ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 36

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 214
      0
      5 ม.ค. 56

    ตอนที่ 36

    ในร้านโอคายะสาขาที่สามที่ลูกค้าบางตาลงไปมากแล้ว

    เคพับกระดาษแผ่นน้อยนั้นใส่ซองจดหมายที่เขียนบนซองว่า  ใบลาออก’  เขาวางมันลงตรงเคาน์เตอร์  เฝ้ามองมันด้วยความรู้สึกมั่นคงที่เสแสร้งขึ้น  นี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้ว  ไดกิเดินมายืนข้างๆเขาราวกับต้องการให้กำลังใจ  เคหันไปสบตากับคนรักครู่หนึ่งก่อนจะหลบตา  “ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับไดจัง  ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว”

    ไดกิยิ้มก่อนจะวางซองสีขาวที่เขียนหน้าซองเหมือนกันไว้ที่ข้างซองของเค  “ฉันเองก็มีส่วนผิด  ฉันจะไม่ให้นายรับผิดชอบคนเดียวหรอก”  เขาบอก

    เคหันมามองคนรักด้วยความตกใจ  “ทำไมต้องทำแบบนี้ครับไดจัง  คุณไม่ได้ผิดอะไร  ผมผิดเองที่ไม่ดูแลน้องสาวให้ดีจนเธอไปก่อเรื่องวุ่นไว้แบบนั้น  ผมจะรับผิดชอบกับการกระทำของเธอเองครับ”

    “นายเห็นว่าฉันเป็นอะไร”  ไดกิตวัดสายตามองด้วยความโกรธเล็กๆในห้วงความรู้สึก  “น้องสาวของนายก็เหมือนน้องสาวของฉัน  เราสองคนเป็นอะไรกันนายลืมไปแล้วหรือไง  ฉันรักนายนะอิโน่จัง  นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้คนที่ตัวเองรักต้องไปลำบากคนเดียวได้เหรอ?”

    “ผมก็รักคุณนะไดจัง  เพราะงั้นผมเองก็ไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมาลำบากเพราะผมด้วยเหมือนกัน  ได้โปรดเข้าใจเถอะนะครับ”

    “ฉันพร้อม”  ไดกิตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง  “ฉันพร้อมเสมอไม่ว่านายจะพาฉันไปที่ไหน  ถ้านายไม่อยู่ที่นี่ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไรเหมือนกัน  ฉันคงเผชิญหน้ากับผู้จัดการและคุณยามาดะไม่ได้หรอกถ้าไม่มีนายอยู่ด้วย  ฉันกลัว”

    เคถอนหายใจอย่างคิดหนัก  รู้สึกผิดเหลือเกินที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไดกิต้องลำบากอีกแล้ว  เขาช่างเป็นคนรักที่แย่อะไรอย่างนี้นะ  “แต่ว่าผม...”  เขาหยุดพูดไปเพื่อเรียบเรียงทุกสิ่ง  “ผมไม่อยากให้คุณลำบากอีก  คุณก็รู้ว่างานมันหายากแค่ไหน  ถ้าคุณออกจากที่นี่แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของคุณล่ะครับไดจัง  ผมน่ะไม่เป็นไร  แต่พ่อแม่ของคุณล่ะ  คุณทิ้งพวกเขาได้เหรอ”

    ไดกินิ่งไปสักพักอย่างรู้สึกผิดแล้วพูดในสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาสะท้าน  “นายจะทิ้งฉันไว้ที่นี่จริงๆน่ะเหรอ?”  ไดกิกัดริมฝีปากไว้แน่น  พยายามกลั้นน้ำตาที่พาลจะไหล

    เคดึงคนรักเข้ามาสวมกอดไว้  “คุณต้องเข้มแข็งนะไดจัง  ผมจะไม่ทิ้งคุณ  ผมรักคุณนะครับ  ผมอยากให้คุณอดทนอีกหน่อย  รอผมหน่อยนะไดจัง”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่มันก็ไม่อาจปกปิดความร้อนรนที่เจือออกมาได้  ไดกิยืนนิ่ง  เขารู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย  การที่ไม่มีเคอยู่ด้วยคงทำให้บรรยากาศเงียบเหงาพิลึก  แค่คิดก็ทำให้หวั่นใจแล้ว  “ไดจังครับ”  เคเรียกพร้อมคลายอ้อมกอดออกหันมาสบตากับคนรัก  “คุณต้องอยู่ที่นี่ต่อ  เชื่อผมนะครับ”

    ไดกิจับมือคนรักไว้แน่น  แม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกหวั่นไหว  ไม่มั่นคงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่สำหรับเคแล้วมันหนักหนากว่าเขามากนัก  เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าทำผิดไป  แทนที่จะมาร้องไห้คร่ำครวญให้เคต้องลำบาก  เขาควรจะให้กำลังใจคนรักสิถึงจะถูก  นั่นเป็นสิ่งที่เขาควรทำไม่ใช่เหรอ?  แม้ในใจจะไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนั้นสักเท่าไรแต่ไดกิก็ยังคงยิ้มและกล่าวออกไปเพื่อให้กำลังใจแก่บุคคลเบื้องหน้า  “ก็ได้  แต่นายต้องกลับมาหาฉันนะ  แล้วฉันจะรอ”

    เคยิ้มพร้อมความเศร้าที่แฝงออกมาอย่างชัดเจน  เขากอดไดกิไว้แน่นราวกับจะไม่ได้เจอกันอีกนาน  “ขอบคุณครับ”


     
     

    ค่ำคืนในโรงพยาบาลที่โอบล้อมไว้ด้วยความเงียบสงัดและวังเวง  เคโตะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  พระจันทร์เพียงครึ่งดวงลอยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่ดาวนับพันที่รายล้อม  ความคิดไหลเรื่อยเอื่อยไปดั่งกระแสลมที่พัดอย่างเชื่องช้าพาหวนให้คิดถึงความหลัง  เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้เขานึกถึงเด็กคนหนึ่ง  เด็กที่เอาแต่ใจตัวเองจนติดเป็นนิสัย  เด็กที่พ่อแม่ตามใจจนเคยตัว  เด็กคนที่พอไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่ร้องไห้งอแง  เคโตะยิ้มบางๆกับความคิดของตัวเอง  เขาคือเด็กคนนั้นใช่หรือเปล่านะ?

    ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมยูโตะที่เดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มที่ใช้เป็นชุดนอนของเขา  เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขาและพ่อต้องผลัดกันมานอนเฝ้าเคโตะที่โรงพยาบาลแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเขามากกว่าเพราะเคนอิจิมีงานที่ต้องทำอยู่อีกมาก  พี่ชายอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด  สีหน้าของเคโตะดูสดใสขึ้นและยิ้มมากกว่าเมื่อก่อน  และที่สำคัญ  พี่ชายไม่พูดตะคอกกับเขาเหมือนเดิมแล้ว

    “พี่ชายยังไม่นอนเหรอครับ”  ยูโตะถามเมื่อเห็นว่าเคโตะยังไม่พักผ่อนตามเวลาอีก  “พี่ชายต้องพักผ่อนเยอะๆนะครับ  ถ้าพรุ่งนี้หมอมาตรวจแล้วไม่อาการไม่ดีขึ้นพี่ก็อดกลับบ้านนะรู้มั้ย”  เขาพูดราวกับว่าเคโตะเป็นด็กเล็กๆคนหนึ่ง  ยูโตะเดินเข้าไปหวังจะช่วยประคองพี่ชายให้นอนลงแต่เคโตะก็ปัดมือเขาออกเบาๆ  ยูโตะหน้ามุ่ยอย่างแสร้งทำ  “แผลยังไม่หายดีก็อย่าดื้อสิครับพี่ชาย  ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณพ่อว่าพี่ไม่ยอมพักผ่อนนะ”

    เคโตะมองหน้าน้องชายชั่วครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาไปทางพระจันทร์สวยที่ส่องแสงสว่างนุ่มนวล  “นายว่าตอนนี้ริวทาโร่จะเป็นยังไงบ้าง”

    ยูโตะยิ้ม  ที่แท้ก็คิดถึงคนรักนี่เอง  เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของเคโตะ  “เจ้านั่นไม่เป็นไรหรอกครับ  พี่ชายต่างหากเป็นยังไงบ้าง”  เขายิ้มเมื่อเห็นพี่ชายเงียบไปอีก  “ขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ยครับ  พี่ชายโกรธเขาหรือเปล่า?”

    เคโตะหันมาสบตากับน้องชายก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ  “ไม่มีอะไรที่ต้องโกรธนี่”

    ยูโตะยังไม่คลายรอยยิ้มจากใบหน้าของเขา  พี่ชายนี่นะ  เหมือนเด็กจริงๆเลย  แต่นี่แหละคือส่วนที่น่ารักภายใต้ความแข็งกระด้างและเย็นชาของเขา  พี่ชายมักจะมีความรักที่บริสุทธิ์ใจเสมอ  “เจ้าเพื่อนบ้านั่น  จะไปก็ไม่บอกกันสักคำแถมยังตั้งใจมาบอกเฉพาะพี่คนเดียวอีก  ไม่เห็นหัวเพื่อนคนนี้บ้างหรือยังไงกันนะ”  เขาแกล้งบ่นเผื่อจะทำให้เคโตะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง  แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว

    เคโตะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร  ยูโตะมองไปยังโต๊ะหัวเตียงที่มีซองสีขาววางอยู่จดหมายลาออกของเคที่เอามาให้เคโตะเมื่อวานแต่พี่ชายยังไม่ได้เปิดอ่านมัน  เคโตะกังวลเรื่องนี้อยู่ใช่หรือเปล่านะ?

    “พี่จะเอายังไงกับพนักงานคนนี้ครับ  พี่จะอนุมัติให้เขาลาออกหรือเปล่า”  ยูโตะถาม  เขาคิดว่าเรื่องที่เคโตะกังวลมันมีมากกว่าแค่เรื่องของริวทาโร่อีก  แม้เคจะเป็นพนักงานที่ขี้เกียจไปเสียหน่อยแต่ก็เป็นพนักงานที่คุณภาพคนหนึ่งแต่กลับมายื่นใบลาออกแบบนี้  ถ้าเป็นเขาคงไม่มีทางอนุมัติแน่นอน  ส่วนเหตุผลที่เคมายื่นใบลาออกน่ะเหรอ  ก็น้องสาวตัวเองไปทำแสบไว้ขนาดนั้นนี่นา

    “ความจริงเขาไม่ควรมารับผิดชอบแทนน้องของตัวเองเลย”  เคโตะพูดโดยไม่เจาะจงว่าใครจะฟังคล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง  เขาหันไปสบตากับน้องชาย  “นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงล่ะ”

    ยูโตะนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา  “ก็แล้วแต่พี่ชายเถอะครับ  ยังไงเขาก็เป็นคนของพี่  ผมรู้ว่าพี่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง”  เขาลุกขึ้นไปยืนข้างๆเคโตะเพื่อช่วยประคองพี่ชายให้นอนลงแม้จะรู้ดีว่าเคโตะแข็งแรงพอที่จะช่วยตัวเองได้แล้วก็ตาม

    เคโตะเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่ายโดยไม่ทันที่ยูโตะจะได้ช่วยอะไร  แต่ก่อนที่หัวจะถึงหมอน  สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนข้างต้นไม้ด้านล่างนั่น  เคโตะลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจเขามองออกไปยังที่ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง  เขาหอบหายใจเล็กน้อยจากอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

    ยูโตะตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นปุบปับของเคโตะ  สีหน้าของพี่ชายดูตื่นตระหนกราวกับเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวหรือสิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง  “พี่ชายเป็นอะไรครับ  พี่เห็นอะไรเหรอ”  เขาถามพร้อมมองไปยังที่ที่เคโตะโฟกัสสายตาอยู่ด้วยหัวใจสั่นสะท้านเล็กๆ  ก็นี่มันโรงพยาบาลนี่นา  คิดเหรอว่าเขาจะไม่กลัวอะไรพรรค์นั้น

    เคโตะละสายตาจากสิ่งตรงหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมหัวใจที่เต้นดังไม่หยุด  “ไม่มีอะไรหรอก”  เขาตอบ

    แม้จะยังสงสัยแต่ในเมื่อพี่ชายยืนยันว่าไม่มีอะไรเขาก็ไม่คิดจะถามต่อ  ยูโตะเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาห่มให้พี่ชายก่อนจะเดินไปปิดไฟ  ห้องทั้งห้องมืดสนิท  ยูโตะเดินไปนอนบนเตียงสำหรับญาติและหลับไปแทบจะในทันทีด้วยความอ่อนเพลีย

    เคโตะเฝ้ามองฝ้าเพดานสีดำสนิทอยู่นาน  ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบทันทีที่ปิดไฟ  ลมหายใจของยูโตะเป็นจังหวะสม่ำเสมอแสดงว่าน้องชายได้หลับไปแล้ว  เขาลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปยังต้นไม้ข้างล่างอีกครั้ง  สิ่งที่เห็นนั่นจะเป็นจริงหรือเปล่านะ  หรือเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดไปเองเพราะเขาเห็นเพียงแค่แป๊ปเดียว  บางทีอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้  แม่เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?



     

    “ขอบคุณมากจ้ะ  โคตะคุง”  คัทสึเอะวางหูจากบทสนทนาในโทรศัพท์  ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบางๆเมื่อได้ทราบข่าวลูกชาย  แค่รู้ว่าเขาปลอดภัยก็ดีแล้ว  ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลที่เคโตะนอนอยู่  ทุกความเป็นไปของลูกชายถูกส่งมาถึงเธอผ่านโคตะ  และเป็นอีกครั้งแล้วที่ความขี้ขลาดของเธอทำให้ไม่กล้าไปพบหน้าลูกชาย  “ขอโทษนะ  เคโตะ”  เธอพึมพำคนเดียวราวกับลูกชายจะได้ยิน

    เธอคิดว่าสมควรที่จะกลับบ้านได้แล้วหลังจากที่อยู่เฝ้าเคโตะข้างนอกมาหลายวัน  ทั้งวันและแทบจะทั้งคืน  เธอจะมาหาลูกชายของเธอตั้งแต่เช้าและจะยังไม่กลับโรงแรมจนกว่าห้องของเคโตะจะปิดไฟ  เมื่อคืนนี้ก็เป็นโชคดีอีกวันที่เธอเห็นเคโตะบริเวณหน้าต่างห้องพักของเขา  ลูกชายเธอดูสดใสขึ้นมาก  สิบปีที่ไม่ได้เจอกันพอได้พบกันอีกครั้งเธอก็อยากจะใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด  แม้สิ่งนี้จะมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากมันก็ตาม

    คัทสึเอะเฝ้านึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เธอช่างเป็นแม่ที่ขี้ขลาดและโง่เขลาเสียจริงๆ  น่าเสียดายที่สายสัมพันธ์ของแม่กับลูกคงถึงเวลาที่จะขาดออกจากกันแล้ว  มันสิ้นสุดลงเพราะตัวเธอเอง  แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่ถึงอย่างไรก็อดที่จะใจหายไม่ได้  เคโตะจะไม่ใช่ลูกของเธออีกต่อไปแล้ว ..…  จริงๆน่ะหรือ?  ไม่อยากจะเชื่อเลย

    ใบหน้าของคัทสึเอะยังคงแย้มยิ้มแม้น้ำตาจะอาบไหลลงมาเต็มสองแก้ม  “ลาก่อนนะเคโตะ  ขอให้ลูกของแม่มีความสุข”  เธอมองขึ้นไปยังห้องพักของลูกชายอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากมา  ถึงเวลาที่เธอจะกลับโอซาก้าที่เป็นบ้านเพียงแห่งเดียวของเธอในตอนนี้แล้ว



     

    อีกซีกโลกหนึ่งทางทิศตะวันตก

    ริวทาโร่อ่านเมลล์ฉบับนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับจะซึมซับความจริงนั้นไว้ให้ดีที่สุด

    ......... เคโตะปลอดภัยแล้วนะ  วันนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ..........

    มันเป็นเมลล์ที่ยูริส่งมาถึงเขา  ริวทาโร่ลุกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เดินไปยังหน้าต่างห้องพักพลางเฝ้ามองกรุงปารีสทั้งเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า  เมืองที่สวยงามและผู้คนที่เต็มไปด้วยความรัก  เขาเองก็มีความรักหากแต่คนที่เขารักนั้นอยู่ในที่ที่ไกลเกินกว่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ในตอนนี้  เพียงมาอยู่แค่ไม่กี่วันความรู้สึกคิดถึงเคโตะก็ท่วมท้นในหัวใจ  เคโตะจะคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิดถึงหรือเปล่านะ?



     

    ยูโตะค่อยๆประคองพี่ชายให้ลงมาจากเตียงแต่เคโตะกลับปัดมือน้องชายออกเบาๆ  “ฉันไม่เป็นไรแล้ว”  เขาพูดก่อนจะลงมาจากเตียงด้วยตัวเอง  สองเท้าหยั่งลงบนพื้นพร้อมสวมรองเท้าแตะที่ครอบครัวเตรียมไว้ให้  ชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นระดับเข่าที่สวมอยู่ทำให้เขาดูผ่อนคลายมากขึ้นในตอนนี้  แม้ใบหน้าจะไม่ค่อยยิ้มมากนักแต่ภายในใจเขาก็กำลังถูกสมานให้ดีขึ้นด้วยความรักจากคนรอบข้าง

    “คุณแม่เตรียมของโปรดของพี่ชายไว้ให้เพียบเลยนะครับ”  ยูโตะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    ทุกคนในครอบครัวรวมทั้งยูริ  ยูยะ  หรือแม้แต่โคตะและฮิคารุที่เดินทางมาติดต่องานที่คั่งค้างก็อยู่กันครบเพื่อมารับเขากลับบ้าน  ยกเว้นเพียงยูมิโกะกับเรียวสุเกะเท่านั้นที่คอยเตรียมสถานที่ไว้ให้เมื่อพวกเขาไปถึง  ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เมื่อรู้ว่าเขาออกจากโรงพยาบาลได้  แต่การที่คนมากันเยอะแยะแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่ก็รู้สึกขอบคุณในความห่วงใยของทุกคน  น่าเสียดายที่แม่เขากับริวทาโร่ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย  คิดถึงแม่จัง

    “ดีใจมั้ยลูกจะได้กลับบ้านแล้ว”  เคนอิจิพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม  นานแค่ไหนแล้วนะที่เคโตะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากพ่อมากขนาดนี้  แต่มันก็ดีแล้วล่ะ  อย่าน้อยช่วงเวลาสั้นๆที่อยู่โรงพยาบาลก็ทำให้พ่อลูกได้มีเวลาดูแลสายสัมพันธ์ของกันและกัน  ไม่ใช่เพียงแค่เขากับพ่อเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์กับน้องชายของเขาด้วย

    เคโตะยิ้มบางๆตอบกลับไป  รู้สึกขัดเขินขึ้นมาเพราะไม่ได้ทำมานานมากแล้ว  แต่แค่นั้นแหละที่คนเป็นพ่อต้องการ  เพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้น

    ก่อนที่ทุกคนจะได้เดินออกจากห้อง  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกช้าๆ  ใครบางคนที่เข้ามานั้นทำให้ทุกคนได้แต่ตกตะลึงกับความใจกล้าของเจ้าหล่อน  มิกิเดินเข้ามาก่อนจะโค้งให้ทุกคน

    “เธอมาทำอะไรที่นี่”  ยูริถามออกไปด้วยความโกรธ  เพียงแค่เห็นหน้ามิกิเท่านั้นก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์แล้ว

    มิกิสบตาเคโตะอยู่ชั่วครู่ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาอย่างช้าๆ  “ฉันมาขอโทษค่ะ”  หล่อนตอบ

    “คิดว่าแค่ขอโทษแล้วเรื่องทุกอย่างมันจะจบเหรอ?”  ยูริยังไม่เลิกจิกจนยูยะต้องมาโอบไหล่คนตัวเล็กไว้เพื่อบรรเทาอารมณ์โกรธ

    “ไม่เอาน่ายูริจัง”  ยูยะปราม  ยูริทำอะไรไม่ได้ได้แต่มองค้อนไปด้วยท่าทีโกรธขึ้ง

    มิกิไม่ได้ใส่ใจอารมณ์โกรธของยูริมากนัก  หล่อนคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้  มิกิโค้งให้เคโตะอย่างนอบน้อม  “ฉันมาขอโทษค่ะ”  เธอพูดเสียงดังฟังชัดก่อนจะยืดตัวขึ้น  “ฉันไม่คิดว่าคำขอโทษของฉันจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้และฉันก็ไม่ได้หวังว่าพวกคุณจะยกโทษให้ฉันด้วย  เพียงแต่ฉันมาที่นี่เพื่อขอร้องคุณ  พี่ชายฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่ฉันทำ  กรุณาอย่าไล่เขาออกนะคะ”

    เคโตะมองหล่อนอยู่ชั่วครู่พลางทบทวนความคิด  แววตาเฉยชานั้นทำให้คาดเดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  เขาหันไปสบตากับน้องชาย  “กลับกันเถอะ”  เขาพูดเบาๆโดยไม่สนใจคนตรงหน้าก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู

    มิกิวิ่งมาขวางทางเขาไว้แล้วคุกเข่าลงกับพื้น  “คุณโอคาโมโตะได้โปรดเถอะค่ะ  อย่าไล่พี่เคออกเลยนะคะ  พี่เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”

    เคโตะตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  “แค่นี้ใช่มั้ยที่อยากพูด  ฉันจะได้กลับสักที”

    “ได้โปรดเถอะค่ะ”  หล่อนยังไม่ละความพยายาม  “จะให้ฉันทำยังไงก็ได้  ฉันยินดีจะไปจากที่นี่ถ้าทุกคนต้องการ  แต่ได้โปรดอย่าไล่พี่เคออกนะคะ  เขารักงานที่นั่นมาก  ฉันไม่อยากให้พี่ต้องเสียใจ”

    “เธอพล่ามอะไรของเธอ”  เคโตะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้าง  “เรื่องของเธอฉันไม่ยกโทษให้  ส่วนเรื่องของพี่ชายของเธอ  เธออย่าขอร้องให้มันเสียเวลาเลย  ทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลง”

    มิกิน้ำตาไหล  รู้สึกใจหายวาบขึ้นมา  “คุณโอคาโมโตะ  พี่เคเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ  เขา.....”

    “ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดไงถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”  เคโตะพูดขัด  “อิโนะโอะจะยังคงเป็นพนักงานของโอคายะต่อไป  ส่วนเรื่องของเธอ  จนกว่าริวทาโร่จะกลับมาฉันคงยกโทษให้เธอไม่ได้”  เขาหยุดไปสักพักก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความเด็ดขาดไว้  “บอกอิโนะโอะด้วย  เรื่องใบลาออกที่เอามาให้ฉันเมื่อวันก่อน  ฉันฉีกมันทิ้งแล้ว  บอกให้เขากลับมาทำงานเหมือนเดิม”  เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมทุกคนที่เดินตามออกมา

    ภายในห้องพักวีไอพีนั้นจึงเหลือเพียงแค่มิกิอยู่คนเดียว  หล่อนลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้าไปทางประตูที่เคโตะเพิ่งจะเดินออกไปเมื่อสักครู่ก่อนจะโค้งตัวลงต่ำ  “ขอบคุณค่ะ”  หล่อนพูดเบาๆ  แม้เคโตะจะไม่ยกโทษให้เรื่องของหล่อน  แต่ขอแค่พี่ชายได้ทำงานที่เขารักเหมือนเดิมแค่นี้ก็พอแล้ว  หล่อนตัดสินใจที่จะทำตัวให้ดีขึ้นเพื่อพี่ชาย  ไม่รู้หรอกว่าทุกคนจะให้โอกาสหล่อนอีกสักครั้งไหม  แต่สิ่งนี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเหมือนกัน  แม้มันจะล้มเหลวแต่ก็ยังดีกว่าการที่หล่อนไม่ได้ทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษเลย

    มิกิโค้งไปทางประตูอีกครั้ง  “คุณโอคาโมโตะ  ขอบคุณมากค่ะ”



     

    รถคันใหญ่ที่ยูโตะเป็นคนขับแล่นเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านโอคาโมโตะตามด้วยรถของยูยะที่มียูรินั่งคู่มาด้วย  และรถของโคตะที่แน่นอนว่าฮิคารุต้องตามมาด้วยอีกคน

    เคโตะลงจากรถพลางมองทุกคนด้วยความรู้สึกขันนิดๆ  เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่คิดอยู่ในใจ  “ผมไม่ใช่เจ้าชายนะครับที่จะไปไหนก็มีคนตามไปเป็นขบวนแบบนี้”

    เคนอิจิเฝ้ามองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเคโตะด้วยความสุข  นานแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้  แผลในใจของเคโตะถูกสมานเร็วกว่าที่เขาคิดไว้  เขาหันไปสบตากับยูโตะ  แววตาของลูกชายคนเล็กบ่งบอกว่ากำลังคิดแบบเดียวกับเขา  ในที่สุดเคโตะก็กลับมาเป็นคนเดิม



     

    บรรยากาศของงานเลี้ยงต้อนรับการกลับบ้านของเคโตะเป็นไปอย่างครึกครื้นสนุกสนาน  เคโตะขอตัวไปนอนแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่หัวค่ำเท่านั้นแต่บรรยากาศงานเลี้ยงก็ยังดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น



     

     ภายในห้องนอนใหญ่ของเคโตะดูเงียบงันแม้เสียงพูดคุยในงานเลี้ยงจะดังขึ้นมาบ้างเล็กน้อยก็ตาม  เคโตะเฝ้าคิดทบทวนเหตุการณ์ในวันก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล  ผู้หญิงคนนั้นจะใช่แม่เขาหรือเปล่า?  เขาไม่ได้บอกใครในเรื่องนี้  ทุกคนสู้อุตส่าห์ดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี  ถ้าทุกคนรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขายังคงคิดถึงแม่อยู่ตลอด  พวกเขาก็คงจะเสียใจน่าดู

    ความจริงแม้จะโดนคัทสึเอะไล่กลับมาแบบนั้นแต่เคโตะกลับไม่รู้สึกโกรธแม่ของเขาเลยแม้แต่น้อย  เขายังคงเชื่อด้วยหัวใจว่าแม่ยังรักเขาอยู่  แววตาของแม่แม้แต่ตอนที่ไล่เขากลับมาไม่ใช่แววตาแห่งความเกลียดชัง  แต่มันคือแววตาแห่งความรักที่ถูกแทนที่ด้วยความเสียใจก็เท่านั้น  แม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างหนอในตอนนี้  คิดถึงแม่จริงๆ

    เคโตะปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า  แต่ยังมิทันที่นิทราจะมาเยือน  ประตูก็ค่อยๆเปิดออกพร้อมยูโตะที่เดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ  “พี่ชายหลับหรือยังครับ”  เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

    “ยัง”  เคโตะตอบเบาๆแล้วลุกขึ้นมามองหน้าน้องชายผ่านความมืด  “มีอะไรหรือเปล่า”  เขาถาม

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ  ผมแค่จะมาดูว่าพี่ชายหลับแล้วหรือยังเท่านั้นเอง”  ยูโตะตอบ  “ถ้างั้นไม่รบกวนพี่ชายแล้วนะครับ  ราตรีสวัสดิ์ครับพี่”  เขาพูดแล้วเดินออกไปจากห้องก่อนจะปิดประตูตามหลัง

    เคโตะมองบานประตูอยู่ชั่วครู่ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งพลางคิดถึงคนรักที่อยู่ห่างไกลเขาในตอนนี้  เคโตะหยิบเครื่องรางชิ้นนั้นขึ้นมาประคองในมืออย่างทะนุถนอม  “ฉันคิดถึงนายริวทาโร่  อยู่ที่นั่นสบายดีหรือเปล่า  ฉันเป็นห่วงนะ”  เขายิ้มกับคำพูดที่พูดอยู่คนเดียวนั่นก่อนจะวางเครื่องรางนั้นลงในกล่องเล็กๆอย่างดีที่เขาใช้เป็นที่เก็บ  เคโตะหลับตาลงแล้วปล่อยตัวเองให้เข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา



     

    ริวทาโร่วางมือจากปากกาที่เขียนอยู่  งานแปลเอกสารมากมายที่ทำมาทั้งเช้าทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที  เขาดื่มน้ำเปล่าเล็กน้อยพอดับกระหายแล้วมองออกไปทางหน้าต่าง  แสงแดดอบอุ่นส่องลอดเข้ามา  บรรยากาศสดใสดีจัง  เขาหลับตาลงพลางคิดถึงคนรักที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง  เขาสูดหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อซึมซับความคิดถึงที่มากล้นในหัวใจก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆแล้วพูดกับแสงแดดอ่อนโยนที่ส่องเข้ามานั่น  หวังลมๆแล้งๆว่ามันจะส่งผ่านไปถึงคนที่เขารักได้  “ผมคิดถึงพี่  หลับฝันดีนะครับพี่เคโตะ”


     

    --------------------------------------------------

    แต่งไปแต่งมา  เอ๊ะ!  นาคายาม่าหายไปไหน?  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  <<  เข้าปีใหม่อิไรเตอร์ป่วงกว่าเดิม

    รอต่อไป  นาคายาม่า  ^__^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×