล้วจะไปที่ไหนหละจะได้รีบจัดการให้”
“ที่ไหนดี…” ลู่หานเคาะนิ้วกับโต๊ะใช้ความคิดจนซักพักก็ได้คำตอบออกมา…
“โรงพยาบาลจิตเวชเจจอง”
…………………………………………………………………………
หลังจากที่ซิ่วหมินที่วางสายจากลู่หานเค้าก็นั่งคิดทบทวนอยู่ซักพักก่อนที่จะลุกไปบอกคนอื่นๆให้เตรียมตัวทำงานต่อไปกัน
‘โรงพยาบาลจิตเวชเจจองงั้นหรอ ได้ข่าวว่าที่นี่การรักษาดีเยี่ยม..ซึ่งก็หมายความว่าหมอก็จะต้องเก่งอย่างแน่นอน แล้วเรื่องที่ลู่หานปลอมเป็นคนบ้าแบบนี้หมอจะดูไม่ออกเชียวหรอ..’
คิดแล้วก็ปวดหัวลู่หานต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่นอน
แต่ทำไมหมอนั่นยังเลือกที่จะไปโรงพยาบาลนี้…..
“พี่ซิวหมินนนนน”
กำลังคิดอะไรเครียดๆก็ชะงักแล้วก็หายไปหมดเพราะตอนนี้เค้าตกอยู่ในอ้อมกอดของเด็กโข่งตรงหน้า
“อะไรเนี้ยเซฮุน!”
“ก็ผมคิดถึงพี่นี่ครับผิดตรงไหน”
“ปล่อยนะเซฮุน!” ซิวหมินออกแรงผลักอกเด็กตรงหน้า
“พี่ไม่คิดถึงผมหรอครับผมหายไปตั้งนานนนนนนนนนนนน” เซฮุนคลายอ้อมกอดจากคนตัวเล็กยกมือมาบีบแก้มคนที่ทำหน้ายุ่งปากคว่ำไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาซักนิด
“หรืองอนที่ผมไปไม่บอก โอ๋ๆดีกันน๊าหมินอ่า” เซฮุนดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดอีกครั้งเอาแก้มของตัวเองถูกับแก้มนุ่มนิ่ม
“พอเถอะนะเซฮุนเดี๋ยวคนอื่นมาเห็นมันไม่ดี”
“ทำไมครับใครมาเห็นแล้วมันจะทำไม” เซฮุนคลายกอดแล้วยืนจ้องหน้ารอคำตอบเดิมๆของคนตรงหน้า ทั้งที่รู้ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหนแต่ก็อยากฟัง เผื่อวันนึงมันจะเปลี่ยนไป..
“นายก็รู้คำตอบเซฮุน มันไม่เหมาะสม ไปทำงานได้แล้วพี่ก็จะไปทำงานเหมือนกัน” ซิวหมินพูดจบก็เบี่ยงตัวเดินผ่านเซฮุนออกมาได้สามก้าว ก็หยุดชะงักกึกกับคำถามของอีกคนที่ดังขึ้นมา
“อะไรคือความเหมาะสมครับพี่….แค่เรารักกัน….แค่พี่รักผมบ้าง…มันไม่พอให้เราข้ามผ่านความเหมาะสมบ้าบออะไรนั่นหรอ…..”
“แค่ความรัก ไม่มีพอหรอกนะเซฮุน” เซฮุนมองแผ่นหลังคนตัวเล็กที่พูดประโยคแสนเจ็บปวดนั่นใส่เขาแล้วเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
น้ำตาที่ไม่มีใครเคยเห็นจากเขาคนนี้กลับไหลออกมาจากตาของเขาไม่หยุด
น้ำตาที่เสียให้กับซิวหมินผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียวทำให้
‘ทายาทคนต่อไปที่จะได้รับตำแหน่งผู้ปกครองเมือง’ อย่างเซฮุนอ่อนแอได้ขนาดนี้….
‘พี่ไม่เคยรักผมเลยหรอพี่ซิวหมิน’
ซิวหมินที่เดินออกมาจากตรงนั้นได้ซักพักก็ทรุดตัวลงกอดเข่าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีแม้เสียงสะอื้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจ็บปวด เสียงของเซฮุนที่ถามเขายังคงวนเวียนในหัว
ทำไมนะ ทำไมต้องรักเซฮุน
ทำไมนะซิวหมินทำไมนายไม่กล้าเผชิญความเหมาะสมด้วยความรักอย่างที่เซฮุนบอก
ทำไมต้องอ่อนแอขนาดนี้ซิวหมิน
แค่ความรักมันไม่พอจริงๆหรอ…
ซิวหมินที่นั่งปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆได้ซักพักก็ปาดน้ำตาออกจากหน้าลุกขึ้นยืนถอนหายใจออกมายาวๆ
“จะมัวแต่มาร้องไห้แบบนี้ไม่ได้ ถ้างานของไอ่ลู่หานไม่ถึงไหนมีหวังได้โดนมันกวนประสาทตายแน่นอนเลย เห้ออ” ซิวหมินพูดกับตัวเองเบาๆแล้วก็เดินหันกลับเข้าไปในอาคารสูงที่ดูเหมือนจะเป็นตึกสูงธรรมดามีป้ายเขียนไว้ว่า
‘OWNER 0’
มองจากภายนอกเหมือนกับเป็นบริษัทชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ทั่วไป เข้ามาก็มีพนักงานทำงานปกติมีอุปกรณ์ชิ้นส่วนของเครื่องมือต่างๆที่จัดส่งจำหน่ายให้กับบริษัทใหญ่ๆเพื่อไปประกอบ แต่ที่แปลกก็คือตั้งแต่ชั้นที่5-10ห้ามไม่ให้พนักงานทุกคนขึ้นไปโดยเด็กขาด แต่ถึงอยากขึ้นก็ขึ้นไม่ได้เพราะลิฟต์ที่จะขึ้นไปชั้นบนได้นั้นต้องมีบัตรเพื่อสแกนและมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือ นั้นก็หมายความว่าถ้าไม่ใช่คนที่อนุญาตให้ขึ้นไป ก็จะขึ้นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกพนักงานที่ตอนแรกก็สงสัยเพราะเขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของที่นี่เลยสักครั้ง เห็นแต่บางคนเท่านั้นที่คุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นไปด้านบนบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยทักหรือรู้จักชื่อเพราะทุกคนที่เข้ามาก็ไม่เคยแม้แต่ที่จะชายตาแลมองพนักงานอย่างพวกเขาสักนิด แต่หัวหน้างานของเขาด้านล่างก็บอกว่าชั้นบนนั้นเป็นที่จะผลิตอุปกรณ์ใหม่ๆขึ้นมาจึงทำให้มีแต่พนักงานบางส่วนเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้ เพราะหากข้อมูลรั่วไหลก็จะทำให้บริษัทเสียหายไม่น้อย ก็ทำให้พนักงานพวกนั้นเข้าใจและไม่ไปวุ่นวายอีกเลย เพราะถึงจะอยากรู้แค่ไหนก็ไม่อยากจะถามเกิดไปวุ่นวายมากเข้าก็อาจโดนไล่ออกไม่รู้ตัว
งานเดี๋ยวนี้หาง่ายซะที่ไหน
แต่ในความจริงแล้วบริษัทนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาตบตาพวกตำรวจโง่ๆเท่านั้น เพราะใครจะคิดว่าที่อยู่ของเหล่า ‘นักฆ่ารับจ้าง’ จะอยู่ใจกลางเมืองและโดดเด่นแบบนี้
นี่แหละนะที่ๆอันตรายที่สุด บางทีมันก็เป็นที่ๆปลอดภัยที่สุด
ที่นี่ก็คือโอนเนอร์ซีโร่ แต่นักฆ่าทุกคนจะเรียกที่นี่ว่า ‘เมือง’ เพราะที่นี่ครบครันไม่ว่าจะเป็นด้านดีที่เป็นบริษัทชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ทุกปีจะมีการบริจาคเงินเพื่อการกุศลดูเด็กยากไร้ให้ได้เรียนหนังสือสร้างชีวิตใหม่ให้กับเด็กๆ
หรือแม้แต่ด้านมืดที่เป็นบริษัทรับเงินมาเพื่อแลกกับชีวิตของคน…
พูดง่ายๆก็รับจ้างฆ่าทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือคนที่มาจ้างพวกเขา ถ้าไม่เป็นบริษัทที่หวังจะทำลายคู่แข่ง ก็เป็นพวกแกงค์มาเฟียที่ไม่มีปัญญาจะไปลอบฆ่าเองเพราะกลัวโดนประณามเรื่องศักดิ์ศรีบ้าบออะไรนั่น หรือแม้แต่กระทั่งองค์กรลับของพวกตำรวจไม่ว่าจะเป็นในเกาหลีเอง และแต่ต่างประเทศ ที่จ้างพวกเขาไปตามล่าฆ่าคนร้ายที่ตามตัวจับยาก หรือพวกที่ก่อคดีรุนแรงระดับประเทศ เพราะตำรวจพวกนั้นเส้นสายข่าวลับไม่มีเท่าในเมืองนี้ มันก็เหมือนกับคนจากที่สว่างหาคนในที่มืดไม่เจอ แต่ในเมืองนี้มืดกว่า การจะหาพวกมืดด้วยกันไม่ยากแน่นอน
พอจับตัวคนร้ายได้พวกตำรวจก็เอาหน้าไป ส่วนพวกเขาก็ได้เงินมหาศาล
แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพวกตำรวจที่จ้างเขาเป็นองค์กรลับซึ่งก็แปลว่าพวกตำรวจทั่วไปไม่รู้ว่ามีองค์กรนี้อยู่ ทำให้พวกเขาต้องมีหน่วยเก็บกวาดที่จะคอยเก็บกวาดงานที่นักฆ่าได้ทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นศพ หรือหลักฐานอะไรก็ตามที่จะสืบมาหานักฆ่าของพวกเขาได้แม้กระทั่งละอองดินปืนก็ต้องเก็บกวาดให้เรียบ แต่หน่วยที่ส่งไปเก็บกวาดงานของลู่หานนักฆ่าอันดับหนึ่งของเมืองนี้ก็กลับทำงานพลาดแต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะพวกนั้นพึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานเก็บกวาดครั้งแรก และดันได้ทำงานของลู่หาน ซึ่งก็รู้ดีว่าเป็นคนที่ชอบทำงานเลอะเทอะ…
Rrrrrrrrrrrr
ซิวหมินที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะจัดการเรื่องเอกสารนำตัวลู่หานเข้าไปโรงบาลก็สะดุ้งตัวเพราะเสียโทรศัพท์ แต่ที่น่าตกใจกว่าคือเบอร์ของคนที่โทรเข้ามา…
“ครับหัวหน้า..”
“เรื่องลู่หานไปถึนไหนแล้วซิวหมิน”
“กำลังจัดการอยู่ครับหัวหน้า แต่ลู่หานไม่รับข้อเสนอเราครับลู่หานจะไม่หนี”
“หมายความว่ายังไง” เสียงปลายสายถามกลับมานิ่งๆ
“เขาขอเข้าไปรักษาตัวในโรงบาลจิตเวชครับ”
“ฮ่ะๆๆ สมกับที่เป็นลู่หานจริงๆ แล้วนายเจอเซฮุนรึยังซิวหมิน”
“เจอแล้วครับหัวหน้า”
“ดีแล้วหละเจ้าเซฮุนตอนมาอยู่กับฉันที่ปักกิ่งก็บ่นถึงนายทุกวันเลย ลูกชายฉันนี่ทำตัวเป็นเด็กติดพี่ไม่เลิกยังไงก็ฝากด้วยนะซิวหมินอีกไม่กี่เดือนฉันก็จะลงจากตำแหน่งให้เซฮุนรับช่วงต่อแทนแล้ว ดูแลลูกฉันให้หน่อยนะ”
“เอ่อ คือ.. ให้จงแดดูแลแทนได้ไหมครับ พอดีผมต้องจัดการเรื่องของลู่หาน…”
“นี่ซิวหมินเรื่องของลู่หานคนอย่างนายแปบเดียวก็เรียบร้อย อย่าปฎิเสธฉันเลยฉันไว้ใจนายที่สุดนะ นายก็เหมือนลูกฉันคนนึงเหมือนกัน”
“แต่หัวหน้าครับ…” ซิวหมินอึกอักเพราะเค้ารู้ดีว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร
“ซิวหมินฟังฉันนะ นายหรือทุกๆคนที่ฉันรับมาเลี้ยงฉันไม่เคยคิดว่าเป็นแค่ตัวหมากหรือลูกน้องฉันรักทุกคนเหมือนลูก ถึงเราจะทำงานแบบนี้แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไม่มีความรักต่อกันนะถูกไหม..” คนปลายสายถอนหายใจออกมาเบาๆกับความคิดมากของซิวหมิน แล้วก็พูดต่อ “จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้คิดว่าที่ฉันทำอยู่นี่มันเลวหรอกนะ เราฆ่าคนที่ควรตาย มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอซิวหมิน ฉันหวังว่าจะเข้าใจนะฝากลูกชายฉันด้วย”
“ครับหัวหน้า” ซิวหมินรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ พูดบอกลาแล้วกดวางสาย แม้จะเป็นกังวลที่หัวหน้ามักจะให้ความสำคัญกับเขาที่เป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง แต่ลึกๆก็ดีใจที่คนปลายสายมักจะรู้ว่าเขาคิดอะไร หน้าที่ของเขาในเมืองคือการที่มอบหมายงานให้นักฆ่าแต่ละคน เห็นประวัติของคนที่จะถูกสั่งให้ตายแม้คนนั้นจะเลวร้ายแค่ไหน แต่พอดูประวัติครอบครัวแล้วรู้ว่าคนๆนั้นมีครอบครัวมีลูกก็แอบคิดไม่ได้ว่าครอบครัวเขาจะเสียใจแค่ไหนนะ…. มันเหมือนเป็นตราบาปติดอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา แม้ไม่เคยบอกใครแต่หัวหน้าก็รู้เสมอ แล้วบทสนทนาเมื่อครู่ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย
บางทีการที่เราฆ่า คนที่ควรตายมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่ก็ได้….
………………………………………………………………………
แทยอนเลี้ยวรถกลับเข้ามาในบ้านตอนค่ำๆเธอมองท้องฟ้าอย่างเป็นกังวล รีบจอดรถแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างรีบๆ
‘จะมืดแล้วหรอเนี้ย…’
“คุณแทยอนกลับมาแล้วหรอคะ” อินนาทักคุณหญิงของบ้านที่เดินเข้ามามองซ้ายขวาอย่างเป็นกังวล
“จ๊ะ อินนาแบคฮยอนหละอยู่ไหน”
“คุณหนูก็ขึ้นไปอยู่บนห้อง…..เหมือนเดิมแหละค่ะ” อินนาตอบพร้อมมองขึ้นไปชั้นบนด้วยแววตาเศร้าๆ
“หรอ..ดีแล้วหละ อินนาก็ไปพักเถอะนะแล้วเก็บมีดของมีคมไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” แทยอนมักจะกำชับให้อินนาและจงอินเก็บของมีคมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยเพราะเธอไม่อยากให้แบคฮยอนเอามันมาทำร้ายตัวเอง….หรือแม้กระทั่งคนอื่น….
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่..คุณหญิงคะจะไม่ล็อคห้องคุณหนูไว้..”
“อินนา! ลูกฉันไม่ใช่ตัวประหลาดไม่จำเป็นต้องขังเขาไว้หรอกนะ!” แทยอนโมโหที่อินนาอยากให้เธอขังลูกชายไว้ในห้อง เธอรู้ดีว่าอินนาห่วงแบคฮยอนกลัวจะทำร้ายตัวเองอีก แต่เธอก็ไม่ชอบใจที่จะต้องมาขังลูกของตัวเองไว้เหมือนนักโทษ..
“ขอโทษค่ะคุณหญิง ป้าแค่เป็นห่วงคุณหนู..” อินนาตัวสั่นเล็กน้อยเพราะเธอไม่เห็นคุณหญิงของบ้านจะอารมณ์เสียบ่อยนัก
“ฉันรู้อินนา แต่ไม่จำเป็นต้องขังแบคฮยอนไว้หรอก….ปกติเขาก็ขังตัวเองอยู่แล้ว…ไปพักผ่อนเถอะฉันก็จะพักเหมือนกัน.” แทยอนพูดจบก็เดินขึ้นไปเข้าห้องของตัวเองทิ้งให้หญิงชรามองตามอย่างเป็นกังวล เมื่อไหร่เรื่องพวกนี้จะผ่านไปสักทีนะ….
……………………………………………………………………………………………..
ความมืดที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในห้องเล็กสีหวาน คนตัวเล็กขดตัวซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ถดถอยหลังจนติดที่มุมตู้สั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้กลัวความมืด เวลาที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าเขาก็กลัว เขารู้สึกว่าต้องซ่อน… เขาต้องหนีจากมัน…
ทุกๆวันพอเวลามืดจะใกล้เข้ามาก็เหมือนสมองจะสั่งให้เขาต้องซ่อนจากมัน เขาต้องหนีจากมัน แต่พอความมืดเข้ามาเขาก็เหมือนจะหลับไป…
ไม่สิเหมือนฝัน…ฝันว่าตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างในตัวออกไป บางอย่างที่อึดอัดเหลือเกิน..
พอตื่นเช้าขึ้นมาถ้าไม่เจ็บตัว ก็จะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นรอบๆตัวเขาไปหมด รูปภาพจากเลือดบนผนังห้อง เลือดจากนิ้วมือของเขาเอง ที่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร สุนัขหรือแมวที่เลี้ยงตายไปอย่างประหลาด เขารู้ดีว่าเจ้าพวกนั้นไม่ได้โดนของตกใส่เหมือนที่แม่คอยบอกเขาประจำ แต่เขาก็ไม่กล้าถามสาเหตุมันออกไป
เพราะเขากลัวว่าสิ่งที่ฆ่าพวกนั้นจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากตัวเขา……
สิ่งที่เขาปลดปล่อยมันออกมา…..
“ฮึก…ฮึก…ฮึๆๆ คิก…ความมืดมาแล้วสินะ..” ร่างเล็กที่สั่นอยู่ในตู้มืดๆสายตาที่หวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาในชั่วพริบตาที่ความมืดเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง เปิดประตูตู้ออกมาช้าๆค่อยๆเดินวนไปรอบๆห้องก่อนที่จะหยุดตรงหน้าต่างมองลงไปข้างล่างเห็นคนที่แสนจะคุ้นตากำลังรดน้ำต้นไม้ในสวน
“อ๊ะ..คุณจงอินนี่เอง..” ร่างเล็กเอียงคอมองแล้วยิ้มออกมา…
รอยยิ้ม….ที่เหมือนกับนักล่าที่ยิ้มปลอบใจให้กับสัตว์ที่ตัวเองกำลังจะลงมือฆ่า…
แบคฮยอนค่อยๆเอาเล็บกรีดเข้าไปที่กระจกหน้าต่างทำให้เกิดเสียงแสบแก้วหูแต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้าน เอาแต่มองลงไปที่จงอินไม่ลาสายตาไปไหน มืออีกข้างก็หิ้วผมของตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่มีแต่หัว ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะถูกคนตัวเล็กเอาไฟลนไปที่หน้าของมันจากใบหน้าที่น่ารักก็กลายเป็นตุ๊กตาที่มีรอยไหม้ไปทั่ว
เสียงเหมือนคนกรีดกระจกดังอยู่ชั้นบนของบ้านทำให้จงอินชะงักและเกือบเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทันเพราะเขารู้ว่า ที่มาของเสียงนั้นคืออะไร… จึงทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินและก้มหน้าก้มตารดน้ำต่อไป
การกระทำนั้นทำให้แบคฮยอนหุบยิ้มมองด้วยสายตาโกรธแค้น ก่อนที่จะยิ้มอีกครั้ง แล้วก้มมองหัวตุ๊กตาในมือ
“ทนเจ็บหน่อยนะ เจ็บนิดเดียว” พูดจบก็เดินไปหยิบกล่องเข็มหมุดที่วางอยู่บนหัวเตียงของตัวเองมาปักลงที่หน้าของตุ๊กตาตัวนั้น ที่ละอันทีละอัน จนเต็มไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งที่ดวงตาและดูเหมือนจะมากที่สุด… เขาค่อยๆบรรจงหยิบเชือกเส้นยาวมามัดที่ผมของตุ๊กตานั่น เดินไปเปิดประตูระเบียงก่อนที่จะค่อยๆหย่อนหัวตุ๊กตาลงไปข้างล่าง ที่ๆมีจงอินยืนรดน้ำต้นไม่อยู่พอดี…..
Someone's always watching me.
Someone's always there.
When i'm sleeping he just …waits
and, he stares.
(ใครบ้างคนที่มักจะจ้องมองฉัน
ใครบางคนที่มักจะอยู่ตรงนั้น
เมื่อฉันนอนหลับเขาก็แค่..รอ
และ เขาก็คอยจ้องมอง)
(นี่เพลงนี่น้องแบคร้องนะขอโทษที่เค้าเอาคลิปลงไม่เป็น /-\
เปิดฟังด้วยเพื่อเพิ่มอรรถสรในการอ่าน ฮิฮิ)
>>>-
เสียงร้องเพลงเย็นๆดังขึ้นมาในความเงียบทำให้จงอินตัวแข็งทื่อ มือที่จับสายยางอยู่ก็ควบคุมให้หยุดสั่นไม่ได้.. ไฟที่สวนก็กระพริบติดๆดับๆขึ้นมายิ่งเพิ่มบรรยากาศอันน่าขนลุกนี้ขึ้นไปอีก
‘ไฟจะมาเสียอะไรตอนนี้ว่ะ’
แม้จะหัวเสียแค่ไหนแม้จะอยากวิ่งออกไปจากตรงนี้เท่าไหร่ แต่ขาเขาก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย ทำได้แค่ยืนปล่อยให้น้ำไหลออกจากสายยากส่งเสียดังคลอไปกับเสียงเพลงนั่น…
He has no Face.
He hides with the trees.
He Loves little children
When they Beg and Scream.
(เขาไม่มีใบหน้า
เขาซ่อนอยู่ในต้นไม้
เขารักเด็กเล็ก ๆ
เมื่อเด็กพวกนั้น อ้อนวอน และ หวาดกลัว)
Where are you going?
Why won't you stay?
They might be scared of you,
But i just want to …. Play.
(คุณจะไปไหน?
ทำไมไม่มีใครอยากให้คุณอยู่ด้วย
พวกเขาอาจจะกลัวของคุณ
แต่ฉันแค่อยากที่จะ … เล่น)
เสียงเย็นยะเยือกกับ เนื้อเพลงที่ความหมายช่างไม่น่าเอามาร้องในเวลานี้ ในความคิดของจงอินดังออกมาไม่หยุด เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะขยับไปไหน
ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างมาหยุกหยิกตรงไหล่เขา ยิ่งที่ให้เขาตัวแข็งทื่อขึ้นไปอีก ก่อนที่จะค่อยๆหันไปมองที่มาของมันช้าๆ
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเขาคือหน้าของตุ๊กตาที่บิดเบี้ยว เต็มไปด้วยเข็มหมุดที่ปักอยู่นับไม่ถ้วนมีเลือดไหลหยดลงมาจากคางนั่นที่ละหยดๆ นั่นมากพอที่จะทำให้จงอินแทบจะเสียสติไปเลย
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” จงอินปล่อยสายยางในมือก่อนที่จะวิ่งเหมือนคนสติแตกเข้าไปในบ้านโดยไม่สนที่จะปิดน้ำหรืออะไรอีกต่อไป
ภาพที่ปรากฏในสายตาทำให้แบคฮยอนหัวเราะในลำคอเบาๆ
แต่หยดน้ำตามากมายกลับไหลออกมาไม่หยุด……
ไม่มีใครต้องการคนอย่างเขา โลกที่มืดมิดนี่แหละคือคำตอบของทุกอย่าง…
I just want to play…
Please...
(ฉันแค่อยากที่จะเล่น…
ได้โปรด….)
……………………………100%……………………………………
ครบแล้ววว สนุกกันไหมม
นี่จะห้าตอนละพี่ลู่กะน้องแบคยังไม่เจอกันซะที เดี๋ยวก็เจอนะๆใจเย็นๆ 55555
แล้วจะรีบมาอัพให้น้อ ขอโทษที่พาร์ทนี้บรรยายเยอะไปหน่อยเค้าอยากให้เข้าใจความเป็นมาของเรื่อง
หวังว่าจะชอบกันนะ เม้นๆนะเค้ารออ่านเม้นอยู่ทุกวันนนน
รักทุกคน พรุ่งนี้อาจจะมาอัพอีกตอน เลิฟยู
:) Shalunla
ความคิดเห็น