ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงรัก ซาตาน

    ลำดับตอนที่ #7 : คนขี้หวง

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 56


    ..............................

                  รถยุโรปคันหรูถูกเร่งความเร็วอย่างน่ากลัวตามอารมณ์ของผู้ขับ ชายหนุ่มโกรธทั้งหญิงสาวต้นเหตุที่ทำให้เค้าต้องหงุดหงิด  โกรธทั้งตนเองที่ไปนั่งรอหญิงสาวอยู่ได้เป็นนานสองนานข้าวปลาก็ไม่ได้กิน

                  ยิ่งพอได้เห็นเธอลงมาจากรถของไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ยิ่งทำให้ตนเองโกรธจนแทบจะเป็นบ้าที่ไปหลงเชื่อท่าทีไร้เดียงสาของหญิงสาวจนเกือบจะใจอ่อนอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ได้มาเห็นธาตุแท้ของเธอในวันนี้

    ยิ่งตอกย้ำให้เค้ารู้ว่าสิ่งที่คิดเกี่ยวกับหญิงสาวมาตลอดนั้นถูกต้องแล้ว ต่อไปเค้าต้องควบคุมคนเองให้ดีกว่านี้ไม่ให้เผลอไปกับมารยาสาไถยของผู้หญิงแพศยาคนนี้อีกเป็นอันขาด คิดได้ดังนั้นดลภัทรจึงขับรถตรงไปยังคอนโดของแฟนสาวที่ตนเองเป็นผู้ซื้อไว้ให้อย่างรวดเร็ว

              “หนึ่งมาได้ยังไงคะ ไม่เห็นโทรมาบอกพลอยก่อนเลยว่าจะมา” แพรพลอยเอ่ยด้วยความแปลกใจทันที่เห็นแฟนหนุ่มโผล่มากดออดที่หน้าประตู

                “ก็ผมคิดถึงคุณนี่ก็เลยรีบมาเลยไม่ได้โทรบอกว่าจะชวนคุณไปทานข้าวด้วยกัน แล้วนี่คุณแต่งตัวอย่างนี้แสดงว่าเพิ่งเลิกงานกลับมาใช่มั้ยครับ เหนื่อยรึปล่าวผมมากวนพลอยรึปล่าวเนี่ย”  เพียงแค่เห็นหน้าแฟนสาวดลภัทรก็อารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น

                “ใช่ค่ะพลอยเพิ่งกลับมาจากถ่ายแบบเดี๋ยวหนึ่งไปนั่งรอพลอยแป้บนะคะ ขอพลอยอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวเดียวแล้วเราไปกันเลย”
     

    หญิงสาวรีบบอกพลางเก็บอาการไว้อย่างแนบเนียน พอเข้าไปในห้องนอนเธอก็รีบโทรไปเลื่อนนัดเพื่อนชายอีกคนที่เธอแอบคบอยู่ลับหลังดลภัทรและจะกำลังจะออกไปดินเนอร์กันอยู่พอดีแต่ดันเกิดรถไฟชนกันซะก่อน

    ยังดีชายหนุ่มไม่ได้ระแวงอะไร นับว่าเป็นโชคดีที่วันนี้เธอไม่ได้นัดให้ชายหนุ่มอีกคนมารับที่คอนโดไม่อย่างนั้นความลับคงมาแตกเอาวันนี้เอง แพรพลอยคิดอย่างโล่งอก

           หลังจัดการกับรถไฟอีกขบวนเรียบร้อยแล้วนางแบบสาวก็เปลี่ยนชุดออกไปดินเนอร์กับแฟนหนุ่มก่อนจะกลับมาทานของหวานกันต่ออย่างร้อนแรงที่คอนโดหรูอันเป็นรังรักของทั้งคู่

     

               

    ที่ตึกพิทักษ์บดินทร์

    “สวัสดีครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มเอ่ยทักผู้เป็นบิดาทันทีที่เห็นเบอร์ว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา

    “ว่าไงเจ้าหนึ่ง หายหน้าหายตาไปเลยนะเรา แล้วนี่ลูกสะใภ้พ่อเป็นไงบ้างไม่เห็นพามาหาพ่อบ้างเลยยุ่งมากรึไงเรา”

    “ก็นิดหน่อยครับคุณพ่อ พอดีช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างเลยแล้วที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับผมไม่ได้เข้าไปซะหลายวัน”   ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งเป็นมุมที่มีให้เฉพาะคนในครอบครัวและคนรักเท่านั้น

     

    “ที่บ้านก็เรียบร้อยดีเพียงแต่พ่อคิดถึงแกกับหนูรินทร์เฉยๆ ว่างๆ พาน้องมาทานข้าวกับพ่อบ้าง แล้วนี่คิดไว้รึยังว่าจะไปฮันนีมูนกันที่ไหนล่ะ  นี่ก็แต่งกันมาได้หลายวันแล้วถ้างานที่บริษัทมันยุ่งมากนักเดี๋ยวพ่อไปช่วยดูให้สักอาทิตย์ก็ได้นะลูก”

                “พอดีผมกับรินทร์ยังไม่ได้คิดกันเลยครับ กะว่าจะรออีกสักพัก”

                “ไฮ้ จะรออะไรกันนานนักหนา อย่างงี้พ่อก็อดอุ้มหลานกันพอดี เอาอย่างที่พ่อว่านั่นแหละอีกสองวันพ่อจะเข้าไปทำงานแทนแกสักอาทิตย์นึง แกรีบคิดเลยว่าจะพาเมียไปฮันนีมูนที่ไหนดี แล้วเย็นนี้พาน้องมาทานข้าวกับพ่อด้วย แล้วค่อยคุยกันเย็นนี้นะลูก”  ว่าแล้วคุณพารณก็รีบวางสายปล่อยให้ชายหนุ่มหงุดหงิดอยู่คนเดียวพลางสั่งเลขาให้ต่อสายถึงวารินทร์

     

                “นี่ผมเองนะ เย็นนี้เราต้องกลับบ้านไปทานข้าวกับคุณพ่อผม วันนี้คุณเลิกกี่โมงเดียวผมจะไปรับ”

                “วันนี้เลยเหรอคะ อืม ถ้ายังไงคุณหนึ่งไปเจอกับรินทร์ที่บ้านก็ได้ค่ะ เมื่อเช้ารินทร์เตรียมเครื่องทำต้มจิ๋วเอาไว้เดี๋ยวกลับไปทำแป๊บเดียวก็เสร็จ พอดีเลยจะได้แบ่งเอาไปให้คุณลุงกับที่บ้านรินทร์ทานด้วย เจอกันที่บ้านสักหกโมงก็ได้ค่ะ พอคุณหนึ่งมาเราจะได้ไปกันเลย” วาริณกล่าวอย่างดีใจที่จะได้กลับบ้านไปเจอกับยายและน้องสาว
     

              “อาหารอะไรของคุณทำไมชื่อมันประหลาดแบบนั้นแล้วจะทานได้เหรอ” จากชายหนุ่มที่กำลังหงุดหงิดเพราะโดนบังคับก็กลายเป็นงงแทนกับชื่อตลกๆของอาหารที่ปลายสายบอก

                “ทานได้สิคะคุณลุงชอบออกจะตายไป แถมดีกับสุขภาพอีกต่างหาก งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะคะ” หญิงสาวดีใจที่จะได้กลับบ้านจนลืมเรื่องเมื่อวานซะสนิทใจ
     

                พอดลภัทรกลับมาถึงคอนโดก็พบว่าหญิงสาวกำลังตักซุปใสๆ หน้าตาเหมือนต้มจืดหมูใส่ลูกอะไรก็ไม่รู้เหลืองๆ ลงกล่องเก็บความร้อนอยู่ก็อดเข้าไปดูด้วยความประหลาดใจไม่ได้
     

    เห็นชายหนุ่มทำหน้างงๆเธอจึงตักแบ่งใส่ถ้วยเล็กๆ พลางโรยหอมแดงซอยใบกระเพราและใบโหระพาสดที่เธอใส่แยกไว้ในต่างหากอีกกล่องหนึ่งให้ชายหนุ่มชิมแก้สงสัยจึงพบว่ามันรสชาติดีมากๆ ผิดกับหน้าตาและชื่อของมันลิบลับ เผลอแป๊บเดียวชายหนุ่มก็ทานจนหมด

    “ก็พอใช้ได้ แล้วนี่เราจะไปกันได้รึยังล่ะเดี๋ยวก็ค่ำมืดไปซะก่อน” ชายหนุ่มไม่วายบ่นแล้วรีบเดินนำหญิงสาวออกไป




    บ้านพิทักษ์บดินทร์

     “สวัสดีค่ะคุณลุง”

    “อ้าวมากันแล้วเหรอ มาๆเข้ามาทานข้าวกันพ่อให้เด็กตั้งโต๊ะไว้รอแล้ว แล้วนั่นหิ้วอะไรกันมาน่ะตาหนึ่ง”

    “อันนี้พ่อต้องถามลูกสะใภ้พ่อเองแล้วกันครับผมถือมาให้เฉยๆ ไม่ได้เป็นคนทำ”

    “พอดีเมื่อเช้ารินทร์เตรียมทำต้มจิ๋วไว้น่ะค่ะ พอรู้ว่าจะต้องมานี่ก็เลยทำเพิ่มอีกนิดหน่อยแล้วก็เอามาเผื่อคุณลุงและก็ว่าจะเอาไปฝากยายด้วยค่ะ”

    “โอ้ดีเลยๆ ไม่ได้ทานฝีมือหนูรินทร์ตั้งหลายวันแถมเป็นของโปรดอีก ทานข้าวคนเดียวมันเหงาพิลึกเลยล่ะ นี่ยังดีที่เดี๋ยวนี้เจ้ากานต์มันกลับมาทานข้าวกับพ่อบ้างนานๆที แต่ก็ไม่เหมือนกับทานข้าวกับหนูรินทร์แถมฝีมือเด็กๆมันก็ไม่ค่อยถูกปากเหมือนที่หนูรินทร์ทำเลยสักคน”

     

    ดลภัทรแอบทำหน้าเบื่อๆ กับอาการเอาอกเอาใจหญิงสาวจนออกนอกหน้าของพ่อตัวเองนัก ทำราวกับว่าหญิงสาวเป็นลูกแท้ๆ แล้วเค้าเป็นลูกเขยอย่างนั้นแหละ ชายหนุ่มคิดอย่างหมั่นไส้แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้เพราะอยู่ต่อหน้าบิดา

     

    “อ้าวพ่อพูดอย่างนี้ผมก็น้อยใจแย่น่ะสิครับ”  เสียงบ่นของดลกานต์มาก่อนเจ้าตัวจะเดินมาถึงโต๊ะอาหารซะอีก “สวัสดีครับน้องรินทร์ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่วันงานเลยนะครับ นี่ผอมลงรึเปล่าครับเนี่ย สงสัยพี่ชายผมคงเลี้ยงไม่ค่อยดี” ชายหนุ่มเอ่ยชวนพี่สะใภ้คุยแถมยังแขวะพี่ชายอย่างอารมณ์ดี
     

    “นั่นน่ะสิเจ้ากานต์ เพราะฉะนั้นเจ้าหนึ่งแกต้องรีบพาหนูรินทร์ไปฮันนีมูนเลยนะ ถือโอกาสพาน้องไปเที่ยวพักผ่อนเปิดหูเปิดตาบ้าง ส่วนเรื่องบริษัทเดี๋ยวพ่อจัดการเอง” พอได้ทีคุณพารณก็รีบถือโอกาศรวบรัดปิดโอกาศปฎิเสธของคู่แต่งงานใหม่ทันที

     

    วาริณหันไปเห็นสีหน้าของชายหนุ่มแล้วคงไม่อยากจะไปกับเธอสักเท่าไหร่

    “รินทร์ว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่าค่ะคุณลุง เรื่องเที่ยวเอาไว้เมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ รินทร์กับคุณหนึ่งก็ไม่ได้รีบอะไร”

               “ได้ยังไงล่ะ เราสองคนไม่รีบแต่พ่อรีบนี่นา ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่พ่อจะได้อุ้มหลานสักทีล่ะ”   เมื่อได้ยินคำตอบของพ่อสามีทำให้หญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะถึงกับหน้าแดงพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

                “แหมคุณพ่อ พูดอะไรเกรงใจลูกสะใภ้บ้างสิครับ ไม่เห็นเหรอว่าหนูรินทร์หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว”
     

                ดลกานต์ว่าพลางหันไปยิ้มให้กับพี่สะใภ้ที่เขินได้อย่างน่ารักในสายตาชายหนุ่มยิ่งนัก  สร้างความขัดใจให้กับดลภัทรยิ่งนักทีอยู่กับเค้าล่ะไม่เคยทำหน้ายิ้มระรื่นเหมือนอยู่กับพ่อและน้องชายของเค้าเลย เผลอเป็นไม่ได้เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่วกับคนในบ้านเค้าก็ไม่ละเว้นดลภัทรคิดอย่างพาลๆ
     

                “ถ้าคุณว่าพ่อว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่คงไม่รบกวนคุณพ่อนานหรอกสักอาทิตย์เดียวก็พอ เพราะคงจะไปไหนกันไม่ไกลนักหรอก ซักกระบี่หรือภูเก็ตนี่แหละ ผมจะเดินทางวันเสาร์แล้วก็คงจะกลับมาวันอาทิตย์ของอีกสัปดาห์แล้วกันครับ ถ้ายังไงวันนี้ผมกับรินทร์คงต้องขอตัวก่อน”

                “งั้นเดี๋ยวรินทร์ขอตัวไปหายายกับน้องสักครู่นะคะ”

                “เดี๋ยวชั้นไปด้วยเสร็จแล้วจะได้ไปกันเลย”ชายหนุ่มพูดพลางเดินนำหญิงสาวไปขึ้นรถเพื่อประหยัดเวลาในขากลับ


    ทันทีที่ได้เห็นว่าคนที่เดินนำเข้ามาในบ้านเป็นใครนั้นวารีลักษณ์ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดพี่สาวด้วยความคิดถึง ที่ผ่านมาสองพี่น้องแทบไม่เคยห่างกันเลยแต่หลังแต่งงานแล้วนอกจากโทรศัพท์หากันเกือบทุกวันก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันเลยก็อดที่จะทำให้สาวน้อยแอบน้อยใจพี่สาวตนเองมิได้
     

                “รีย์คิดว่าพี่รินทร์จะลืมน้องไปแล้วซะอีก” สาวน้อยเอ่ยอย่างแสนงอน

                “โอ๋ๆ ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะยัยลูกแหง่ พี่จะลืมน้องสาวแสนงอนของพี่ได้ยังไง” วาริณว่าพลางบีบจมูกคนขึ้งอนเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว

                “ไม่ต้องมาแกล้งเค้ากลบเกลื่อนเลย ก็ตัวเองไม่มาเยี่ยมเค้ากับยายบ้างเลยอ้ะ แล้วคอนโดที่พี่รินทร์ย้ายไปอยู่ก็ตั้งไกล ไม่รู้ล่ะถ้าหายไปอีกเค้าจะไปบุกถึงโน่นเลยคอยดูสิ” แม้จะโตเป็นสาวแล้วแต่เมื่ออยู่หน้าพี่สาวแล้ววารีลักษณ์ก็เสมือนเด็กน้อยแสนงอนในสายตาของคนเป็นพี่อยู่ดี

                “ไม่ต้องพูดมากวันนี้คุณดลภัทรมาด้วยไม่เห็นเหรอ มัวแต่บ่นอยู่นั่นแหละ” วาริณเอ่ยเตือนให้น้องสาวทำความเคารพผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่เขยที่อายุสูงกว่าสาวน้อยพอสมควร

                  “สวัสดีค่ะ คุณดลภัทร”

    “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มรับไหว้พลางมองภาพความน่ารักระหว่างสองพี่น้องทำให้ชายหนุ่มอดที่จะเอ็นดูไม่ได้แต่เมื่อรู้ตัวจึงรีบปั้นหน้าเคร่งพลางเอ่ยลอยๆ
     

    “นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวผมไปรอที่รถแล้วกัน” ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวเหมือนโกรธใครมา

    “เค้าเป็นอะไรอ้ะพี่รินทร์ อยู่ๆก็เหมือนโกรธใครอย่างนั้นน่ะ” วารีลักษณ์เอ่ยถามพี่สาวอย่างงงๆ

    “ไม่มีอะไรหรอก วันนี้พี่ทำกับข้าวมาฝากแล้วนี่ยายไปไหนทำไมพี่ไม่เห็นเลยล่ะ”

    “ยายไปนั่งสมาธิที่วัดจ้ะกลับพรุ่งนี้ ก็ไม่รู้นี่ว่าพี่รินทร์จะมาถ้ายายรู้ว่าพี่มายายคงเสียดายแย่เลย”

    “ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยววันหลังพี่จะโทรมาบอกก่อนนะว่าจะเข้ามาวันไหน วันนี้ดึกแล้วเดี๋ยวพี่กลับก่อนแล้วกันถ้าถึงบ้านแล้วพี่จะโทรมาคุยด้วย”
                  แม้จะคิดถึงน้องสาวมากเพียงใดแต่สังเกตุจากท่าทีของชายหนุ่มเมื่อกี้แล้วเธอก็ขี้เกียจจะมีปัญหากับชายหนุ่มอีกจึงรีบตัดบทน้องสาวลากลับบ้านโดยเร็ว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×