คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 36
ตอนที่ 36
ในร้านโอคายะสาขาที่สามที่ลูกค้าบางตาลงไปมากแล้ว
เคพับกระดาษแผ่นน้อยนั้นใส่ซองจดหมายที่เขียนบนซองว่า ‘ใบลาออก’ เขาวางมันลงตรงเคาน์เตอร์ เฝ้ามองมันด้วยความรู้สึกมั่นคงที่เสแสร้งขึ้น นี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ไดกิเดินมายืนข้างๆเขาราวกับต้องการให้กำลังใจ เคหันไปสบตากับคนรักครู่หนึ่งก่อนจะหลบตา “ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับไดจัง ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
ไดกิยิ้มก่อนจะวางซองสีขาวที่เขียนหน้าซองเหมือนกันไว้ที่ข้างซองของเค “ฉันเองก็มีส่วนผิด ฉันจะไม่ให้นายรับผิดชอบคนเดียวหรอก” เขาบอก
เคหันมามองคนรักด้วยความตกใจ “ทำไมต้องทำแบบนี้ครับไดจัง คุณไม่ได้ผิดอะไร ผมผิดเองที่ไม่ดูแลน้องสาวให้ดีจนเธอไปก่อเรื่องวุ่นไว้แบบนั้น ผมจะรับผิดชอบกับการกระทำของเธอเองครับ”
“นายเห็นว่าฉันเป็นอะไร” ไดกิตวัดสายตามองด้วยความโกรธเล็กๆในห้วงความรู้สึก “น้องสาวของนายก็เหมือนน้องสาวของฉัน เราสองคนเป็นอะไรกันนายลืมไปแล้วหรือไง ฉันรักนายนะอิโน่จัง นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้คนที่ตัวเองรักต้องไปลำบากคนเดียวได้เหรอ?”
“ผมก็รักคุณนะไดจัง เพราะงั้นผมเองก็ไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมาลำบากเพราะผมด้วยเหมือนกัน ได้โปรดเข้าใจเถอะนะครับ”
“ฉันพร้อม” ไดกิตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ฉันพร้อมเสมอไม่ว่านายจะพาฉันไปที่ไหน ถ้านายไม่อยู่ที่นี่ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไรเหมือนกัน ฉันคงเผชิญหน้ากับผู้จัดการและคุณยามาดะไม่ได้หรอกถ้าไม่มีนายอยู่ด้วย ฉันกลัว”
เคถอนหายใจอย่างคิดหนัก รู้สึกผิดเหลือเกินที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไดกิต้องลำบากอีกแล้ว เขาช่างเป็นคนรักที่แย่อะไรอย่างนี้นะ “แต่ว่าผม...” เขาหยุดพูดไปเพื่อเรียบเรียงทุกสิ่ง “ผมไม่อยากให้คุณลำบากอีก คุณก็รู้ว่างานมันหายากแค่ไหน ถ้าคุณออกจากที่นี่แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของคุณล่ะครับไดจัง ผมน่ะไม่เป็นไร แต่พ่อแม่ของคุณล่ะ คุณทิ้งพวกเขาได้เหรอ”
ไดกินิ่งไปสักพักอย่างรู้สึกผิดแล้วพูดในสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาสะท้าน “นายจะทิ้งฉันไว้ที่นี่จริงๆน่ะเหรอ?” ไดกิกัดริมฝีปากไว้แน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่พาลจะไหล
เคดึงคนรักเข้ามาสวมกอดไว้ “คุณต้องเข้มแข็งนะไดจัง ผมจะไม่ทิ้งคุณ ผมรักคุณนะครับ ผมอยากให้คุณอดทนอีกหน่อย รอผมหน่อยนะไดจัง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่มันก็ไม่อาจปกปิดความร้อนรนที่เจือออกมาได้ ไดกิยืนนิ่ง เขารู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย การที่ไม่มีเคอยู่ด้วยคงทำให้บรรยากาศเงียบเหงาพิลึก แค่คิดก็ทำให้หวั่นใจแล้ว “ไดจังครับ” เคเรียกพร้อมคลายอ้อมกอดออกหันมาสบตากับคนรัก “คุณต้องอยู่ที่นี่ต่อ เชื่อผมนะครับ”
ไดกิจับมือคนรักไว้แน่น แม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกหวั่นไหว ไม่มั่นคงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สำหรับเคแล้วมันหนักหนากว่าเขามากนัก เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าทำผิดไป แทนที่จะมาร้องไห้คร่ำครวญให้เคต้องลำบาก เขาควรจะให้กำลังใจคนรักสิถึงจะถูก นั่นเป็นสิ่งที่เขาควรทำไม่ใช่เหรอ? แม้ในใจจะไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนั้นสักเท่าไรแต่ไดกิก็ยังคงยิ้มและกล่าวออกไปเพื่อให้กำลังใจแก่บุคคลเบื้องหน้า “ก็ได้ แต่นายต้องกลับมาหาฉันนะ แล้วฉันจะรอ”
เคยิ้มพร้อมความเศร้าที่แฝงออกมาอย่างชัดเจน เขากอดไดกิไว้แน่นราวกับจะไม่ได้เจอกันอีกนาน “ขอบคุณครับ”
ค่ำคืนในโรงพยาบาลที่โอบล้อมไว้ด้วยความเงียบสงัดและวังเวง เคโตะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พระจันทร์เพียงครึ่งดวงลอยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่ดาวนับพันที่รายล้อม ความคิดไหลเรื่อยเอื่อยไปดั่งกระแสลมที่พัดอย่างเชื่องช้าพาหวนให้คิดถึงความหลัง เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้เขานึกถึงเด็กคนหนึ่ง เด็กที่เอาแต่ใจตัวเองจนติดเป็นนิสัย เด็กที่พ่อแม่ตามใจจนเคยตัว เด็กคนที่พอไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่ร้องไห้งอแง เคโตะยิ้มบางๆกับความคิดของตัวเอง เขาคือเด็กคนนั้นใช่หรือเปล่านะ?
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมยูโตะที่เดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มที่ใช้เป็นชุดนอนของเขา เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขาและพ่อต้องผลัดกันมานอนเฝ้าเคโตะที่โรงพยาบาลแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเขามากกว่าเพราะเคนอิจิมีงานที่ต้องทำอยู่อีกมาก พี่ชายอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด สีหน้าของเคโตะดูสดใสขึ้นและยิ้มมากกว่าเมื่อก่อน และที่สำคัญ พี่ชายไม่พูดตะคอกกับเขาเหมือนเดิมแล้ว
“พี่ชายยังไม่นอนเหรอครับ” ยูโตะถามเมื่อเห็นว่าเคโตะยังไม่พักผ่อนตามเวลาอีก “พี่ชายต้องพักผ่อนเยอะๆนะครับ ถ้าพรุ่งนี้หมอมาตรวจแล้วไม่อาการไม่ดีขึ้นพี่ก็อดกลับบ้านนะรู้มั้ย” เขาพูดราวกับว่าเคโตะเป็นด็กเล็กๆคนหนึ่ง ยูโตะเดินเข้าไปหวังจะช่วยประคองพี่ชายให้นอนลงแต่เคโตะก็ปัดมือเขาออกเบาๆ ยูโตะหน้ามุ่ยอย่างแสร้งทำ “แผลยังไม่หายดีก็อย่าดื้อสิครับพี่ชาย ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณพ่อว่าพี่ไม่ยอมพักผ่อนนะ”
เคโตะมองหน้าน้องชายชั่วครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาไปทางพระจันทร์สวยที่ส่องแสงสว่างนุ่มนวล “นายว่าตอนนี้ริวทาโร่จะเป็นยังไงบ้าง”
ยูโตะยิ้ม ที่แท้ก็คิดถึงคนรักนี่เอง เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของเคโตะ “เจ้านั่นไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ชายต่างหากเป็นยังไงบ้าง” เขายิ้มเมื่อเห็นพี่ชายเงียบไปอีก “ขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ยครับ พี่ชายโกรธเขาหรือเปล่า?”
เคโตะหันมาสบตากับน้องชายก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ “ไม่มีอะไรที่ต้องโกรธนี่”
ยูโตะยังไม่คลายรอยยิ้มจากใบหน้าของเขา พี่ชายนี่นะ เหมือนเด็กจริงๆเลย แต่นี่แหละคือส่วนที่น่ารักภายใต้ความแข็งกระด้างและเย็นชาของเขา พี่ชายมักจะมีความรักที่บริสุทธิ์ใจเสมอ “เจ้าเพื่อนบ้านั่น จะไปก็ไม่บอกกันสักคำแถมยังตั้งใจมาบอกเฉพาะพี่คนเดียวอีก ไม่เห็นหัวเพื่อนคนนี้บ้างหรือยังไงกันนะ” เขาแกล้งบ่นเผื่อจะทำให้เคโตะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว
เคโตะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร ยูโตะมองไปยังโต๊ะหัวเตียงที่มีซองสีขาววางอยู่จดหมายลาออกของเคที่เอามาให้เคโตะเมื่อวานแต่พี่ชายยังไม่ได้เปิดอ่านมัน เคโตะกังวลเรื่องนี้อยู่ใช่หรือเปล่านะ?
“พี่จะเอายังไงกับพนักงานคนนี้ครับ พี่จะอนุมัติให้เขาลาออกหรือเปล่า” ยูโตะถาม เขาคิดว่าเรื่องที่เคโตะกังวลมันมีมากกว่าแค่เรื่องของริวทาโร่อีก แม้เคจะเป็นพนักงานที่ขี้เกียจไปเสียหน่อยแต่ก็เป็นพนักงานที่คุณภาพคนหนึ่งแต่กลับมายื่นใบลาออกแบบนี้ ถ้าเป็นเขาคงไม่มีทางอนุมัติแน่นอน ส่วนเหตุผลที่เคมายื่นใบลาออกน่ะเหรอ ก็น้องสาวตัวเองไปทำแสบไว้ขนาดนั้นนี่นา
“ความจริงเขาไม่ควรมารับผิดชอบแทนน้องของตัวเองเลย” เคโตะพูดโดยไม่เจาะจงว่าใครจะฟังคล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง เขาหันไปสบตากับน้องชาย “นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงล่ะ”
ยูโตะนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา “ก็แล้วแต่พี่ชายเถอะครับ ยังไงเขาก็เป็นคนของพี่ ผมรู้ว่าพี่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง” เขาลุกขึ้นไปยืนข้างๆเคโตะเพื่อช่วยประคองพี่ชายให้นอนลงแม้จะรู้ดีว่าเคโตะแข็งแรงพอที่จะช่วยตัวเองได้แล้วก็ตาม
เคโตะเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่ายโดยไม่ทันที่ยูโตะจะได้ช่วยอะไร แต่ก่อนที่หัวจะถึงหมอน สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนข้างต้นไม้ด้านล่างนั่น เคโตะลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจเขามองออกไปยังที่ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เขาหอบหายใจเล็กน้อยจากอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
ยูโตะตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นปุบปับของเคโตะ สีหน้าของพี่ชายดูตื่นตระหนกราวกับเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวหรือสิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง “พี่ชายเป็นอะไรครับ พี่เห็นอะไรเหรอ” เขาถามพร้อมมองไปยังที่ที่เคโตะโฟกัสสายตาอยู่ด้วยหัวใจสั่นสะท้านเล็กๆ ก็นี่มันโรงพยาบาลนี่นา คิดเหรอว่าเขาจะไม่กลัวอะไรพรรค์นั้น
เคโตะละสายตาจากสิ่งตรงหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมหัวใจที่เต้นดังไม่หยุด “ไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบ
แม้จะยังสงสัยแต่ในเมื่อพี่ชายยืนยันว่าไม่มีอะไรเขาก็ไม่คิดจะถามต่อ ยูโตะเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาห่มให้พี่ชายก่อนจะเดินไปปิดไฟ ห้องทั้งห้องมืดสนิท ยูโตะเดินไปนอนบนเตียงสำหรับญาติและหลับไปแทบจะในทันทีด้วยความอ่อนเพลีย
เคโตะเฝ้ามองฝ้าเพดานสีดำสนิทอยู่นาน ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบทันทีที่ปิดไฟ ลมหายใจของยูโตะเป็นจังหวะสม่ำเสมอแสดงว่าน้องชายได้หลับไปแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปยังต้นไม้ข้างล่างอีกครั้ง สิ่งที่เห็นนั่นจะเป็นจริงหรือเปล่านะ หรือเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดไปเองเพราะเขาเห็นเพียงแค่แป๊ปเดียว บางทีอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้ แม่เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?
“ขอบคุณมากจ้ะ โคตะคุง” คัทสึเอะวางหูจากบทสนทนาในโทรศัพท์ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบางๆเมื่อได้ทราบข่าวลูกชาย แค่รู้ว่าเขาปลอดภัยก็ดีแล้ว ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลที่เคโตะนอนอยู่ ทุกความเป็นไปของลูกชายถูกส่งมาถึงเธอผ่านโคตะ และเป็นอีกครั้งแล้วที่ความขี้ขลาดของเธอทำให้ไม่กล้าไปพบหน้าลูกชาย “ขอโทษนะ เคโตะ” เธอพึมพำคนเดียวราวกับลูกชายจะได้ยิน
เธอคิดว่าสมควรที่จะกลับบ้านได้แล้วหลังจากที่อยู่เฝ้าเคโตะข้างนอกมาหลายวัน ทั้งวันและแทบจะทั้งคืน เธอจะมาหาลูกชายของเธอตั้งแต่เช้าและจะยังไม่กลับโรงแรมจนกว่าห้องของเคโตะจะปิดไฟ เมื่อคืนนี้ก็เป็นโชคดีอีกวันที่เธอเห็นเคโตะบริเวณหน้าต่างห้องพักของเขา ลูกชายเธอดูสดใสขึ้นมาก สิบปีที่ไม่ได้เจอกันพอได้พบกันอีกครั้งเธอก็อยากจะใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด แม้สิ่งนี้จะมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากมันก็ตาม
คัทสึเอะเฝ้านึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอช่างเป็นแม่ที่ขี้ขลาดและโง่เขลาเสียจริงๆ น่าเสียดายที่สายสัมพันธ์ของแม่กับลูกคงถึงเวลาที่จะขาดออกจากกันแล้ว มันสิ้นสุดลงเพราะตัวเธอเอง แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่ถึงอย่างไรก็อดที่จะใจหายไม่ได้ เคโตะจะไม่ใช่ลูกของเธออีกต่อไปแล้ว ..… จริงๆน่ะหรือ? ไม่อยากจะเชื่อเลย
ใบหน้าของคัทสึเอะยังคงแย้มยิ้มแม้น้ำตาจะอาบไหลลงมาเต็มสองแก้ม “ลาก่อนนะเคโตะ ขอให้ลูกของแม่มีความสุข” เธอมองขึ้นไปยังห้องพักของลูกชายอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากมา ถึงเวลาที่เธอจะกลับโอซาก้าที่เป็นบ้านเพียงแห่งเดียวของเธอในตอนนี้แล้ว
อีกซีกโลกหนึ่งทางทิศตะวันตก
ริวทาโร่อ่านเมลล์ฉบับนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับจะซึมซับความจริงนั้นไว้ให้ดีที่สุด
......... เคโตะปลอดภัยแล้วนะ วันนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ..........
มันเป็นเมลล์ที่ยูริส่งมาถึงเขา ริวทาโร่ลุกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เดินไปยังหน้าต่างห้องพักพลางเฝ้ามองกรุงปารีสทั้งเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เมืองที่สวยงามและผู้คนที่เต็มไปด้วยความรัก เขาเองก็มีความรักหากแต่คนที่เขารักนั้นอยู่ในที่ที่ไกลเกินกว่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ในตอนนี้ เพียงมาอยู่แค่ไม่กี่วันความรู้สึกคิดถึงเคโตะก็ท่วมท้นในหัวใจ เคโตะจะคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงหรือเปล่านะ?
ยูโตะค่อยๆประคองพี่ชายให้ลงมาจากเตียงแต่เคโตะกลับปัดมือน้องชายออกเบาๆ “ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เขาพูดก่อนจะลงมาจากเตียงด้วยตัวเอง สองเท้าหยั่งลงบนพื้นพร้อมสวมรองเท้าแตะที่ครอบครัวเตรียมไว้ให้ ชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นระดับเข่าที่สวมอยู่ทำให้เขาดูผ่อนคลายมากขึ้นในตอนนี้ แม้ใบหน้าจะไม่ค่อยยิ้มมากนักแต่ภายในใจเขาก็กำลังถูกสมานให้ดีขึ้นด้วยความรักจากคนรอบข้าง
“คุณแม่เตรียมของโปรดของพี่ชายไว้ให้เพียบเลยนะครับ” ยูโตะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ทุกคนในครอบครัวรวมทั้งยูริ ยูยะ หรือแม้แต่โคตะและฮิคารุที่เดินทางมาติดต่องานที่คั่งค้างก็อยู่กันครบเพื่อมารับเขากลับบ้าน ยกเว้นเพียงยูมิโกะกับเรียวสุเกะเท่านั้นที่คอยเตรียมสถานที่ไว้ให้เมื่อพวกเขาไปถึง ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เมื่อรู้ว่าเขาออกจากโรงพยาบาลได้ แต่การที่คนมากันเยอะแยะแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่ก็รู้สึกขอบคุณในความห่วงใยของทุกคน น่าเสียดายที่แม่เขากับริวทาโร่ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย คิดถึงแม่จัง
“ดีใจมั้ยลูกจะได้กลับบ้านแล้ว” เคนอิจิพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม นานแค่ไหนแล้วนะที่เคโตะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากพ่อมากขนาดนี้ แต่มันก็ดีแล้วล่ะ อย่าน้อยช่วงเวลาสั้นๆที่อยู่โรงพยาบาลก็ทำให้พ่อลูกได้มีเวลาดูแลสายสัมพันธ์ของกันและกัน ไม่ใช่เพียงแค่เขากับพ่อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์กับน้องชายของเขาด้วย
เคโตะยิ้มบางๆตอบกลับไป รู้สึกขัดเขินขึ้นมาเพราะไม่ได้ทำมานานมากแล้ว แต่แค่นั้นแหละที่คนเป็นพ่อต้องการ เพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้น
ก่อนที่ทุกคนจะได้เดินออกจากห้อง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกช้าๆ ใครบางคนที่เข้ามานั้นทำให้ทุกคนได้แต่ตกตะลึงกับความใจกล้าของเจ้าหล่อน มิกิเดินเข้ามาก่อนจะโค้งให้ทุกคน
“เธอมาทำอะไรที่นี่” ยูริถามออกไปด้วยความโกรธ เพียงแค่เห็นหน้ามิกิเท่านั้นก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์แล้ว
มิกิสบตาเคโตะอยู่ชั่วครู่ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาอย่างช้าๆ “ฉันมาขอโทษค่ะ” หล่อนตอบ
“คิดว่าแค่ขอโทษแล้วเรื่องทุกอย่างมันจะจบเหรอ?” ยูริยังไม่เลิกจิกจนยูยะต้องมาโอบไหล่คนตัวเล็กไว้เพื่อบรรเทาอารมณ์โกรธ
“ไม่เอาน่ายูริจัง” ยูยะปราม ยูริทำอะไรไม่ได้ได้แต่มองค้อนไปด้วยท่าทีโกรธขึ้ง
มิกิไม่ได้ใส่ใจอารมณ์โกรธของยูริมากนัก หล่อนคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้ มิกิโค้งให้เคโตะอย่างนอบน้อม “ฉันมาขอโทษค่ะ” เธอพูดเสียงดังฟังชัดก่อนจะยืดตัวขึ้น “ฉันไม่คิดว่าคำขอโทษของฉันจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้และฉันก็ไม่ได้หวังว่าพวกคุณจะยกโทษให้ฉันด้วย เพียงแต่ฉันมาที่นี่เพื่อขอร้องคุณ พี่ชายฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่ฉันทำ กรุณาอย่าไล่เขาออกนะคะ”
เคโตะมองหล่อนอยู่ชั่วครู่พลางทบทวนความคิด แววตาเฉยชานั้นทำให้คาดเดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาหันไปสบตากับน้องชาย “กลับกันเถอะ” เขาพูดเบาๆโดยไม่สนใจคนตรงหน้าก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู
มิกิวิ่งมาขวางทางเขาไว้แล้วคุกเข่าลงกับพื้น “คุณโอคาโมโตะได้โปรดเถอะค่ะ อย่าไล่พี่เคออกเลยนะคะ พี่เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
เคโตะตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แค่นี้ใช่มั้ยที่อยากพูด ฉันจะได้กลับสักที”
“ได้โปรดเถอะค่ะ” หล่อนยังไม่ละความพยายาม “จะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันยินดีจะไปจากที่นี่ถ้าทุกคนต้องการ แต่ได้โปรดอย่าไล่พี่เคออกนะคะ เขารักงานที่นั่นมาก ฉันไม่อยากให้พี่ต้องเสียใจ”
“เธอพล่ามอะไรของเธอ” เคโตะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้าง “เรื่องของเธอฉันไม่ยกโทษให้ ส่วนเรื่องของพี่ชายของเธอ เธออย่าขอร้องให้มันเสียเวลาเลย ทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลง”
มิกิน้ำตาไหล รู้สึกใจหายวาบขึ้นมา “คุณโอคาโมโตะ พี่เคเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ เขา.....”
“ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดไงถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” เคโตะพูดขัด “อิโนะโอะจะยังคงเป็นพนักงานของโอคายะต่อไป ส่วนเรื่องของเธอ จนกว่าริวทาโร่จะกลับมาฉันคงยกโทษให้เธอไม่ได้” เขาหยุดไปสักพักก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความเด็ดขาดไว้ “บอกอิโนะโอะด้วย เรื่องใบลาออกที่เอามาให้ฉันเมื่อวันก่อน ฉันฉีกมันทิ้งแล้ว บอกให้เขากลับมาทำงานเหมือนเดิม” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมทุกคนที่เดินตามออกมา
ภายในห้องพักวีไอพีนั้นจึงเหลือเพียงแค่มิกิอยู่คนเดียว หล่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้าไปทางประตูที่เคโตะเพิ่งจะเดินออกไปเมื่อสักครู่ก่อนจะโค้งตัวลงต่ำ “ขอบคุณค่ะ” หล่อนพูดเบาๆ แม้เคโตะจะไม่ยกโทษให้เรื่องของหล่อน แต่ขอแค่พี่ชายได้ทำงานที่เขารักเหมือนเดิมแค่นี้ก็พอแล้ว หล่อนตัดสินใจที่จะทำตัวให้ดีขึ้นเพื่อพี่ชาย ไม่รู้หรอกว่าทุกคนจะให้โอกาสหล่อนอีกสักครั้งไหม แต่สิ่งนี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเหมือนกัน แม้มันจะล้มเหลวแต่ก็ยังดีกว่าการที่หล่อนไม่ได้ทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษเลย
มิกิโค้งไปทางประตูอีกครั้ง “คุณโอคาโมโตะ ขอบคุณมากค่ะ”
รถคันใหญ่ที่ยูโตะเป็นคนขับแล่นเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านโอคาโมโตะตามด้วยรถของยูยะที่มียูรินั่งคู่มาด้วย และรถของโคตะที่แน่นอนว่าฮิคารุต้องตามมาด้วยอีกคน
เคโตะลงจากรถพลางมองทุกคนด้วยความรู้สึกขันนิดๆ เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “ผมไม่ใช่เจ้าชายนะครับที่จะไปไหนก็มีคนตามไปเป็นขบวนแบบนี้”
เคนอิจิเฝ้ามองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเคโตะด้วยความสุข นานแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้ แผลในใจของเคโตะถูกสมานเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ เขาหันไปสบตากับยูโตะ แววตาของลูกชายคนเล็กบ่งบอกว่ากำลังคิดแบบเดียวกับเขา ในที่สุดเคโตะก็กลับมาเป็นคนเดิม
บรรยากาศของงานเลี้ยงต้อนรับการกลับบ้านของเคโตะเป็นไปอย่างครึกครื้นสนุกสนาน เคโตะขอตัวไปนอนแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่หัวค่ำเท่านั้นแต่บรรยากาศงานเลี้ยงก็ยังดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
ภายในห้องนอนใหญ่ของเคโตะดูเงียบงันแม้เสียงพูดคุยในงานเลี้ยงจะดังขึ้นมาบ้างเล็กน้อยก็ตาม เคโตะเฝ้าคิดทบทวนเหตุการณ์ในวันก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล ผู้หญิงคนนั้นจะใช่แม่เขาหรือเปล่า? เขาไม่ได้บอกใครในเรื่องนี้ ทุกคนสู้อุตส่าห์ดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี ถ้าทุกคนรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขายังคงคิดถึงแม่อยู่ตลอด พวกเขาก็คงจะเสียใจน่าดู
ความจริงแม้จะโดนคัทสึเอะไล่กลับมาแบบนั้นแต่เคโตะกลับไม่รู้สึกโกรธแม่ของเขาเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเชื่อด้วยหัวใจว่าแม่ยังรักเขาอยู่ แววตาของแม่แม้แต่ตอนที่ไล่เขากลับมาไม่ใช่แววตาแห่งความเกลียดชัง แต่มันคือแววตาแห่งความรักที่ถูกแทนที่ด้วยความเสียใจก็เท่านั้น แม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างหนอในตอนนี้ คิดถึงแม่จริงๆ
เคโตะปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังมิทันที่นิทราจะมาเยือน ประตูก็ค่อยๆเปิดออกพร้อมยูโตะที่เดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ “พี่ชายหลับหรือยังครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ยัง” เคโตะตอบเบาๆแล้วลุกขึ้นมามองหน้าน้องชายผ่านความมืด “มีอะไรหรือเปล่า” เขาถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะมาดูว่าพี่ชายหลับแล้วหรือยังเท่านั้นเอง” ยูโตะตอบ “ถ้างั้นไม่รบกวนพี่ชายแล้วนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับพี่” เขาพูดแล้วเดินออกไปจากห้องก่อนจะปิดประตูตามหลัง
เคโตะมองบานประตูอยู่ชั่วครู่ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งพลางคิดถึงคนรักที่อยู่ห่างไกลเขาในตอนนี้ เคโตะหยิบเครื่องรางชิ้นนั้นขึ้นมาประคองในมืออย่างทะนุถนอม “ฉันคิดถึงนายริวทาโร่ อยู่ที่นั่นสบายดีหรือเปล่า ฉันเป็นห่วงนะ” เขายิ้มกับคำพูดที่พูดอยู่คนเดียวนั่นก่อนจะวางเครื่องรางนั้นลงในกล่องเล็กๆอย่างดีที่เขาใช้เป็นที่เก็บ เคโตะหลับตาลงแล้วปล่อยตัวเองให้เข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา
ริวทาโร่วางมือจากปากกาที่เขียนอยู่ งานแปลเอกสารมากมายที่ทำมาทั้งเช้าทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที เขาดื่มน้ำเปล่าเล็กน้อยพอดับกระหายแล้วมองออกไปทางหน้าต่าง แสงแดดอบอุ่นส่องลอดเข้ามา บรรยากาศสดใสดีจัง เขาหลับตาลงพลางคิดถึงคนรักที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง เขาสูดหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อซึมซับความคิดถึงที่มากล้นในหัวใจก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆแล้วพูดกับแสงแดดอ่อนโยนที่ส่องเข้ามานั่น หวังลมๆแล้งๆว่ามันจะส่งผ่านไปถึงคนที่เขารักได้ “ผมคิดถึงพี่ หลับฝันดีนะครับพี่เคโตะ”
--------------------------------------------------
แต่งไปแต่งมา เอ๊ะ! นาคายาม่าหายไปไหน? ฮ่าๆๆๆๆๆๆ << เข้าปีใหม่อิไรเตอร์ป่วงกว่าเดิม
รอต่อไป นาคายาม่า ^__^
ความคิดเห็น