ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #36 : ตอนที่ 35

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 237
      0
      28 ธ.ค. 55

    ตอนที่ 35

    เช้าวันใหม่ที่อากาศปลอดโปร่งสดใส

    ยูโตะจัดแจงวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะอาหารสำหรับคนไข้ก่อนจะเลื่อนมันไปไว้ข้างๆเตียงของเคโตะ  เขาค่อยๆพยุงพี่ชายให้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อลงมือรับประทานอาหารเช้า  เคนอิจิไปทำงานแล้วส่วนยูโตะยังคงต้องมีหน้าที่ดูแลพี่ชายต่อไปหลังจากสองวันที่ผ่านมาที่เขาและพ่อต้องนอนเฝ้าคนป่วยทั้งคืน  ส่วนยูมิโกะนั้น  ยูโตะวานให้เรียวสุเกะไปอยู่เป็นเพื่อนแทน

    สีหน้าของเคโตะดูสดใสขึ้นแต่น่าแปลกที่เขากลับไม่ยิ้มเลย  “พี่ชายทานข้าวเยอะๆนะครับจะได้หายเร็วๆ”  ยูโตะยิ้มพร้อมเลื่อนโต๊ะอาหารนั้นไปอยู่ต่อหน้าพี่ชาย  เคโตะลงมือกินอาหารเช้าอย่างเงียบเชียบโดยไม่ตอบรับหรือพูดกับน้องชายสักคำ  ยูโตะได้แต่ยิ้มแหยๆคนเดียวก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านแก้เซ็ง

    “นายกินข้าวหรือยัง?”  เคโตะพูดขึ้นหลังจากที่เงียบกันไปพักใหญ่

    ยูโตะละสายตาจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้าหันไปมองทางต้นเสียงทันที  เมื่อกี้พี่ชายพูดกับเขาใช่หรือเปล่า?  “ยังครับ”  เขาตอบไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

    “ไม่หิวเหรอ  ฉันเห็นยามาดะเอาอาหารเช้ามาให้นายแล้วนายก็เอามากินสิ”  เคโตะพูดแต่กลับไม่ได้สบตากับคนที่เขาถามเลย  สายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่อาหารตรงหน้าที่เพิ่งจะถูกกินเข้าไปเพียงเล็กน้อย

    ยูโตะอมยิ้มคนเดียวด้วยความรู้สึกดีที่เกิดขึ้น  นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้ยินพี่ชายถามเขาแบบนี้  แต่นั่นก็ช่างมันเถอะ  “พี่ชายกินก่อนเถอะครับ  ผมกินตอนไหนก็ได้”

    ด้วยคำพูดนั่นแหละที่ทำให้เคโตะยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องชายได้  แต่ก็เพียงแค่แป๊ปเดียวเขาก็ก้มหน้าลงไปอีก  “แล้ววันนี้นายไม่ไปทำงานเหรอ?”  คนป่วยถาม

    “ผมให้คุณมัตสึโมโตะช่วยจัดการให้ชั่วคราวครับ  ส่วนผมจะมาดูแลพี่ชายเอง  คุณพ่อจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง”

    “แต่ถึงยังไงนายก็เป็นผู้จัดการ  ลางานมาแล้วให้รองผู้จัดการทำหน้าที่แทนแบบนี้มันจะดีเหรอ?”

    “พี่ชายก็เหมือนกันน่ะแหละ”  ยูโตะต่อว่าทีเล่นทีจริงนั่นทำให้เคโตะเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย  “พี่ก็ลางานแล้วให้รองผู้จัดการไปทำหน้าที่แทนเหมือนกันแหละน่า  และที่สำคัญรองผู้จัดการคนนั้นเขาเป็นแฟนผมนะครับ  ผมไม่โกรธพี่นี่ก็ดีเท่าไรแล้ว  เพราะงั้นพี่ต้องพิจารณาขึ้นเงินเดือนให้แฟนผมด้วย”  เขาพูดเล่นตามประสาคนอารมณ์ดี

    เคโตะมองหน้าน้องชายอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมาทำให้บรรยากาศภายในห้องดูผ่อนคลายขึ้น  ยูโตะยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะนั่น  เคโตะยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสกว่าเดิม  “จริงๆแล้ว  ฉันไม่รู้ว่าควรขึ้นเงินเดือนหรือควรมองหารองผู้จัดการคนใหม่ดี  เพราะอีกหน่อยยามาดะคงจะเปลี่ยนจากตำแหน่งรองผู้จัดการร้านโอคายะมาเป็นน้องสะใภ้ของฉันเร็วๆนี้แล้วล่ะ”  เขาพูดก่อนจะลงมือกินข้าวในจานตรงหน้าอีกครั้งโดยทำทีไม่สนใจสีหน้าของน้องชายหลังจากที่ได้ฟังเขาพูดเลย

    ยูโตะหลบหน้าพี่ชายด้วยความอาย  จากที่ก่อนหน้านี้ยังดีใจที่พี่ชายพูดกับเขาอยู่เลยแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเขินขึ้นมาเมื่อเคโตะเล่นแซวเขาซะขนาดนี้  “พี่ชายก็... พูดอะไรก็ไม่รู้  ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ”

    เคโตะไม่พูดอะไรอีก  เขารับประทานอาหารในจานต่อไปด้วยจิตใจที่สงบลง  แม้ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาจะโดนทำร้ายอย่างรุนแรงมากขนาดนั้นก็ตาม  แต่รอยร้าวในใจนั้นกลับถูกสมานให้ดีขึ้นด้วยความรักของพ่อและน้องชายที่มีให้เขา  เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาในตอนนี้นั้น  เหนื่อยพอแล้วกับความผิดหวัง  เหนื่อยพอแล้วกับความเสียใจ  สิ่งเหล่านั้นควรหายไปจากใจเขาเสียที  เมื่อมีโอกาสได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งเขาก็อยากให้หัวใจตัวเองถูกแทนที่และดำเนินต่อไปด้วยความรักไม่ใช่ความเกลียดดังเช่นที่ผ่านมา

    เคโตะกินอาหารเช้าต่อไปพร้อมรอยยิ้มที่ระบายเล็กๆตรงมุมปาก  ความจริงแล้วแค่การยิ้มและพูดดีๆกับน้องชายมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสักหน่อย  ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงทำมันไม่ได้นะ  แต่พอชีวิตถึงคราวจนตรอกเขากลับทำมันได้อย่างง่ายดายและไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับมันเลยสักนิดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดแม้แต่จะทำมัน จะหยิ่งอะไรนักหนาก็ไม่รู้  เขาต่อว่าตัวเองแล้วกินอาหารเช้าต่อไปด้วยจิตใจที่ดีขึ้นกว่าเดิม

    ยูโตะยิ้มคนเดียวอย่างกับคนบ้า  แม้จะเป็นเพียงแค่การพูดคุยสั้นๆแต่นั่นมันก็ดีมากแล้วล่ะ  ช่วงเวลาที่ต้องเจอความโหดร้ายในตอนนั้นหัวใจของเคโตะจะเป็นยังไงบ้างเขาจินตนาการไม่ออกหรอก  แต่ในตอนนี้ที่เคโตะยังมีรอยยิ้มได้แสดงว่าจิตใจเขาดีขึ้นมาบ้างแล้ว  แม้จะเป็นแค่รอยยิ้มเพียงเล็กน้อยก็ตาม  แต่ก็เพียงแค่นั้นแหละที่น้องชายอย่างเขาต้องการ

     


     

    บริเวณทางเดินของโรงพยาบาล  ประตูห้องพักวีไอพีที่ปิดสนิทตรงหน้าริวทาโร่นั้นเป็นดั่งกำแพงอิฐสูงที่กำลังท้าทายจิตใจของเขาให้ก้าวผ่านไปเพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่รออยู่อีกฝั่ง

    ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า  เพียงแค่คิดว่าเคโตะอยู่อีกด้านของประตูเท่านั้นก็ทำให้เขาอยากจะชักมือกลับแล้วเดินออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้เลย  ความจริงที่รู้นั้นทำให้จิตใจของเขาทรมานด้วยความรู้สึกผิด  ขอโทษแด่คนรักที่เขาไม่ไว้ใจ  ขอโทษที่เขาหนีจากมาโดยไม่แยแสต่อจิตใจของคนที่เขารู้ว่า... อ่อนไหวแค่ไหน  ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึกอีกครั้งก่อนจะเคาะประตูเบาๆพร้อมหัวใจที่เต้นโครมครามด้วยความกลัว

    อีกสักพักกว่าที่ประตูจะเปิดออกพร้อมใบหน้าของยูโตะที่แสดงความตกใจอย่างไม่ปิดบังเมื่อเห็นเพื่อนรัก  “นายหายไปไหนมาเนี่ย?”

    “เขาเป็นยังไงบ้างครับ”ริวทาโร่ถามทันทีโดยไม่ตอบคำถาม

    ยูโตะนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบคำถามเพื่อนกลับไป  “ดีขึ้นเยอะเลย  อยากไปคุยกับเขามั้ยล่ะ”  เขาถาม  ริวทาโร่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ  ยูโตะรับรู้ถึงความกลัวในใจของเพื่อนรักได้เป็นอย่างดี  เขายิ้มเพื่อให้กำลังใจก่อนจะเปิดประตูออกให้กว้างขึ้นเพื่อให้ริวทาโร่ได้เดินเข้ามาได้

     


     

    เคโตะละสายตาจากโลกภายนอกหน้าต่างโรงพยาบาลหันมาทางประตูเมื่อได้ยินเสียงมันถูกเปิดออก  ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบางๆ  เคโตะได้แต่นิ่งงันกับภาพที่เห็นนั้น  ริวทาโร่  คนที่เขารัก  คนที่เขาคิดถึงแทบขาดใจ  ในที่สุดก็กลับมาหาเขาสักที

    ยูโตะเดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตูลง  ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่สองชีวิตที่จ้องหน้ากันด้วยอารมณ์บางอย่างที่ไหลวนภายใน  ทั้งความรัก  ความคิดถึง  ความรู้สึกผิด  และคำขอโทษ  เคโตะรับรู้มันได้เพียงแค่สบตา  แววตาของร่างเล็กดูหวาดหวั่นกลัวในสิ่งที่ตัวเองจินตนาการ  เคโตะรับรู้มันได้  กลัวเขาโกรธอย่างนั้นหรือ?

    ริวทาโร่เดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงของเขาแล้วยิ้มให้  “พี่เป็นยังไงบ้างครับ  รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า”  ร่างเล็กถาม

    เคโตะยิ้มเพียงเล็กน้อยแล้วเขาตอบรับสั้นๆ  “อืม”

    ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจทำให้ริวทาโร่ไม่สามารถสบตากับเคโตะตรงๆได้  “พี่กินข้าวหรือยังครับ”

    “กินแล้ว  แล้วนายล่ะ”

    “ผมก็กินแล้วเหมือนกัน”  ร่างเล็กชำเลืองไปยังข้อมือของเคโตะที่ยังคงมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่  “แผลพี่เป็นยังไงบ้าง”

    เคโตะขยับข้อมือเล็กน้อย  “ก็ดีขึ้น  ไม่เจ็บเท่าไรแล้วล่ะ”

    “ทีหลังพี่อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกนะครับ  มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย”  ริวทาโร่ต่อว่าทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่กล้าสบตากับร่างสูงเลย

    เคโตะระบายรอยยิ้มบางๆ  “อื้ม”  เขาตอบรับเพียงสั้นๆ แต่นั่นกลับทำให้บทสนทนาเงียบไปในทันที  ความเงียบเกิดขึ้นไปสักพักก่อนที่ร่างสูงจะเป็นคนทำลายมัน  “มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า?”  เคโตะถาม

    ริวทาโร่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนรักแล้วพยักหน้าเบาๆ  “ครับ”  เขาเงียบไปอีกเพื่อเรียบเรียงคำพูดและทำใจกับการที่จะบอกเรื่องนั้นกับเคโตะ  “ผมจะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส  เครื่องบินจะออกพรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็น”

    คราวนี้ความเงียบตกเป็นของร่างสูง  เขาตั้งสติแล้วทบทวนความรู้สึกของตัวเองเงียบๆว่าจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง  ที่ริวทาโร่ทิ้งเขาไปก่อนหน้านี้  เขาโกรธหรือเปล่า?  วันนี้ริวทาโร่กลับมาหาเขา  เขาดีใจหรือเปล่า?  และริวทาโร่กำลังจะจากเขาไปอีกครั้งในที่ที่แสนไกล  เขาจะโกรธอยู่มั้ย?  เคโตะสบตากับคนรัก  อีกคำถามผุดขึ้นมาในห้วงความรู้สึก  รักริวทาโร่หรือเปล่า?

    เคโตะพิจารณามองใบหน้าคนรักอีกครั้งอย่างถี่ถ้วนเพื่อเก็บทุกความทรงจำให้อยู่ในใจเขาให้นานที่สุด  คำตอบนั้นชัดเจนอยู่ในหัวใจแล้ว รักมากเลยล่ะ  เขาตอบตัวเองแล้วยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยความรู้สึกจากใจจริง  คำตอบเพียงแค่คำตอบเดียวนี้ทำให้คำถามในข้ออื่นๆไม่สำคัญอีกต่อไป  “เรียนอะไรล่ะ?”  เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    ริวทาโร่มองเคโตะอย่างแปลกใจ  ไม่มีคำต่อว่า  ไม่มีอารมณ์เกรี้ยวกราด  ไม่มีคำพูดเสียดสี  มีเพียงความอ่อนโยนและใจดีที่ส่งผ่านมาทางน้ำเสียงนั้นเท่านั้นที่ริวทาโร่สัมผัสได้  นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก  “บริหารธุรกิจระหว่างประเทศครับ”  เขาตอบ

    “แล้วจะกลับมาเมื่อไร?”

    “อาจจะสักสองสามปี  หรือมากกว่านั้น  ผมก็ไม่รู้”

    “จะกลับมามั้ย?”  เคโตะถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

    ริวทาโร่สบตาร่างสูงนิ่ง  เคโตะคาดหวังอะไรจากเขากันแน่นะ?  ริวทาโร่หลบตาร่างสูงอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ  “กลับครับ”

    แม้ใบหน้าเขาจะยังคงยิ้มแย้มแต่เคโตะรู้สึกได้ว่าภายในจิตใจส่วนลึกนั้นเขากำลังเสียใจ  แต่หัวใจที่ถูกสมานให้ดีขึ้นมากแล้วนั้นสามารถกลบความเสียใจเหล่านั้นได้อย่างมิดชิด  แต่เขาก็ยังสัมผัสถึงมันได้  มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้  “จะไปก็ไปเถอะ  เพื่ออนาคตของนาย”

    ริวทาโร่รับรู้ได้ว่าหัวใจเขากำลังสั่นไหว  เขารู้สึกไม่มั่นใจกับความรู้สึกของเคโตะเอาเสียเลย  ที่พูดแบบนี้เพราะร่างสูงหมดรักเขาแล้วงั้นเหรอ?

    “แต่ฉันขอพูดอะไรก่อนไปได้มั้ย?”  เคโตะเอ่ยขึ้นอีกครั้งทำให้ริวทาโร่ต้องเงียบรอฟังด้วยหัวใจเต้นระทึก  “ถ้าไปแล้ว  ขอให้นายพยายามทำให้เต็มที่นะ  ฉันเป็นกำลังใจให้”  เคโตะพูดพร้อมรอยยิ้มก่อนจะค่อยๆดึงร่างเล็กนั้นเข้ามากอดไว้อย่างอ่อนโยน  “และสิ่งสุดท้ายที่อยากจะบอก ..... ฉันรักนายริวทาโร่ ..... ฉันจะรอจนกว่านายจะกลับมา”

    ภายในอ้อมกอดที่ยังไม่คลายออก  ริวทาโร่ได้ยินเสียงหัวใจของร่างสูงที่เต้นเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ  หัวใจที่เต้นอย่างหนักแน่นมั่นคงช่วยทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มของเขาพลอยสงบลงบ้าง  เขารู้สึกทั้งโล่งใจและอบอุ่นที่รู้ว่าเคโตะยังรักเขาอยู่  “พี่ไม่โกรธผมเหรอ?”

    เคโตะยิ้มพร้อมคลายอ้อมกอดนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว  ไม่อยากให้ริวทาโร่ไปเลยแต่ในเมื่อร่างเล็กได้ตัดสินใจไปแล้วไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่ควรห้าม  เขาควรเชื่อใจสิ  ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่ก็อดที่จะกลัวไม่ได้  เคโตะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของริวทาโร่ “เชื่อใจฉันมั้ย?”  เขาถาม

    ริวทาโร่ชะงักงันกับคำพูดนั้น  เคโตะถามเขาอีกครั้งแล้ว  สิ่งที่เคโตะต้องการและพยายามถามเขา  บอกเขามาตลอด  ร่างสูงต้องการเพียงความเชื่อใจจากเขาเท่านั้น  แต่สุดท้ายเขาก็ทำร้ายหัวใจของคนที่รักเขาอย่างร้ายกาจ  หัวใจของเคโตะมั่นคงเสมอ  ตลอดมามีเพียงเขาเท่านั้นที่หวั่นไหว  ริวทาโร่พยักหน้ารับ  ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องลังเลอีกแล้ว  “เชื่อครับ”

    เคโตะยิ้ม  แต่ครั้งนี้กลับเป็นรอยยิ้มที่เศร้าลงกว่าเดิม  “ฉันเชื่อใจนายได้ใช่มั้ย?”  เขาถามราวกับกำลังถามตัวเอง  น้ำตาของเคโตะเอ่อขึ้นเต็มดวงตาอีกครั้ง  สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถสกัดกั้นความเสียใจได้อีกต่อไป

    คำถามของเคโตะเป็นดั่งหนามแหลมที่เสียดแทงเข้าไปในใจของริวทาโร่อย่างแสนเจ็บปวด  เขาจับมือเคโตะไว้แน่นเพื่อส่งผ่านความรู้สึกทางสัมผัส  เขาต้องการให้เคโตะเชื่อมั่นและเข้มแข็ง  “เชื่อใจผมนะครับ  ผมจะกลับมาหาพี่แน่นอน”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

    เคโตะมองหน้าคนรักแล้วยิ้มแทนคำขอบคุณก่อนจะสวมกอดร่างเล็กไว้ด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมในหัวใจ

     


     

    ด้านนอกของห้องพัก  ยูโตะยืนรออย่างลังเลว่าควรจะเข้าไปตอนไหนดี  หรือจะปล่อยทั้งคู่ไว้อย่างนั้น  ยืนอยู่ตรงนี้คนเดียวทำให้เขารู้สึกเหงาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้  ถ้าเรียวสุเกะมาอยู่เป็นเพื่อนเหมือนที่ริวทาโร่มาอยู่เป็นเพื่อนเคโตะก็คงจะดีไม่น้อยเลย

    “ยูโตะ”  น้ำเสียงสดใสดังขึ้นข้างหลังเขา  ยูโตะหันไปตามเสียงเรียกทันทีก่อนจะร้องทักบุคคลนั้น

    “ยูริ  รุ่นพี่ทาคาคิครับ  มากันตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย?”  เขาร้องทักอย่างสดใส  เมื่อความจริงถูกเปิดเผยทำให้เขาเข้าใจทันทีถึงสิ่งที่ยูริพยายามเตือนเขาก่อนหน้านี้รวมทั้งคำขอโทษที่ยูริพยายามบอกเขาด้วยแล้วทำให้เขาหายโกรธเพื่อนรักคนนี้ได้โดยไม่มีข้อแม้อะไรอีก  ยูโตะมองเลยไปยังบุคคลที่ยืนอยู่ถัดไป  “ยามะจัง  ไม่ไปทำงานเหรอนั่น?”  เขาร้องทักด้วยความดีใจ  กำลังอยากเจอพอดีเลย

    เรียวสุเกะยิ้ม  “จิเน็นกับรุ่นพี่ทาคาคิบอกว่าอยากมาเยี่ยมผู้จัดการน่ะ  ส่วนทางร้านไม่ต้องห่วงเพราะอาริโอกะกับอิโนะโอะจะเป็นคนดูแลให้  แล้วยูโตะคุงทำไมถึงได้มาอยู่ข้างนอกแบบนี้ล่ะ  ทำไมไม่อยู่กับผู้จัดการ”

    ยูโตะยิ้มหน้าเจื่อนก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาราวกระซิบ  “ริวทาโร่อยู่ข้างในน่ะสิ”

    “จริงเหรอ?”  คนฟังทั้งสามอุทานออกมาพร้อมกันอย่างแผ่วเบา  “ถ้างั้นก็ไม่ควรรบกวนเขาใช่มั้ยล่ะเนี่ย”  ยูริพูดขึ้น  เขาหันไปสบตากับคนรักแล้วคล้องแขนไว้อย่างออดอ้อน  “ถ้างั้นเราไปเดินเล่นกันเถอะครับพี่ยูยะ  ไว้เดี๋ยวค่อยมาใหม่”

    ยูยะยิ้มพร้อมกุมมือของยูริที่จับแขนเขาไว้เบาๆ  “เอางั้นก็ได้จ้ะยูริจัง  ถ้างั้นยูโตะ  ยามะจัง  ฉันไปนะเดี๋ยวจะมาใหม่  บ้าย บาย”  เขาพูดพร้อมโบกมือก่อนจะพาตัวเขาและร่างเล็กที่เกาะแขนเขาไว้นั้นเดินห่างออกมา

    เมื่ออยู่กันตามลำพัง  ยูโตะกับเรียวสุเกะหันมาสบตากันอย่างไม่ตั้งใจก่อนจะรีบหลบสายตาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว  เรียวสุเกะใจเต้นแรงจนเกรงว่าร่างสูงจะได้ยินมัน  เขารู้สึกได้ถึงเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างด้วยความตื่นเต้น  ตื่นเต้นทำไมกันนะ?

    ยูโตะยิ้มคนเดียวอย่างอายๆ  แม้จะรู้จักกันมานานจนรู้จักกันทุกส่วนแล้วก็ตาม  แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกตื่นเต้นนักก็ไม่รู้  ใช่สินะ  พวกเขาสองคนยังไม่เคยไปเดทกันจริงๆเลยสักครั้งตั้งแต่คบกันมา  ยูโตะเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กแล้วถือวิสาสะจับมืออ่อนนุ่มของเรียวสุเกะไว้  ร่างเล็กเงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจ  ยูโตะยิ้ม  “ไปเดินเล่นกันเถอะ”

    เรียวสุเกะหน้าแดงก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาของร่างสูงแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  “ในโรงพยาบาลเนี่ยนะ?”

    “เถอะน่า  โรงพยาบาลนี่แหละไม่เห็นเป็นไรเลย  ฉันเห็นยูริกับรุ่นพี่ทาคาแล้วอิจฉาอ่ะ  แถมยังพี่ชายกับริวทาโร่อีก  แล้วพวกเราไม่คิดจะหวานกับเขามั่งหรือไงเล่า”  ยูโตะทำหน้างอนอย่างกับเด็กๆ

    เรียวสุเกะอดที่จะหัวเราะกับสีหน้าของแฟนนิสัยเด็กของตัวเองไม่ได้  “ไม่เอาอ่ะ  อยู่นี่แหละ”  เขาพูดยิ้มๆ  ก็แค่แกล้งเท่านั้นแหละ

    แววตาของยูโตะฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาชั่วแว๊บหนึ่ง  เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรียวสุเกะจะต้องตอบกลับมาแบบนี้  ยูโตะยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะโน้มตัวลงไปหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่  “ฮ้า~ ชื่นใจจัง”  ยูโตะยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ขโมยหอมแก้มแฟนตัวเองได้

    เรียวสุเกะหันกลับมาจ้องยูโตะด้วยแววตากึ่งโกรธกึ่งอาย  ใบหน้าหวานแดงเรื่อยจนถึงใบหู  เจ้าโย่งบ้า!  ชอบทำอะไรให้เขาเขินจนมองหน้าไม่ติดอยู่เรื่อยเลย  เรียวสุเกะตีแขนคนรักเบาๆแก้เขินก่อนจะหันไปอมยิ้มคนเดียวเพื่อซ่อนความดีใจบนใบหน้าที่ปิดไม่อยู่

    ยูโตะยิ้มแล้วจับมือคนรักไว้อีกครั้งแต่คราวนี้เรียวสุเกะไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด  “ไปเดินเล่นกันเถอะ”  เขาชวน

    เรียวสุเกะพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง  ริมฝีปากยังระบายรอยยิ้มอยู่ไม่คลาย

    มือของยูโตะกระชับแน่นก่อนจะพาร่างเล็กเดินไปตามโถงทางเดินของโรงพยาบาลที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า  ทางเดินของโรงพยาบาลมันก็ไม่ได้ยาวมากนักหรอกนะแต่มันก็พอดีกับระยะทางที่คนป่วยและญาติๆจะเดินได้  ความรักของพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะยืนยาวได้จนถึงเมื่อไร  แต่ขอเพียงแค่ได้เดินไปด้วยกันจนสุดปลายทาง  ขอให้ตลอดทางเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม  พอเมื่อวันที่ธรรมดาแห่งความพลัดพรากมาถึง  พวกเขาก็หวังแค่ว่า  รอยยิ้มจะยังไม่คลายไปแม้จะไม่เห็นเงาของอีกคนหนึ่งแล้วก็ตาม

    ยูโตะหันไปสบตากับเรียวสุเกะ  ทั้งคู่ยิ้มออกมาด้วยความสุข  หวังว่ารอยยิ้มนี้ประทับอยู่ในหัวใจของพวกเขาทั้งสองตลอดไป

     

    ---------------------------------------------------------------------------

    เอิ้กๆๆๆๆๆ  <<  อะไรของแก

    แต่งตอนนี้เสร็จแล้วรู้สึกยังไงไม่รู้อธิบายไม่ถูก  แต่ก็ช่างเถอะ  ฮ่าๆๆๆๆ

    ช่วงนี้รู้สึกว่าจะหายไปนานๆ บ่อยๆ  แต่ยังไงซะ  ใกล้จะปีใหม่แล้วค่ะ  ชีวิตพี่เม่น(ในเรื่อง)ก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

    ไม่มีอะไรค่ะแค่จะบอกว่า  สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน  เจอกันปีหน้าเด้อ  ^__^   (รู้สึกว่าตอนนี้มันสั้นจังแฮะ หุหุ)


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×