ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kamen rider Super Sentai Pretty Cure All Star F

    ลำดับตอนที่ #1 : Part 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 831
      62
      1 ก.พ. 67

    ณ หุบเขาแห่งนึ่งร่างของโซระที่นอนอยู่สลบไม่ได้สติอยู่นั้นจู่ๆตัวของเธอนั้นก็รู้สึกถึงแรงบางอย่างที่กำลังเขย่าร่างของเธอไปมาพร้อมกับตะโกนเรียกเธออยู่ตลอดเวลา

    “ เน่...ทำใจดีๆเอาไว้นี่ ” เสียงนั้นยังคงเรียกจนกระทั้งโซระรู้สึกตัวในที่สุดเธอจึงค่อยๆพยุงดันตัวเองลุกขึ้นมาก่อนจะพยายามหันมองซ้ายมองขวาทำให้เธอเห็นวิวทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นตาโดยเฉพาะกับชายที่อยู่ตรงที่อยู่ในชุดสีแดงสลับดำที่เหดูยังไงก็เหมือนหลุดออกมาจากนิยายแฟนตาซีอย่างบอกไม่ถูก

    " ปลอดภัยดีสินะ "

    " เอ่อ...คือว่าคุณเป็นใครกันคะ แล้วที่นี่...ที่ไหน? " โซระถามกับชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้ามึนงงโดยเฉพาะกับชายที่อยู่ตรงหน้า

    ‘ กีระ ฮัสตี้ / คูวากาตะโอเจอร์’

    “ ฉันเหรอ...อะแฮ่ม ” กีระพอโดนโซระถามชื่อก็รีบลุกขึ้นถอยหลังเตรียมแนะนำตัวอย่างอลังการ “ ฮ่าห์ ฮ่าห์!!! จงพังนามของเราราชาที่จะปกครองทุกสิ่ง ราชาแห่งทรราช กีระ ฮัสตี้! ”

    “ ราชาแห่งทรราช....เอ๊ะ เอ้!!!!! ” โซระพอได้ยินชื่อของชายตรงหน้าแถมยังเรียกตัวเองว่าราชาทรราชเธอถึงกับรีบปรีถอยหนีอย่างรวดเร็วในทันที “ นะ...นี่คุณนะเป็นคนไม่ดีสินะคะ!! ”

    “ อ่ะ....ดะ...เดียวไม่ใช่ คือแบบว่า ” กีระที่เหมือนจะถึ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองดันเผลอแสดงเป็นตัวร้ายจึงพยายามจะอธิบายกับโซระให้เข้าใจแต่ยังไม่ทันได้อธิบายจู่ๆก็ได้มีร่างปีศาจขนาดใหญ่ได้ปรากฎตัวกำลังพุ่งลงมาโจมตีตัวของโซระ 

    “ อันตราย!! ” กีระได้รีบพุ่งตัวเข้าไปคว้าตัวของโซระออกมาทำให้ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปมากับพื้นจนฝุ่นตลบ

    “ ไม่เป็นไรนะคะ ” โซระที่เห็นว่าตัวของกีระได้ช่วยเธอเอาไว้ก็รีบถามด้วยความเป็นห่วงก่อนที่ปีศาจตัวนั้นจวกกลับมาเพื่อจะโจมตีคราวนี้ได้มีบางอย่างเข้ามาโจมตีจนร่างของปีศาจล่วงลงไปกับพื้นพร้อมกับการปรากฎตัวของพรีเคียวทั้งสอง

    “ นั้นมันพรีตตี้เคียว! ” โซระได้มองไปที่พรีเคียวทั้งสองอย่างประหลาดใจเพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีพรีเคียวคนอื่นด้วยก่อนที่พรีเคยวทั้งสองนั้นจะซัดหมัดเข้าใส่จนสัตว์ประหลาดล่วงลงไปกองกับพื้น

    “ ไม่เป็นไรนะ ” พริตตี้เคียวชุดสีขาวได้หันมาทางโซระกับกีระเพื่อถามด้วยความเป็นห่วงก่อนเธอและพรีเคียวอีกคนจะพูดอะไรรอบตัวของพวกเธอก็ถูกจามาโตะและบั๊คนารั๊คก็ได็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินล้อมรอบพวกเธอซะแล้ว

    “ โกหกน่า บั๊คนารั๊คทำไมถึงมาอยู่ที่นี้? ” กีระพอเห็นตัวบั๊คนารั๊คที่ปรากฎตัวออกมาก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมพวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ไงแน่นอนว่าตัวของพรีเคียวทั้งสองนั้นก็ไม่รีรอที่จะจะเข้าจัดการพวกจามาโตะและบั๊คนารั็ค

    แต่ปัญหาคือจำนวนของพวกมันมีเยอะเกินกว่าที่พวกเธอทั้งสองคนจะจัดการได้หมดแถมยังโดนเจ้าปีศาจตัวนั้นพุ่งเข้ามาจับร่างของพวกเธอโยนลงอัดกับพื้น

    “ ไม่เป็นไรนะซัมเมอร์ ”

    “ อ่า...ซะ...ซวยแล้วโดนล้อมแล้ว ”

    “ พริตี้เคียว อาร์ค!!! ” ปีศาจตัวนั้นที่เงียบมานานก็ได้ตะโกนออกมาสุดเสียงเรียกพรีเคียวแต่คำว่าอาร์คที่พูดต่อท้ายทำเอาโซระสงสัยแต่ก็ได้ไม่นานเพราะเสียงคำรามของมันเหมือนเป็นการปลุกระดมให้กับพวกบั๊คนารั็คและจามาโตะเป็นอย่างมาก

    “ ฮ่าาาาา!!! ” เสียงตะโกนนึ่งได้ดังขึ้นก่อนที่ฝูงจามาโตะและบั๊คนารั๊คจะโดนทะลวงด้วยเขาคู่นึ่งกับดาบเลื้อยที่เฉือดเฉือนศัตรูที่อยู่ตรงหน้าซึ่งคนที่ทำก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นบัฟฟ่า

    [ Poison Charge! ]

    บัฟฟ่าได้ทำการดึงทริกเกอร์ซอมบบี้เบรคเกอร์แล้วกระหน้ำรั่วฟันเข้าใส่ร่างของจามาโตะเรียงตัวก่อนจะฟันเสยซัดร่างของจามาโตะตัวนึ่งจนร่างปลิวขึ้นฟ้าแล้วระเบิดกลางอากาศ

    [ Tactical Break! ]

    “ คุณมิจินากะ ”

    “ นี่เธอ...ก็ถูกส่งมาที่โลกนี้เหมือนกันงั้นเหรอ ” บัฟฟ่าพอได้ยินเสรยงโซระตะโกนมาหาก็ได้หันไปก่อนจะโดนเจ้าปีศาจตัวนั้นบินพุ่งเข้ามาซัดเข้าใส่ตัวของเขาแต่ถึงอย่างงั้นบัฟฟ่าก็ได้ใช้พละกำลังของตัวเองยันหมัดของปีศาจเอาไว้ได้ “ นี่แก.. จะวัดพลังกับฉันงั้นเหรอ ” บัฟฟ่าที่ได้ออกสุดแรงเกิดเพื่อดันประชันแรงกับปีศาจตรงหน้าแต่เหมือนว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกดันมาสะมากกว่า

    “ เดียวช่วยอีกแรงก็แล้วกัน ” อีกเสียงที่ได้ตะโกนก่อนที่จะมีคลื่นดาบเปลวไฟจะพุ่งเข้าโจมตีใส่บัํคนารัคกับจามาโตะที่กำลังจะเข้ามาโ๗มตีบัฟฟ่าและก็ยัง

    กระสุนจำนวนนึ่งยิงเข้าใส่ร่างของปีศาจจนมันยอมปล่อยจากตัวของบัฟฟ่าเจ้าของกระสุนก็เป็นของผู้มาใหม่อย่างมาสไรเดอร์เซเบอร์ รีไวและเซนไคเซอร์

    “ ลุยรวดเดียวไปเลย เซนไคเซอร์ ”

    “ อ่าา ลุยแบบสุดขีดเต็มพลังไปเลย!!! ”

    รีไวและเซนไคเซอร์ได้หันมาพูดให้กันและกันด้วยประโยคประจำตัวก่อนที่ทั้งคู่ก่อนทืี่เซเบอร์จะตามไปอีกคนทำให้กำลังรบเพิ่มขึ้นมาอีกสามคนจนมีจามาโตะตัวนึ่งได้วิ่งตรงเข้ามาจะทำร้ายตัวของโซระซึ่งก็ได้ตัวของกีระชักดาบที่อยู่ข้างกายฟันโจมตีเข้าใส่จามาโตะตัวนั้นจนล้มลงไป

    “ เจ้าพวกลิ้วล่อพวกนี้ ราชาทรราชผู้นี้จะบดขยี้เอง ” กีระได้บัดผ้าคลุมที่อยู่หัวไหล่ขวาก่อนที่ตัวเองจะชักดาบที่อยู่ข้างกายออกมาชูเข้าหาปีศาจตรงหน้า

    [ Kuwagata ]

    “ สวมเกราะราชันย์! ”

    [ You are the King You are the You are King ]

    [ Kuwagata Ohger ]

    “ ฉันเองก็... ” โซระเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกันโดยที่เธอนั้นหยิบมิราจเพนท์ที่อยู่ที่เอวของเธอขึ้นมาก่อนที่ส่วนบนตัวของมิราจจะเปิดออกกลายเป็น สกายมิราจ อุปกรณ์รูปทรงคฑา

    “ สกายมิราจ โทนคอนเนค ” โซระได้นำตัวของสกายโทนใส่เข้ากับสกายมิราจส่องประกายปกคลุมร่างกายของเธอ “ ฮีโร่การุเชนจ์ สกาย ”

    “ ท้องนภา สีคราม ทีแผ่ขยายอย่างไร้ขอบเขต เคียวสกาย!”

    “ นี่เธอ…แปลงร่างได้ด้วยงั้นเหรอ ”

    “ ค่ะ….ชื่อของฉัน เคียวสกายค่ะ ”

    “ ฮ่าฮ่าๆ น่าสนใจดีนิ...งั้นมาสู้ไปด้วยกันเคียวสกาย ”

    “ ค่ะ! ” โซระขานตอบรับก่อนที่เธอและคูวากาตะโอเจอร์จะเริ่มเปิดฉากเข้าต่อสู้กับกองทัพจามาโตะและบั๊คนารั๊คที่อยู่เบื้องหน้าโดยที่มีคนอื่นๆช่วยทำให้ทั้งคู่เข้าไปถึงตัวของปีศาจได้สำเร็จ

    คูวากาตะโอเจอร์ได้กวัดแกว่งโอเจอร์คาลิเบอร์ในมือฟาดฟันเข้าใส่ร่างของปีศาจตรงหน้าก่อนที่ตัวของโซระจะซัดหมัดอัปเปอร์คัตด้วยหมัดของเธอเสยอัดเข้าที่ใต้คางของปีศาจจนตัวมันลอยปลิวกระเด็นขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่ตัวของปีศาจจะทำตอบโต้ได้ด้วยยิงลูกไฟจากปากของมันเข้าใส่ทั้งคู่ที่อยู่ที่พื้น

    [ Zombie Strike! ]

    บัฟฟ่าได้ใช้มือขวาตัวเองตบลงพื้นทำให้มือซอมบี้จำนวนมากได้จับตรึงขาของพวกจามาโตะและบั๊คนารั๊คอยู่กับที่เปิดโอกาสให้รีไว เซนไคเซอร์ เคียวพรีเชียสและเคียวซัมเมอร์

    คูวากาตะโอเจอร์ตรงเข้าไปหาปีศาจแล้วใช้โอเจอร์คาลิเบอร์กระหน้ำแทงไม่หยั่งก่อนจะปิดด้วยการฟันตัดเข้าที่ลำตัวของปีศาจแต่ก็มีจังหวะที่ตัวของปีศาจจะใช้กำปั้นขนาดใหญ่ชกสวนกลับมาคูวากาตะโอเจอร์ได้เอี่ยวตัวหลบหมัดนั้นได้อย่างฉิวเฉียด

    [ Ohger Finish! ]

    “ ปิดฉากเลย!! ” คูวากาตะโอเจอร์หลังจากโจมตีสุดทา้ยของตัวเองไปก็ได้ให้สัญญาณตัวของเคียวสกายที่อยู่ด้านหลังเป็นคนปิดฉาก

    “ ค่ะ! จงพุ่งทะยาน สกายพันซ์!!! ” โซระได้ระเบิดพลังของเธอออกมาก่อนจะทำการพุ่งทะยานตรงเข้าใช้หมัดของเธอเข้าโจมตีเข้าที่กลางร่างของปีศาจจนร่างของมันเกิดระเบิดจากการโจมตีของเคียวสกาย

    “ ข้าจะกลับไปรายงาน กับท่านอาร์ค ” ปีศาจได้กระพือปีกที่กลางหลังของมันแล้วบินหลบหนีไปแต่ด้วยสิ่งที่มันพูดออกมาจากปากนั้นพูดถึงบุคคลที่ชื่ออาร์คซึ่งมันได้สะกิดใจตัวของเคียวสกายเป็นอย่างมาก

    “ ท่านอาร์คเหรอ? ” เคียวสกายที่ได้แต่สงสัยก่อนที่ตัวของเธอและคูวากาตะโอเจอร์ที่อยู่ข้างๆได้คืนร่าง

    “ อาจจะเป็นหัวหน้าของปีศาจนั้นก็ได้ ” กีระที่ลองพิจารณาตามเกี่ยวกับสิ่งที่ปีศาจตัวนั้นพูดก็คิดได้เพียงอย่างเดียวว่าคนที่ชื่ออาร์คเป็นตัวบ่งการปีศาจเมื่อกี้

    “ เย้! ” พรีเคียวทั้งสองที่อยู่ด้านหลังได้แตะมือกันหลังจากที่ได้รับชัยชนะทำให้โซระที่เห็นก็รีบวิ่งเข้าไปหาพรีเคียวทั้งสองทันที

    “ ก่อนหน้านี้ขอบคุณมากเลยนะคะ ”

    “ ไม่ๆๆ ทางนี้ต่างหากที่ต้องเป็นคนขอบคุณ ฉันนัตสึอุมิ มานัตสึ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ” 

    ‘ นัตสึอุมิ มานัตสึ / เคียวซัมเมอร์ ’

    “ ส่วนฉัน นาโกมิ ยุย และนี้โคเมะโคเมะคู่หูของฉันเอง อยู่ๆต้องมาอยู่ในที่พิลึกแบบนี้ คงลำบากแย่เลย ”

    ‘ นาโกมิ ยุย / เคียวพรี่เชียส ’

    “ ทางพวกเธอเองก็ด้วยเหรอ ” เซนไคเซอร์ที่ได้ยินที่คุยกันก็เดินเข้ามาก่อนที่ทำจะทำการคืนร่าง 

    ‘ โกชิคิดะ ไคโตะ  / เซนไคเซอร์ ’

    “ จู่ๆก็รู้สึกง่วงแบบสุดขีดพลังตื่นมาก็อยู่ในที่แบบนี้แล้ว ” ไคโตะได้อธิบายความรู้สึกของตัวเองที่นึกออกคือตื่นมาก็มาอยู่ที่แปลกแบบนี้แล้ว “ หรือว่านี่ว่าฉันจะเป็นคนที่ค้นพบโลกใหม่เป็นคนแรกกันน่า ”

    “ คนที่เจอโลกไม่ได้มีแค่นายหรอกนะไคโตะ ” 

    ' คามิยามะ โทวมะ / มาสไรเดอร์ เซเบอร์ '

    “ แต่ว่าพูดก็พูดเถอะ ถึงทิวทัศน์และภูเขาจะเหมือนกับโลกก็จริง แต่ก็รู้สึกไม่ใช่ในเวลาเดียวกันเลยด้วย ”

    ' อิการาชิ อิกกิ / มาสไรเดอร์ รีไว '

    “ โลกนี้คงไม่ใช่ว่าเกี่ยวกับเจ้ากีสท์อีกหรอกนะ ” มิจินากะได้เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพาดพิงถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่

    “ คุณมิจินากะ แล้วทุกคนละคะ ”

    “ ตื่นมาฉันก็อยู่คนเดียวจนมาเจอเธอนี่แหละ ”

    “ ที่นี่มันที่ไหนอ่ะ ”

    “ เน่...ทุกคนดูนั้นสิ ” กีระที่ยืนอยู่หน้าผาพยายามก้าวสายตามองไปรอบๆจนเห็นอะไรบางอย่างจากไกลๆจนเรียกคนอื่นๆให้มาดู

    “ หื้มมม นั้นมันอะไรอะ หรือว่าจะเป็นปราสาทอะ? ” มานัตสึที่เพ่งมองก็เห็นเป็นเงาลางๆเหมือนกันก่อนที่แต่ละคนจะระดมสมองเพื่อดูว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันคืออะไรก่อนที่มีเสียงท้องร้องดังสะนั่นขึ้นมาเบนความสนใจของทุกคนไปที่ยุยที่ยืนกุ้มท้องอยู่

    “ งื้ออ....หิวข้าวจังเลยยยย ”

    ในขณะเดียวกัน ณ เกาะเล็กๆกลางทะเลแห่งนึ่งมาชิโระที่ได้สติก่อนที่เธอนั้นจะมองไปทะเลตรงหน้าที่มีร่างของเด็กสาวที่อยู่ในน้ำตรงหน้า

    “ มานัตสิ อ้าวไม่ใช่แฮะ ขอโทษที่รบกวนไปละ ” เด็กสาวที่อยู่ในน้ำมองดูตัวของมาชิโระคู่นึ่งพอรู้ว่าไม่ใช่คนที่กำลังหาก็เตรียมจะจากไป

    “ เอ้ เดี๋ยวๆๆๆ ก่อนอย่าเพิ่งไปสิ! ”

    “ อะไรล่ะ ฉันกำลังยุ่งกับการตามหาคนอยู่นะ ”

    “ ฉันเองก็กำลังตามหาคนอยู่เหมือนกัน ไหนๆแล้วพวกเรามาร่วมมือกันเหอะน่าาา ”

    “ เห้...บังเอิญจังเลยนะ เอาเป็นว่าต่างคนต่างก็มาพยายามด้วยกันเถอะ ” เด็กสาวที่ประหลาดใจที่ตัวของมาชิโระก็กำลังตามหาคนเหมือนกับเธอแต่ตัวของเธอไม่มีความคิดที่อยากจะร่วมมือเลยอวยพรแล้วกำลังจะจากไป

    “ เดี๋ยวสิๆๆ อย่างทิ้งกันไปแบบนี้สิ มาร่วมมือกันเถอะ ฉันไม่อยากจะติดอยู่บนเกาะร้างแบบนี้นะ อุตส่าห์ได้เจอคนเหมือนกันทั้งที ” มาชิโระไม่รอข้ากระโจนเกาะแกตัวของเด็กสาวไม่ยอมให้ไปพร้อมกับรั่วคำพูดมากมายใส่ไม่หยั่ง

    “ เสียมารยาท ฉันเป็นคนที่ไหนกันยะ! ” เด็กสาวตบปากมาชิโระเบาๆก่อนจะบอกว่าตัวเธอไม่ใช่มนุษย์ก่อนจะโชว์หางนางเงือกให้ได้เห็น “ เงือกต่างหากละ ”

    “ โห้วววว เป็นเงือกจริงๆด้วย ” มาชิโระที่รู้สึกตะลึ่งเป็นอย่างมากขณะที่อยู่บนหลังของลอว์ร่าที่พาว่ายน้ำออกจากเกาะร้างไปด้วยกัน

    “ หึหึ จะชมมากกว่านี้ก็ไม่ติดหรอกนะ ”

    “ แต่ว่า โล่งอกสุดๆไปเลย หลังจากตื่นมาแล้วอยู่คนเดียวในเกาะร้างทำเอาใจหายหมดเลย ” มาชิโระที่กำลังระบายความลำบากของเธอให้ลอว์ราฟังนั้นก็ได้มัเสียงนึ่งตะโกนขึ้นมาจากเกาะใกล้ๆ

    “ อาร์ค!!! ” เสียงมากมายได้ตะโกนคำว่าอาร์คดังสนั่นไปทั่วเกาะร้างเล็กๆเกาะนึ่งซึ่งกลางวงล้อมของศัตรูพวกนั้นกับมีพริตี้เคียวคนนึ่งกำลังเข้าต่อสู้อยู่

    ' คาไซ อามาเนะ / เคียว ฟินาเล่ '

    " เจ้าพวกนี้เป็นใครกัน " เคียวฟินาเล่ที่ตอนนี้ไม่เข้าใจว่าศัตรูที่เธอกำลังสู้อยู่นั้นเป็นใครแถมตัวของเธอนั้นยังต้องปกป้องภูติตัวนึ่งที่เหมือนกับกระต่ายหูยาว

    ท่าทางของภูตินั้นก็มีท่าทางกลัวศัตรูที่เข้ามาโจมตีเป็นอย่างมาก่อนที่จะมีศัตรูตัวนึ่งตรงเข้ามาจะโจมตีก็ได้เคียวฟินาเล่เข้ามาช่วยปกป้องเอาไว้

    “ ถึงจะไม่รู้พวกมันเป็นตัวอะไรแต่มาโจมตีใส่คนไม่มีทางสู้เนี่ยนะ จะมากเกินไปแล้ว ”

    “ แย่แล้ว ต้องรีบไปช่วย ” มาชิโระที่เห็นว่ามีคนกำลังลำบากเธอก็รีบลงจากตัวของลอว์ร่าแล้ววิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยทันที

    “ เดี๋ยวสิ มันอันตรายนะ ” ลอว์ร่าก็พยายามห้ามตัวของมาชิโระไม่ให้ไปก่อนที่พวกเธอจะหยิบอุปกรณ์แปลงร่างของกันและกันออกมา

    “ ฮีโร่การุเชนจ์ ปริซึ่ม ”

    “ แสงสว่างอันอ่อนโยน ที่แผ่กระจายไปอย่างนุ่มนวล เคียวปริซึม ”

    “ พริตตี้เคียว ทรอปิคอลเชนจ์ ”

    “ มหาสมุทรที่งดงามระยิบระยับ เคียวลาแมร์ ”

    “ เอ้!! ” เคียวปริซึมและลาแมร์ต่างตกใจแม้แต่ตัวของเคียวฟินาเล่ที่สู้อยู่ใกล้ๆเพราะเห็นสองคนนั้นแปลงร่างก็อุทานออกมาอย่างพร้อมเพพรียงโดยที่ไม่ได้นัดหมาย “ พริตตี้เคียวเหรอ? ”

    ลาแมร์ได้เปิดฉากจับปีศาจตัวอ้วนกลมที่พุ่งลงมาแล้วเหวียงโยนร่างของมันลงทะเลไปก่อนที่อีกสองตัวจะเข้ามาจากด้านหลังจนได้เคียวปริซึมเข้ามาช่วยเอาไว้ได้

    “ ให้ตายสิถ้าเป็นพริตตี้เคียว ทำไมถึงไม่รีบอกกันล่ะยะ ” ลาแมร์ได้หันต่อว่าตัวของปรซึมทันที่ทีไม่ยอมบอกว่าเป็นพรีเคียวเหมือนกัน

    “ ไงงั้นล่ะ ” มาชิโระโวยวายทันที่ก่อนที่เธอและลาแมร์จะวิ่งดับเครื่องชนฝ่าฝูงปีศาจเพื่อเข้าไปร่วมกลุ่มกับเคียวฟินาเล่

    “ จงพุ่งทะยาน ปริซึมช็อต!! ” เคียวปริซึ่มได้การยิงพลังของเธอลูกใหญ่เข้าใส่กลางวงล้อมของศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจนเกิดระเบิดทำให้ปีศาจจำนวนมากปลิวกระเด็นคนละทิศละทางตามแรงระเบิด

    แต่ถึงเคียวปริซึมจะโจมตีไปแต่ด้วยจำนวนของศัตรูก็ได้ฝ่าบุกเข้ามาหาเธอกับเคียวลาแมร์ทั้งสองจึงช่วยกันฝ่าดงศัตรูเข้าไปรวมกลุ่มกับเคียวฟินาเล่ได้สำเร็จ

    “ ให้ตายสิเจ้าพวกนี้มันอะไรกัน ”

    “ มาไม่จบไม่สิ้นเลยด้วย ”

    ในขณะที่ทั้งสามในตอนนี้กำลังแย่เพราะโดนศัตรูห้อมล้อมเอาไว้จนไม่รู้จะหนีไปทางไหนจนกระทั้งได้มีเสียงรีดกีตาร์ดังสนั่นขึ้นมาพร้อมกับสายฟ้าฟาดจำนวนมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าผ่าลงศัตรูที่อยู่รอบของพวกเธอ

    [ Tactical Thunder ]

    “ ทุกคนนนน ทางนี้! ” 

    หลังจากสายฟ้าที่ได้ผ่าลงมานั้นก็ได้มีเสียงนึ่งโบกไม้โบกมือเรียกให้ทั้งสามหันไปหาก็ได้พบกับตัวของนาโกะที่อยู่ที่เนินเขา

    “ อ่าาาเนออนจัง ” เคียวปริซึมที่เห็นว่าเป็นนาโกะก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอคนคุ้นหน้าสักที

    “ รีบไปกันเถอะ ” เคียวลาแมร์ได้วิ่งนำออกไปก่อนที่เคียวฟินาเล่จะวิ่งตามไปอีกคนแน่นอนว่าก่อนที่เคียวปริซึมจะวิ่ง

    “ เธอเองก็รีบมาด้วย ” เคียวปริซึมได้หันไปหาตัวของภูติตัวน้อยโดยที่ยื่นมือไปหาแต่ดูเหมือนว่าภูติน้อยตัวนั้นจะเกิดกลัวจนไม่กล้าจะจับมือเธอ “ เอ้ ทำไมล่ะ? ”

    ขณะที่เคียวปริซึมยังงงว่าทำไมภูติตัวน้อยนี่ถึงกลัวเธอก็ไม่ทันระวังในระยะที่กระชันชิดเกินกว่าที่เธอจะตั้งรับได้นั้นก็ได้มีแขนนึ่งที่ยืดพุ่งเข้ามาดึงร่างของเธอและภูติตัวนั้นออกมาจากตรงนั้นได้

    “ ไม่เป็นไรใช่ไหม? ” เสียงของคนช่วยเหลือตัวของปริซึมได้ถามไถทำให้ตัวของเธอหันไปก็เห็นว่าคนที่ช่วยเธอและภูติจิ๋วเอาไว้ก็คือมาสไรเดอร์บิลด์แรบบิทแรบบิทฟอร์ม

    “ คะ....ค่ะ ”

    “ จังหวะนี่แหละรีบตามคนอื่นไปเร็วเข้า ” บิลด์ได้บอกกับตัวของปริซึมได้รีบตามคนอื่นไปก่อนที่ตัวของเขาจะใช้ฟูลบอทเทิลบลาสเตอร์ยิงสอยตัวของปีศาจที่ไร้ตามมาเพื่อซื้อเวลาให้ปริซึมรีบหนีออกไป

    “ ไปกันเถอะ ” ปริซึมได้คว้าตัวของภูติจิ๋วมาในอ้อมแขนแล้วกระโดดไปตามเนินเขาเพื่อหนีออกจากเกาะเล็กๆนี่บิลด์ที่เห็นว่าปริซึมไปไกลแล้วตัวเองจึงตามไปทีหลัง

    อีกด้านนึ่งบนฟากฟ้าเหนือเมฆได้มีเด็กสาวทั้งสองที่กำลังขี่ไม้กวาดบินไปมาอย่างกับเวทมนต์ซึ่งที่ปลายของไม้กวาดนั้นก็ได้มีสึบาสะที่แปลงร่างเป็นนกกำลังตื่นตาตื่นใจกับท้องฟ้าที่กว้างขว้างจนสุดลูกหูลูกตา

    ‘ ยาคุชิจิ ซายะ / เคียวแองจ์ ’

    “ ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเวทมนต์เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ” ซายะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งเรียกว่าเวทมนต์ที่ตัวของเธอนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนโดยที่ในอ้อมแขนของเธอนั้นก็ได้อุ้มเอลี่ที่ก็กำลังตื่นตาตื่นใจกับเวทมนต์ไม่ต่างจากเธอเหมือนกัน

    “ จริงๆแล้วก็ควรจะเก็บเป็นความลับนะ แต่เพราะว่าเป็นพริตตี้เคียวเหมือนกัน คิดว่าคงไม่เป็นหรอกมั้งนะ ”

    ‘ ฮานามิ โคโตฮะ / เคียวเฟลิเช่ ’

    “ เอ่อคือ ฉันก็ไม่ใช่พริตตี้เคียวรู้แบบนี้จะไม่เป็นปัญหากับเธอใช่ไหม ” ไทคูนที่อยู่ในร่างคอมมานเจ็ทฟอร์มได้บินเข้ามาตีคู่กับโคโตฮะโดย

    “ ไม่เป็นไรหรอก ก็คุณเคย์วะเป็นคนดีนิน่า ”

    “ แต่ตกใจมากเลยนะครับ ไม่คิดเลยว่าจะมีพริตตี้เคียวคนอื่นนอกจากพวกผมด้วยแบบนี้ ”

    “ ขนาดฉันเองยังตกใจเลยที่นกแปลงร่างเป็นคนได้เหมือนกัน ถึงจะมีเพื่อนคล้ายกันเองก็เป็นแบบนี้ก็เถอะ ” ซายะเองก็ตกใจเรื่องที่สึบาสะเป็นนกที่สามราถแปลงร่างเป็นคนได้ไม่แพ้เรื่องเวทมนต์ของโคโตฮะเลย

    “ ว่าแต่ว่าโลกนี้มันอะไรกันแน่นะ ” ไทคูนเริ่มยิงคำถามเกี่ยวกับโลกใบนี้ที่พวกเขาอยู่ทันที่แต่ใจลึกๆของไทคูนก็เรียกที่ทีตอนนี้อยู่ว่าโลกไม่ได้เต็มปากเหมือนกัน

    “ อื้ม ไม่ใช่โลกเวทมนต์หรือโลกไร้เวทมนต์ ซะด้วยสิ ”

    “ เท่ากับว่าสิ่งที่มีความเป็นไปได้ที่พอจะอธิบายเราในตอนนี้ก็ได้ ” ซายะที่พยายามหาเหตุผลที่จะอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ได้ซึ่งสิ่งที่เธอคิดมีสิ่งเดียว

    “ ปราสาทนั้นสินะครับ ” สึบาสะเองก็คิดเหมือนกันพร้อมกับมองไปยังสิ่งปลูกสร้างที่อยู่สุดลูกหูลูกตาที่เหมือนกับปราสาทที่ในเวลานี่นั้นเป็นเป็นเบาะแสเดียว

    “ สรุปก็คือคนที่อยู่ในปราสาทนั้นอาจจะมีใครรอให้พวกเราไปหาสินะ ” 

    “ หมายถึงมีเจ้าหญิงอยู่งั้นสินะ ” โคโตฮะที่พอคิดตามเลยจินตนาการไปว่าคนที่อยู่ในปราสาทนั้นจะเป็นเจ้าหญิงอะไรประมาณนั้นแน่ก่อนที่จินตนาการของเธอจะไปมากกว่านี้ก็ได้ยิงเสียงระเบิดดังมาจากจุดที่พวกเธออยู่ไม่ไกล

    “ ทางนั้น ” ไทคูนพยายามเพ่งหูจนได้ยินเสียงเดิมอีกครั้งจึงบินนำออกไปโดยที่โคโตฮะก็ขี่ไม้กวาดของเธอตามติดๆต้นตอของเสียงก็มาจากทุ่งดอกไม้ที่ปลิวไสวไปตามสายลมได้มีปีศาจสีดำขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนหนอน

    “ อาร์ค!!!! ” ปีศาจตัวนั้นที่รูปร่างเหมือนหนอนได้พุ่งดับเครื่องชนเข้าใส่เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าของมันแน่นอนว่าคู่ต่อสู้ที่มันกำลังสู้อยู่นั้นก็คือพริตตี้เคียวคนนึ่งที่ยืนเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

    ทันทีแน่นอนว่าพริตตี้เคียวคนนั้นก็วิ่งเข้าสู้แล้วซัดหมัดเข้าใส่ใบหน้าของปีศาจตัวนั้นเต็มจนหงายท้องไป

    ก่อนที่มันจะตั้งหลักแล้วพยายามจะใช้ปากขนาดใหญ่ของมันงับร่างของพริตตี้เคียวคนนั้นซึ่งเจ้าตัวก็ได้พยายามกระโดดหลบไปมาเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเป้านิ่งก่อนที่เธอจะพลาดถูกมันใช้ส่วนหางฟาดร่างของเธอกระเด็นกองกับพื้น

    ในจังหวะที่เธอกำลังพลาดท่านั้นปีศาจก็ได้พุ่งเข้ามาหวังจะใช้ปากโจมตีใส่เธอก็ได้มัร่างนึ่งที่ได้พุ่งเข้ามาขว้างแล้วใช้อาวุธในมือทั้งสองเข้าโจมตีจนตัวปีศาจถอยออกมาเพื่อตั้งหลักก่อนที่จะจ้องมองไปยังคนที่สร้างบาดแผลให้กับมัน

    #king ohger spoilers from inferno

    “ ความสวยงามก็เหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบาน....ผู้ที่ทำให้ดอกไม้สวยงามที่เปรอะเปื้อนแบบนี้ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ” คามาคิริโอเจอร์ได้ปรากฎตัวมาไม่รอช้าก็ได้ต่อว่าตัวของปีศาจตรงหน้าที่บังอาจมาทำให้พริตตี้เคียวแบบนี้จึงจัดการโจมตีชุดใหญ่ใส่ปีศาจตรงหน้าเป็นการสั่งสอนชุดใหญ่

    #king ohger spoilers from inferno

    “ ท่านราชินี ” พริตตี้เคียวคนนั้นได้ลุกขึ้นหันไปหาตัวของคามาคิริโอเจอร์ด้วยความดีใจที่ได้เข้ามาช่วยเหลือเธอเอาไว้ก่อนที่ตัวของปีศาจะจะหันกลับมากำลังจะยิงเปลวไฟจากปากของมันเข้าโจมตีก็ได้มีอีกร่างนึ่งที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าเตะอัดกลางหัวจนหัวมันจิ้มดิน

    “ มาทันอย่างฉิวเฉียด  ” ผู้ที่เข้ามาช่วยคนที่สองก็คือมาสไรเดอร์ซีโร่วันก่อนที่ตัวของเขาจะหันไปส่งสัญญาณให้ตัวของคามาคิริโอเจอร์ให้ลุยต่อ

    “ จงลุกขึ้นแล้วแสดงความงดงามของเธอให้สัตว์ประหลาด น่ารังเกียดนั้นให้รู้ซึ่งซะ ”

    “ค่ะ! ” พริตตี้เคียวที่ได้รับความช่วยเหลือจา่กคามาคิริโอเจอร์ได้ตอบก่อนที่ก้าวออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับปีศาจเพียงลำพัง “ จงร่ายรำ บุปผ่าเอ๋ย พริตตี้เคียว ฟลอรัล ทูร์บิยอง” กระโปรงของพริตตี้เคียวได้แผ้ขยายนเป็นกระโปรงยาวแล้วทำการยิงพลังที่เป็นคลื่นพลังสีชมพูที่โอบอุ้มไปด้วยกลีบกุหลายสีชมพูเข้าใส่ปีศาจตรงหน้า

    “ พริตตี้เคียว อาร์ค!!! ” ปีศาจได้รับการโจมตีเข้าไปเต็มจนร่างกระเด็นลอยไปบนฟ้าแต่ถึงจะโดนแบบนั้นมันก็ยังสามรถฝ่าหนีออกไปได้

    “ โชคดีมีสุข ” พริตตี้เคียวได้จับชายกระโปรงของเธอยกขึ้นพร้อมย่อตัวเพื่อเป็นการอวยพรให้แก่ปีศาจตนนั้นโดยมีเหล่ากลีบกุหลาบปลิวสไวเป็นฉากหลัง

    “ ช่างงดงามยิ่งหนัก ”

    “ เป็นอะไรไหม? ” ไทคูนได้ตะโกนออกมาทำให้ทั้งคู่ต่างหันไปมองก่อนที่พวกไทคูนจะร่อนลงสู่พื้นโดยเฉพาะสึบาสะได้รีบบินลงมาพร้อมกับเปลี่ยนร่างตัวเองกลายเป็นมนุษย์ปรีวิ่งเข้าไปหาพรีเคียวคนนั้นทันที

    “ คุณคือเจ้าหญิงของโลกนี้งั้นเหรอครับ? ”

    “ เอ้ะ....คือว่า ” พริตตี้เคียวคนนัน้ที่ใบหน้าจากตกใจจนเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

    “ อาระ....ดูท่าความงดงามของเธอจะไปทำให้คนแถวนี้หลงเสน่ห์เขาแล้วน่า ” คามาคิริโอเจอร์ได้หันไปแซวตัวของพริตตี้เคียวที่อยู่ข้างๆเธอก่อนที่ในเวลาต่อมาจะทำอธิบายให้ทุกคนกระจ่าง

    “ ขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมดันเข้าใจผิดไปเองแบบนี้ ” สึบาสะได้รีบกล่าวขอโทษยกใหญ่ทันที่ดันเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป

    “ อ่าา ไม่เป็นไรหรอก การที่มีคนคิดแบบนั้นแสดงว่าฉันอาจจะเข้าใกล้ความเห็นเจ้าหญิงจริงขึ้นมาแล้ว ”

    “ เจ้าหญิงจริงๆเหรอ? ”

    ‘ ฮารุโนะ ฮารุกะ / เคียวฟลอร่า ’

    “ ตัวฉันที่มุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าหญิงน่ะ  ” ฮารุกะได้กล่าวแนะนำตัวเองให้กับพวกสึบาสะได้รู้จัก “ แล้วก็...ขอแนะนำให้รู้จัก ”

    ‘ ฮิเด็น อารุโตะ / มาสไรเดอร์ ซีโร่วัน ’

    “ ฮิเด็น อารุโตะ มาสไรเดอร์ซีโร่วัน ฝากตัวด้วย ”

    ‘ ฮิเมโนะ รัน / คามาคิริ โอเจอร์ ’

    “ ส่วนฉันคนนี้คือราชินีผู้เจิดจรัส ฮิเมโนะ รัน ”

    ขณะเดียวกัน ณ กลางป่าท่ามกลางหิมะแห่งนึ่งกลุ่มพรีเคียวอีกกลุ่มที่ประกอบไปด้วยอาเกฮะ ริต้า คากุรากิ และยังมีสมาชิกอีกสามคนอย่าง

    “ อย่าเดินไปไหนมาไหนตามใจชอบสิรุน! ”

    “ ฉันเข้าใจว่าพวกเธอทุกคนต่างก็เป็นพริตตี้เคียว ถึงจะไม่หมดทุกคนก็เถอะ ” 

     ‘ โคโตสึเมะ ยูคาริ / เคียวมาการอง ’

    “ แต่ว่านั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะต้อง ตามพวกเธอไม่ใช่รึไง ” ยูคารที่ตอนนี้กำลังยืนเถียงกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางเย็นชาผิดกับอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีใครยอมใครกันแม้แต่น้อย

    “ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ทีเราไม่รู้ว่าโลกนี้เป็นโลกแบบไหนจะเดินมั่วซั่วได้ยังไงรุน เพราะแบบนั้นเวลาแบบนี้คือพวกรเาทุกคนต้องร่วมมือกันเอาไว้น่าจะดีกว่านะรุน”

    ‘ ฮาโกรุโมะ รุน / เคียวมิลกี้ ’

    “ เราต่างก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย อีกอย่างฉันไปเองคนเดียวน่าจะสะดวกกว่ามีพวกเธอมาเกาะแกะถ่วงจาฉัน”

    “ ว่าไงน่าาา!! ”

    ‘ คากุรากิ เดียโบสึกี้ / ฮาจิโอเจอร์ ’

    “ แม้ๆๆ ดูไปดูมาแล้วเหมือนกับพวกเรามากเลยนะ ท่านริต้า ” คากุรากิที่ยืนมองดูทั้งสองทะเลาะกันไปมาทำเอาตัวเขารู้สึกคิดถึงตัวเองในอดีตพร้อมกับสมาชิกคนอื่นที่ช่วงแรกมักจะทะเลาะกันแบบนี้เป็นประจำโดยที่ตัวเขาก็ระลึกความหลังกับตัวริต้าที่ยืนจับจ้องโดยไม่พูดอะไร

    ‘ ริต้า คานิสก้า / ปาปิญองโอเจอร์ ’

    “ มุฟฟุน ” ริต้าที่ตอนนี้ไม่สนใจอะไรนอกจากเล่นกับมุฟฟุนอยู่คนเดียวเงียบๆ

    “ น่าๆ ทั้งสองคนสงบสติอารมณ์กันก่อนดีกว่านะ ” อาเกฮะเห็นว่าขืนปล่อยไว้มีหวังทั้งสองทะเลาะกันไม่จบแน่จึงรีบเดินเข้ามาห้ามปล่าม “ ยูคาริจังเป็นถึงพี่สาวแล้วใจดีกับยายหนูน้อยนี่เถอะน่า”

    “ ถึงจะดีใจที่มาช่วยพูดก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากให้ทำเหมือนฉันเป็นเด็กหรอกนะรุน เพราะที่ดาวของฉันถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วต่างหาก ”

    “เด็กน่ารำคาญสินะ ”

    “ รุน!? ”

    “ พวกเธออยากจะทำอะไรก็ตามใจเถอะ เพราะฉันเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน ” ยูคาริที่ไม่สนว่าคนอื่นๆจะว่ายังไงก่อนที่ตัวของเธอนั้นจะเดินแยกออกไปทันที

    ‘ ฟุราริรน อาสุมิ / เคียวเอิร์ธ ’

    “ ปล่อยไว้แบบบนี่ จะเป็นอะไรไหมนะ ”

    “ คงมีแต่จะต้องปล่อยให้อยู่คนเดียวก่อนสักพักเท่านั้นละมั้ง ” อาเกฮะเองก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากปล่อยให้ยูคาริไปคนเดียวเท่านั้น

    เหตุการณ์ในแต่ละทีก็ดำเนินต่อไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าได้มีชายหญิงคู่นึ่งกำลังสังเกตุการณ์การอยู่ที่ ณ ห้องแห่งนึ่งซึ่งการแต่งกายของทั้งคู่นั้นก็สีฉูดฉาดกำลังนั่งกินลูกอมอย่างสบายใจ

    ‘ เมระ/เมโระ ’

    “ นี่...เมระ ทำไมเจ้าพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่อีกละ ” เมโระมองดูภาพเหตุการณ์ทั้ง4ทีมโดยที่ได้หันไปถามกับเมระว่าทำไมพวกโซระถึงยังมีชีวิตรอด

    “ หื้มมม แปลกจังแหะแต่ก็ช่างเถอะ ถือสะว่าเจ้าพวกนี้คือคาแรคเตอร์ในเกมของฉันก็ไม่เสียหายอีกอย่าง นี่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่จะได้รับตัวละครแรร์มาเหมือนกัน ”

    “ เมโระ เคยได้ยินคำว่า ตาต่อตา พระเจ้าต่อพระเจ้ารึเปล่าจ๊ะ ”

    “ ไม่อะ เมระเนี่ยละเอียดจังนะ เป็นคำพูดจากยุคสมัยไหนเหรอ? ”

    “ โนๆๆๆๆ นี่เป็นคำพูดที่พึ่งด้นสดเมื่อกี้ต่างหากละ ” เมระได้เอานิ้วแตะปากของเมโระและสายนิ้วๆไปก่อนจะเดินนั่งที่โต๊ะพร้อมหยิบเอาลูกอมในถาดมาอมอย่างเอร็ดอร่อย “ เพื่อจะทำลายโลกใบนี้ ถ้าพวกนั้นทำสำเร็จละก็ ”

    “ ฮิฮิ ได้ตัวละครแรร์มาแล้วทำลายโลกทิ้งอีกครั้ง ทำเอาใจเต้นสุดๆไปเลย”

    เวลาเดียวกัน ณ ดินแดนทะเลทรายท่ามกลางเศษซากที่เหมือนกับโครงกระดูกสัตว์ขนาดใหญ่พวกมาชิโระที่กำลังเผชิญหน้ากับความร้อนระอุโจมตีจนแทบจะเดินกันไม่ไหวโดยเฉพาะกับลอว์ร่าที่เป็นนางเหงือกพอมาเจออะไรแบบนี้เหมือนเธอตกนรกทั้งเป็น

    แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีนั้นเป็นเพราะว่าพวกเธอนั้นไม่ได้เดินเองแต่พวกเธอนั่งอยู่บนตัวของบิลด์ที่อยู่ในร่างแทงค์แทงค์ฟอร์มซึ่งได้เปลี่ยนท่อนล่างเป็นรถถังทำให้มาชิโระ เนออน ลอวร่าและอามาเนะขึ้นมานั่งโดยสารได้ได้

    “ งัยพวกเรามาถึงมาโผล่ที่ทะลเทรายได้ละเนี่ย ” ลอว์ร่ายังคงบ่นถึงแม้เธอจะบ่นมาตลอดทางแน่นอนว่ามาชิโระที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็สภาพไม่ต่างกัน

    “ ท่าทางดูเธอจะไม่ร้อนเลยนะทั้งๆที่ชุดของเธอค่อนข้างหนากว่าคนอื่นแท้ๆ” บิลด์หันไปถามกับตัวของอามาเนะที่ไม่บ่นออกมาสักนิดขณะที่ชุดของเธอเองก็ดูจะร้อนกว่าของคนอื่นเหมือนกัน

    “ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกจริงๆก็ร้อนไม่จากทุกคนนั้นแหละ ” อามาเนะได้ตอบในแบบที่ว่าค่อนข้างถ่อมตัวสักหน่อยซึ่งบิลด์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    “ นี่ไหวรึเปล่า พูกะ ” มาชิโระที่กกำลังนั่งร้อนจนเหวือนแตกเต็มไปตัวไปหมดก็ได้หันไปถามกับตัวของภูติข้างๆโดยเรียกมันว่าพูกะ

    “ พู...กะ ”

    “ พูกะเหรอ ” เนออนได้ถามด้วยความสงสัยว่าทำไมมาชิโระถึงเรียกภูติตัวนั้นว่าพูกะ

    “ เห็นร้องพูกะๆ เลยเรียกไปแบบนั้นนะ นี่พูกะถ้ากลัวตกก็จับมือฉันไว้ก็ได้นะ ” มาชิโระได้ตอบเหตุผลว่าทำไมเธอเรียกแบบนั้นก่อนที่จะหันไปหายื่นมือหาพูกะแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่อยากจะสัมผัสเท่าไหร่เลยรีบชักมือไม่ให้มาชิโระโดนมือตัวของมันเอง

    “ ไม่ถูกกับการโดนตัวคนของอื่นหรือเปล่านะ? ”

    “ ดูเหมือนว่าจะเจอของดีเข้าให้แล้วละ ” บิลด์ที่ฟังอยู่เงียบโดยไม่พูดอะไรแต่ก็แอบสังเกตุพฤติกรรมของพูกะไปด้วยก่อนจะที่ตัวเขานั้นจะเห็นบางอย่างอยู่ไม่ไกลจึงเรียกทุกคนให้หันไปตามทิศทางที่ชี้แล้วตรงหน้าของพวกเขาก็คือโอเอซิส

    “ อ่าาาาา ”

    “ โอเอซิสสุดยอด ”

    “ ถูกต้องที่สุดเลยย ”

    “ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาเจอโอเอซิสแบบนี่เลย ครั้งแรกเลยนะเนี่ย ”

    เหล่าสาวๆที่ต่างก็กำลังรู้สึกสดชื่นกับน้ำในโอเอซิสอย่างเพลิดเพลินแน่นอนว่านอกจากพวกเธอแล้วก็ยังมีอีกกลุ่มที่เหมือนจะมาดื่มน้ำบ่อน้ำนี่ด้วยเหมือนกัน

    “ สัมผัสได้ถึงการมีชีวิตเลย ”

    “ ใช่ๆๆๆ แม้แต่ปีศาจอย่างฉันยังรู้สึกได้เลย ”

    “ เห้ยไอ้เจ้าบ้าทานุกิ กินเสร็จแล้วก็หลบไปเซะมันเกะกะ ”

    เซ็นโตะที่กำลังจะก้มลงไปกินแต่ว่าได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากใกล้ๆทำให้ตัวก็หันไปต้นตอของเสียงจนกระทั้งตัวของเซ็นโตะได้สบตากับตัวของไวซ์เข้าเต็มๆตา

    “ เห้ย!!!! ” เซ็นโตะและไวซ์ต่างตะโกนลั่นออกมาพร้อมกันฝั่งของพวกมาชิโระหันไปมองก็พบไวซ์

    “ ว้ายยยยย ”

    “ ศัตรูงั้นเหรอ? ” อากาเนะได้รีบลุกขึ้นเพื่อเตรียมตั้งรับแน่นอนว่าตัวของเซ็นโตะก็รีบควักเอาบิลด์ไดรฟเวอร์ขึ้นมาเตรียมจะสวม

    “ เห้ยเจ้างั่ง ทานุกิ อย่ามาแย่งน้ำของคนอื่นกินสิฟะ!! ” ชายที่ท่าทางและการแต่งกายเหมือนกับแยงกี้ได้ตะโกนลั่นขึ้นมาก่อนจะควักโอเจอร์คาลิเบอร์ที่อยู่ข้างเอวออกมาพร้อมกับคมดาบมาที่ตัวของเซ็นโตะเตรียมพร้อมมีเรื่องเต็มที่

    ‘ ยันมะ กัส / ทงโบะโอเจอร์ ’

    ‘ ไวซ์ / มาสไรเดอร์ไวซ์’

    “ เอาไหมล่ะ…..อย่าคิดนะว่าจะกลัวนะ! ”

    “ ดะ...เดียวก่อนทุกคนใจเย็นกันก่อนนะคะ!! ” จู่ๆก็ได้มีเด็กสาวคนนึ่งได้พุ่งเข้ามาขั้นระหว่างตัวของยัมนะกับเซ็นโตะเอาไว้เพื่อไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกันไปมากกว่านี้

    ‘ ฮานาเดระ โนโดกะ / เคียว เกรซ ’

    แน่นอนว่าเซ็นโตะพอได้ยินเสียงของเด็กสาวทำให้เขารู้สึกคุ้นเสียงอย่างบอกไม่ถูก

    ไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่ทุกอย่างสงบลงด้วยความช่วยเหลือจากตัวของเด็กสาวคนนั้นที่ชื่อ ฮานะเดระ โนโดกะ จนเวลาต่อมาทุกคนก็ได้พักผ่อนคลายโดยที่ลอวร่าลงไปแช่น้ำในทันทีขณะที่คนอื่นนั่งอยู่ใต้ร่มของต้นไม้แล้วแบ่งคู่วงสนทนาแบ่งเป็นสองกลุ่มในกลุ่มแรกเป็นเซ็นโตะ ยันมะ

    “ สรุปก็คือนายคือราชา จากดาวที่ชื่อว่าจิคิวจู่ๆก็ได้สติมาที่กลางทะเลทรายพร้อมกับ....เอิ่ม ” เซ็นโตะที่กำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ที่ฟังมาโดยที่หันไปทางไวซ์ที่กำลังเล่นซนเข้าไปแกล้งลอว์ร่าอยู่ “ เจ้าปีศาจนั้นก่อนจะไปเจอกับเด็กคนนั้นและกำลังออกตามหาราชาที่เหลืออีก5คนงั้นสินะ ” เซ็นโตะที่พอได้รับรู้เรื่องราวจากทางฝั่งของยันมะว่าเป็นมายังไง

    “ เห้ยๆๆเจ้าทานุกิ ท่าทางของนายพอฟังเรื่องจากของฉันแล้วไม่ตกใจบางเลยรึไง ”

    “ ถ้าเป็นคนทั่วก็คงอาจจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องแต่งสำหรับคนที่แต่งตัวเหมือนแยงกี้แหละน่า แต่สำหรับฉันที่เคยเจอกำแพงประหลาดที่แย่งญี่ปุ่นเป็นสามส่วน มีพวกพ้องติ๋งต๊องและสาวน้อยสวมชุดเกราะร้องเพลง แถมยังต้องต่อสู้กับเอเลี่ยนจากอวกาศที่หวังจะทำลายโลกพร้อมกับวิญญาณบรรพการที่ต้องการจะหลอมร่วมมนุษย์ทั้งโลกเป็น1เดียวและไหนจะเคยข้ามโลกคู่ขนานไปมา พอเทียบกับเรื่องที่นายพูดมาถือว่าเป็นวิถีชีวิตเบสิคของฉันไปแล้วละ ” เซ็นโตะที่ไม่แปลกใจที่ทำไมยันมะพูดแบบนั้นตึงร่ายยาวถึสิ่งที่ตัวเองเคยพบเจอมาก่อน

    “ อะ...โอ้ววว ” ยันมะได้นั่งฟังก็ถึงกับอ้ำอึ่งเงียบทันทีทำเอานิสัยก้าวร้าวเมื่อกี้ของตัวเองหายวับไปเลย

    “ งั้นเหรอเธอเองก็กำลังตามหาเพื่อนอยู่เหมือนกันสินะ ” มาชิโระได้นั่งพูดคุยกับนาโดกะคนรู้ว่าตัวของเธอเองก็ออกตามหาเพื่อนเหมือนกับพวกเธอเหมือนกัน

    “ เขาชื่อราบิรินน่ะ มาพลัดหลงกันในโลกที่ไม่รู้จักแบบนี้ เลยรู้สึกเป็นห่วงมากเลย ราบิริน ” นาโดกะได้พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วงทำเอาทุกคนต่างหันมาหาเธอ

    “ ดูเหมือนว่าทุกคที่อยู่ที่นี้ต่างก็รู้สึกเหมือนกันสินะ ” อากาเนะได้ลุกเดินเข้าไปหาหลังจากที่รับรู้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี้ล้วนแต่เป็นทุกข์เหมือนกันไม่แม้แต่ตัวของพูกะ “ เธอเองก็ด้วยใช่ไหมละ ”

    “ จะว่าไปแล้วเอาไงกับเด็กคนนี้ดีละ ”

    “ เอ้...เดียวสิถามแบบนั้นคิดจะทิ้งเจ้าเล็กนี้เหรอ ใจมารปีศาจชัดๆ ” ไวซ์พอได้ยินคำถามของลอว์ร่าว่าจะเอายังไงกับพูกะก็ได้แสดงปฏิกิรยารังเกลียดและว่าลอว์ร่าเป็นปีศาจทันที

    “ ฉันไม่อยากจะโดนปีศาจอย่างนายมาว่าเป็นปีศาจหรอกนะย่ะ! อีกอย่างฉันไม่ได้พูดสักคำว่าจะทิ้งสักหน่อย ”

    “ น่าๆ ตอนนี้พวกเราคือเพื่อนร่วมทางกันแล้ว เพื่อนก็ต้องช่วยกัน ”

    “ งั้นไปด้วยกันไหม ” นาโดกะได้หันไปหาพูกะก่อนจะชวนให้ตัวของพูกะร่วมเดินทางไปกับพวกเธอด้วย

    “ พูกะ ” พูกะได้พยักหน้าด้วยความยินดีที่จะไปด้วยเมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็เริ่มออกเดินทางกันต่อในทันที

    ตัดมาทางฝั่งของกลุ่มโซระในตอนนี้นั้นที่เหมือนว่าพวกเธอก็กำลังออกเดินทางไปยังปราสาทน่าสงสัยนั้นแต่ดูเหมือนว่าในเวลานี้พวกเธอนั้นจำเป็นต้องทำสิ่งสำคัญก่อน

    “ 1...2....ปีนแบบสุดขีดพลังไปเลย!!!! ”

    “ โอ้ววววว!!! ”

    “ ย้ากกกกก!!! ” มานัตสึและไคโตะที่จู่ๆก็ได้แรงฮึดปรีปีนต้นไม้ที่สูงชันแล้วสามรถคว้าเอาผลไม้ลูกกลมๆที่มีแดงสลับเขียวได้สำเร็จ “ ได้มาแล้วววว!!!! ”

    “ ว้าว สุดยอดไปเลยค่ะ / มานัตสึจังคุณไคโตะสุดยอด ” โซระกับยุยที่รออยู่ข้างล่างก็ตะโกนชมตัวของมานัตสึและไคโตะยกใหญ่จนเปลี่ยนสถานที่มาเป็นที่หน้าผาที่เนินผาตรงหน้าของทุกคนนั้นก็มีผลไม้ที่ดูหน้าอร่อยๆอยู่ด้วย

    “ ย้าาาาาา ” รอบนี้ยุยกับอิกกินั้นเป็นคนปีนผาขึ้นไปเห็นผลไม้ด้วยกันจนคว้ามาได้เหมือนกันพอเห็นแบบนั้นกองเชียร์ข้างล่างต่างก็เฮกัน

    “ คุณยุย วันเดอร์ฟูลค่ะ! / ยุย ทรอปิคัลมากเลย! ”

    “ ดีล่ะ ตาของฉันบางแล้ว!!! ” โซระที่มีไฟก็เริ่มเป็นฝ่ายจะวิ่งเข้าไปหาต้นไม้ตรงหน้าที่เหมือนจะมีกล้วยน่ากินอยู่เธอจึงวิ่งกระโจนผาพุ่มไม้ที่อยู่ตรงหน้าทันที

    “ สู้เขานะโซระจัง! ” ยุยและมานัตสิก็ยืนเชียร์อย่างครึกครื้นทำเอากีระและมิจินากะที่ยังไม่มีส่วนรวมยืนงงกับความดี้ด่าของพวกยุย

    “ แค่เก็บผลไม้ไม่เห็นต้องตะโกนโวยวายก็ได้นิน่า ”

    “ ฉันว่าแบบนี้อาจจะดีกว่าอยู่เฉยๆก็ได้ ” กีระที่ไม่คิดอย่างที่มิจินากะพูดโดยที่ตัวเองก็ได้ถอดผ้าคลุมตรงส่วนไหล่และโอเจอร์คาลลิเบอร์วางกับพื้นเพื่อที่ตัวเองจะเข้าไปช่วยโซระอีกแรง

    “ นี่นายจะเอาด้วยอีกคนเหรอ ”

    “ หิหิ ราชาทราชผู้นี่ไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกัน ”

    “ โอ้วว ไปเลยลุยเลย ” เสียงเชียร์ของทุกคนให้กับกีระกันยกใหญ่แต่ยังไม่ทันที่กีระจะโดดเข้าไปในพุ่มเดียวกับโซระก็ได้มีบางอย่างพุ่งสวนออกมาเป็นกระทิงสีม่วงอ่อนขนาดใหญ่พร้อมกับร่างของโซระที่เกาะเขาออกมาด้วย

    “ อ๊ากกกกกกก ”

    “ เอ้!!!!! ” กีระที่เห็นแต่ก็ไม่มีทางหลบได้ทันทำให้ตัวเองโดนกระทิงขวิดจนลอยขึ้นฟ้าไปก่อนที่กระทิงตัวนั้นจะเริ่มวิ่งขวิดใส่พวกยุยทำให้ทั้ง4ต่างวิ่งหนีมันไปมา

    “ กะอีแค่กระทิงตัวเดียว...เดี๋ยวฉันลุยเองแปลงร่าง ” มิจินากะมองดูกระทิงสีม่วงที่โซระเกาะอยู่กำลังพยศวิ่งปรีตรงมาที่ทุกคนไม่รอช้าทำการแปลงร่างแล้วใช้เขาของตัวเองชนปะทะกับเขาของมันจังๆทำเอาโซระที่เกาะอยู่กระเด็นล้มขม้ำกับพื้นไป “ มาเลยๆ ฉันจะจัดการแกแล้วมาเป็นมื้อเที่ยงของพวกเราซะ!!! ”

    “ สู้เขานะ มิจินากะ!! ”

    “ เพื่อเนื้อย่างของพวกเรา!! ”

    “ ฮ้าาาาาา!!!! ” บัฟฟ่าได้ตะโกนสุดเสียงเพื่อเรียกแรงฮึดแต่ไปๆมาๆเหมือนจะว่าจะเป็นบัฟฟ่าที่กำลังถูกกระทิงดันถอยไปที่ละนิดๆ “ โกหกน่า!? ”

    บัฟฟ่าที่กำลังจกจะลึงที่ว่าตัวเองกำลังจะแพ้ให้กับกระทิงตรงหน้าแต่ว่าจู่ๆตัวของกระทิงมันกลับถูกใครบ้างคนจับยกทำเอาบัฟฟ่าต้องรีบปล่อยมือก่อนจะได้เห็นภาพตรงหน้าอย่างกระทิงตัวนั้นโดยโยนหายวับไปกับฟ้าแน่นอนว่าทำเอาทุกคนต่างยืนอึ่งไปตามๆกัน

    “ เยี่ยมมมมม เป็นไงละพลังกล้ามเนื้อของฉันน่ะ!!! ” เสียงเจ้าของผลงานที่โยนกระทิงขึ้นจนหายวับไปก็กำลังชื่นชมตัวเองยกใหญ่

    “ นี่นาย...เอซ? ” อิกกิได้มองตามไปที่ร่างตรงหน้าก็ถึงกับตกใจเมื่อดันเป็นเอซแน่นอนว่าตัวของบัฟฟ่าเองก็ตกใจไม่ต่างกันจนรีบเดินตรงเข้าไปพร้อมกับคืนร่างทันที

    “ นี่แก....กีสท์งั้นเหรอ? ”มิจินากะที่เดินเข้าไปถึงตัวของเอซพร้อมกวาดสายตามองดูรอบๆไม่ว่าจะหน้าตาหรือน้ำเสียงก็คือเอซจริงๆเหมือนที่ตัวเขารู้จัก “ กีสท์อธิบายมาสะ ที่ผ่านมาแกหายหัวไปไหน ”

    “ นี่นายพูดเรื่องอะไรนะ ” เอซที่มองไปที่มิจินากะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวทำเอามิจินากะแอบหวั่นๆ “ ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิดอะ ”

    “ ห๊าาาา ”

    “ นี่...คนรู้จักเหรอ ” ไคโตะได้หันไปสะกิดถามอิกกิเกี่ยวกับเอซที่อยู่ตรงหน้าหลังจากที่ดูท่าทางดูเป็นคนที่ไม่

    “ เอิ่มก็นะ...แต่รู้สึกเหมือนว่านิสัยจะต่างจากที่เคยเจอลิบลับเลย ” อิกกิก็ไม่กล้าพูดเต็มปากเพราะดูโดยรวมแล้วเหมือนจะไม่ใช่เอซที่เขารู้จักเลยสักนิด

    “ เป็นเพื่อนที่อารมแปรปรวณดีนะ ” โทวมะได้หันไปกระซิบพูดกับอิกกิขณะที่มองไปที่ตัวของเอซไปพร้อมกัน

    “ ไม่เป็นไรนะ ” มานัตสึได้เดินเข้ามาไปหาโซระด้วยความเป็นห่วงพร้อมยื่นมือไปช่วยโซระลุกขึ้น

    “ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ ” โซระได้หันไปมาก่อนตะยื่นมือไปหามานัตสึแต่จังหวะที่มือของเธอสัมผัสกับมือของนามัตสึก็ทำให้เธอรู้สึกบางอย่างเหมือนกับว่ามีไฟแล่บเข้าในร่างเสี้ยววิก่อนจะโดนดึงให้ลุกขึ้นมา “ เมื่อกี้นี่... ”

    “ โอ้วววว เจ้านี้น่ากินชะมัด ” เอซที่จู่ๆก็ได้ตะโกนลั่นขึ้นมาเรียกให้ทุกคนหันไปมองเมื่อเอซนั้นกำลังจ้องมองดูเห็ดชิ้นนึ่งที่ลวดลายชวนน่ากิน

    “ ว้าวววว ดูน่าอร่อยจริงๆด้วย” มานัตสึเองที่เห็นวิ่งปรีเข้าไปมองดูแล้วรู้สึกว่าเห็ดตรงหน้ามันน่ากินจริงขนาดแม้แต่ยุยกับโคเมะโคเมะ ไคโตะเองก็เอากับเขาด้วย

    “ เดียวๆๆ ดูไม่ปลอดภัยอย่างแรงเลยนะ ”

    “ ใช่แล้วคะ!!! หน้าตาพิลึกแบบนั้นไม่น่าจะดีนะคะ ”

    “ เห้ย พวกนายอย่าเผลอไปกินอะไรซี้ซั่วสิ! ”

    โซระ กีระ มิจินากะและอิกกิได้วิ่งปรีห้ามคนที่เหลือไม่ให้กินเจ้าเห็ดประหลาดนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายจนเวลาผ่านไปก็ได้ผลไม้มากมายพอสำหรับทุกคนก่อนที่จะมานั่งล้อมวงกินผลไม้ที่เก็บกันมาได้กันพร้อมหน้าพร้อมตา

    “ ทานแล้วนะคะ / ครับ / โคเมะ ” ทุกคนได้กล่าวพร้อมกันก่อนที่แต่ละคนจะทยอยหยิบผลไม้ที่ตัวเองสนใจมากิน

    “ อื้มมม ดิลิเชี่ยวสไมล์ ” ยุยที่พอได้ลองกัดผลไม้อันนึ่งจนเธออุทานคำติดปากของเธอออกมาทันที

    “ ดิลิเชี่ยวสไมล์เหรอ? ” กีระที่ได้ได้ยินคำแปลกเลยหันไปเพื่อขอคำตอบจากตัวของยุยก่อนที่ตัวของเธอจะตอบความหายคำที่เธอพูดออกมาทันที

    “ ข้าวคือรอยยิ้มไงล่ะ ”

    “ อ่อ งั้นเหรอ ” กีระที่เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจในเวลาเดียวกันก็ได้แต่ยิ้มไปแบบนั้นก่อนที่ตัวเขาจะหันไปสังเกตุสีหน้าของโซระที่นั่งอยู่ข้างๆดูไม่ดี “ เป็นอะไรรึเปล่าหรือว่ายังเจ็บจากที่ล้มก่อนหน้านะ ”

    “ อ่อ....ไม่เป็นอะไรหรอกคะ แค่คิดว่ามันใช่เวลามาทำอะไรแบบนี้รึเปล่านะคะ” โซระรีบหันมาตอบเพื่อให้กีระไม่ต้องกังวลไปมากกว่านี้แต่สุดท้ายสีหน้าของเธอก็ได้แสดงความกังวลออกมาอยู่ดีและด้วยคำพูดของเธอทำให้ทุกคนที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยต้องเงยหน้าไปมองยกเว้นเอซที่ยังก้มหน้าก้มตากินอยู่เหมือนเดิม “ การที่พวกเราต้องมาอยู่ที่นี่ อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ทั้งเพื่อของฉันและของพวกคุณ ต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ เพราะงั้นเราจะต้องรีบออกตามหาทุกคน และหาวิธีกลับไปยังโลกเดิมของพวกเราให้ได้ ในฐานะที่ฉันเป็นฮีโร่ ฉันอยากจะปกป้องโลกของพวกเราทุกคนค่ะ เพื่อสิ่งนั้นแล้วเราควรจะรีบมุ่งหน้าไปยังปราสาทนั้น จะต้องมีเบาะแสอะไรอยู่แน่ ” โซระที่ตอนนี้แสดงความวิตกกังวลออกมาจนลืมหูลืมตาก่อนที่มิจินากะจะเดินตรงเข้ามาแล้วยัดผลไม้สีม่วงใส่มือของโซระไป

    “ เลิกโวยวายแล้วกินซะ ” มิจินากะไม่พูดอะไรมากก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง

    “ อย่างที่พี่ชายคนนั้นพูดเลย ตอนนี้ควรทำเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อนต่างหากละ ” มานัตสึที่เหมือนจะมองออกว่ามิจินากะต้องการจะสื่อสารอะไรให้กับโซระฟัง “ ฉันเองก็ห่วงทุกคนในชมทรอปิคัล ”

    “ ปล่อยให้ท้องหิวจะร่าเริงไม่ออก พอร่าเริงไม่ออกจะเดินไม่ไหว ” ยุยก็ได้โพลงคำพูดบางอย่างออกมาซึ่งแน่นอนความหมายที่จะสื่อคืออยากให้โซระกินเพื่อเอาแรงสำหรับเดินทางไปที่ปราสาทกัน “ คุณย่าเคยพูดเอาไว้ ว่าพลังกับน้ำซุปน่ะ สำคัญที่การผสมผสาน เพราะงั้นต้องไม่เป็นไรแน่นอน ”

    “ ใช่แล้วๆ มั่วแต่เครียดแล้วไม่ยอมกินอะไรเดียวจะไม่มีแรงไปปราสาทหรอกนะ ”

    “ เห็นด้วยเลยละ ” อิกกิและโทวมะก็ได้ยกนิ้วเห็นด้วยกับคำพูดจองทุกคน

    “ ไม่มีราชาคนไหนไม่เป็นห่วงประชาชนของตัวเอง แต่ว่านะการรีบร้อนไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน ” กีระก็ได้ช่วยพูดเสริมอีกคนโดยที่ตัวเขาก็เข้าใจหัวอกของโซระที่กำลังกังวลเหมือนกัน “ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นห่วงพวกพ้องเหมือนกันทั้งนั้น แต่เพราะเราเจอสถานการณ์แบบนี่ทำให้พวกเราได้มาเจอกัน ”

    “ นั้นสินะคะ ขอโทษด้วยค่ะ ที่ฉันร้อนรนไปหน่อย ” ด้วยคำพูดของทุกคนนั้นทำให้โซระสงบสติอารมณ์ลงแล้วกลับมายิ้มอีกครั้งโซระจึงรีบกล่าวคำขอบคุณทุกคนกันในทันทีที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นก่อนจะตอบแทนด้วยการตั้งใจกินผลไม้ในมือแต่เพราะกัดเข้าไปคำนึ่งสีหน้าของเธอบูดๆเบี้ยวๆทันที “ อ๊าาาาา เปรี้ยววววววอะ ”

    โซระได้อุทานออกมาอย่างสุดเสียงจากความเปรี้ยวผลไม้ที่มิจินากะยื่นให้แน่นอนว่าเจ้าตัวรู้อยู่แล้วเพราะได้แอบไปกินก่อนหน้านี้แต่ด้วยท่าทางของโซระที่เจอความเปรี้ยวเข้าไปทำเอาเรียกเสียงหัวเราะมหเทุกคนได้เป็นอย่างดี

    กีระที่เห็นบรรยากาศครึกครื้นแบบนี้ทำเอานึกถึงโคกาเนะกับบูนที่ได้เล่นเป็นเหล่าราชากับจอมมารกันพอนึกไปก็ทำให้ตัวเองก็รู้สึกอยากจะกลับไปที่จิคิวเหมือนกันก่อนจะเงยมองขึ้นท้องฟ้าแต่ในจังหวะนั้นกีระกับเห็นบางอย่างพอลองเพ้งมองไปดีๆปรากฎว่าเป็นปีศาจตัวเดียวกันกับที่สู้ก่อนหน้านี้กำลังบินหนีบางอย่าง

    “ นั้นมัน ” กีระพอเห็นก็ตะโกนขึ้นมาจนทำให้ทุกคนต่างหันไปหากีระแล้วมองตามขึ้นก็เป็นปีศาจตัวนั้นกำลังถูกร่างเล็กร่างนึ่งเข้าโจมตีจนล่วงลงไปที่พื้นแถมร่างนั้นยังตามลงมาแล้วรั่วหมัดและลูกเตะเข้าใส่ปีศาจตัวนั้นอย่างเต็มแรงไม่มีโอกาสให้ปีศาจตัวนั้นได้ตอบโต้ใดก่อนจะปิดท้ายด้วยเวียงร่างไปบนฟ้าแล้วยิงพลังจากปลายนิ้วมือทั้งสอง

    ภาพตัดมาที่ทางฝั่งของยูคาริหลังจากแยกทางกับพวกอาเกฮะมานั้นก็ได้พยายามเดินฝาพายุหิมะทีถาโถมเข้ามาเด็กสาวอย่างเธอนั้นก็ได้เดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่คิดย้อท้อแท้แต่น้อย

    เวลาเดียวกันทางฝั่งของอาเกฮะเองก็พยายามเดินฝาพายุหิมะอ่อนๆไม่ต่างกันแต่ว่าคนอื่นนั้นกลับเดินอย่างฉิวๆโดยที่มีแต่อาเกฮะเดินกอดตัวหนาวสั่นไม่หยุดอยู่คนเดียว

    “ ฮึ...ฮึ่ยยยย หนาวเกินไปแล้ว คุณอะสุมิ คุณริต้า คุณคามูรากิ พวกคุณไม่หนาวเลยเหรอ ”

    “ ดิฉันสบายมากค่ะ ”

    “ สำหรับข้าน้อยแล้ว อากาศแค่นี้ไม่ทำให้ท่านคาบูรากิผู้นี้ได้หรอก ”

    “ ส่วนฉันผู้เป็นราชาของกกคังที่ตั้งอยู่ที่ดินแดนหิมะตลอดเวลา แค่นี่สบายมาก ”

    “ แต่ละคนจะเก่งเกินไปแล้วววว ” อาเกฮะที่มองดูทั้งสามคนที่ทนความหนาวได้ง่ายๆแบบนี้ก็รู้สึกอิจฉาก่อนจะหันไปหาลาล่าเพื่อถามแต่ว่าพอเห็นใบหน้าของลาล่าที่ดูเหมือนจะเป็นกังวลทำเอาคนที่เหลือที่เห็นก็เริ่มเป็นห่วง

    “ ดูเหมือนว่าหนูน้อยนั้นจะยังเป็นห่วงแม่หนูคนนั้นอยู่เลยนะขอรับ ”

    “ ถึงแม้ที่นี่จะหิมะไม่หนักเท่ากกคัง แต่ถ้าหากว่าเด็กคนนั้นฝืนร่างกายก็อาจจะเป็นอันตรายต่อเธอได้เหมือนกัน แถมรู้สึกว่ายิ่งนานเขาหิมจะยิงตกแรงขึ้น หวังว่าเธอจะโชคดีหาถ้ำหลบได้รึเปล่าเท่านั้น ” ริต้าที่สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของพายุหิมะที่เหมือนจะเริ่มแรงขึ้นก็ได้แต่หวังว่ายูคาริจะหาที่หลยปลอดภัย

    ด้วยสิ่งที่ริต้าพูดนั้นก็ยิ่งเพิ่มความกังวลของทุกคนกับยูคาริเป็นอย่างมาจนกระทั้งภูติตัวน้อยของอะสุมิที่ชื่อลาเต้มันได้ออกวิ่งไปในทิศที่พวกเธอเดินมาในทันที

    “ ลาเต้ เป็นอะไรไปนะ ลาเต้ ”

    “ เอ้ะๆๆๆ เดียวก่อนสิจู่ๆก็เกิดอะไรขึ้นนะ? ”

    ภาพตัดมาทางฝั่งทีมของเคย์วะที่กำลังเดินไปตามเขาเพื่อมุ่งหน้าไปจุดหมายในระหว่างนั้นก็ได้พูดคุยถึงตอนที่ทุกคนนั้นได้ตื่นขึ้นมา

    “ ทุกคนก็เหมือนกันเหรอ? ” ฮารุกะที่หลังจากได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจมากที่แต่ละคนต่างก็รู้สึกเหมือนกับเธอ

    “ อื้ม พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู้โลกนี้คนเดียวแล้ว ”

    “ มาที่นี่ได้ยังไง ตอนไหนเมื่อไหร่ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเลย ”

    “ ผมเองก็ด้วยเหมือนกัน ”

    “ มันดูยังเอิญเกินไปแล้วที่แต่ละคนต่างก็จำเรื่องก่อนจะมาที่โลกนี้ไม่ได้เลยแบบนี้ ”

    “ บางที่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่แน่อาจจะมีจุดร่วมบางอย่างที่ดึงทุกคนมาที่โลกแห่งนี้ ” ฮิเมโนะได้พูดแทรกขึ้นมาแต่ด้วยสิ่งที่เธอพูดนั้นมันค่อนข้างจะอธิบายเรื่องต่างๆได้ว่าต้องมีใครอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน

    “ จะว่าไปก่อนหน้านี้หลังจากที่พวกเราตื่นขึ้นมา พวกสัตว์ประหลาดนั้น ”

    “ ดูเหมือนจะรู้จักกับพริตตี้เคียว ”

    “ หมายความว่าที่โลกนี้ก็มีคนไม่อยู่เหรอ ถึงได้มีทั้งพริตตี้เคียว มาสไรเดอร์และซุปเปอร์เซนไตคอยต่อสู้อยู่ที่นี่เหมือนกัน ”

    “ คำตอบที่พวกเราตามหามันจะต้องอยู่ที่ปราสาทนั้นแน่ ” ฮิเมโนะได้พูดไปโดยที่เบาะแสของเรื่องราวทั้งหมดนี่นั้นจะต้องอยู่ที่ปราสาทที่พวกเธอกำลังไปอย่างแน่นอน

    เวลาเดียวกัน ณ ใจกลางป่าทึบร่างของปีศาจตัวนั้นได้ล่วงตกลงมาก่อนจะค่อยๆสลายหายไปจากการโจมตีของร่างเล็กตรงหน้า

    “ ทะ...ท่าน อาร์ค ” ในช่วงชีวิตสุดทา้ยของมันยังคงเรียบุคคลที่ชื่ออาร์คแล้วสลายหายไปในที่สุด

    “ ไม่ใช่....ของแบบนี้มันยังไม่ใช่ ” ร่างเล็กที่ได้มองดูมือของตัวเองแล้วพึมพำอะไรบางอย่างเหมือนว่าตัวของเธอนั้นกำลังตามหาอะไรบางอย่างจนกระทั้งเธอได้เสียงฝีเท้านึ่งเหยียบกิ่งไม้ทำให้เธอหันหลังกลับไปดวงตาของเธอก็เบิดกว้างในทันทีเมื่อตรงหน้าของเธอนั้นคือพวกโซระที่ไล่ตามมา

    “ นี่ เธอก็เป็นพริตตี้เคียวงั้นเหรอ?” มานัตสึได้ถามกับร่างตรงหน้าเพราะหลังจากที่ดูการแต่งตัวของเธอแล้วนั้นค่อนข้างเหมือนกับพริตตี้เคียวเป็นอย่างมาก

    Precure All-Stars F' ganha trailer focado na Cure Supreme - O Seu Jornal

    “ ทำไม? ” ร่างเด็กสาวนั้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจไม่ว่าจะมองไปที่โซระ ยุย มานัตสึหรือแม้แต่ตัวของกีระ อิกกิ มิจินากะและไคโตะก็ด้วย “ จำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ? ”

    “ อะไรงั้นเหรอ? ”

    “ อะ...โทษที ใช่แล้วล่ะ เราเองก็เป็นพริตตี้เคียวเหมือนกัน” เด็กสาวได้กล่าวแนะนำตัวเองว่าเป็นพริตตี้เคียวทำให้โซระ มานัตจสึและยุยก็ดีใจที่ได้เจอพริตตี้เคียวแบบเดียวกับพวกเธอเพิ่มมาอีกนึ่งคน

    ' สุพรีม / พรีม '

     “ ฉันชื่อน นัตสึอุมิ มานัตสึ แล้วเธอล่ะ ”

    “ สุพรีม ”

    “ เคียวสุพรีมสินะโคเมะ ”

    “ เรียกพรีมก็ได้นะ ” สุพรีมได้ทำการคืนร่างหลังจากที่บอกชื่อของเธอกับทุกคนก่อนที่ตัวของมานัตสึจะวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตื่นเต้น

    “ โอเคพรีม ฝากตัวด้วยนะ ” มานัตสึที่วิ่งมาถึงตัวของพรีมก่อนจะยื่นมือไปหาเพื่อเป็นการทักทายแต่เหมือนว่าพรีมจะไม่เข้าใจจึงได้แต้มองมือนั้นของมานัตสึไปแบบนั้น

    ตัดกลับมาที่กลางป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่ในเวลานี้นั้นเหมือนกับว่าพายุหิมะนั้นจะแรงขึ้นแน่นอนว่าระหว่างที่ยูคาริเดินคนเดียวตามลำพังเธอก็ได้หมดสติไป

    “ ยูคาริ ยูคาริ ” เสียงนึ่งในห้วงนินทราของยูคาริพยายามเรียกหาเธอเสียงนั้นก็ได้ดึงสติของเธอกลับมาปรากฎว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นคือลาเต้ซึ่งเธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก

    “ ได้สติแล้วเหรอ ” เสียงนึ่งได้พูดขึ้นทำให้ตัวของยูคาริหันไปมองก็พบกับหญิงสาวคนนึ่งที่กำลังดูแลตัวของยูคาริ

    ‘ โอฮารุ ซาโยะ / คิราเมพิงค์ ’

    “ ไม่ต้องตกใจไปหรอก...พอดีว่าพวกเราพบเธอนอนหมดสติอยู่กลางหิมะ คงไม่ว่าอะไรที่วิสาสะที่แตะเนื้อต้องตัวเธอนะ ” อีกเสียงที่กำลังวุ่นวายอยู่กับกองไฟได้หันมาเขาคนนั้นคือ ฟูคามิยะเคนโตะ หรือมาสไรเดอร์เอสปราด้าที่กำลังจัดการเรื่องกองไฟอยู่ 

    ‘ ฟุคามิยะ เคนโตะ / มาสไรเดอร์ เอสปราด้า ’

    “ แต่ก็ได้เพราะเขาคนนี้ ทำให้เราเจอถ้ำใกล้สำหรับหลบพายุหิมะได้ ” เคนโตะได้ยกความดีความชอบเรื่องหาถ้ำให้กับชายอีกคนที่อยู่หน้ากองไฟซึ่งก็คือเอซที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าคาดหลุดลุ่ยเหมือนไปติดเกาะร้างที่ไหนมาโดยที่ตัวเขาก็กำลังนั่งรอปลาย่างอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับรอยยิ้ม

    “ ดีจริงๆที่เจอถ้ำ ลัคกี้! ” เอซที่มีท่าทางติ๋งต๊องก็เอาแต่พูดลัคกี้ไม่หยุดแต่ก็ทำให้บรรยากาศไม่เงียบเกินไป

    “ ยูคาริ!!! ” เสียงฝีเท้าพร้อมเสียงตะโกนที่วิ่งอย่างร้อนร้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นลาล่าพอเธอเห็นว่ายูคาริปลอดภัยเธอก็โล่งอกจนฟุบลงไปกับพื้นทันทีก่อนที่อาเกฮะกับอะสุมิและริต้าจะเดินตามมาที่หลัง

    “ ปลอดภัยดีสินะคะ ลาเต้ออกตามหาคุณให้ควั่กเลยค่ะ ” อาสุมิได้เดินเข้าไปหาตัวของยูคาริพร้อมกับบอกว่าลาเต้เป็นคนนำทางให้มาเจอ

    “ แต่ดูเหมือนว่าจะเจอกับคนอื่นด้วยแหะ ” อาเกฮะที่ได้ก้มไปลูบหัวลาล่าเพื่อปลอบก่อนจะหันไปมองตัวของงเคนโตะ ซาโยะที่ทั้งสองต่างโบกมือทักท้ายก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่เอซที่กำลังนั่งจ้องปลาไม่หยุด “ อะ....อ่า เหมือนจะไม่ปกติคนนึ่งด้วยสินะ ”

    “ ทุกท่าน ข้าน้อยเหมือนจะได้เจอกับที่ดีด้วยนะขอรับ ” คากุรากิที่มาเป็นคนสุดท้ายก็ได้เชิญชวนทุกคนให้ไปกับเขาที่นึ่งและที่ทีคาบูรากิพามานั้นคือออนเซ็นแช่เท้าบ่อใหญ่

    ทุกคนก็ได้มานั่งแช่ออนเซ็นเท้ากันเพื่อคลายความหนาวโดยที่ตัวของเคนโตะ คากุรากิและเอซแยกไปอีกบ่อที่อยู่ข้างๆโดยให้อีกบ่อนึ่งอยู่กันแค่สาวๆเท่านั้น

    ในระหว่างที่กำลังแช่น้ำกันนั้นริต้าก็ได้จับจ้องไปที่ลาเต้ที่อยู่บนตักของยูคาริไม่ละสายตาแต่จะขอก็ไม่กล้าได้แต่มองด้วยความอิจฉาเท่านั้น

    “ ขอโทษนะรุน ที่ฉันพูดจาเอาแต่ใจตัวเองออกไปแบบนั้น ” ลาล่าที่นั่งอยู่งข้างๆกับยูคาริก็ได้กล่าวขอโทษจากเรื่องที่ผ่าน มา “ จนไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของยูคาริเลยรุน ”

    “ นั้นสินะ ” ยูคาริได้ตอบออกมาทำเอาลาล่าที่ตั้งใจขอโทษก็มองจิกทันที่เหมือนกับว่าเธอโดนหยอกย้อนแถมยูคาริก็ยังหันหน้าหนีเธออีก “ แต่ว่า ขอบใจนะ ”

    “ ทุกคนต้องหลงมาอยู่ในโลกที่ไม่มีใครรู้จัก จิตใจจะอ่อนล้าก็ไม่แปลกหรอก ” ซาโยะที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากอะสุมิและอาเกฮะแล้วในฐานะที่เธอเป็นหมอจึงเข้าใจความรู้สึกของลาล่าและยูคาริดี

    “ เอาเป็นว่ามาแช่น้ำกันแล้วคืนดีกันเถอะ ” อาเกฮะได้หันมาก่อนจะบอกกับยูคาริให้มาใช้เวลานี้ในการคืนดีกันก่อนที่กลมๆสีเหลืองที่หัวของลาล่าจะลอยไปมาแล้วยื่นเข้าหายูคาริ “ นั่นเป็นการทักทายของดาวลาล่ารุนน่ะ ”

    “ น่าสนใจดีเหมือนกันนะ ” ยูคาริที่เห็นแบบนั้นเธอก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะเอานิ้วไปจิ้มกับลูกกลมนั้นถือว่าเป็นการคืนดีกันในที่สุด

    “ ยังไงก็เถอะสะดวกดีเหมือนกันนะ ที่มีบ่อแช่เท้าในที่แบบนี้เนี่ย ”

    “ ที่นี่ดูคล้ายกับบ่อแช่เท้าที่ดิฉันรู้จักเลยค่ะ ”

    “ บังเอิญแปลกๆนะรุน ”

    ระหว่างที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินไปกับการแช่เท้าอยู่นั้นยูคาริก็ได้มองไปพบเห็นบางอย่างเขาจนตัวของอาเกฮะที่เห็นก็ได้ถามด้วยความสงสัย

    “ มีอะไรรึเปล่า ยูคาริจัง ”

    “ เปล่า...ไม่มีอะไร ” ยูคาริตอบไปว่าไม่มีอะไรในขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปที่หุบเขาที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่

    ตัดมาทางฝั่งทีมของมาชิโระได้เดินทางมตลอดต่อให้ฟ้าจะมืดแล้วก็ตามแต่ดูเหมือนว่าความพยายามของพวกเขาจะเจอทางสว่างเมื่อตรงหน้าของพวกเธอก็พบกับรางรถไฟ

    “ นั่นมัน ทางรถไฟเหรอ? ”

    “ บางทีถ้าขึ้นรถไฟได้ อาจจะพาพวกเราไปถึงปราสาทได้นะ ” อามาเนะได้ให้ความเห็นหลังจากที่ได้เห็นรางรถไฟแน่นอนว่าตัวของเซ็นโตะและยันมะที่เป็นพวกมมีมันสมองก็ได้ตรวจสอบดูจากสายตาก็เหมือนว่าความคิดเห็นของทั้งคู่เอนเอี่ยงไปทางเดียวกันกับอามาเนะเหมือนกัน

    “ ถูกอย่างที่อามาเนะพูด ถ้าหากว่าเรานั่งรอเวลาจนรถไฟมาถึงก็อาจจะช่วยประหยัดเวลาพวกเราไปได้เยอะเลย ”

    “ นี่ๆๆ ก็หมายความว่าเราต้องตั้งแคมป์กันใช่มะๆๆๆ ”

    “ ก็คงต้องเป็นอย่างงั้นแล้ว ไอ้ปีศาจทานุกิไปหาฝืนมาซะจะได้จุดกองไฟ ” ยันมะตอบคำถามของไวซ์ก่อนที่ตัวเองจะมองหาทำเลเพื่อตั้งแคมป์กัน

    “ เจ้าบ้าอย่างมาออกคำสั่งสิฟะ ”

    “ อยากเอารึไงหา!!! ”

    “ เดียวพวกจะเฝ้าเวรให้พวกมาชิโระจังก็ไปนอนพักเถอะ ” เซ็นโตะถึงกับกุ้มขมับที่เห็นพวกนี้ทะเลาะกันก่อนจะหันไปบอกเนออและพวกมาชิโระไปนอนพักเอาแรง

    “ งั้นก็ฝากด้วยนะ ”

    “ ขอบคุณมาเลยนะคะ ”

    ทางด้านของฝั่งทีมโซระที่ตอนนี้ได้เดินมาที่หุบเขานึ่งที่เต็มไปด้วยพาหนะมากมายเกลือนไปหมดแถมยังมีข้าวของเครื่องใช้ทำให้ทุกคนต่างเดินออกตามหาของที่ใช้ได้

    “ แถวนี้มัอะไรอยู่เพียบเลยแหะ ” ไคโตะได้พูดพร้อมมองดูของต่างมากมายขณะที่กีระไม่เคยเห็นพวกรถมาก่อนก็ได้แต่มองดูรถที่จอดนิ่งจนไม่ได้หาอะไร

    “ นี่น่าจะใช้ได้นะคะ ” โซระที่เดินมาพร้อมกับอิกกิพวกเธอได้แบกพวกอุปกรณ์ทำครัวมาเยอะแยะ

    “ ทางนี้เองก็เจอของพวกนี้ด้วย ” มานัตสึที่เดินมาพร้อมกับมิจินากะและโทวมะที่ในมือของพวกเธอเต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายที่หาเจอ

    “ ถ้างั้นคืนนี้ก็.... ” ยุยได้มองดูวัตถุดิบที่เอามาเธอจึงมีไอเดียนำเอาของทั้งหมดมาทำเป็นหม้อไฟกัน

    “ จะทานแล้วนะครับ / คะ ” ทุกคนได้จัดการแบ่งหม้อไฟให้คนละชามก็เริ่มลงมือทานคำแรกกันพร้อมเพรียง “ ดิลิเชี่ยสสไมล์!!!! ” ทุกคนยกเว้นมิจินากะและพรีมก็ได้อุทานคำติดปากของยุยออกมาอย่างพร้อมเพรียง

    “ อร่อยจริงๆ พึ่งเคยกินอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ” กีระที่พอลิ้มลองหม้อไฟก็ทำเอาตกใจมากเพราะเกิดมาก็ไม่เคยกินอะไรแบบนี้

    “ ฝีมือการทำอาหารของยุยจังเนี่ยสุดยอดไปเลยนะ โตขึ้นจะต้องเป็นสีภรรยาที่ดีแน่เลย ” อิกกิก็ได้ชมเรื่องฝีมือการทำอาหารของยุยยกใหญ่

    “ ไม่ขนาดนั้นหรอก แหะๆๆ ”

    “ ว่าแต่ยุยจังเนี่ยเรียนทำอาหารกับใครนะ ถึงได้ทำอาหารเก่งขนาดนี้ แสดงว่าอาจารย์ของเธอต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ ” ไคโตะที่อยากรู้ว่าใครเป็นคนสอนการทำอาหารของยุยซึ่งทีแรกตัวเธอก็ลังเลที่จะบอกดีไหม

    “ อาจารย์ของหนูนะ คือชายที่ผู้เดินไปบนทางแห่งสวรรค์ และปกครองทุกสิ่งละมั้ง ” ยุยที่เลือกจะไม่บอกชื่อตรงๆแต่พูดคำแปลกๆออกมาทำเอาคนอื่นๆที่พยายมทำความเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจจึงไม่ถามอะไรเพิ่ม

    “ พวกเราได้เจอวัตถุดิบของโลกนี้เยอะเหมือนกันเนอะ ”

    “ ชิมไปเยอะเลยละโคเมะ ”

    “ ก็อร่อยทุกอย่างไม่ใช่รึไง ” มิจินากะที่พูดขึ้นมาลอยก่อนแล้วก้มหน้าก้มตากินหม้อไฟในชามของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย

    “ จะว่าไปพวกเราก็กินกันอยู่ตลอดเลยนะคะ ” โซระได้แซวว่าพวกเธอนั้นตลอดทางนั้นพอเจออะไรที่น่า่กินก็กินทุกอย่าง

    “ พูดอีกก็ถูกอีก ” มานัตสึก็ไม่มีคำแก้ตัวก่อนที่แต่ละคนจะหัวเราะกันยกใหญ่ในขณะที่พรีมนั้นเอาแต่นั่งจ้องอาหารในมือไม่ยอมกิน

    “ พรีม เป็นยังไงบ้างพอจะถูกปากไหม? ”

    “ อื้ม...ก็โอเค ”

    “ อ่าาา ชิ้นนั้นเป็นคนปอกเปลือกเองแหละ แข็งสุดๆไปเลยละก็เลยแปลงเป็นพริตตี้เคียวแล้วก็ฉับลงไป ”

    “ ที่เป็นแบบนั้นเพราะเธอไม่เก่งเองต่างหาก ” มิจินากะได้หันไปบ่นตัวมานัตสึที่หันไม่เก่งเลยถึงขั้นต้องแปลงพริตตี้เคียวมาหันแบบนี้

    “ เอ้ แต่ว่ามิจินากะก็ทำเละไปหลายลูกอยู่นะ ” ไคโตะได้แซซตัวของมิจินากะที่ก่อนหน้านี้เองก็พยายามช่วยแต่ตัวเองก็ทำเละไปหลายอันทำเอาเจ้าตัวถึงกับเงียบและไม่มีขอแก้ตัวอะไรอีกด้วย

    “ ขอเติมด้วยยยยย!!!! ” เอซที่จัดการซัดในชามของตัวเองจนหมดก็ได้ยกขอเติม

    “ โคเมะเองก็ด้วย ”

    “ ฉันขอด้วยค่ะ ”

    “ ฉันด้วย ”

    ทุกคนหลังจากกินในชามตัวเองหมดแล้วก็ได้เข้าไปขอเิตมกันยกใหญ่ยุยก็จัดการเติมให้กับทุกคนจนมาถึงคิวของโซระที่ยุยได้ยื่นให้

    “ ขอบคุณมากเลยค่ะ ” โซระได้ยื่นมือไปรับก็ได้ยังเอิญไปสัมผัสกับมือของยุยเขาทำให้เธอมองเห็นภาพซ้อนทับขึ้นมา “ เอ่อคือ พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหน้าแล้วหรือเปล่าค่ะ? ”

    “ เคยเจอกันเหรอ? ”

    “ เอ่อคือ... ”

    “ เราขอถามด้วยได้ไหม ” พรีมที่จู่ๆก็ได้พูดขึ้นทำให้โซระ มานัตสึและยุยหันไปมองเพื่อรอฟังคำถามจากตัวของเธอ “ พริตตี้เคียว มาสไรเดอร์หรือเซนไตเนี่ย...คืออะไร ”

    “ พริตตี้เคียว / มาสไรเดอร์ / เซนไต คืออะไรเหรอ ” ทุกคนที่ได้ยินก็ได้พูดถ้วนคำถามของพรีมก่อนที่ทุกคนจะพยายามจะหาคำตอบกับคำถามนี่กันยกใหญ่

    “ พอถูกถามทมาแบบนี้แล้ว ไปไม่เป็นเลยแหะ ”

    “ แต่ว่านะ พรีมเองก็เป็นพริตตี้เคียวไม่ใช่เหรอทำไมถึงอยากจะรู้ละ แถมยังถามไปถึงมาสไรเดอร์และเซนไตอีก ”

    “ แบบว่า เพราะอะไรถึงกลายมาเป็นพริตตี้เคียว มาสไรเดอร์และเซนไตกันได้นะ ” พรีมเห็นว่าทุกคนลำบากในการหาคำตอบเธอเลยเปลี่ยนคำถามที่น่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น

    “ อื้ม ของฉันเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนั้นละมั้ง ”

    “ ส่วนของฉัน เพราะช่วยเรชิปิ๊ปปี้จากแก๊งบุนโดรุ ”

    “ ฉันที่มาเป็นเซนไคเซอร์ก็เพราะอยากจะปกป้องคิไคนอยท์จากพวกโทจิเทน ”

    “ ของฉันก็เพราะอยากจะปกป้องทุกคนด้วยพลังของหนังสือนะ ” โทวมะได้อธิบายส่วนของตัวเองพร้อมกับหยิบเบรฟดราก้อนวอนเดอร์ไรด์บุ๊คมาโชว์ทุกคนดู

    “ ส่วนฉันก็มาเป็นมาสไรเดอร์เพราะอยากจะปกป้องครอบครัวจึงได้ทำสัญญากับปีศาจแล้วมาเป็นมาสไรเดอร์ กีระละ? ” อิกกิได้หันไปถามกับตัวของกีระที่ทำไมถึงมาเป็นเซนไตได้พอดโดนถามแบบนั้นกีระก็ได้นั่งพยายามนึก

    “ ตัวของเรานั้นต้องการที่อยากจะปกป้องเพื่อนที่บ้านเด็กกำพร้าทำให้ฉันถึงมาเป็นราชา ” กีระได้พูดไปก็พร้อมกับยื่นมือไปหยิบโอเจอร์คาลิเบอร์ขึ้นมาดูพอได้ยินคำตอบจากกีระแล้วทุกคนก็ได้หันไปมองมิจินากะกันยกใหญ่

    “ ที่ฉันมาเป็นไรเดอร์ ก็เพราะอยากได้พลังที่จะกำจัดไรเดอร์ทุกคน ” มิจินากะก็ได้ตอบออกไปตรงแต่ด้วยคำตอบนั้นทำเอาทุกคนนิ่งไป “ นะ...นั่นเป็นความต้องการอดีตต่างหากละ ”

    “ โซระจังละ? ”

    “ แต่เดิมแล้วฉันอยากจะเป็นฮีโร่นะค่ะ ”

    “ ฮีโร่? ”

    “ ค่ะ ฉันพกสมุดจดข้อพึ่งปฏิบัติของฮีโร่ติดตัวมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ” โซระได้อธิบายในมุมของเธอก่อนจะหยิบสมุดบันทึกที่พกมาออกมา

    โซระก็ค่อยทยอยเปิดให้เห็นเนื้อหาข้างในที่เธอนั้นได้จดยันทึกมาตลอดจนถึงตอนนี้ซึ่งมีมากมาย

    “ จดไว้เยอะเลยแหะ ”

    “ คะ ตัวฉันก็ค่อยจดเพิ่มอยู่ตลอด เรื่องที่ได้เรียนรู้จากเพื่อและรวมถึงพวกพ้องคนสำคัญที่มีอยู่มากมาย ” โซระได้อธิบายถึงสิ่งที่เธอได้จดบันทึกเอาไว้จนเปิดมาเจอภาพวาดของเธอกับมาชิโระพอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเศร้าใจมานัตสึและยุยที่เห็นแบบนั้นก็ได้มองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรแต่ก็เข้าใจกัน

    “ ถ้างั้นพวกฉันเองก็คงต้องพยายามแสดงด้านดีๆให้เห็นซะแล้วล่ะ ”

    “ ก็พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่น่า ”

    “ ค่ะ ขอฝากตัวอีกครั้งนะคะ ” โซระที่เห็นว่าทั้งสองพยายามปลอบใจเธอแถมรวมถึงคนอื่นๆที่มองมาที่เธอแต่ก็รู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังเป็นห่วงตัวของเธอ

    “ พรีม สนใจอยากจะเติมอีกมะ? ” โคเมะได้เข้าไปถามกับตัวของพรีมว่าอยากจะเติมหม้อไฟ้อีกรึเปล่าแน่นอนว่าพรีมที่หันมามองตัวของโคเมะครู่นึ่ง

    “ ไม่เอาหรอก ”

    ฝั่งของกลุ่มสึบาสะที่ตอนนี้ตัวของเขาและพวกโคโตฮะกำลังนอนหลับกันอยู่โดยมีตัวของเคย์วะและอารุโตะกำลังนั่งเฝ้าเวรให้ในระหว่างนั้นเองตัวของซายะกับฮารุกะก็ได้เดินเข้ามาหา

    “ ซายะจัง ฮารุกะจัง มีอะไรเหรอหรือว่านอนไม่หลับกันนะ? ” เคย์วะที่เห็นทั้งสองยังไม่นอนเลยถามออกไปด้วยความเป็นห่วงแน่นอนว่าทั้งคู่ต่างมองหน้ากันก่อนจะมานั่งร่วมวงกับเคย์วะ

    “ พอดีรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังลืมเรื่องบางอย่างนะคะ ”

    “ หมายความว่าไงนะ? ”

    “ มันบอกไม่ถูก แต่เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่มากๆ แต่เรื่องที่จำได้ก็ยังมีอยู่ ” ฮารุกะที่พยายามจะอธิบายจากความรู้สึกของตัวเองแต่ไม่ว่าพูดยังไงก็ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดให้เคย์วะเข้าใจได้ “ ยกตัวอย่างเช่นความฝัน ”

    “ ฉันเองก็ยังจำได้อยู่นะ ”

    “ ความฝันของพวกเธอคืออะไรงั้นเหรอ? ” อารุโตะได้ถามถึงความฝันของซายะทันทีแน่นอนว่าตัวเธอก็ไม่ังเกียจที่จะตอบ

    “ ฉันมีความฝันที่อยากจะเป็นคุณหมอ นะคะ แต่ความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าหญิงของฮารุกะเนี่ยดูสุดยอดกว่าของฉันหลายเท่าไหร่ ”

    “ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก ว่าต้องทำวิธีไหนถึงจะได้เป็น ”

    “ ขอแค่มีความฝัน ไม่ว่าความฝันจะเป็นแบบไหนจงโบยบินไปสู่ความฝัน ” อารุโตะได้พูดประโยคนึ่งออกมาซึ่งเป็นคำสอนจากพ่อฮิวมาเกียร์ของเขาให้กับฮารุกะฟัง

    “ เหมือนกับคำพูดที่เพื่อนของฉันชอบพูดเลย เธอทำได้ทุกอย่าง เธอเป็นได้ทุกอย่าง ”

    “ ถ้าเป็นเรื่องเพื่อนละก็ ฉันจำได้เหมือนกันนะ ” โคโตฮะจู่ๆก็ยื่นนหน้ามาพูโแทรกทำเอาซายะตกใจ

    “ โทษที่ ทำให้ตื่นสินะ ”

    “ โทษนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง ” สึบาสะได้เดินมาพร้อมอุ้มเอลิจังมาด้วยพร้อมกับกล่าวขอโทษซึ่งแน่นอนว่าทุกคนไม่ได้ว่าอะไร

    “ ถึงฉันจะไม่เข้าใจเรื่องความฝันเท่าไหร่ แต่ฉันไม่มีทางลืมพวกมิไรเด็ดขาด แน่นอนว่าพวกมิไรเองก็คงคิดแบบนั้นเหมือนอย่างแน่นอน ” โคโตฮะได้พูดออกมาอย่างมั่นใจว่าตัวเธอและเพื่อนของเธอจะไม่มีวันลืมแน่นอน

    “ เพื่อนของผมเองก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกันและครับ ”

    “ อยากจะเจอกับทุกคนเร็วๆจังเนอะ ”

    “ บางที่ตอนนี้พวกเขาอาจจะกำลังอยู่กับคนอื่นที่พลัดหลงเหมือนกันที่ไหนสักแห่งอย่างแน่นอน ” ฮิเมโนะได้เดินเข้ามาพร้อมกับพูดให้กำลังใจกับทุกคน “ จนกว่าจะได้เจอกันก็อย่างพึ่งถอดใจก็แล้วกัน ”

    “ เคียวอัปราปาปะ ขอให้ทุกคนได้เจอกับคนสำคัญเร็วๆด้วยเถิด ” โคโตฮะได้อวยพรท่ามกลางดวงดาวให้กับทุกคนจนมีจังหวะที่เหมือนจะมีดาวตกผ่านไปเหมือนเป็นการตอบสนองต่อคำอวยพรของเธอ

    เช้าวันรุ่งขึ้นทางฝั่งของกลุ่มมาชิโระที่พักแรมจนกระทั้งพวกเธอต้องตื่นเพราะเสียงรถไฟที่กำลังแล่นอยู่บนรางทำให้พวกเธอตื่นแล้วพยายามวิ่งไล่รถไฟกันหน้าตั้ง

    “ เดี๋ยวก่อนนน!!! ”

    “ รอกันก่อนสิ!!! ”

    ลอวร่าและไวซ์ต่างพยายามตะโกนหวังว่าให้คนควบคุมรถไฟจอดรอพวกเขาแต่ไม่ว่าตะโกนยังไงก็ไม่มีทีท่ารถไฟจะหยุดแม้แต่น้อยจนกระทั้งตัวของเซ็นโตะทีวิ่งนำหน้าก็ได้กระโดดขึ้นท้ายขบวนได้สำเร็จแล้วตามมาด้วยคนอื่นๆจนเหลือเพียงแค่โนโดะเพียงคนเดียว

    “ โนโดกะจัง จับมือเร็วเข้า!!! ” เซ็นโตะได้พยายามยื่นมืออกไปให้โนโดกะได้จับแต่ดูเหมือนว่าโนโดกะจะเริ่มหมดแรงวิ่งทำให้สปีดของเธอช้าลงเรื่อย “ ลอวร่า ช่วยเปลี่ยนร่างเป็นนางเหงือกที!! ”

    “ เข้าใจแล้ว ” ลอว์ร่าเข้าใจทันทีก่อนจะรีบเปลี่ยนท่อนล่างของเธอให้เป็นนางเหงือกแล้วจับมือตัวของเซ็นโตะแล้วยื่นออกไปให้โนโดกะได้จับ

    “ ไวซ์ของยืมแรงหน่อย!! ” เซ็นโตะที่ตอนนี้ไม่มีมือที่จะยึดตัวเองก็ได้ขอความช่วยเหลือจากไวซ์

    “ รับทราบ เอาฮึบ!!! ” ไวซ์ได้วิ่งเข้ามาจับตัวของเซ็นโตะเอาไว้พร้อมกับอีกมือก็ได้จับตัวรถไฟแต่ทำถึงขนาดนี้ตัวของโนโดกะก็ยังวิ่งไม่ถึงพร้อมกับแรงของเธอเริ่มหมด

    “ แบบนี้ไม่ดีแน่ ” เนออนที่เห็นว่าโนโดกะเริ่มถึงขีดจำกัดแล้วก็เริ่มร้อนร้นพร้อมกับมาชิโระ

    “ มีแต้ต้องหยุดรถไฟเท่านั้น ” ยันมะได้รีบวิ่งไปที่ไปที่ขบวนหน้าสุดเพื่อไปยังห้องควบคุมเพื่อหวังจะชะลอความเร็วของรถไฟลงระหว่างที่วิ่งข้ามขบวนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีบนรถไฟนั้นไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น “ นี่พวกนาย ”

    สลับทางฝั่งด้านหลังที่พยายามจะช่วยตัวของโนโดกะอย่างสุดชีวิตจนโนโดกะใกล้จะเอื่อมมือถึงหางของลอว์ร่าแล้ว

    “ โนโดกะ พยายามเข้า ”

    “ อีกนิดเดียว ”

    “ โนโดกะ!! ” เสียงนึ่งได้ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับมีร่างเล็กได้พุ่งออกมาจากประตูรถไฟซึ่งเป็นภูติจิ๋วตัวนึ่งที่ตะโกนเรียกโนโดกะแล้วตรงเข้าไปจับมือของโนโดกะและหางลอว์ร่าเอาไว้

    และก็ได้มีใยแมงมุมสีขาวที่ได้พุ่งเข้าไปพันตัวของโนโดกะช่วยดึงร่างของเธอขึ้นมาบนรถไฟได้อย่างปลอดภัยทุกคนพอเข้ามาข้างในได้แล้วตัวของโนโดกะได้โอบกอดภูติจิ๋วตัวนั้นทันที

    “ ราบิริน ค่อยยังชั่ว ”

    “ โนโดกะ ได้เจอกันสักทีนะราบี้ ตามหามาตลอดเลยราบี้ ”

    “ บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ ” อามาเนะรู้สึกประหลาดใจที่โนโดกะได้เจอกับเพื่อคนสำคัญบนรถไฟแบบนี้

    “ อย่างกับปาฏิหาริย์เลย หรือไม่ก็เวทมนตร์เลย ”

    “ อึก...ฮื้อออ เห็นแบบนี้แล้วทำเอาฉันคิดถึงอิกกิเลย ฮื้อออออ อ่าาาาา ” ไวซ์พอเห็นภาพตรงหน้าจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวถึงกับดึงชายเสื้อโค้ทของเซ็นโตะมาเช็ดน้ำตาโดยไม่ขอซึ่งเซ็นโตะก็ไม่มีโอกาสปฏิเสธเลยได้แต่ปล่อยให้ไวซ์เช็ดไป

    “ ในเมื่อเจอราบิรินแล้ว อีกเดี๋ยวต้องได้เจอกับพวกจิยุจังแน่เลย ”

    “ แน่นอนราบี้ ”

    “ ช่างเป็นเรื่องราวการพบกันที่น่าดีใจจริงๆ ” เสียงนึ่งได้กล่าวชื่นชมกับภาพอันแสนอบอุ่นจนทำให้คนอื่นๆหันไปมองก็กับยันมะที่เดินนำมาพร้อมกับชายอีกสองคน

    “ พวกนายเป็นใครนะ ” เซ็นโตะได้ลุกขึ้นแล้วถามถึงสองคนใหม่ที่อยู่ด้วยกันกับยันมะ

    “ ใจเย็นๆเจ้าบ้าทานุกิ พวกนี้คือพวกของเรา ”

    ‘ เจรามี่ บราเซรี / สไปเดอร์โครโมนอส  ’

    “ เจรามี่ บราเซรีเป็นพวกพ้องกับ ยันมะ ราชาคนที่ 6 ของขบวนการราชัน คิงโอเจอร์ ” เจรามี่ได้แนะนำตัวเองแล้วยังบอกอีกว่าเป็นพวกเดียวกันกับยันมะ

    ‘ สเตซี่ / สเตซีซ่า ’

    “ ส่วนฉันชื่อสเตซี  ”

    “ เน่ เจรามี่ทำแกถึงมาอยู่บนรถไฟขบวนนี่ได้ ”

    “ หลังจากที่ผมตื่นมาก็ได้พบกับเสตซีและภูติจิ๋วกระต่ายน้อย แน่นอนว่าพวกเราออกเดินทางจนมาถึงรางรถไฟจากการนำนทางของคนๆนึ่ง ”

    “ นำทางเหรอ? ใครกันที่พาพวกคุณกับราบิรินมาที่นี่ ”

    “ เอาจริงๆเราก็ยังไม่ได้ถามชื่อเขาเลยด้วย ” สเตซีเองก็ตอบได้ไม่เต็มปากเพราะว่าพวกเขาก็ยังไม่ได้ถามก่อนประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นชายที่นำทางตัวของพวกเขาที่รถไฟ

    “ เอซเหรอ!? ” เนออนที่พอได้เห็นหน้าของชายคนนั้นก็ต้องประหลาดใจว่าเป็นเอซอีกคนนึ่ง

    “ รู้จักกันงั้นเหรอ ” ลอว์ร่าได้หันไปถามกับตัวของเนออนทันที่หลังจากเหนรีแอคชั่นเมื่อกี้ของเนออน

    “ จริงอยู่ที่ว่าฉันก็คือ อิคุโยะ เอซ แต่ว่าก็ไม่ใช่เอซที่เธอรู้จักเช่นกัน ” เอซได้ใช้คำพูดที่ชวนให้สับสนโดยบอกว่าตัวเองไม่ใช่เอซที่เนออนรู้จัก

    “ เห้ยไอ้ทานุกิ ที่นายพูดถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ตัวของตัวเองงั้นรึไง? ”

    “ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย....ความหมายก็ตรงตามที่พูดไปเมื่อกี้นั้นแหละ ”

    “ เดียวก่อนนะ นี่กำลังจะบอกว่านายก็คือเอซ ที่เนออนจังพูดถึงแต่กลับกันก็ไม่ใช่ เอซที่เธอรู้จัก ” เซ็นโตะที่พยายามใช้หัวสมองของตัวเองเพื่อเรียบเรียงทำความเข้าใจกับคำพูดของเอซตรงหน้า “ คงไม่ใช่ว่านายคือตัวตนแยกของคนที่ชื่อ อิคุโยะ เอซใช่รึเปล่า? ”

    “ ถูกต้องตัวของฉันคือ อิคุโยะ เอซในส่วนความฉลาด นอกจากตัวฉันแล้วยังมีเอซอีก3คนที่กระจัดกระจายอยู่ในโลกนี้ ตัวแทนความแข็งแกร่ง ความโชคดี และอีกตัวตนนึ่งก็คือ.... ” เอซที่กำลังอธิบายถึงตัวตนอีกคนนึ่งแต่กลับมีบางอย่างได้พังประตูขบวนรถไฟจนจทุกคนหันไปมองก็พบว่าเป็นตัวของจามาโตะและบั๊คนารัคจำนวนมากที่นำโดยตัวชายสองคน

    “ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ”

    “ โอ้ะโอ้ววว ดูท่างานนี้จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้วสิ ”

    ยันมะและเจรามี่ถึงกับต้องอุทานเมื่อศัตรูที่ยืนอยู่ต่อหน้าของพวกเขานั้นกลับเป็นตัวเองแถมยังอยู่ในรูปลักษณ์ตัวเองเมื่อ2ปีก่อน

    แน่นอนว่านอกจากทางฝั่งของยันมะและเจรามี่แล้วกลุ่มอื่นๆเองก็พบเจอไม่ต่างกันไม่ว่าจะเป็นฝั่งของกีระ ฮิเมโนะหรือแม้กระทั้งฝั่งของริต้าที่อยู่กับคากุรากิก็พบกับตัวเองอีกในอดีตที่มาพร้อมกับกองทัพจามาโตะและบั๊คนารัค

    “ มีคุณกีระสองคนงั้นเหรอ ” โซระที่มองสลับไปว่าระหว่างกีระที่อยู่ข้างๆกับตัวปลอมตรงหน้าแน่นอนว่าตัวของกีระไม่เชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือตัวเขาจึงรีบชักโอเจอร์คาลิเบอร์ที่อยู่ข้างเอวออกมา

    “ เปิดเผยตัวจริงมาสะ แกเป็นใครแล้วใครส่งแกมา ”

    “ ตัวข้าก็คือข้า ราชาแห่งทรราช กีระ ” กีระตัวปลอมได้พูดด้วยน้ำเสียงและคำที่ใช้แถบจะถอดแบบออกมาไม่แม้แต่โอเจอร์คาลิเบอร์ในมือ “ ศัตรูที่ขว้างทางข้าผู้นี้จะต้องถูกกำจัด เพื่อที่ข้าผู้นี้จะปกครองโลกใบนี้ ”

    [ Kuwagata ]

    “ สวมเกราะราชันย์! ”

    [ You are the King You are the You are King ]

    [ Kuwagata Ohger ]

    “ สวมเกราะราชันย์ ” กีระที่เห็นตัวปลอมของตัวเองแปลงร่างแบบนี้ก็ไม่น้อยได้ทำการแปลงร่างแล้วตรงเข้าไปลุยกับตัวเองอีกคนในทันที

    “ พวกเราก็ไปด้วย ” โทวมะได้บอกกับทุกคนก่อนที่แต่ละคนจะหยิบไดรฟเวอร์ของตัวเองขึ้นมาแล้วแปลงร่างเข้าต่อสู้กับศัตรูตรงหน้าพวกของโซระเองก็ด้วยเช่นกัน

    ในฝั่งของริต้าและคากุรากิก็เริ่มเปิดฉากต่อสู้กับตัวปลอมของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าพวกจามาโตะและบั๊คนารัคที่เหลือจะไม่สนใจพวกเขาหรือพวกบัตเตอร์ฟายกับตรงเข้าไปเอซโชคดีซะอย่างงั้นเอสปราด้าได้วิ่งเข้ามาขว้างเอาไว้

    “ อะ...อ่าาาา ” เอซโชคดีที่เห็นพวกจามาโตะและบั๊คนารัควิ่งปรีเข้ามาตัวเองก็ได้พยายามวิ่งหนีบางจังหวะก็สะดุดล้มหิมะจนพวกนั้นก็สะดุดไปบ้างหรือพอควักเอาหิมะปัดใส่จนโดนตาทำให้ชะงักแล้วโดนตัวที่วิ่งมาตามมาล้มระเนระนาดไปเปิดโอกาสให้เอสปราด้าพุ่งเข้ามาจัดการได้ “ ฮิฮิ ลัคกี้ ”

    “ ดวงจะโชคดีเกินไปไหมนะ? ” บัตเตอร์ฟายที่เห็นทุกอย่างยังต้องตกใจกับความโชคดีของเอซแต่ถึงจะโชคดียังไงเอิร์ธก็ได้สังเกตุเห็นความผิดปกติบางอย่าง

    “ ถึงแม้เจ้าพวกนี้จะโจมตีโดยไม่มีแบบแผนแต่ว่าทำไมถึงปรีไปหาเขาคนนั้นไม่หยุดเลยละคะ ” เอิร์ธที่เริ่มรู้สึกแปลกหลังจากที่เห็นว่าฝ่ายศัตรูเหมือนจะมุ่งเน้นไปหาเอซโชคดีอย่างไม่ขาดสาย

    ปาปิญองโอเจอร์และฮาจิโอเจอร์ได้แยกกันออกไปลุยกับตัวปลอมของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะโจมตียังอีกฝ่ายก็เดาการโจมตีของพวกเขาออกและส่วนกลับได้อย่างทันควัน

    “ ดูเหมือนว่านอกจากจะก็อปปี้พวกข้าน้อยแล้ว ทักษะดาบเองก็ถูกก็อปปี้ไปด้วยสินะขอรับ ”

    “ โทษฐานของการแอบอ้างผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ คำตัดสินคือ ประหารเท่านั้น ”

    ทั้งคู่ที่ตั้งหลักพอแล้วก็วิ่งตรงเข้าไปสู้กับตัวปลอมของตัวเองอีกครั้งก่อนที่กลับทางกลุ่มของคูวากาตะโอเจอร์ก็วุ่นวายไม่แพ้กันทุกคนที่ได้แปลงร่างเข้าไปต่อสู้ไม่แม้แต่เอซที่บุกลุยเดียวตรงเข้าไปซัดกับจามาโตะและบั๊คนารัคไม่สนโลกต่อให้โดนรุมกี่ตัวก็ใช้พละกำลังฝ่าซัดศัตรูรอบตัวอย่างง่ายดาย

    “ ลูกฮึด!!! ความกล้า!!! ”

    “ พละกำลังจะเหนือมามนุษย์มนาไปแล้วนะ ” เคียวซัมเมอร์บังเอิญไปเห็นความบ้าพลังของเอซก็ยังต้้องตกตะลึงก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งเข้าไปกระโดดทิ้งตัวทับร่างของจามาโตะสองตัวตรงหน้าจนหน้าจม้ำไม่วายยังเอามือตบหน้าเฉย

    “ เห้ย กีสท์มั่วทำบ้าอะไร ทำไมถึงไม่แปลงร่างล่ะ? ”

    “ อ่อ งั้นเหรอ ” เอซโดนตัวของบัฟฟ่าทักก็ได้รีบลุกขึ้นโดยทีเอวของเข้าก็เอาไดรฟเวอร์มาสวมตอนไหนไม่รู้แล้วหยิบแม็กนั่มบัคเคิลขึ้นมาแต่แทนที่จะเอามาแปลงร่างดันเอาไปขว้างในจามาโตะตัวนึ่งเป็นของเล่นซะอย่างงั้นแถมยังทำสีหน้าดีใจที่ปาโดนอีกต่างหาก

    ด้วยการกระทำบ้าๆบอๆของเอซเมื่อกี้ทำเอาบัฟฟ่าที่เห็นยืนสตั้นอ้ำอึ่งไม่ไหวติงเหมือนกำลังสับสนจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไม่ออก

    “ ไงล่ะ!!!! คราวนี้ลองเตะดูเป็นไง!! ” เอซที่ยังไม่พอใจก่อนจะรีบเข้าไปเก็บบัคเคิลแล้วเตะออกไปเป็นเหมือนลูกบอลยิ่งทำเอาคนอื่นช็อคไปตามๆกัน

    “ คุณเอซ ทำอะไรของคุณเนี่ยคะ!? ” โซระที่เห็นก็ถึงกับตะโกนลั่นออกมาอย่างไม่เข้าใจกับท่าทางของเอซ

    “ เล่นเตะแบบนั้นจะไม่เป็นไรเหรอ? ” รีไวได้ถามขึ้นมาโดยที่หันไปมองเซเบอร์กับเซนไคเซอร์เพื่อขอคำตอบแน่นอนว่าทั้งคู่ได้แต่หยักไหล่แล้วหันไปลุยกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าต่อ

    “ นี่มัน....ไม่ใช่กีทส์แล้ว มอวววววว ” บัฟฟ่าตะโกนออกมาลั่นก่อนที่ตัวเองจะวิ่งเข้าไปแม็กนั่มบัคเคิลที่ปักดินอยู่แล้ววิ่งกลับมาเตะอัดจามาโตะและบั๊คนารัคที่กำลังเกาะแกะกับเอซจนกระเด็นแล้วพยายามจะเสียบบัคเคิลให้อย่างเร่งรีบ “ บ้าเอ๋ย เสียบไม่เข้า!! ”

    [ Set ]

    “ มือมานี่ กดตรงนี้ แล้วก็ทำมือ ทำมือ ค่ง ค่ง ” บัฟฟ่าได้จัดแจ้งจัดการใส่บัคเคิลแล้วทำมือจิ้งจอกเหมือนที่เอซทำประจำ “ แปลงร่าง ”

    “ แปลงร่าง! ”

    สลับมาทางบนรถไฟในตอนนี้ฝั่งของนาโกะที่กำลังโดนตัวของจามาโตะและบั๊คนารัครุมเข้ามาแถมเธอก็หลบไม่ได้เพราะข้างหลังเธอนั้นมีตัวของเอซ พูกะและโนโดกะกับราบิรินอยู่

    “อ๊าาาาาา!!! เอซทำไมถึงไม่มาช่วยสู้กันละ!! ”

    “ หากจะสู้แล้วชนะก็ต้องสู้อย่างมั่นคง ที่สำคัญจำนวนเรายังต่างกับศัตรู ” เอซที่นำพึมพำไปมาก่อนที่นาโกะจะใช้แรงฮึดของเธอผลักจนจามาโตะและบั๊คนารัคกระเด็นไปคนละทิศละทาง “ อีกอย่างตัวฉันเป็นคนที่ไร้เรี่ยวแรง ”

    “ ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด!!! ” นาโกะได้ให้ตะหวาดใส่เอซก่อนที่จะมีจามาโตะเข้ามาจะคว้าตัวเอซตัวเธอก็ต้องพยายามกระชากดึงร่างของเอซหลบไปมา

    “ ยะฮู้ววว ถ้าอยากขึ้นรถไฟก็ไม่ซื้อตั๋วมาก่อนสิ ” ไวซ์จับร่างจามาโตะและบั๊คนารัคอัดลงพื้นแล้วตัวเองขึ้นนั่งทับแล้วหยอกล้อกับศัตรูโดยการสั่งสอนเกี่ยวกับมารยาทการขึ้นรถไฟไปบทนึ่ง

    “ แต่พวกเราก็ไม่ได้มีตั๋วเหมือนกันนะ ” เคียวปริซึมได้หันมาตบมุขของไวซ์ที่พวกเธอเองก็ไม่ได้ต่างกับพวกนี้สักนิดเหมือนกันก่อนจะมีจามาโตะตัวนึ่งที่ฝ่าพวกเธอไปจนเข้าหวังจะตะคุบจับร่างของเอซ

    “ ราบิริน! ” โนโดกะที่อยู่ใกล้ก็ได้บอกกับราบิรินที่อยู่อ้อมกอดของเธอแล้วเธอก็แปลงร่างเคียวเกรซซัดร่างของจามาโตะตัวนั้นก่อนจะถึงตัวของเอซได้อย่างเฉียดฉัวนาโกะจึงใช้จังหวะนั้นเอาบีสแอ็กของเธอฟันร่างของจามาโตะจนทะลุเพดานรถไฟ

    “ เอซไม่เป็นไรนะ ”

    “ ไม่เป็นไรนะคะ ”

    “ รู้สึก....มวนท้องนิดหน่อย ” เอซที่คงตีหน้านิ่งทั้งๆที่สีหน้าถอดสีอย่างชัดเจนและไม่กี่นาทีต่อมาก็ได้รีบยื่นหน้าออกไปแล้วอ้วกแตกในทันที

    “ เป็นตัวไร้ประโยชน์จริงๆ ” เคียวลาแมร์เห็นเอซอ้วกแตกก็บ่นออกมาก่อนที่เคียวฟีนาเล่จะซัดตัวของจามาโตะกลุ่มนึ่งกระเด็นตกรถไฟไป

    “ ไม่เป็นไรแน่เหรอ ”

    “ แบบนี้....มนัไม่ใช่เอซแล้วววววว ” นาโกะถึงกับเลือดทนจนตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงกับเอซคนนี้

    ฝั่งของทงโบะโอเจอร์และสไปเดอร์โครโมนอสบุกเขาสู้กับตัวปลอมของตัวเองแต่แม้แต่พวกเขาก็เหมือนจะโดนศัตรูเข้าโจมตีจนเสียท่าลงไปนอนกับพื้นในจังหวะที่กำลังจะโดนโจมตีนั้นบิลด์และสเตซีซ่าก็ได้เข้ามาช่วยอีกแรง

    “ เดียวจะช่วยอีกแรงเอง ” บิลด์ได้ดึงตัวของทงโบะโอเจอร์ขึ้นมาเช่นเดียวกับสเตซีซาร์ได้ดึงตัวของสไปเดอร์โครโมนอสลุกขึ้นเช่นกัน

    “ ชิ...ช่วยไม่ได้คราวนี้ขอยืมแรงหน่อยก็แล้วกันไอ้เจ้าทานุกิสองสี ”

    “ ทานุกิที่ไหน ฉันเป็นกระต๋ายต่างหาก! ”

    “ พวกเราก็ไปบางเถอะ ”

    “ อ่าาา ”

    ตัดมาทางฝั่งของคามาคิริโอเจอร์ได้เข้าจัดโจมตีเหล่าจามาโตะและบั๊คนารั็คก่อนที่ตัวปลอมของเธอจะพุ่งเข้ามาโจมตีใส่เธอจากข้างหลังแบบที่ไม่ทันตั้งตัว

    “ ลอบโจมตีแบบนี้ไม่งดงามเลยนะ ”

    “ ความงดงามไม่เหมาะกับคนอย่างเธอหรอก ”

    คามากิริโอเจอร์ทั้งสองได้พูดจายอกย้อนใส่กันไปมาก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็เหวียงดาบฟันเข้าใ่กันและกันเช่นกันแต่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายของคามาคิริโอเจอร์ตัวจริงจะเสียท่า

    “ ท่านราชินี ” เคียวฟลอร่ากำลังจะเข้ามาช่วยแต่ก็โดนจามาโตะและบํคนารัคจำนวนมากโอบเข้ามาหาเธอก่อนจะตัวของซีโร่วันและไทคู่วยกันยันเอาไว้แล้วเปิดโอกาสให้เคียวแองจ์และเคียวเฟลิเช่ช่วยโจมตีเพื่อเคลียร์ศัตรูจำนวนมาก

    “ ดูเหมือนว่าท่านราชินีของเราจะลำบากเข้าแล้วละ ” ซีโร่วันได้หันมองทางของคามาคิริโอเจอร์ที่กำลังโดนตัวปลอมโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว

    “ ต้องรีบไปช่วย ” เคียงแองจ์พูดจบพวกเธอก็ได้ตรงเข้าไปช่วยสมทืบกับคามาคิริโอเจอร์ในทันทีแต่ในระหว่างที่ไทคูนจะวิ่งตามไปก็ได้ยินเสียงใครไม่รู้ดันมาเป่าขลุ่ยเวลาแบบนี้พอหันไปมาพยายามมองหาต้นตอของเสียงก็กับเอสคนนนึ่งที่กำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ที่ชิงช้า

    “ เอซงั้นเหรอ? ”

    สลับกลับทางฝั่งของกลุ่มอาเกฮะทีตอนนี้เริ่มมองออกว่าเป้าหมายของศัตรูนั้นมุ่งเป้ามาที่ตัวของเอซโชคดีถึงแมว่าตัวของเขานั้นจะมีความโชคดีที่สูงก็ตามแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเพราะจำนวนของศัตรูที่มีมาเยอะแถมยังมีต้องรับมือกับคามาคิริโอเจอร์ตัวปลอมอีก

    เอสปราด้าเลือกที่จะอยู่แนวหลังเพื่อปกป้องตัวของเอซพร้อมกับเอิร์ธในขณะที่คนอื่นเข้าไปช่วยปาปิญองโอเจอร์กับฮาจิโอเจอร์แต่ดูเหมือนว่าต่อให้มีคนอื่นเข้าไปช่วยก็ยังเอาตัวปลอมไม่หลงแล้วโดนการโจมตีท่าใหญ่ซัดกลับมา

    “ แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้รุน... ” เคียวมิลกี้ถึงกับโอดครวญจากที่พวกเธอเข้าไปรุมแล้วยังเอาไม่ลงเลยแม้แต่น้อย

    “ ความพยายามของพวกท่านช่างยอดเยี่ยม แต่ว่ามันไม่พอที่จะหยุดพวกกระผมได้หรอก ” ฮาจิโอเจอร์ตัวปลอมได้ใช้คำพูดเหมือนจะปลอบใจแต่คำพูโเหล่านั้นก็เป็นการตอกย้ำทุกคนตรงหน้า “ โดยเฉพาะตัวข้าน้อยตรงนั้น ”

    “ พูดแบบนี้ ชักจะเกินแล้วนะขอรับ ” ฮาจิโอเจอร์เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาทันทีก่อนจะลุกขึ้นแล้วกดที่โอเจอร์คาลิเบอร์เพื่อเตรียมใช้ท่าไม้ตายจนตัวดาบของเขาลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงเช่นเดียวกับปาปิญองโอเจอร์ตัวจะเดินเข้ามาแล้วตั้งท่าเตรียมจะซัดการโจมตีใหญ่เข้าใส่โดยที่รอบตัวนั้นปรากฎเปล่าผีเสื้อสีม่วงจำนวนมากออกมา

    [ Ohger Finish ]

    ฝั่งของปาปิญองโอเจอร์ตัวปลอมท่าไม้ตายแบบเดียวกันเตรียมโจมตีโต้กลับด้วยการโจมตีที่รุนแรงของทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกันไปมาแต่ก็ไม่กี่นาทีก็รู้ผลทันทีเมื่อการโจมตีของปาปิญองโอเจอร์กับฮาจิโอเจอร์โดนดันกลับมาทำให้ทั้งคู่นั้นล่วงลงไปนอนกับพื้นในสภาพที่คืนร่างไป

    “ ทั้งสองคน ” บัตเตอร์ฟายที่เห็นริต้ากับคาบูรากิเสียท่าก็กำลังจะเข้าไปช่วยพร้อมมิลกี้และมาการองก่อนที่ฮาจิโอเจอร์ตัวปลอมเข้าโจมตีได้พุ่งลงมาพร้อมโอเจอร์คาลิเบอร์ในมือนั้นจุดไปด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนแรงฟันออกไปเป็นคลื่นดาบเพลิงเข้าใส่ทั้งสามจนกระเด็นคนละทาง

    ปาปิญองโอเจอร์ตัวปลอมได้เดินตรงฝาเข้าไปหาเอซทันทีโดยที่มีตัวของเอสปราด้าและเคียวเอิร์ธยืนขว้างอยู่แต่เธอก็ได้จัดการใช้คิงส์เวพอนโหมดธนูรั่วยิงเข้ามาเอสปราด้าตัดสินใจผลักตัวของเคียวเอิร์ธออกไปทำให้ตัวเองรับการโจมตีทั้งหมดไป

    “ คุณเคนโตะ ” เคียวเอิร์ธได้หันไปทางเอสปราด้าก่อนที่เธอจะไม่ทันระสวังตัวเมื่อปาปิญองโอเจอร์ตัวปลอมได้ยิงโจมตีเข้าใส่เธออีกครั้งจนกระทั้งได้มีร่างนึ่งได้พุ่งเข้ามาแล้วใช้กรงเล็บฟันปัดกระสุนธนูที่ยิงเข้ามาทั้งหมดลง

    “ ไม่เจอกันนานเลยนะ เอซ ” โลโป้ได้เข้ามาช่วยเหลือก่อนจะหันไปทักทายกับเอซทันที

    “ ลัคกี้ แฮปปี้ ได้มาเจอกันแบบนี้เนี่ย ”

    “ อะ...อะไรนะ ท่าทางของนายทำไมมัน ” โลโป้ที่เห็นการทักทายพร้อมกับท่าทางของเอซยังถึงกับถอยหลังนี้สองสามก้าวด้วยความหวาดระแวงขณะที่เอซก็ได้เอียงคอมองด้วยใบหน้าที่บ๊องแบ๋ว

    สลับมาทางฝั่งของบัฟฟ่าที่ได้กีทส์มาเป็นกำลังเสริมแล้วแต่สไตล์การต่อสู้ดัยโจมตีมั่วไม่สนโลกแถมยังเอาแม็กนั่ม40Xมาฟาดศัตรูอีกก่อนจะยังขว้างออกไปจนอัดกับบั๊คนารัคตัวนึ่งจนคว้ำ

    “ โดนเต็มๆ เอาล่ะใครจะเอา มา!!!! ” กีทส์ที่ดูภูมิใจก่อนจะเดินปรีเข้าไปศัตรูตัวต่อไปทันที

    “ มีปืนก็ใช้ยิงหน่อยสิ! ” บัฟฟ่าหันไปโวยวายตัวของกีทส์ที่มีปืนแต่กลับไม่เอามายิงจนไม่ทันระวังตัวว่ามีจามาโตะตัวนึ่งเข้ามาก่อนจะได้ยินเสียงปืนสนั่นยิงเข้าตัวจามาโตะตัวนั้นจนล่วงลงไปกองกับพื้นพอหันก็พบกว่าเป็นฮาเรลูย่าที่อยู่ในชุดคาวบอยกำลังควบม้ามาหา

    “ พอได้ยินคำนั้นออกจากปากนายแล้วแอบตะหงิดอยู่นะ ”

    “ คุณฮาเรลูย่า? ”

    “ โอ้ว โซระจังเธอเองก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย ”

    “ พังค์แจ็ค ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้... ”

    “ พอดีว่ามีสึมุริจังช่วยพาฉันมานะ นอกจากฉันแล้วยังมีอีก2คนมาด้วยนะแต่ก็กระจัดกระจายไปตามที่เหมือนกับพวกนายเนี่ยแหละ แต่ก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรโลกถึงกลายเป็นแบบนี้นอกจากว่าปราสาทประหลาดนั้นอาจจะเป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมด ” ฮาเรลูย่าได้อธิบายคราวๆให้บัฟฟ่าได้เข้าใจสั้นๆก่อนที่จะหันไปมองคนอื่นที่กำลังสู้กันอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะคูวากาตะโอเจอร์ “ กีทส์ ขึ้นมา ”

    “ หื้ม เข้าใจแล้ว ” กีทส์ที่โดนดันกลับมาพอโดนเรียกหันไปก็เห็นม้าสีขาวที่วางอยู่จึงเข้าได้ทันทีแล้วตัวเองก็ได้กระโดดขึ้นบนม้าทันทีแต่พอขึ้นกลับกลายเป็นว่าไปขี่อยู่ก้นของม้าซึ่งทำให้ตัวม้าไม่พอใจจึงสบัดจนกีทส์หน้าขม้ำปักดิน

    บัฟฟ่าที่เห็นสภาพของกีทส์ก็ถึงกับยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมานอกจากความเงียบเหมือนกับก่อนหน้าไม่มีผิด

    “ ไหวมั้ยนะ ”

    “ อึก....อ๋าาาาาา ” กีทส์ที่จู่ๆก็ได้ตะโกนรั้นแล้วคลานรอดไปใต้ระหว่างขาของบัฟฟ่าแล้วงัดจนร่างลอย

    “ เฮ้ยๆๆ จะทำอะไรนะ อ่าาาา ” บัฟฟ่าที่ไม่รู้ว่ากีทส์จะทำอะไรแผลงอีกพอรู้ตัวอีกทีร่างก็ลอยปลิวขึ้นฟ้าแล้วไปขี่คอของกีทส์แล้ว

    “ ฉันนี่แหละ ม้า ฮิฮี่ ”กีทส์ที่จินตนาการว่าตัวเองเป็นม้าไปแล้วก็วิ่งพาบัฟฟ่าเข้าไปลุยทั้งสภาพนั้นโดยไม่ปรึกษาใดๆ

    “ แกเป็นจิ้งจอกไม่ใช่เหรอออออออ!? ”

    ทำเอาฮาเรลูย่าแล้วเคียวสกายที่เห็นก็กุ้มขมับทันทีตามๆกันไปก่อนที่ภาพจะตัดมาที่การต่อสู้บนรถไฟที่ดูจะไม่สู้ดีหนักพอถึงแม้จะจัดการเคลียร์จามาโตะและบั๊คนารัคไปหมหดแล้วแต่ยังเหรือทงโบะโอเจอร์ตัวปลอมกับสไปเดอร์โครโมนอสตัวปลอมอยู่อีก

    “ เอซทำใจดีๆเอาไว้นะ พยายามไปอยู่ท้ายขบวนเอาไว้ นาโดกะจังฝากดูแลเขาทีนะ ”

    “ คะ ”

    “ เข้าใจแล้ว ตอนนี้รู้เป้าหมายของศัตรูแล้วล่ะ ” เอซที่ทีแรกเหมือนจะนั่งเวียนหัวจากการอาเจียนแต่ที่ไหนได้ตัวเขาพยายามระดมสมองของตัวเองจนเข้าใจถึงเป้าหมายของศัตรู “ ว่าทำไมโลกถึงกลายเป็นแบบนี้และแยกฉันออกเป็นส่วนๆแล้วทำไมพริตตี้เคียวและเซนไตแต่ละคนถึงมาอยู่ที่นี่ เป้าหมายของศัตรูก็คือ ” เอซที่กำลังจะตอบให้นาโกะกับโนโดกะเข้าใจตัวของเอซกลับโดนใยแมงมุมจากสไปเดอร์โครโมนอสตัวปลอมจับร่างเอาไว้แล้วกระตุกดึงเข้ามาหา

    “ ได้ตัวละครแรร์มาเป็นที่เรียบร้อย ” สไปเดอร์โครโมนอสตัวปลอมที่ตัวของเอซมาแล้วก่อนที่ตัวเขาแล้วทงโบะโอเจอร์นั้นจะทำการยิงการโจมตีใหญ่เข้าใส่จนทุกคนกระเด็นกระดอยไปคนละทิศละทาง

    [ Ohger Shooting! ]

    [ Dock In Ah Sit Down! ]

    “ คุณเอซ!! / เอซ!! ” นาโกะและเคียวปริซึมต่างหันไปที่เอซก่อนที่ทงโบะโอเจอร์จะเอาโอเจอร์คาลิเบอร์ฟันเข้าใส่ร่างของเอซจนร่างกายของเอซนั้นได้สลายกลายเป็นแสงล่องลอยออกจากขบวนรถไฟไปยังปราสาทที่เป็นจุดหมาย

    ตัดมาทางฝั่งของบัฟฟ่าที่ที่กำลังขี่กีทส์ก็สู้อย่างทุลักทุเลเพราะกีทส์พาดับเครื่องชนเข้าใส่ศัตรูไม่สนใครจนถึงขั้นจับตัวเขานั้นหมุนไปมาแต่บัฟฟ่าก็พยายามประครองสติแล้วใช้ซอบบี้เบรคเกอร์ให้ทำงานทำให้ศัตรูที่อยู่รอบข้างโดนจัดการลงได้

    “ นี่นาย...เป็นมาสไรเดอร์แล้วทำไมไม่แปลงร่างละ ” เคียวสุพรีมได้หันไปหาฮาเรลูย่าที่พึ่งควบม้าขี่แล้วใช้ปืนที่อยู่ข้างเอวยิงสอยจามาโตะและบั๊คนารัคเรียงตัวจนเธอแปลกใจจนหันไปถามแบบนั้น

    “ เป็นเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะเฉิดฉายยังไงละ ” ฮารเลูย่าได้หันไปตอบแบบนั้นทำเอาเคียวสุพรีมเอียงหัวมองแบบงงๆ

    ขณะเดียวกันทางฝั่งของคูวากาตะโอเจอร์ที่กำลังต่อสู้กับตัวปลอมของตัวเองนั้นที่เหมือนว่าตัวเองเริ่มจะได้เปรียบจนพลาดถูกตัวปลอมงัดเอาคิงส์เวพอนออกมาประกอบเขากับโอเจอร์คาลิเบอร์เป็นนากินาตะโหมดแล้วกระหน้ำฟันเข้าใส่ร่สงของคูวากาตะโอเจอร์อยู่ฝ่ายเดียว

    [ Ohger Slash! ]

    คูวากาตะโอเจอร์ตัวปลอมได้ซัดท่าไม้ตายเข้าใส่ร่างของคูวากาตะโอเจอร์ซ้ำเข้าไปอีกจนคืนร่างแล้วกระเด็นลงไปนอนกองกับพื้นเป็นจังหวะเดียวกันที่ตัวของกีทส์ได้พาบัฟฟ่าตรงเข้ามาประจันหน้า

    “ ลุยละน่ะ บัฟฟ่า ”

    “ นายคิดจะทำอะไรอีกนะกีสท์ โว้วววว ” บัฟฟ่าที่เริ่มใจคอไม่ดีว่ากีทส์จะทำอะไรแพลงๆอีกก่อนที่ตัวของบัฟฟ่าจะโดนกีทส์นั้นเอนด้านหลังเพื่อเตรียมขว้าง

    “ มิสไซล์ ยิงได้!! ” สิ้นเสียงกีทส์ได้ใช้ร่าวของบัฟฟ่าเป็นเหมือนมิสไซล์แล้วขว้างออกไปสุดแรงแล้วหวงัจะโดนตัวของคูวากาตะโอเจอร์ตัวปลอมแต่ดันเล่งพลาดทำให้ร่างของบัฟฟ่าที่โดยนออกไปปักดินจนขาชี้ฟ้า

    “ อ่าาาาา คุณมิจินากะ! ”

    “ หึ....ทำได้แค่นี้งั้นเหรอ ” คูวากาตะโอเจอร์ตัวปลอมถึงกับหัวเราะในลำคอเหมือนเป็นการดูถูกแถมตัวเองยังปักดาบลงข้างกาย

    “ คิดจะดวลแรงงั้นเหรอ ก็เอาสิ!!! ” กีทส์ที่เห็นท่าทางของคูวากาตะโอเจอร์ที่ยอมทิ้งอาวุธเหมือนเป็นการท้าดวลจึงวิ่งปรีเข้าไปจะดวลหมัดโดยไม่ที่รู้ว่ามันเป็นอุบายล่อให้กีทส์เข้ามา

    พอกีทส์เข้ามาใกล้ตัวของคูวากาตะโอเจอร์ตัวปลอมก็ได้ชักโอเจอร์คาลิเบอร์ออกมาแล้วแทงเสียบเข้ากลางร่างของกีทส์ต่อหน้าของทุกคนร่างกายของกีทส์นั้นสลายกลายละอองแสงและละอองแสงนั้นได้ร่องรอยที่ปราสาทที่อยู่เบื้องหลังของคูวากาตะโอเจอร์ตัวปลอม

    ทางฝั่งของเอสปราด้า เคียวเอิร์ธและโลโป้ที่ยังสู้ได้อยู่ก็ถูกปาปิญองโอเจอร์ตัวปลอมและฮาจิโอเจอร์ตัวปลอมเล่นงานจนลงไปกองกับพื้นทำให้

    “ เอซ...รีบหนีไปเร็ว ” โลโป้ได้พยายามลุกแล้วตะโกนบอกให้เอซหนีไปซึ่งเอซก็พยายามหนีแต่ก็ไปได้ไม่ไกลปาปิญองโอเจอร์ตัวปลอมก็มาดักเอาไว้พอจะหันหลังกลับก็มีฮาจิโอเจอร์ตัวปลอมมาดักอีกก่อนที่ทั้งคู่จะใช้ดาบในมือแทงเสียบร่างของเอศพร้อมกันจากทั้งสองด้านก่อนทีร่างของเอซจะสลายกลายเป็นละอองแสงแล้วลอยไปที่ปราสาท

    ละอองแสงจากเอซทั้งสามได้ล่องลอยมาที่ปราสาทซึ่งแสงนั้นได้มาที่บนยอดของปราสาทที่ซึ่งเป็นห้องที่เมระและเมโระนั้นอยู่

    “ เยส!? ได้ตัวละครแรร์มา 3 ตัวแล้ว ” เมระที่ร้องออกมาดีใจหลังจากเห็นมอนิเตอร์ตรงหน้าของตัวเองที่ขึ้นเป็นภาพของเอซทั้งสามมาเรียบร้อยแล้ว

    เมระได้ทำการดีดนิ้วแสงทั้งสามได้ลอยออกมาจากมอนิเตอร์มาร่วมกันจนกลายเป็นบูสมาร์ค9บัคเคิ้ลสีดำ

    “ ว้าววววว เมระสุดยอดไปเลย ” เมโระที่เห็นบัคเคิ้ลสีดำตรงหน้าก็รีบลุกจากโซฟาเข้าไปมองอย่างตื่นตาตื่นใจ

    “ ใช่มั้ยละ จะพระเจ้าแบบไหน ขอแค่แยกส่วนได้ก็เรื่องจิ๊บจ๊อย ที่เหลือก็แค่ใช้พลังเจ้าที่ได้มามาเริ่มการเคลียร์เกมอวสานโลกซะ” เมระได้ลุกจากเก้าอี้เดินไปคั้นน้ำส้มอย่างสบายใจเฉิบ

    “ แต่ทำแบบนั้นตามอำเภอใจจะโดนเจ้านั้น ว่าเอานะ ”

    “ ไม่เป็นไรหรอก แต่เดิมโลกนี้ก็ถูกเจ้านั้นสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ซึ่งก็น่าจะใกล้ได้คำตอบแล้ว จะทำลายเลยก็ไม่เสียหายตรงไหนนิน่า ”

    “ ความคิดสมกับเป็นเมระเลย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ตัวละครแรร์ยังเหลืออีกตัวไม่ใช่เหรอ? ”

    “ ทั้งพลัง ความรู้และดวง ฉันได้มาหมดแล้ว ที่เหลือไว้ก็แค่เศษซากที่ทำอะไรไม่ได้ ” เมระได้อธิบายเหตุผลว่าทำตัวเขาไม่สนใจเอซคนสุดท้ายโดยได้เปรียบเปยกับเปลือกส้มที่โดนคั้นจนหมด

    “ งั้นเหรอๆ ชนะใสๆ ”

    “ เอาละ....ที่เหลือก็คือช่วงสุดท้าย....ได้เวลาทำการกระตุ้นให้ตัวละครที่เหลือมุ่งหน้าสู่ปราสาทกันดีกว่า หลังจากนั้นจะได้รีบเคลียร์ให้จบๆแล้วจดลงบันทึกของฉันแล้ว ”

    ตัดมาทางฝั่งของทีมไทคูนที่เข้าต่อสู้กับศัตรูอย่างยากลำบากถึงแม้จะรับมือกับจามาโตะและบั๊คนารัคได้แต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะสามารถโค่นคามาคิริโอเจอร์ตัวปลอมได้เลย

    “ เอซ ช่วยทำอะไรสักอย่างที่สิ ” ไทคูนได้หันไปข้อยืมแรงกับเอซแต่คำตอบที่ได้กลับมายังคงนั่งเป่าขลุ่ยเพี้ยนอยู่แบบนั้นแต่ก็เป่าได้ไม่นานเอซก็ได้เก็บขลุ่ยใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นเตรียมสู้

    เป็นจังหวะที่จามาโตะตัวนึ่งได้กระเด็นมาตรงหน้าเอซพอดีซึ่งเอซไม่รอช้าก็ได้ซัดหมัดตรงเข้าใส่จามาโตะตัวนั้นไปเต็มๆท่าทางเหมือนจะแรงมากแต่พอโดนตัวของจามาโตะไปมันกลับเบาจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้วโดนจามาโตะซัดเข้าไปที่หน้าเพียงหมัดเดียวก็ลงไปน็อคกับพื้นทีเดียวจอด

    “ อ่อนเกิ๊น!? ” ไทคูนที่เห็นเอซที่โดนหมัดเปลี้ยงด้วยก็สลบแล้วยังต้องตะลึงก่อนที่พวกจามาโตะและบั๊คนารัคจะเข้ามารุมพร้อมแบกร่างของเอซหวังจะไปทางคามาคิริโอเจอร์ตัวปลอมที่กำลังสู้กับตัวจริงอยู่

    “ ไม่ยอมให้พาไปหรอก ” เคียวแองจ์ได้เข้ามาขว้างแล้วยิงเข้าโจมตีจนร่างของพวกจามาโตะและบั๊คนารัคกระเด็นไปคนละทิศละทางร่างของเอซได้ปลิวไปตามแรงระเบิดด็ได้ตัวของเคียววิงค์เข้ามารับตัวเอาไว้ได้ทัน

    สลับไปทางฝั่งของคามาคิริโอเจอร์ตัวปลอมที่ตอนนี้กำลังรับมือกับตัวจริงแล้วมีกำลังเสริมจากซีโร่วัน เคียวฟลอร่า เคียวเฟลิเช่ทำให้ยิ่งโดนดันถอยกลับมาอย่างต่อเนื่อง

    “ เป็นถึงตัวฉันโดนรุมแค่ก็ไม่ไหวแล้วงั้นเหรอ น่าขำสิ้นดี ” คามาคิริโอเจอร์ได้พูดจาดูถูกตัวปลอมของเธอที่ตอนนี้เป็นฝ่ายเข้าตาจนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่เหนือหัวของพวกเธอจะปรากฎมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ฉายภาพเมโระและเมระขึ้นมา

    “ สวัสดี เหล่าไรเดอร์ เซนไตและพรีเคียวทั้งหลาย สูญเสียพระเจ้าที่พึ่งพาได้ไปแล้วรู้สึกยังไงบ้างเอ๋ย? ” เมระได้พูดคุยทักทายกับเหล่าไรเดอร์ เซนไตและพริตตี้เคียวทุกคนที่อยู่ในโลกแห่งนี้ “ จากนี้ไปจะเริ่มเกมอวสาานโลกกัน ”

    “ โหย ตื่นเต้นสุดๆไปเลย นี่ๆเมระ คงไม่ส่งผลไปถึงอนาคตหรอกนะ ”

    “ อนาคตอะไรนั้น มันแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย เพราะยังไงโลกก็ต้องมีชะตที่ต้องพินาศอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า ”

    “ หมายความว่าไงค่ะ... ”

    “ มนุษย์ได้ละทิ้งโลก และแปลงตัวเองเป็นข้อมูลอยู่ท่ามกลางกาลมิติกาลอวกาศ คงจะสงสัยว่าเพราะอะไรน่ะเหรอ ฮิฮิ ก็เพราะว่าโลกถูกทำลายไปแล้วยังไงล่ะ ”

    “ เอาจริงดิ ”

    “ ทุกคนรู้มั้ย จามาโตะน่ะ ได้รับพัฒนาจากเมล็ดพืชกลายพันธุ์ที่ครองโลก ซึ่ง DGP เอาส่วนนั้นมาใช่ยังไงล่ะ ”

    “ อีกไม่ช้าโลกใบนี้จะต้องถูกทำลาย ถ้างั้นแล้วใครมันจะไปสนใจกัน ฮ่าฮ่า ” เมระหัวเราะออกมาแล้วไม่แย่แส้ว่าโลกจะเป็นยังไงทำเอาทุกคนที่ได้ยินต้องกำมัดกันไปตามๆกัน “ ในเมื่อจะถูกทำลายอยู่แล้ว ก็สนุกกับช่วงเวลา่นี้เอาไว้เถอะ หากจะหยุดเกมนี้ละก็จงมามให้ถึงปราสาทแล้วโค่นท่านอาร์คลงซะ พวกเราจะรอนะ ”

    “ บ๊าย บาย ”

    สิ้นเสียงการประกาศเริ่มเกมอวสานโลกของเมระและเมโระภาพมอนิเตอร์ก็ได้หายไปพร้อมกับข้างหลังของคิงโอเจอร์ตัวปลอมนั้นได้ปรากฎชูก็อดสีดำประจำตัวแล้วดึงเหล่าคิงโอเจอร์ตัวปลอมขึ้นแล้วได้บินไปยังปราสาท

    ก่อนที่เวลาผ่านไปช่วงนึ่งทุกคนที่พึ่งผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากก็มานั่งพักกันในระหว่างนั้นเองมิจินากะ เนออน เคย์วะน่วมซาเอะก็ได้ทำการประชุมสายกันผ่านสไปเดอร์โพนของแต่ละคนโดยที่มีตัวของสึมุริเองก็อยู่ในสายด้วย

    “ ทุกท่าน...ปลอดภัยดีสินะคะ ” สึมุริได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงโล่งอกเมื่อรู้ว่าทุกคนยังปลอดดภัยกันดี

    “ คุณสึมุริช่วยบอกทีว่าคนพวกนั้นเป็นใครกันแน่ ” เคย์วะได้ยิงคำถามทันทีเกี่ยวกับเมระและเมโระที่เห็นกันเมื่อกี้ว่าเป็นใคร

    “ ผู้สังหารพระเจ้า เมระกับเมโระ คนที่สร้างเกมอวสานโลกขึ้นมา เกมที่ทำลายโลกของผู้คนในยุคโบราณทั้งจากตำนานและบรรดายุคที่มีในประวัติศาสตร์ เป็นอาชญากรที่มาจากอนาคตค่ะ ”

    “ เอซคนนี้อ่อนมาก บอกตามตรงเป็นตัวถ่วงเลยด้วยซ้ำ ”

    “ ไม่มีทั้งพลัง ความรู้ หรือดวงเลยนี่นะ ”

    “ เห้อ...แบบนี่คงหวังพึ่งเอซไม่แล้วล่ะ ” ฮาเรลูย่าที่อยู่ในสายก็พูดตัดพ้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้

    “ ไม่เคยคิดจะหวังพึ่งแต่แรกอยู่แล้ว....ขอแค่ไปอัดเจ้าคนที่อยู่เบื้องหลังที่ปราสาท ทุกอย่างก็จบแล้ว ” มิจินากะที่ไม่คิดจะหวังพึ่งอะไรกับเอซอยู่แล้วแถมยังสรุปในสิ่งท่ต้องทำต่อจากนี้ก่อนจะลุกขึินแล้วมุ่งหน้าจะไปที่ปราสาททันที

    “ เดียวสิ เรายังไม่รู้เลยนะว่าศัตรูวางแผนอะไรเอาไว้บ้างนะ ” กีระได้รีบเข้ามาขว้างตัวของมิจินากะเอาไว้ก่อน “ คิดว่าเราไม่ควรจะบุ่มบามทำอะไรไปมากกว่านี้น่าจะดีกว่านะ ”

    “ คิดว่าถ้าไม่มีกีทส์แล้ว เราปกป้องโลกนี้กันไม่ได้งั้นเหรอ ถ้าเตรียมใจมาแบบนั้นก็รออยู่ที่นี่ไปเถอะ ”

    “ คิดว่าไปคนเดียวแล้วจะทำอะไรได้ ”

    “ ได้สิ เพราะฉันมีพลังอยู่ไงละ ”

    “ แต่ว่าเราก็เห็นแล้วนิ ขนาดเอซที่มีแต่พลังยังเอาขนะศัตรูไม่ได้เลย ” เนออนที่อยู่ในสายก็ได้แย้งตัวของมิจินากะไปทำเอาเจ้าแอบเงียบไป

    “ ถึงแบบัน้น เอาแต่วางแผนก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ขนาดกีทส์ที่มความรู้ยังไม่รอดเลย ” มิจินากะนั้นที่พูดส่วนกลับก็ทำเอาเนออนอึ่งไปไม่ต่างกัน

    “ แม้แต่เอซที่มีดวงก็ด้วย ”

    “ ถ้างั้น...แล้วเอซคนนี้เป็นเอซแบบไหนล่ะ? ” เคย์วะได้พูดไปพร้อมกับหันไปมองเอซที่เหลืออยู่กำลังได้ฮิเมโนะทำแผลให้อยู่

    “ จะแบบไหนก็ไม่สำคัญหรอกคะ....คุณเอซยังก็เป็นคุณเอซที่พวกเรารู้จักอยู่ดี ” โซระที่ได้แย่งสไปเดอร์โฟนจากมือของมิจินากะมาพูดให้ทุกคนได้เข้าใจ “ เขาจะต้องเป็นคุณเอซที่ทั้งฉัน และพวกคุณรู้จักมาแน่ ถ้าหากว่าพวกคุณทุกคนที่เคยต่อสู้ร่วมกันมาก่อนจะต้องเข้าใจแน่ๆค่ะ ”

    “ นะ...นั้นสินะ ต้อวเป็นแบบที่เคา้ไม่เคยเผยให้่เรารู้ แบบว่าเป็นความลับที่พวกเราอาจจะไม่รู้ก็ได้ ” เนออนที่พยายามพูดให้ทุกคนมองเอซที่เหลือในแง่ดีซึ่งในเวลาแบบนี้ก็มีแต่ต้องทำแบบนั้น

    “ เอาเป็นว่า สิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือไปที่ปราสาทสินะ ” ซาเอะที่สรุปรวบรัดเป้าหมายต่อไปของทุกคนในตอนนี้คือการมุ่งหน้าไปที่ปราสาท

    “ ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ”

    “ เกมอวสานโลกแล้วโลกที่พินาศในอนาคตงั้นเหรอ... ” เซ็นโตะนั่งพูดออกมาด้วยได้ฟังเรื่องเกมอวสานโลกและเรื่องโลกที่จะพินาศในอนาคตจากเมโระและเมระ “ ไม่คิดเลย....ว่าโลกนี้จะมีบทสรุปที่เลวร้ายสุดๆขนาดนี้ ”

    “ ที่แย่กว่าเจ้านั้นก็อปปี้พวกเราซะได้...ไอ้เจ้าทานุกิตลกนั้น ” ยันมะที่รู้สึกไม่พอใจที่เมระกับเมโระยังอาจมาก็อปปี้ตัวของคิงโอเจอร์กันแบบนี้

    “ เกิดมาก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาต่อสู้กับตัวเองแบบนี้ ” เจรามี่ยังรู้สึกตกใจไม่ต่างจากยันมะแต่ตัวเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากแถมยังนอนอยู่บนเปลที่สร้างจากใยแมงมุมของตัวเองอย่างสบายใจเฉิบ

    “ ให้ตายเหอะ พอมารู้เรื่องอะไรแบบนี้ทำเอาใจฟ้อหมดแล้ว...ไหนแล้วเรายอมให้เจ้าพวกนั้นทำลายโลกทิ้งไปเลยดีมะ ” ไวซ์นอนอยู่เก้าอี้ก็บ่นออกมาเพราะเรื่องที่ได้รับรู้มาบั้นทอนจิตใจตัวเองเป็นอย่างมากจนเพ้อบอกให้ทุกคนยอมแพ้ก่อนจะโดนหมัดของลอว์ร่าซัดเข้าที่เต็มท้อง “ อ้อกกกก!? ”

    “ มันใช้เรื่องที่ควรพูดเวลานี่รึไงย่ะ ”

    “ ไม่เป็นอะไรนะ ” อากาเนะได้เดินเข้ามาดูอาการของสเตซี่ที่มีแผลตามตัวเหมือนกันแน่นอนว่าสเตซี่ก็ได้หันมายิ้มให้เป็นการขอบคุณด้วยความหวังดี

    “ อื้ม...พวกเธอมากกว่าไม่บาดเจ็บตรงสินะ ”

    “ พวกเราไม่เป็นไรมากหรอก ”

    “ โนโดกะ ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่มะ ”

    “ อื้มไม่ต้องห่วงหรอกนะ ราปิริน ”

    พูกะที่ได้ยืนมองดูโนโดกะและราปิรินกำลังเป็นห่วงกันทำให้ตัวเองได้นึกย้อนไปในภาพในอดีตของตัวเองที่ตัวมันถูกใครบางคนทอดทิ้งเหตุการณ์พวกนั้นดันไปกระตุ้นอะไรบ้างอย่างจนทำให้มือขวาเกิดเรืองแสงขึ้นมา

    “ พูกะ....พูกะ ”

    “ พูกะ เป็นอะไรไปเหรอ? ” มาชิโระที่นั่งอยู่ใกล้ได้หันไปสังเกตุเห็นท่าทางแปลกของพูกะทำให้ทุกคนต่างหันไปมองซึ่งตอนนี้มือของพูกะทั้งสองได้ส่องแสงสว่างขึ้นมาโดยที่ตัวพูกะควบคุมไม่ได้เหมือนกันด้วยความตกใจทำให้พูกะถอยหลังไปแล้วสัมผัสกับเก้าอี้

    แสงนั้นได้ตกกระทบแล้วแผ่ขยายทำให้ส่วนฝั่งของขวาของรถไฟเกิดระเบิดเป็นรูขนาดใหญ่ทำให้ทุกคนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    พูกะเองก็ตกใจเป็นอย่างจนเสียหลักมือไปแตะโดนตัวหัวขบวนจนทำให้ตัวของขบวนก็ถูกทำลายไปอีกทำให้โบวกี้ที่ทุกตนอยู่หลุดจากขบวนหน้าสุด

    “ เห้ยๆๆๆ เจ้าบ้าทานูกิ อยู่เฉยๆ ” ยันมะที่เห็นว่าพลังของพูกะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่สัมผัสจึงพยายามตะโกนบอกให้พูกะใจเย็นแล้วอยู่เฉยๆก่อนที่จะทำลายไปมากกว่านี้แต่ก็ไม่ทันการเมื่อพูกะล้มแล้วมือทั้งสองก็แตะพื้นจนทำให้ทั้งขบวนนั้นถูกชโลมไปด้วยแสงจากพลังของพูกะ

    “ โอ้โอ้ววว ”

    “ งานนี้...เลวร้ายสุด!! ” เซ็นโตะได้อุทานคำพูดติดปากออกมาก่อนที่ขบวนที่พวกเขาอยู่ถูกทำลายจนทำให้ทุกคนล่วงตกลงไปที่พื้นอย่างกะเละเกะกะไปหมด

    “ ไม่นะ รถไฟจ้ารอพวกเค้าด้วยจิ ” ไวซ์ได้ลุกขึ้นแล้วพยายามตะโกนเรียกแต่รถไฟก็ไปไกลจนลับตาไปแล้ว

    “ สะ...สุดยอดเลยนะ ” มาชิโระที่กำลังอึ่งแต่ปากของเธอก็ชมเชยพลังของพูกะ

    “ เมื่อกี้ทำอะไรลงเนี่ย ” ลอว์ร่าที่ล้มหน้าขม้ำก็ได้เวยหน้าขึ้นมาพยายามถามเพื่อหาคำตอบจากพูกะ

    “ เพราะแบบนี่เลยไม่ยอมให้พวกเราโดนตัวงั้นสินะ ” อากาเนะที่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมพูกะถึงเลี่ยงไม่ให้พวกเธอโดนตัว

    “ พูกะ....พูกะ! ” พูกะมองดูมือของตัวเองแล้วรู้สึกที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี่จึงต้องการจะวิ่งหนี

    “ เดี๋ยวสิ ” โนโดกะได้ตะโกนห้ามตัวของพูกะไม่ให้วิ่งหนีจากพวกเธอไป “ ไม่เป็นไรหรอกนะ ”

    “ ใช่แล้วละ เมื่อกี้พวกเราแค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง ” เนออนเองก็คิดแบบนั้นก่อนที่มาชิโระจะลุกเดินเข้าไปหาพูกะเพื่อลูบหัวปลอบใจตัวของพูกะ

    ด้วยความใจดีของมาชิโระทำให้พูกะรู้สึกสงบก่อนที่จะมองไปที่ทุกๆคนที่ไม่มีใครคิดจะโทษตัวของพูกะแม้แต่คนเดียวแม้แต่ยันมะกับลอว์ร่าเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร

    “ ดูถ้าจะมีเหตุผลสินะ ”

    “ ถ้าจะพูดแบบนั้นทางพวกฉันก็มีเหมือนกันยะ ”

    “ เรื่องนั้นก็ใช่นะ ”

    “ แล้วมาจะบลัฟกันทำไมเล่า ”

    “ ฮ่าฮ่า ” แต่ละคนที่พูดตัดบทตบมุขกันไปก่อนที่ทุกคนจะหลุดหัวเราะออกมาทำให้บรรยากาศดีขึ้นพอสมควร

    “ ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้คงมีแต่ต้องรอให้รถไฟขบวนต่อไปผ่านมาสินะ ” สเตซี่ได้ปลอบใจก่อนที่เดินนำหน้าออกไปก่อนที่แต่ละคนจะเริ่มเดินตามกันไป

    “ ขอให้มาเร็วก็แล้วกันนะ เห็นฉันเป็นปีศาจแบบนี้ก็เมื่อยเท้าเป็นนะ!!! ” ไวซ์ได้บ่นออกมา

    “ คราวหน้าช่วยระวังด้วยล่ะ ”

    “ ไปกันเถอะราบี้ ”

    “ ให้ตายสิ...ต้องเดินอีกแล้วงั้นเหรอเนี่ย ” ยันมะแอบบ่นเหมือนก่อนที่เจรามี่จะเดินเข้ามากอดคอชวนเดิน

    “ น่าๆถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศไง ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×