ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Fic [HSJ-OkaYama] ความทรงจำวันซากุระโปรย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 ความทรงจำวันซากุระโปรย (End)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 155
      0
      1 เม.ย. 56





     

    “ผมจะกลับไปครับคุณแม่  คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง  ผมรักคุณแม่นะครับ”  เคโตะวางหูโทรศัพท์ลงหลังจากที่คุยธุระเสร็จแล้ว  ใบหน้าซีดเผือดปรากฏรอยยิ้มขึ้นเพียงลางเลือน  ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

    “คุณโอคาโมโตะ  ไหวหรือเปล่าครับ  คุณน่าจะกลับไปโรงพยาบาล  ไม่น่าจะมา....”

    “ไม่เป็นไรหรอก”  เคโตะตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ร่าเริง  “ผมอยากจะทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก”

    “แต่คุณควรจะพักผ่อน”

    เคโตะยกมือห้ามแล้วพยายามยิ้มให้ด้วยเรี่ยวแรงที่มี  “ไม่เป็นไร  แค่นี้ผมไหวครับ”

    “แต่ว่า...”

    “คุณจิเน็นครับ”  เคโตะเอ่ยชื่อทีมงานคนนั้น  “ไปทำงานของคุณต่อเถอะครับทางนี้ผมจะจัดการเอง  ผมรับรองว่าจะทำให้ละครเวทีรอบนี้จบอย่างราบรื่นแน่นอน”

    “ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกนะครับ  แต่คุณ....”  ยูริชะงักคำพูดของตัวเองไป  เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าแววตาของเคโตะยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม  ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเขาคงไม่มีทางที่ยูริจะห้ามได้  “อย่าหักโหมนะครับ  เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลทันที  เข้าใจตามนี้นะครับ”

    เคโตะพยักหน้าแล้วยิ้มให้อย่างสำนึกบุญคุณ  “ขอบคุณครับคุณจิเน็น”

     

    เคโตะนั่งรอเวลาสำหรับคิวของเขาด้วยความเหนื่อยล้าจากอาการป่วย  เขาหลับตาลงพยายามสัมผัสถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ  มันยังเต้นอยู่แม้นั่นจะทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม  เคโตะพยายามรักษาระดับการหายใจของตนเองเพื่อไม่ให้อาการตื่นเต้นทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ  เขาจำเป็นต้องรักษาหัวใจดวงนี้เอาไว้ให้ดีที่สุดเพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเรียวสุเกะ  นี่เป็นโอกาสที่ยังเหลืออยู่

    เคโตะหยิบเพลงที่แต่งเสร็จแล้วขึ้นมา  สายตามองไล่ตามตัวโน้ตแต่ละตัว  เสียงเพลงดังขึ้นมาในความนึกคิด  แม้จะไม่ได้มีเครื่องดนตรีอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็สามารถจินตนาการเวลาที่เขาเล่นเพลงนี้ได้  เขาหวังว่าจะทำให้ทุกคนประทับใจกับละครเวทีเรื่องนี้  และเขาหวังว่าเพลงของเขาจะเข้าไปให้หัวใจของผู้ชมได้  รวมทั้งคนพิเศษคนนั้นด้วย

    ทีมงานเดินมาบอกว่าถึงเวลาของเขาแล้ว  เคโตะพยักหน้ารับ  เขาเดินไปยังเปียโนข้างเวทีแล้ววางกระดาษแผ่นนั้นบนแท่นวาง  เขาชื่นชมการแสดงของนักแสดงบนเวที  และหลังจากที่นางเอกของเรื่องลอยหายขึ้นไปด้านบนก็เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาของเขาแล้ว

    เคโตะสูดหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อให้ใจสงบลง  สร้างความรู้สึกกับตัวโน้ตตรงหน้า  วางนิ้วลงบนคีย์เปียโน  และกดไล่ไปอย่างราบรื่นโดยที่ไม่ได้มองตัวโน้ตเลยด้วยซ้ำ  เสียงดนตรียังคงดังก้องอยู่ในหัวใจ  ความรู้สึกเองก็ยังตราตรึงในหัวใจ  มือที่กดลงไปเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อหัวใจของเขาเท่านั้น

    เคโตะปล่อยอารมณ์ให้ลื่นไหลไปกับบทเพลง  ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดของเขาไปยังผู้ชมด้านล่างผ่านดนตรีที่เขาเล่น  เพราะต้องซ่อนตัวอยู่หลังม่านทำให้เขามองไม่เห็นผู้คนเหล่านั้น  แต่เขาก็ยังได้ยินเสียง  ยังสัมผัสความรู้สึกของทุกคนได้  หัวใจที่รู้ตัวว่ากำลังจะตายมีพลังมหาศาลขนาดนี้เชียวหรือ  เคโตะไล่นิ้วเรื่อยไปจนกระทั่งถึงตัวโน้ตตัวสุดท้าย  เขาเงยหน้าขึ้นมองผ่านม่านไปยังผู้ชม  เสียงปรบมือจากที่นั่งผู้ชมดังกึกก้องนั่นทำให้เขารู้สึกปลื้มใจ  เรียวสุเกะจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาส่งผ่านไปในบทเพลงนี้หรือเปล่านะ

    เคโตะนั่งปรับระดับลมหายใจของตัวเองให้คงที่หลังจากที่เพลงจบแต่เขากลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก  เสียงปรบมือยังคงดังอยู่  เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นแผ่วลงกว่าปกตินั่นทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก  เคโตะพยายามทรงตัวยืนด้วยเรี่ยวแรงที่มี  แต่ทุกสิ่งที่มองเห็นผ่านดวงตาก็มืดลงฉับพลัน  เคโตะแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำยามเมื่อเขาทรุดฮวบลงไปนอนกับพื้น  เขามองไม่เห็นอะไรและลมหายใจก็ติดขัดแสนทรมาน  เขารู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งประคองเขาขึ้นไว้ในอ้อมแขนแล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย  อบอุ่นและมีพลัง

    “คุณโอคาโมโตะ  ทำใจดีๆไว้นะครับ  สูดหายใจเข้าลึกๆ  คุณจะต้องไม่เป็นอะไร”

    เคโตะยิ้ม  รู้สึกขอบคุณที่ยังสามารถได้ยินเสียงนั้นได้  ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยของเขาหรืออย่างไรที่ทำให้เคโตะได้ยินเสียงของยูริกลายเป็นเสียงของเรียวสุเกะไปซะได้  “ยามะจัง”  เขาเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

    ยูรินิ่งเงียบ  ไม่ว่าเคโตะจะพูดอะไรเขาจะเป็นคนรับฟังเอง  เพื่อที่จะบอกคำนั้นแก่บุคคลที่เคโตะคิดถึงมาตลอด  เพื่อให้คำพูดที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเคโตะจะได้ไม่สูญเปล่า  เขาจะเป็นคนเก็บรักษามันไว้เอง

    เคโตะหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก  เขาจับมือยูริไว้แน่น รู้สึกทรมานแทบขาดใจ  “ยกโทษให้ผมนะครับยามะจัง”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  “แม้ว่าผมจะอยู่ดูแลคุณตลอดไปไม่ได้  แต่ผมก็รักคุณ  ..... ผมรักคุณนะครับ”

    ยูริใจหายวาบเมื่อเห็นเปลือกตาของเคโตะค่อยๆปิดลงแต่ถึงอย่างนั้นริมฝีปากของเคโตะก็ยังคงมีรอยยิ้มจางๆปรากฏให้เห็น  “คุณโอคาโมโตะครับ!”  ยูริเรียกเสียงดัง  “อย่าเพิ่งหลับนะครับคุณจะไปอย่างนี้ไม่ได้นะ!  ตื่นสิครับ!

     

     

     

    เรียวสุเกะวิ่งลงไปจากที่นั่งผู้ชมไปยังหลังเวที  เข้าเบียดเสียดผู้คนที่กำลังพากันเดินออกจากโรงละคร  เสียงของยูโตะยังดังก้องอยู่ในหัวราวกับคำตัดสินอันโหดร้ายของพญามัจจุราช

     

    ..... เคโตะป่วยหนักมาก  เขาอาจจะไม่รอดก็ได้  นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เขาบอกเลิกกับนาย .....

     

    น้ำตาของเรียวสุเกะไหลพราก  ภาวนาหวังให้ตัวเองเดินให้เร็วกว่านี้  เขาอยากเจอเคโตะก่อนที่มันจะสายเกินไป

     

    ..... วันนี้เจ้านั่นก็มาที่นี่ด้วย  บัตรรอบนี้เขาเป็นคนให้ฉันมาเอง  ทั้งๆที่เขาต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจวันนี้แล้วแท้ๆ  เขาคงกลัวว่าจะไม่มีโอกาสทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายก็ได้  เพราะการผ่าตัดมันเสี่ยงมาก .....

     

    เรียวสุเกะเดินผ่านเหล่านักแสดงและทีมงานไปยังข้างเวทีด้วยความรีบร้อนจนแขนไปชนเข้ากับตู้ที่ทีมงานตั้งไว้เกิดแผลลึก  เขาสบถที่ตัวเองสะเพร่า  เรียวสุเกะยังคงเดินไปตามทางเดินทิ้งรอยเลือดไว้เป็นจุดๆจากบาดแผลของตัวเอง  อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว  อีกนิดเดียวเท่านั้น  เรียวสุเกะภาวนาให้ตัวเองเดินได้เร็วกว่านี้  ขอให้เคโตะอย่าเพิ่งกลับเลยนะ

    “คุณยามาดะ  เรียวสุเกะใช่มั้ยครับ”

    เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เรียวสุเกะจะเดินไปถึงข้างเวที  เขาหันไปสบตากับชายร่างเล็กคนนั้น  “ครับผมเอง”

    “เลือดคุณออกมาก  ทำแผลก่อนดีกว่านะครับ”  ยูริบอกด้วยความหวังดี

    “เคโตะอยู่ที่ไหนครับ”  เรียวสุเกะถาม  น้ำเสียงร้อนรนไม่ปิดบัง  “ผมอยากเจอเขา  เขายังอยู่ที่นี่หรือเปล่า”

    ยูริยิ้มเล็กน้อยแต่สีหน้าเศร้าสร้อยจนเรียวสุเกะสังเกตได้  “คุณโอคาโมโตะถูกส่งตัวกลับโรงพยาบาลไปแล้วครับ”

    เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบลง  “เป็นไปได้ยังไง  ก็เมื่อกี้เขายัง...”

    “อาการเขาทรุดลงกะทันหันครับ”  ยูริบอกด้วยน้ำเสียงสงบ  “ก่อนที่เขาจะหมดสติไป  เขาอาจจะนึกว่าผมเป็นคุณก็ได้  เขาก็เลยพูดออกมาแบบนั้น”

    เรียวสุเกะกัดริมฝีปากแน่น  น้ำตาเอ่อขึ้นเต็มดวงตา  โกรธตัวเองที่มาช้าไป  “เขาพูดอะไรเหรอครับ”

    “เขาบอกว่าเขารักคุณ  และอยากให้คุณยกโทษให้เขาที่อยู่ดูแลคุณตลอดไปไม่ได้”  ยูริยิ้มเศร้าเมื่อสบตากับเรียวสุเกะ  “ผมไม่รู้หรอกว่าการผ่าตัดจะสำเร็จหรือเปล่าแต่ผมเชื่อว่าเขาคงจะรอคุณอยู่  หวังว่าคุณจะไปหาเขาทันนะครับ  เพราะดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว  โอกาสมีน้อยเหลือเกิน”

    เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนขาถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น  รู้สึกโกรธยูริขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ที่เจ้าตัวพูดแบบนั้น  มันจะเป็นไปได้ยังไง  นี่มันวันเกิดของเขานะ  เคโตะจะตายในวันเกิดของตัวเองไม่ได้!  “โกหก!”  เขาตะโกนราวกับเป็นการปลอบตัวเอง  รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับใจจะขาดอยู่รอนๆ  “เขาจะต้องไม่ตาย  เขาจะต้องปลอดภัย!

     

     

     

    -----------------------------------------------------------------------------

    ..... ว่าด้วยเรื่องของดอกซากุระ …..

    ในความจริงนั้น  นอกจากจะเปรียบซากุระว่าหมายถึงการเริ่มต้นแล้ว  ซากุระยังเปรียบได้กับช่วงชีวิตอันแสนสั้นของคนเราที่ทั้งสวยงาม  เปราะบาง  และร่วงหล่นจากต้นได้ง่ายๆ  ซากุระเป็นทั้งสัญลักษณ์ของการเกิดและความไม่ยั่งยืน  ทั้งๆที่เป็นดอกไม้ที่งดงามมากขนาดนั้น  แต่กลับต้องโรยราในระยะเวลาอันแสนสั้น  นั่นแหละทำให้ซากุระกลายเป็นดอกไม้ที่มีค่ายิ่งกว่าดอกไม้อื่นใด

    การใช้ชีวิตแบบซากุระ  คือการผลิบานออกมาอย่างงดงามให้สมกับการรอคอย  ดำรงชีวิตราวกับซากุระบนต้น  และร่วงหล่นลงไป  เหลือไว้ให้เหมือนความทรงจำที่มีต่อซากุระ  ดอกไม้ที่มีค่าคือดอกไม้ที่ไม่เกรงกลัวต่อการร่วงหล่น  ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ไม่เกรงกลัวต่อความไม่ยั่งยืน  แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรการเปลี่ยนแปลงจะมาถึง  ก็เพราะไม่รู้นั่นแหละ  พอมันเกิดขึ้นจริงๆถึงได้รู้สึกเสียใจ  แต่ถึงจะรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น  ก็รับปากไม่ได้หรอกว่าจะทำให้ความเสียใจลดลง  มนุษย์นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากเสียจริงๆ

    -----------------------------------------------------------------------------

     

     

     

    1 ปีต่อมา

    วันที่ 1 เมษายน     เวลา 10:20  น.

    ซากุระโปรยปรายท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสดชื่นแจ่มใส  ต้นเดือนเมษายนเวียนวนมาอีกครั้ง  ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอันเปรียบเสมือนการเริ่มชีวิตใหม่  เริ่มต้นทำในสิ่งใหม่ๆ  ทิ้งความเจ็บช้ำในอดีตให้กลายเป็นเพียงบทเรียนอันล้ำค่า

    เรียวสุเกะในชุดยูกาตะสีขาวลายดอกซากุระก้มลงกราบพระพุทธรูปในวัดตามธรรมเนียมปฏิบัติ  เขาหลับตาลง  อธิฐานขอพรในใจ  วัดในแถบชนบทที่บรรยากาศสงบเงียบทำให้จิตเขานิ่งและรู้สึกสงบราวกับน้ำนิ่งในบ่อน้ำ  เรียวสุเกะค่อยๆลืมตาขึ้น  เขากราบพระพุทธรูปอีกครั้งแล้วเดินออกจากที่ประดิษฐานพระพุทธรูปใหญ่ไปสู่บริเวณลานโล่งของวัด

    สายลมพัดพากลีบซากุระสีขาวเปราะบางผ่านตัวเขา  กลีบเล็กๆนั้นสัมผัสกับแก้มของเขาอย่างอ่อนโยนราวกับสัมผัสของคนรัก  เรียวสุเกะยิ้ม  สัมผัสที่ติดตรึงในใจทำให้ภาพของเคโตะปรากฏชัดในความรู้สึก  วันนี้เป็นวันเกิดของเคโตะ  เรียวสุเกะอยากจะขอพรให้เคโตะมีความสุข  อยากให้เคโตะมีรอยยิ้มที่สดใสแบบนี้ตลอดไป

    เรียวสุเกะเดินตรงไปยังม้านั่งใต้ต้นซากุระใหญ่ในบริเวณวัด  เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า  ดอกซากุระบนต้นสะท้อนแสงแดดอ่อนโยน  เสียงธารน้ำไหลจากสวนเซนใกล้ๆยิ่งทำให้ธรรมชาติตรงหน้าฟังดูคล้ายเสียงขลุ่ยจากเทพเจ้าผู้คุ้มครอง

    “ทำอะไรอยู่เหรอครับยามะจัง”

    เรียวสุเกะละสายตาจากภาพตรงหน้าหันไปมองทางต้นเสียงที่เอ่ยทัก  “ดอกซากุระสวยจัง”  เขาพูดแล้วยิ้มให้กับคนรักที่อยู่ในชุดยูกาตะสีน้ำเงินลายเมฆขาว

    “ใช่ครับ  สวยเหมือนคุณเลย”  เคโตะพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  เขานั่งลงเคียงข้างคนรัก

    “ปากหวานจังนะ”  เรียวสุเกะหัวเราะ  “ฉันดีใจที่นายมีความสุขนะเคโตะ  ขอบคุณที่วันนั้นการผ่าตัดสำเร็จได้ด้วยดี”

    เคโตะวางมือขวาทาบทับไว้บริเวณหัวใจของตัวเอง  “ผมรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลยล่ะ”  เขายิ้ม  เคโตะวางมือลงแล้วหันไปสบตากับคนรัก  “หัวใจดวงใหม่ทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าวันเกิดของผมมีสิ่งสวยงามมากขนาดนี้  ทั้งดอกซากุระ  รวมทั้งคุณด้วยครับยามะจัง”

    เรียวสุเกะยิ้มแล้วหลบสายตาคนรักอย่างเขินอาย  สายลมอันหนาวเย็นพัดมาวูบหนึ่ง  โปรยกลีบซากุระที่ถึงเวลาหลุดร่วง  ลอยละลิ่วลงไปยังบริเวณโดยรอบ  เคโตะเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเรียวสุเกะไว้

    “ซากุระ  จะมีค่าและงดงามที่สุดก็ตอนที่มันกำลังร่วง”  เคโตะพูดขึ้น

    เรียวสุเกะหันไปสบตากับคนรักแล้วยิ้มให้  “ไม่หรอกเคโตะ  ซากุระยังไงก็คือซากุระ  แม้จะเป็นตอนที่ผลิบาน  ตอนที่มันยังอยู่บนต้น  หรือแม้แต่ตอนที่มันร่วงหล่น  ไม่ว่าเวลาไหนซากุระก็มีค่าและงดงามที่สุดในสภาวะของมัน”

    เคโตะหัวเราะกับคำพูดยาวเฟื้อยของเรียวสุเกะ  “คุณนี่พูดเหมือนกับนักปราชญ์มากขึ้นทุกวันเลยนะ”

    เรียวสุเกะร่วมหัวเราะไปด้วยสีหน้าอิ่มสุข  “ฉันถือว่านั่นเป็นคำชมนะเคโตะ”

    “วันนี้วันเกิดผมนะครับยามะจัง”  เคโตะพูดขึ้น

    “ก็ใช่  แล้วทำไมล่ะ  อยากให้ฉันอวยพรวันเกิดให้หรือไง”

    เคโตะส่ายหน้า  “เปล่าหรอกครับ  แต่วันนี้วันเกิดของผม  ผมมีอะไรจะให้คุณด้วยล่ะ”

    “นี่  พูดอะไรผิดหรือเปล่า  วันเกิดของนาย  ฉันก็ต้องเป็นคนให้ของขวัญสิ”

    “ไม่มีใครตั้งกฎไว้นี่ว่าเจ้าของวันเกิดจะให้ของขวัญคนอื่นไม่ได้”  เคโตะพูดแล้วหยิบกล่องของขวัญใบเล็กๆใบหนึ่งออกมาจากยูกาตะ  ไม่รู้ว่าเขาซ่อนมันไปได้ยังไง  เขายื่นให้เรียวสุเกะ  “ของขวัญจากเจ้าของวันเกิดครับยามะจัง”

    เรียวสุเกะอมยิ้มกับเซอร์ไพรส์น่ารักของเคโตะ  เขารับของขวัญนั้นมาแล้วแกะห่อออกอย่างประณีต

     

     

     

    เรียวสุเกะวางเปียโนจำลองขนาดเท่าฝ่ามือไว้บนโต๊ะแล้วหันไปสบตากับคนรัก  “สวยจัง  ขอบคุณมากนะเคโตะ”

    เคโตะยิ้ม  “ผมดีใจที่คุณชอบนะครับยามะจัง”

    เรียวสุเกะสังเกตเปียโนจำลองอย่างละเอียดถี่ถ้วน  “มีโน้ตเพลงด้วยเหรอ  นี่มันเพลง...”  เขาเงยหน้าขึ้นมองคนรักอีกครั้งแล้วยิ้มให้ด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง  “ขอบคุณนะ”

    เคโตะไม่พูดอะไร  เขาหยิบเปียโนจำลองนั้นขึ้นมาแล้วหมุนไปสองสามรอบก่อนจะวางกลับไปที่เดิม  เปียโนเริ่มหมุนอย่างช้าๆพร้อมเพลง  ความทรงจำวันซากุระโปรย’  ดังออกมาจากเปียโนจำลองตัวนั้น  แท้จริงแล้วเปียโนจำลองเป็นกล่องดนตรีที่ทำขึ้นแบบพิเศษสำหรับคนพิเศษ  “ผมตั้งใจจะมอบเพลงนี้ให้กับคุณ  เพราะคุณคือคนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม  คุณเป็นดอกซากุระที่มีค่าของผมนะครับ”

    “แต่ว่า... มันเป็นเพลงเศร้านะ”

    เคโตะส่ายหน้า  “เปล่าหรอกครับมันไม่ใช่เพลงเศร้า  ซากุระเป็นตัวแทนของความรักที่เป็นอมตะ  เมื่อเราเจอกับคนที่เรารักก็เป็นเหมือนเวลาที่ดอกซากุระผลิบาน  ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีชมพูและสวยงามไปหมด  จนเมื่อถึงวันที่ซากุระร่วงหล่น  แม้ไม่ได้พบเห็นหรือสัมผัสแตะต้อง  แต่เราก็ยังระลึกอยู่เสมอว่าซากุระมันสวยงาม  ก็เหมือนกับความรัก  ที่ถึงแม้จะเป็นวันที่เราเจอกัน  อยู่ด้วยกัน  หรือไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม  ความรักก็จะไม่เปลี่ยนแปลง  นี่ต่างหากคือความหมายของบทเพลง”

    เรียวสุเกะหัวเราะเล็กน้อยเพื่อซ่อนความอายของตัวเอง  “โรแมนติกนะ”  เขาหันไปสบตากับเคโตะแล้วยิ้มให้ด้วยความรักจากหัวใจ  “สุขสันต์วันเกิดนะเคโตะ  นายจะเป็นซากุระในหัวใจของฉันตลอดไป”

    เคโตะยิ้ม  เขาหยิบดอกซากุระดอกหนึ่งขึ้นไปปักไว้บนผมของเรียวสุเกะแล้วก้มลงจูบหน้าผากของคนรักอย่างอ่อนโยน  “ในวันเกิดของผมปีนี้ผมได้ของขวัญที่มีค่าที่สุดแล้วล่ะ  ดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในโลกอยู่ตรงหน้าผมแล้วนี่ไง”

     

    ------------------------------------------------------------ The End ------------------------------------------------------------

     

    1 เมษายน 2013  สุขสันต์วันเกิดอายุครบ 20 ปีนะคะเคโตะคุง  ในที่สุดก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว

    ขอให้พยายามในสิ่งที่ทำต่อไปให้เต็มที่และมีรอยยิ้มสดใสแบบนี้อยู่เสมอ

    คุณเองก็จะเป็นซากุระในใจของพวกเราตลอดไปเหมือนกัน  ^__^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×