คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เพื่อนหรือชู้ 100%
............................................
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วที่ดังขึ้นปลุกดลภัทรที่เพิ่งเข้านอนไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงดี ชายหนุ่มงัวเงียขึ้นมารับด้วยความหงุดหงิดแต่ทันทีที่ได้ยินเสียงแพรพลอยแฟนสาวนางแบบที่คบหาดูใจกันอยู่เป็นเวลาสองปีกว่าก็ทำให้ดลภัทรตาสว่างเกือบจะในทันที
“ฮัลโหล หนึ่งหรือคะพลอยเองค่ะ หลับรึยังคะพลอยขอโทษนะคะที่โทรมารบกวนคุณกลางดึก”
“ไม่เป็นไรครับผมยังไม่ทันหลับดีหรอก พลอยโทรมาหาผมมีอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มอดเป็นห่วงแฟนสาวไม่ได้แค่เรื่องที่เค้าจะต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งๆที่ตนเองและแฟนสาวที่คบกันมานานจนวางแผนอนาคตร่วมกันไว้บ้างแล้วแต่ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาซะก่อนทำให้สิ่งที่ทั้งคู่วาดฝันกันไว้ต้องมาเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดสร้างความเสียใจให้กับแพรพลอยเป็นอย่างมาก
แม้เธอจะเข้าใจเค้าเป็นอย่างดีที่ไม่สามารถขัดความต้องการของผู้เป็นพ่อได้ แต่เค้าก็อดเป็นห่วงจิตใจของหญิงสาวไม่ได้ เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่เค้ารักต้องเสียใจไปมากกว่านี้เมื่อคืนวันเข้าหอเค้าจึงต้องไปอยู่ปลอบใจแฟนสาวทั้งคืนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแม้จะแต่งงานไปแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้อะไรมากระทบกับเส้นทางรักของทั้งคู่เป็นอันขาด
“พอดีพลอยไม่ค่อยสบายใจน่ะค่ะ แล้วก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบายยังไงก็ไม่รู้เลยทำให้นอนไม่ค่อยหลับ นี่พลอยโทรมารบกวนหนึ่งรึปล่าวคะ”
“พลอยไม่สบายเหรอเป็นอะไรมากรึปล่าว แล้วทานยารึยังให้ผมพาไปหาหมอมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะพลอยเกรงใจ เมื่อกี้ก็เพิ่งจะทานยาไปพรุ่งนี้คงดีขึ้น แค่พลอยได้ยินเสียงหนึ่งยังรับรู้ว่าหนึ่งเป็นห่วงพลอยบ้างแค่นี้พลอยก็ดีใจแล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวอย่างอดดีใจไม่ได้ในความเป็นห่วงของแฟนหนุ่ม จริงๆแล้วเธอไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าความกังวลใจและกลัวว่าคนรักของเธอจะแปรเปลี่ยนไปหลังแต่งงานไปแล้ว ได้ยินอย่างนี้เธอก็ค่อยสบายใจหน่อยว่าดลภัทรยังคงเป็นคนเดิมตามที่ได้ให้สัญญาไว้
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ เกรงใจอะไรแค่พลอยบอกมาคำเดียวผมก็พร้อมจะไปหาคุณอยู่แล้วยังไงๆ ผมก็ต้องเป็นห่วงแฟนของผมอยู่แล้ว อย่าคิดมากนะครับถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมไปรับไปทานข้าวเย็นดีมั้ย”
“อย่าเลยค่ะพลอยกลัวคุณจะไม่สะดวก พลอยไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
“เอาน่าอย่าขัดใจผมเลยผมคิดถึงคุณ เดี๋ยวเลิกงานผมไปรับนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวตัดบทเพราะรู้ว่าปลายสายนั้นขี้เกรงใจมากแค่ไหน ประกอบกับความอยากเห็นหน้าหวานๆของแฟนสาวหลังจากมีเรื่องเครียดๆอย่างนี้คงทำให้เค้าสบายใจและมีแรงต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น
“งั้นพรุ่งนี้พบกันค่ะ พลอยจะรอนะคะ” แพรพลอยวางสายลงอย่างสมหวัง อันที่จริงเธอแค่จะโทรมาเช็คเท่านั้นว่าชายหนุ่มอยู่กับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นภรรยาเค้ารึเปล่า แล้วถ้าเธอโทรไประหว่างที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วชายหนุ่มจะมีปฎิกริยาอย่างไรแต่เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติก็ให้เบาใจลงว่าเธอยังคงเป็นผู้กุมหัวใจชายหนุ่มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หญิงสาวหลับตาลงอย่างสมหวังและเข้านอนอย่างสบายใจ
เช้าวันนี้หลังจากที่ดลภัทรก้าวออกมาจากห้องนอนด้วยชุดทำงานเรียบร้อยก็พบว่าภรรยาหมาดๆของตนเองออกไปทำงานแล้วพบแต่โน้ตเล็กๆเขียนไว้ว่าได้ทำข้าวต้มกุ้งไว้ให้ชายหนุ่มแล้วหากจะทานก็ให้อุ่นไมโครเวฟอีกนิดหน่อยก็พร้อมทานได้เลย
ปกติเช้าๆ อย่างนี้ดลภัทรมักทานกาแฟแค่แก้วเดียวเป็นอาหารเช้าตามประสาคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยห่วงใยสุขภาพแต่เนื่องจากหน้าตาอาหารจะน่าทานแล้วร่างสูงยังแอบติดใจกับฝีมือทำอาหารของหญิงสาวอยู่เหมือนกันแถมวันนี้ก็ไม่ต้องรักษาฟอร์มเนื่องจากคนทำออกไปแล้วชายหนุ่มจึงจัดการเอาเข้าไมโครเวฟอุ่นภายในพริบตาเดียวข้าวต้มชามโตก็หมดเกลี้ยงลงอย่างรวดเร็วเมื่อท้องอิ่มกองทัพก็ต้องเดินตามระเบียบชายหนุ่มจึงออกไปทำงานด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ต่างจากวาริณที่เดินทางไปทำงานอย่างไม่สดชื่นเท่าที่ควรเนื่องจากนอนไม่ค่อยจะหลับเนื่องจากไม่สบายใจเพราะเหตุการณ์ประทะคารมเมื่อคืนคอยผุดขึ้นมาในความฝันอยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยความเป็นคนที่เข้มแข็งเนื่องจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาสอนให้อดทนกับคลื่นแห่งความเสียใจที่มากระทบเป็นระยะๆ ก็ทำให้เธอสามารถเริ่มงานวันใหม่ได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพดังเดิม
ถึงแม้สภาพครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากแต่ด้วยความมานะพยายามเป็นอย่างมากทั้งทำงานส่งทางบ้านช่วยเหลือผู้เป็นยายแล้วเธอยังเรียนภาคค่ำในมหาวิทยาลัยของรัฐโดยใช้เวลานอกเหนือจากเวลางานหลังหกโมงถึงสามทุ่มเป็นระยะเวลากว่าสี่ปีเต็มแม้จะลำบากเพียงใดก็พยายามประคองตัวเองจนจบปริญญาตรีได้ท่ามกลางความปลาบปลื้มปิติของผู้เป็นยาย หลังจบปริญญาตรีวาริณก็ทำงานในบริษัทการเงินที่มีชื่อแห่งหนึ่งแถบสีลมที่ตนทำงานพิเศษอยู่ในระหว่างที่เรียนภาคค่ำนั่นเองเนื่องด้วยบริษัทเห็นความขยันหมั่นเพียรจึงจ้างหญิงสาวต่อภายหลังจากเรียนจบแล้ว
ด้วยความน่ารักและมีอัธยาศรัยดีเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เป็นพนักงานพิเศษจนได้บรรจุทำให้หญิงสาวเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานภายในแผนกเป็นอย่างดี แรกๆเมื่อเข้ามาใหม่ๆตามประสาพนักงานใหม่แถมเป็นนักศึกษาหน้าตาจิ้มลิ้ม รูปร่างบอบบางกริยามารยาทก็เรียบร้อยน่ารักทำให้มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่เรื่อยๆ
แต่ด้วยการวางตัวที่ดีและจริงจังในการทำงานเป็นอย่างมากหนุ่มชีกอทั้งหลายก็กลายมาเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่ทำงานกันไปหมดเหลือก็แต่รัชชานนท์หัวหน้าแผนกที่หญิงสาวทำงานอยู่ที่ยังมีใจคงมั่นคงกับวาริณเสมอต้นเสมอปลายด้วยคิดว่าสักวันหญิงสาวจะเห็นใจกับความตั้งใจจริงของตนเองเข้าสักวัน
“วันนี้รินทร์มาแต่เช้าจังเลย แถมหน้าตาก็ดูไม่ค่อยสดใสเลย ไม่สบายรึเปล่าครับ” รัชชานนท์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณนนท์พอดีเมื่อคืนรินทร์ดูทีวีดึกไปหน่อย อย่างรินทร์เนี่ยไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกค่ะรินทร์อึด”วาริณกล่าวอย่างติดตลก ตลอดเวลาสี่ปีที่ทำงานอยู่ที่นี่จนแทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่สองไปแล้วและชายหนุ่มตรงหน้าผู้เป็นทั้งหัวหน้าและเป็นเหมือนพี่ชายอีกคนของเธอทำให้เธอสบายใจและเป็นตัวของตัวเองเสมอเวลาที่อยู่ที่บริษัท เธอรู้มาตลอดว่าชายหนุ่มคิดอย่างไรกับเธอแต่ตำแหน่งเดียวที่เธอจะให้ได้ก็คือพี่ชายเท่านั้นแม้จะชายหนุ่มจะดีกับเธอมากเพียงใดก็ตาม
***************************
ต่ออีก50 % จร้า.....
ถ้าหญิงสาวว่าอย่างนั้นเค้าจะไปทำอะไรได้ ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วงตามจีบหญิงสาวมาตั้งนานทำไมชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าระยะหลังมานี้วาริณคงจะมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบางอย่างแน่ๆ เพียงแต่เจ้าตัวไม่ยอมปริปากแม้สักแอะปกติเวลามีปัญหาอะไรเค้าก็เห็นสาวน้อยคนนี้แข้มแข็งและมีสติในการแก้ปัญหามาโดยตลอด แต่ช่วงหลังนี้เธอมักเหม่อบ่อยๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลาและแถมวันนี้ก็ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้ามาเลยแม้จะถูกปกปิดด้วยเมคอัพเพียงใดก็ยังคงมีร่องรอยให้เห็นอยู่บ้าง
“จ้างั้นก็ไปทำงานเถอะ ถ้าไม่ไหวยังไงก็บอกผมได้นะอย่าฝืน แล้วเย็นนี้พวกเราจะไปเลี้ยงส่งฝึกงานวันสุดท้ายของน้องเมย์กันรินทร์จะไปด้วยกันมั้ยครับจะได้ติดรถผมไปพร้อมกับคนอื่นเลยเลย” ชายหนุ่มพูดถึง
“ไปสิคะแล้วแผนกเรามีใครไปบ้างคะที่นั่งพอรึเปล่าถ้าที่ไม่พอรินทร์นั่งแท็กซี่ตามไปก็ได้ค่ะ” แม้จะคิดไม่ตกอยู่กับปัญหาส่วนตัวอย่างไรวาริณเลือกที่จะปล่อยวางปัญหาไว้และใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป
“มีแค่น้องก้อยกับตาเจสองคนครับที่เหลือเฟืองั้นเย็นนี้เราไปพร้อมกันหมดนี่แหละสะดวกดี”
หลังเลี้ยงส่งกันจนถึงห้าทุ่มต่างคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับยกเว้นพวกหนุ่มๆ ที่ตกลงกันว่าจะอยู่ต่อรัชชานนท์อาสาไปส่งวาริณและสาวๆในแผนกอีกสองคนด้วยตัวเองเพราะเห็นว่าดึกมากแล้วและกลัวจะเกิดอันตรายถ้าจะปล่อยให้กลับแท็กซี่กันเอง
หลังจากที่วนไปสองสองสาวที่อยู่ไม่ไกลจากร้านที่พวกเค้าไปเลี้ยงส่งมากนักก็เหลือแต่เพียงวาริณเป็นคนสุดท้ายซึ่งตรงกับใจของรัชชานันท์อยู่แล้วที่อยากจะใช้เวลากับสาวที่ตนเองหมายปองให้นานที่สุด ซึ่งปกติโอกาศที่จะได้เจอกันนอกที่ทำงานเช่นนี้มีไม่บ่อยนักเนื่องจากหญิงสาวไม่ค่อยจะชอบเที่ยวกลางคืนถ้าไม่มีโอกาศพิเศษเช่นวันนี้
“ถ้ารินทร์ไม่ไหวก็นอนหลับไปก่อนเลยก็ได้นะเดี๋ยวถ้าถึงแล้วผมจะปลุกเอง” แม้จะรู้ว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์แต่ด้วยเห็นว่าดึกแล้วกลัวหญิงสาวจะง่วงจึงอดจะถามด้วยความห่วงใยไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะรินทร์ยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ ถามแต่คนอื่นคุณนนท์เองนั่นแหละรินทร์เห็นน๊า ว่าวันนี้คุณนนท์ก็ดื่มไปนิดหน่อย ปกติแทบไม่เคยเห็นคุณนนท์แตะของพวกนี้สักเท่าไหร่เลยแล้ววันนี้นึกครึ้มยังไงถึงได้เปลี่ยนใจคะ” ร่างเล็กเอียงคอถามอย่างน่ารัก
“อ้าวก็วันนี้โอกาสพิเศษนี่ครับ นานๆผมจะเห็นหนูรินทร์จอมอนามัยยอมออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตากับคนอื่นเค้าบ้างจะไม่ให้ผมดีใจได้ยังไง” ชายหนุ่มเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี
“แหมคุณนนท์ก็พูดซะเวอร์เชียว รินทร์ไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้นซะหน่อยรินท์ก็เที่ยวบ้างนะคะแค่ไม่บ่อยเท่านั้นเอง”หญิงสาวว่าพร้อมกับขว้างค้อนให้ชายหนุ่มไปหนึ่งที
“ครับๆ เที่ยวบ้างแค่ปีละครั้งเท่านั้นเองเนอะ” รัชชานนท์เอ่ยอย่างรู้ทัน ส่งผลให้หญิงสาวอดหัวเราะกับวาจารู้ทันของร่างสูงที่กำลังขับรถอยู่ไม่ได้
ไม่นานรถยนต์คันงามของชายหนุ่มก็มาถึงหน้าคอนโดชายหนุ่มมองความหรูหราของที่อยู่ใหม่ของวาริณอย่างแปลกใจ “นี่รินทร์ย้ายบ้านนานแล้วเหรอครับทำไมผมไม่เห็นรินทร์พูดถึงเลย”
“ไม่ใช่ของรินทร์หรอกค่ะของลูกชายคุณพารณน่ะคะเธอให้รินทร์มาเฝ้าบ้านและทำความสะอาดให้ อย่างรินทร์คงไม่มีปัญญาซื้อคอนโดหรูๆอย่างนี้อยู่หรอกค่ะ”
วาริณพูดถึงคุณลุงข้างบ้านที่ชายหนุ่มก็รู้จักดีเนื่องจากทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันพอสมควร หญิงสาวเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงสาเหตุที่แท้จริงจึงต้องอ้างเช่นนี้ แต่ที่จริงเธอก็คิดเช่นที่บอกรัชชานนท์จริงๆ ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่ของๆเธอ สักวันหนึ่งเธอก็ต้องกลับไปอยู่ในที่ของตนเองเมื่อทุกอย่างจบลง
เมื่อได้ฟังเหตุผลที่วาริณบอกแล้วชายหนุ่มจึงค่อยหายสงสัยและเอ่ยลากลับเพราะอยากให้คนตรงหน้าได้พักผ่อน “งั้นผมกลับก่อนนะครับ ฝันดีนะครับรินทร์”
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ขับรถดีๆนะคะคุณนนท์” หญิงสาวบอกลากับรัชชานนท์แล้วจึงเดินเข้าตัวอาคารเพื่อจะขึ้นลิฟท์มายังห้องพักโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอนั้นอยู่ในสายตาของดลภัทรอยู่ตลอดเวลา
ทันทีที่เห็นวาริณก้าวลงมาจากรถยนต์ที่ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาส่งภรรยาของเค้าชายหนุ่มก็ก้มลงมองหน้านาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาห้าทุ่มห้าสิบนาทีไม่ขาดไม่เกินยิ่งทำให้โทสะของคนที่ยืนรออยู่พุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก วันนี้ชายหนุ่มกลับมาจากที่ทำงานแล้วก็ตรงมาที่คอนโดเลยไม่ได้ไปแวะที่ไหนเพราะแฟนสาวของตนเองนั้นติดงานทำให้ชายหนุ่มไม่รู้จะไปที่ไหนจึงมาถึงคอนโดตั้งแต่ยังไม่หนึ่งทุ่มตรง
โดยหวังจะมาทานอาหารฝีมือของผู้ที่ชื่อได้เป็นภรรยาทางนิตินัยเพราะติดใจในชาติอาหารของหญิงสาวจนต้องรีบกลับมาโดยไม่ได้แวะทานที่ไหนเลย แต่กลับไม่เจอหญิงสาวตอนแรกเค้าคิดว่าเธอคงยังเดินทางกลับมาไม่ถึงจึงนั่งดูทีวีรอพลางคิดว่าอีกสักพักคงกลับมา
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ดลภัทรก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเนื่องจากที่ไม่เคยต้องเป็นฝ่ายรอใครมาก่อน นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครที่เค้าจะต้องมาเสียเวลารอนานขนาดนี้ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องลงมารอที่หน้าล็อบบี้ทำให้ดลภัทรเห็นกับตานอกจากจะเที่ยวกลางคืนจนกลับบ้านมืดๆค่ำแล้ว หนูรินทร์คนดีของคุณพ่อยังมีผู้ชายมาส่งถึงคอนโดอีกด้วยแถมยังล่ำรากันอีกเป็นนานสองนาน
วาริณถึงกับอึ้งไปทันทีที่เห็นหน้าชายหนุ่มที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งตึงราวกับจะฆ่าคนได้อยู่บริเวณหน้าลิฟท์ โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวได้ดลภัทรก็กระชากข้อมือของหญิงสาวเข้าลิฟท์ไปอย่างรวดเร็วทำให้วาริณไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนเมื่อเจอเข้ากับรังสีอำมหิตที่แผ่ไปทั่วลิฟท์ชายหนุ่มฉุดกระชากลากถูร่างเล็กบอบบางผลักเข้าไปในห้องอย่างแรงแต่เค้าก็หาได้สนใจไม่พลางก้าวย่างเข้าไปหาหญิงสาวด้วยท่าทีคุกคาม แววตาและท่าทีอันแสนจะน่ากลัวของชายหนุ่มทำให้วาริณถึงกับตัวสั่นด้วยไม่รู้ว่าดลภัทรไปกินรังแตนที่ไหนมาจึงได้มีท่าทีเช่นนี้
“ทำไมไม่ไปนอนกับมันเลยล่ะ ถ้ากลับมาเอาดึกดื่นค่ำมืดป่านนี้ อึดอัดล่ะสิที่จะต้องสวมบทบาทหนูรินทร์ผู้แสนเรียบร้อย แค่ไม่กี่วันก็ออกลายซะแล้วนี่น่ะเหรอคนดีที่คุณพ่อปลื้มนักปลื้มหนา นี่คงอิ่มจนแทบกระอักล่ะสิถึงได้กลับมาเอาป่านนี้ แล้วนี่ถ้าวันหนึ่งเธอท้องขึ้นมาชั้นจะแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องเป็นลูกชั้นหรือไอ้ชายชู้ที่มาส่งเธอกันแน่” ชายหนุ่มกล่าวอย่างโกรธจัด
จบคำพูดของดลภัทรหญิงสาวรู้สึกราวกับใครเอาน้ำเย็นมาสาดใส่จนชาไปทั้งร่างกับคำกล่าวหาอันร้ายแรงเธอมองชายหนุ่มอย่างงงันและไม่เข้าใจว่าแค่เธอไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆที่ทำงานเท่านั้นทำไมดลภัทรจึงได้คิดเองเออเองไปได้ตั้งมากมายขนาดนี้
“นี่คุณเอาอะไรมาพูด รินทร์ไม่ทราบว่าคุณไปเอาความคิดต่ำๆ พวกนี้มาจากไหน ถ้าจะกล่าวหาด้วยอารมณ์อย่างนี้ไว้เราอารมณ์เย็นลงกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ดีกว่าค่ะ วันนี้รินทร์เหนื่อยมากแล้วขอตัวนะคะ” แม้จะโกรธแค่ไหนหญิงสาวก็เลือกที่จะเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะรู้ตัวดีว่าคงไม่สามารถเอาชนะคนตรงหน้าได้อย่างแน่นอน
“อย่ามาทำเป็นเล่นละครกลบเกลื่อนความเหลวแหลกของตัวเองหน่อยเลย ขอบอกไว้วันนี้เลยนะว่า ผมไม่สนใจว่าที่ผ่านมาคุณจะไปทำตัวเหลวแหลกกับใครที่ไหนมาก่อน ไอ้ที่ผ่านมาแล้วผมจะถือซะว่าแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปจนกว่าเราจะหย่ากันผมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณไปมั่วกับผู้ชายคนไหนอีกเป็นอันขาด ถ้าคุณไม่เชื่อแล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
ภายหลังพูดจบดลภัทรก็ผลุนผลันออกไปราวกับพายุ วาริณหลับตาลงอย่างอ่อนล้าพลางทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอดทนได้อีกนานเท่าไหร่ กับการที่จะต้องรับมือกับความโกรธเกลียดที่ชายหนุ่มมีต่อเธอ น่าแปลกแม้ว่าดลภัทรจะร้ายกาจกับเธอสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้เธอโกรธและเกลียดเค้าได้ลงเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำได้ก็เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งเหตุการณ์ระหว่างเธอกับชายหนุ่มจะดีขึ้นบ้าง หญิงสาวก็ได้แต่หวังเพียงเท่านั้นเองจริงๆ
........................................................................
สงสัยอีตาหนึ่งนี่เวลาเดียวที่ไม่ปากเสียก็คือเวลากินเนอะ ไม่ค่อยตะกละเลยพระเอกเค้าเนี่ย 50 % เปอร์เซนต์ก่อนเนอะเดียวพรุ่งนี้มาต่อให้น๊าพอดี
ลูกง่วงนอนแล้ว(แม่ด้วยแหละ อิอิ) พรุ่งนี้จะพยายามมาต่อให้ครบอีก 50 จร้า
ปล.ตอนนี้แฟนพระเอกโผล่มาแล้วน๊า แต่มาลุ้นกันว่านู๋พลอยเนี่ยจะร้ายมั้ย หรือเรื่องนี้จะให้พระเอกเลวคนเดียวดีหว่า อิอิ มะบอกตอนนี้หรอกอ่อยไว้
ก่อน
ความคิดเห็น