คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 30
ตอนที่ 30
ริวทาโร่ปิดหนังสือลงอย่างกระวนกระวายใจ ไหนบอกว่าจะกลับมาเร็วๆไงแต่จนป่านนี้เขายังไม่เห็นเคโตะโผล่มาเลย เขากดเบอร์โทรหาเคโตะแต่กลับไม่มีคนรับสาย หรือเคโตะจะเป็นอะไรไปนะ ขณะที่ความกังวลกำลังจะถึงขีดสุด เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ริวทาโร่กดรับ “พี่เคโตะครับ เมื่อไรพี่จะกลับมาสักทีเนี่ย?” น้ำเสียงของเขาร้อนรนเจือด้วยความโกรธนิดๆ แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่คนที่เขาต้องการได้ยิน
[สวัสดีค่ะ คุณโมริโมโตะ ริวทาโร่] เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูด
“เธอเป็นใคร?”
[ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญที่ว่าแฟนคุณกำลังทำอะไรกับใครอยู่ต่างหาก] ริวทาโร่เงียบไป เขาตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ เสียงมิกิหัวเราะมาตามสาย [ที่เดิมที่พวกคุณมาเที่ยวเมื่อวานนี้ ชั้น 2 ห้องบริการที่ 10 มาดูให้เห็นกับตาสิคะ]
“เธอทำอะไรเขา!” ริวทาโร่ตะโกนถามอย่างเดือดดาล
มิกิหัวเราะ [ฉันก็แค่โทรมาเตือนคุณไว้เท่านั้นเอง คุณมันโง่รู้ตัวมั้ย แฟนคุณน่ะไว้ใจไม่ได้เท่าไรหรอก] หล่อนพูดก่อนจะกดตัดสายไป ริวทาโร่วางโทรศัพท์ลงด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน เกิดอะไรขึ้นกับเคโตะนะ?
ยูโตะคอยเรียวสุเกะอย่างกระวนกระวายใจ นี่มันก็เกือบชั่วโมงแล้ว เรียวสุเกะไปอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ย เขาแกะมือของหญิงสาวบริการที่เกาะแขนเขานัวเนียอยู่ออกแล้วหันไปพูดกับโคตะ “ผมจะไปหายามะจังครับ” เขาพูดแล้วพุ่งพรวดออกจากห้องไปทันที
โคตะได้แต่เกาหัวอย่างงงงวย “อะไรวะ ไปกันหมดเลย” เขาบ่นแล้วหันไปทางชินจิที่กำลังสนุกสนานกับสาวนุ่งน้อยห่มน้อยที่คอยปรบมือเอาอกเอาใจเวลาที่เขาร้องเพลง ดูท่าชินจิจะชอบร้องเพลงน่าดูเพราะตั้งแต่เข้ามาแล้วเขายังไม่ยอมวางไมค์เลย โคตะจิบน้ำเปล่าเล็กน้อยแล้วเอนพิงโซฟาอย่างเหนื่อยหน่ายเต็มทน
ยูโตะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำของสถานบันเทิงที่มีผู้คนเข้าออกมากพอควร เขาเคาะประตูห้องน้ำทุกห้องพร้อมร้องเรียกเรียวสุเกะไปด้วย แต่ไม่ว่าจะไปกี่ห้องก็ไม่ปรากฏแม้เงาของคนรักเลย ยูโตะเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เรียวสุเกะหายไปไหนนะ?
“คุณยูโตะ”
ยูโตะหันไปตามเสียงเรียก ริวทาโร่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ เขามองเพื่อนรักอย่างแปลกใจ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ริวทาโร่ไม่ได้สนใจคำถามของเขา “พี่เคโตะล่ะครับ พี่เคโตะอยู่ที่ไหน”
“ก็กลับไปแล้วนี่”
ริวทาโร่ส่ายหน้า น้ำตาใสๆรื้อขึ้นเต็มดวงตา “พี่เคโตะไม่ได้กลับโรงแรม มีคนบอกว่าเขากำลัง...” ร่างเล็กเงียบไป คำพูดนั้นเป็นคำพูดที่เขาไม่อยากจะนึกถึงเลย
ยูโตะจับไหล่เพื่อนชายเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ เรื่องเรียวสุเกะก็ทำให้เขากังวลมากพออยู่แล้วแล้วยังมาเรื่องเคโตะอีก มันทำให้เขาแทบคลั่งด้วยความเป็นห่วง “พี่ชายทำอะไร พี่ชายเป็นอะไรไปริวทาโร่?”
เสียงริวทาโร่ตอบขึ้นเบาๆ “ชั้น 2 ห้องบริการที่ 10 ผู้หญิงคนนั้นบอกไว้”
“ผู้หญิงคนไหน?”
ริวทาโร่ส่ายหน้า “ผมไม่รู้ แต่เธอบอกว่าให้มาดูเอง”
ยูโตะผละจากริวทาโร่รีบวิ่งขึ้นไปบนชั้น 2 ทันที ตามทางเดินแคบๆที่เปิดไฟสลัว ยูโตะเดินไปช้าๆ โดยมีริวทาโร่เดินตามหลัง เขาใจเต้นระทึกกลัวในสิ่งที่กำลังจะเห็นต่อไปนี้ เคโตะกำลังทำอะไร?
เรียวสุเกะลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องพักสีทึมมีเพียงแสงไฟส่องสว่างเล็กน้อยจากโคมไฟหัวเตียง เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งรู้สึกถึงความปวดเมื่อยและร่างกายที่อ่อนล้าโรยแรงด้วยฤทธิ์ยาที่ถูกวางตัวเขาไม่มีเสื้อผ้าแม้สักชิ้นสวมใส่ เขาหันไปยังคนที่นอนอยู่ข้างๆ เหตุการณ์ก่อนที่เขาจะสลบไปย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิด เสียงผู้หญิงคนนั้นดังก้องในหูเขาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
.......ขอโทษนะคะ นี่เป็นคำสั่งของคุณโอคาโมโตะ เคโตะ ฉันเองก็ขัดไม่ได้เหมือนกัน.......
เรียวสุเกะเบิกตากว้างมองเคโตะที่นอนหลับอยู่ข้างๆอย่างตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้จัดการจะทำแบบนี้กับเขาได้แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เขาต้องยอมรับความจริงด้วยความเจ็บช้ำในหัวใจอย่างถึงที่สุด เรียวสุเกะน้ำตาไหลพราก เขาลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่วางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ ประตูก็ถูกเปิดผางออกด้วยใครบางคนที่เขาคุ้นเคย
ริวทาโร่เดินตามหลังยูโตะไปจนถึงห้องที่ผู้หญิงที่โทรเข้ามาบอกไว้ “ห้องนี้แหละครับ” เขาพูด
ยูโตะสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้า เขาจับลูกบิดและหมุน มันไม่ได้ล็อคไว้ ยูโตะเปิดประตูเข้าไปข้างในทันทีแต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน เรียวสุเกะกำลังสวมเสื้อผ้าและบนเตียงนั้น เคโตะที่ไร้อาภรณ์สวมใส่มีเพียงผ้าห่มที่คลุมร่างไว้เท่านั้นกำลังนอนหลับโดยไม่รู้สึกตัวว่าเขาเข้ามาด้วยซ้ำ
ริวทาโร่มองภาพตรงหน้าแค่ชั่วแว๊บเดียวเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งคู่ในห้องนั้น เขาวิ่งออกไปจากห้องทันทีเพราะไม่อาจทนเห็นภาพนั้นนานกว่านี้ได้ ริวทาโร่ยืนพิงผนังไว้ เขาแทบจะก้าวขาไม่ออกอยู่แล้ว น้ำตาไหลออกมาจากหัวใจที่บอบช้ำ ทั้งๆที่บอกให้เขาเชื่อใจแต่เคโตะกลับทรยศเขาเสียเอง ริวทาโร่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เหมือนกันไม่มีผิด เขาคิดอย่างเจ็บปวด พ่อลูกคู่นี้เหมือนกันไม่มีผิด!
ยูโตะจ้องมองคนรักที่อยู่ตรงหน้าด้วยไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใดดี สิ่งนี้มันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ เรียวสุเกะกับพี่ชายของเขา ทำไมถึงได้... “ยามะจัง” เขาเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เรียวสุเกะก้มหน้าลงน้ำตาไหลไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น
ร่างที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวเล็กน้อย เคโตะลืมตาขึ้นมาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เขาขยี้ตาเพื่อให้สายตาได้ชินกับแสงภายในห้อง เขามองไปยังน้องชายที่ยืนจ้องเขาอยู่ เคโตะก้มลงสำรวจตัวเองแต่ก็ได้พบกับร่างที่เปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มนั้น ยูโตะจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขาเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่มิกิต้องการทันที แต่ยังไม่ทันที่จะได้อธิบายอะไรหมัดหนักๆของยูโตะก็ต่อยมาที่ใบหน้าเขาอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว แววตาของน้องชายเต็มไปด้วยความโกรธและเสียใจ
“ผมอุตส่าห์เชื่อใจพี่” ยูโตะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เคโตะหันกลับมามองด้วยความตกใจ “คงพอใจแล้วสิที่ทำให้ผมสูญเสียได้ พี่ได้หมดแล้วนี่ ทั้งพ่อ ทั้งเรียวสุเกะ พอใจแล้วใช่มั้ยที่พี่แย่งพวกเขาไปได้!”
“ฟังฉันก่อนสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
ยูโตะชกหมัดขวาไปบนหน้าของเคโตะอีกครั้ง “ยังจะให้ฟังอะไรอีก!” เขาตะคอกด้วยแรงโทสะที่มากล้น ยูโตะดันอกพี่ชายให้นอนลงกับที่และเงื้อมหมัดขึ้นเตรียมชกอีกแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสบตากับเคโตะตรงๆเข้า พี่ชายคนนี้ที่เขารักและเชื่อใจมาตลอดแต่วันนี้ยูโตะเพิ่งได้รู้ธาตุแท้ของเขา น้องชายน้ำตาไหลพราก ความเสียใจที่เกิดขึ้นเป็นดั่งน้ำแข็งที่กำลังกัดกินหัวใจ เขาไม่น่าไว้ใจคนผิดเลย ยูโตะกำหมัดแน่นก่อนจะชกคนที่อยู่เบื้องล่างอีกครั้งเต็มแรง
ใบหน้าของเคโตะหันไปตามแรงหมัด ไม่มีแม้เสียงร้องหรือการปัดป้องใดๆจากเขา เคโตะรู้สึกได้ถึงเลือดเหนียวๆ ที่ไหลออกมาจากบาดแผลที่เกิดขึ้น ยูโตะเอามือออกจากตัวเขาและพูดด้วยคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกแทบจะขาดใจจริงๆ
“พี่ไม่ใช่พี่ชายผมอีกต่อไปแล้ว คงสมใจพี่แล้วล่ะสิ อยากให้เป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ยูโตะพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา เขาหันไปมองเรียวสุเกะ ความเสียใจทำให้เขาไม่อยากจะพูดอะไรกับคนตรงหน้าอีกแล้ว เขาหันหลังและเดินออกไปจากที่แห่งนั้นทันที
“เดี๋ยวสิ!” เคโตะร้องเรียกพร้อมจะลุกขึ้นแต่ยูโตะกลับหันมามองด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยซะ เดินโทงๆออกไปแบบนั้นคนเขาก็ตกใจแย่” ยูโตะแสยะยิ้มด้วยความแค้นเคือง “ไอ้พี่เลว!” เขาตะคอกใส่เคโตะ แล้วมองพี่ชายด้วยแววตาอาฆาตก่อนจะเดินจากมา
เคโตะตะลึงงันกับคำพูดนั้น หัวใจของเขาเจ็บปวดจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คำพูดนั้นของยูโตะทำให้เขาเหมือนอะไรบางอย่างจุกแน่นอยู่ที่คอแม้จะเปล่งเสียงก็ยังลำบาก เขาหันไปมองเรียวสุเกะที่ยืนร้องไห้อยู่ไม่ไกล “ยามาดะ” เขาเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผมมองคุณผิดไป โอคาโมโตะ เคโตะ” เรียวสุเกะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “คิดว่าสิ่งที่คุณทำผมจะให้อภัยคุณได้เหรอ คุณพรากความบริสุทธิ์จากผมโดยที่ผมไม่เต็มใจ คุณทรยศต่อน้องชายของคุณ ทรยศต่อคนที่รักคุณด้วย”
“ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะ เรื่องพวกนี้มันเป็นแผนของมิกิ”
“อย่ามาแก้ตัวดีกว่าโอคาโมโตะ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณทำอะไร ผมขอลาออก จากนี้อย่าให้ได้เจอกันอีกเลย” เรียวสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำด้วยน้ำตาที่ไหลริน เขากำลังจะเดินออกไปแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเดินกลับมาหาเคโตะอีกครั้งแล้วเงื้อมมือขึ้นตบหน้าร่างสูงฉาดใหญ่ “แค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่คุณทำกับผม!” เรียวสุเกะพูดอย่างแค้นเคืองก่อนจะเดินจากมา
“เดี๋ยวก่อนยามาดะ อย่าเพิ่งไป” เคโตะเรียกตามหลัง เขาลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งออกจากห้องตามเรียวสุเกะไป แต่พอเปิดประตูออกมากลับไม่มีใครเลยสักคน เคโตะวิ่งลงมาจากชั้นสองเข้าเบียดเสียดผู้คนที่อยู่ในสถานบันเทิงแห่งนั้นพลางมองหาเรียวสุเกะและยูโตะอย่างร้อนรน “ยามาดะ! ยูโตะ! พวกนายอยู่ที่ไหน!” เขาตะโกนเรียกแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอึกทึก
เคโตะเดินพ้นจากกลุ่มผู้คนเหล่านั้นและออกมายืนในที่ว่างได้สำเร็จ เขามองไปทั่วสถานบันเทิงแห่งนั้นแต่กลับไม่มีแม้เงาของคนที่เขาต้องการเจอเลย เคโตะรู้สึกถึงดวงตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความกังวล ฟังเขาก่อนสิ อย่าเข้าใจเขาผิดอีกเลยนะ
“คุณเคโตะมาทำอะไรที่นี่ครับ ไหนว่ากลับไปแล้วไง” เสียงโคตะร้องทักพร้อมแบกร่างอ่อนปวกเปียกของชินจิมาด้วย เพราะสถานบันเทิงที่เปิดไฟสลัวทำให้เขามองไม่เห็นรอยช้ำบนหน้าเคโตะและใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้ของเขา “กลับโรงแรมไปนอนเถอะครับ พวกเราต้องออกเดินทางกันแต่เช้านะ คุณมาช่วยผมทีสิ” เขาพูดโดยไม่ใส่ใจเคโตะมากมายนัก
เคโตะซ่อนหยาดน้ำตาที่กำลังจะไหลเข้าไปพยุงร่างของชินจิเดินไปจนถึงรถตู้ที่จอดรออยู่ โคตะปาดเหงื่อหลังจากที่พาชินจิเข้าไปในรถแล้ว เขาหันมายิ้มให้เคโตะและตอนนี้เองที่เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้
“คุณเคโตะเป็นอะไรไปครับ ทำไมหน้าคุณเป็นแบบนั้นล่ะ?”
เคโตะน้ำตาคลอด้วยความกังวล “ยามาดะกับยูโตะกำลังเข้าใจผิด ผมต้องไปอธิบายกับพวกเขาว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาเข้าใจ” เคโตะพยายามอธิบายแต่น่าเสียดายที่คนฟังกลับเข้าใจเป็นอย่างอื่น
โคตะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แค่เรื่องชินจิก็ทำให้เขาลำบากจะแย่อยู่แล้วยังมีเด็กพวกนี้ที่ทำตัวมีปัญหาอีก คิดว่าเป็นลูกประธานบริษัทแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ “คุณไปยุ่งอะไรกับพวกเขาครับคุณเคโตะ นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าพวกเขามีปัญหากันก็ต้องปล่อยให้พวกจัดการกันเองไม่ใช่คุณไปยุ่งด้วยแบบนี้” เขาต่อว่า “พวกเขาเพิ่งจะกลับโตเกียวไปเมื่อสักครู่นี้เอง”
เคโตะรับรู้ถึงความโกรธเล็กๆที่เกิดขึ้นในห้วงความรู้สึก “เพราะพวกเขาเข้าใจผมผิดน่ะสิผมถึงต้องไปอธิบาย ได้โปรดเถอะครับคุณยาบุ ให้ผมกลับโตเกียวเถอะนะ ผมต้องอธิบายเรื่องนี้ให้สองคนนั้นเข้าใจให้ได้”
โคตะถอนหายใจพยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างใจเย็น “ขอร้องนะครับคุณเคโตะ กรุณาอย่าทำตัวให้เป็นตัวถ่วงของงานนี้เลย คุณพ่อคุณส่งผมมาเพื่อช่วยคุณทำงานแต่ถ้ายังเอาแต่ใจอยู่แบบนี้งานมันก็คงไม่สำเร็จ ผมขอร้องให้คุณไปโอซาก้ากับผมตอนนี้ดีกว่า”
“แต่เรื่องนี้สำคัญมากนะครับ มันเกี่ยวกับ....”
“คุณเคโตะครับ” โคตะพูดแทรกขึ้นมาอย่างเยือกเย็น “ผมบอกแล้วไงครับว่าเรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้เราต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ ส่วนเรื่องเข้าใจผิดอะไรที่คุณว่าน่ะก็ไม่ต้องกังวลหรอกครับ พี่น้องกันยังไงก็ต้องเข้าใจกันได้อยู่แล้ว ถ้าคุณยูโตะโกรธคุณมากขนาดนั้นก็ควรที่จะปล่อยให้เขาใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยอธิบายทีหลังมันก็ไม่สายหรอก”
“แต่ผมต้องอธิบายให้เขาเข้าใจเดี๋ยวนี้!”
“คุณเคโตะครับ” โคตะพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “หยุดพูดเอาแต่ใจได้แล้ว ขึ้นรถแล้วไปโอซาก้ากันตอนนี้เลย เรื่องส่วนตัวไว้ค่อยมาจัดการทีหลัง ขอร้องล่ะครับ อย่าทำให้เสียเวลามากกว่านี้เลย” เขาพูดอย่างเย็นชาก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถตู้ที่จอดรอไว้ เขาหันมาพูดกับเคโตะที่ดวงตาแดงก่ำด้วยไม่รู้ว่าร้องไห้หรือกำลังโกรธอยู่กันแน่ “รู้ใช่มั้ยครับว่าถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณมันจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากให้คุณโดนเขาด่า เพราะฉะนั้นกรุณาขึ้นรถแล้วไปโอซาก้ากับผมตอนนี้เลย”
เคโตะมองหน้าคนพูด เขาตัดสินใจอย่างลังเล ถ้าเคนอิจิรู้เรื่องนี้คงไม่มีวันที่พ่อจะฟังเหตุผลที่เขาอธิบายหรอก เคนอิจิก็คงจะเข้าข้างยูโตะอีกตามเคย เคโตะน้ำตาเอ่อขึ้นมาด้วยความน้อยใจลึกๆเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น แต่ถึงยังไงเรื่องการเข้าใจผิดของยูโตะก็ยังทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ “แต่ว่า... ยูโตะน่ะ”
“คุณเคโตะครับ” โคตะพูดขัดขึ้นอีกครั้ง ด้วยอารมณ์ที่โมโหให้ชินจิก่อนหน้านี้อยู่แล้วทำให้เหตุผลทุกเหตุผลของเคโตะฟังไม่ขึ้นทันที “คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือยังไง ผมบอกแล้วไงครับว่าให้คุณยูโตะใจเย็นมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยอธิบายก็ยังไม่สาย” เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ขึ้นรถเถอะครับจะได้ออกเดินทางสักที เดินทางก่อนกำหนดวันหนึ่งอาจทำให้คุณได้กลับบ้านมาอธิบายเรื่องส่วนตัวของคุณให้คุณยูโตะเข้าใจเร็วขึ้นก็ได้” โคตะจงใจเน้นคำว่า ‘ของคุณ’ เพื่อให้เคโตะได้รู้สึกผิด
หัวใจของเคโตะเจ็บปวดด้วยความเสียใจ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเขาสักคนเลยนะ “แต่ว่า...”
“คุณเคโตะครับ!” โคตะตะคอกอย่างเหลืออด ไอ้พวกลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อทำไมถึงได้เอาแต่ใจขนาดนี้ก็ไม่รู้ “ถ้าอยากกลับบ้านเร็วๆก็ขึ้นรถมาเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ถ้าขืนช้ากว่านี้ผมจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณเคนอิจิทราบ ผมรู้ว่าคุณคงไม่อยากจะโดนระเบิดของคุณเคนอิจิอีกครั้งหรอกใช่มั้ยครับ” เขาหัวเราะเล็กน้อยอย่างกระหยิ่มใจที่เห็นเคโตะหงอยลงไปได้ “ขึ้นรถเถอะครับ อย่าทำให้เสียเวลามากกว่านี้เลย”
ภายในห้องที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์นับสิบเครื่องกำลังฉายภาพภายในห้องพักต่างๆ บางห้องไม่มีคนอยู่ บางห้องที่คนกำลังเล่นอะไรกัน บางห้องที่กำลังเริ่มภารกิจและบางห้องที่เสร็จกิจเรียบร้อยแล้วกำลังนอนกอดก่ายร่างเปลือยเปล่าของกันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนภายใต้การเฝ้าจับตามองอยู่ตลอดเวลาของเจ้าของกล้องวงจรปิดแต่ละตัวนั้น
“นั่นมันอะไรน่ะ!?” ยูริร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อปรากฏเห็นภาพเหล่านั้นในจอมอนิเตอร์ครั้งแรก ยูยะดึงร่างเล็กเข้ามาซบอกเขาเพื่อไม่ให้ยูริได้เห็นสิ่งสกปรกโสมมเหล่านั้น
อากิระหัวเราะเบาๆ “เออแหนะ แฟนยูยะนี่ก็เด็กดีนะ นี่! เจ้าหนูยูริตัวน้อย ฉันจะบอกอะไรไห้ ห้องบริการของสถานบันเทิงน่ะ ไม่มีคำว่าส่วนตัวหรอก” เขาพูดยิ้มๆ
“ห้องบริการที่ 10 เวลาประมาณสองทุ่ม ผู้เช่าห้องคืออาชิดะ มิกิ นี่ครับคุณมินามิ” เด็กหนุ่มที่เป็นคนดูแลกล้องแต่ละตัวยื่นม้วนเทปให้เขา“ถ้าไม่ใช่คนพิเศษอย่างคุณมินามิเนี่ยผมไม่ให้เข้ามาหรอกนะครับ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบใจ” อากิระพูดพร้อมรับม้วนเทปนั้นมา เขายิ้มให้ยูยะเมื่อเห็นว่าหลานรักยังคงกอดแฟนตัวเองไว้แน่น “รีบๆออกไปกันดีกว่า ไม่งั้นก็ไม่รู้ความจริงกันพอดี” เขาพูดแล้วเดินออกจากห้องนั้นทันที
“เขาทำแบบนั้นทำไมครับ ทำไมต้องถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ด้วย” ยูริถามขณะที่เดินตามอากิระออกมาจากห้อง เขาคิดว่าคนพวกนี้มันโรคจิตชัดๆ
“ก็เก็บไว้ดูไงเจ้าหนู หนังสดพวกนี้น่ะมันตื่นเต้นมากกว่าที่ดูพวกที่เขาแสดงเป็นไหนๆ” เขาพูดโดยไม่มีความละอายแก่ใจที่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลของคนอื่นแบบนั้นอากิระเดินเข้าไปภายในห้องพักส่วนตัวที่จองไว้แล้วเปิดเครื่องเล่นเทปก่อนจะใส่เทปม้วนนั้นเข้าไป “แล้วเราก็จะได้รู้กันว่ามิกิจังคนสวยเขาจะทำอะไรในห้องที่ 10 นั่น ยูยะแน่ใจเหรอว่ามิกิจังเขามาที่นี่เพราะมีแผนอะไรบางอย่างจริง”
ยูยะส่ายหน้า “ผมแค่สังหรณ์น่ะครับ ช่วง 2 ทุ่มเป็นช่วงที่ผมติดต่อพวกยามาะจังไม่ได้เลย ผมแค่คิดว่าอาจจะเป็นช่วงที่อาชิดะลงมือก็ได้”
“ก็เลยอยากรู้ว่าช่วงเวลานี้มิกิจังอยู่ที่ไหนล่ะสิ” อากิระถามต่อ ยูยะพยักหน้าแทนคำตอบ น้าชายยิ้ม “เดี๋ยวเราก็จะได้รู้กัน รออีกแป๊ปนึง เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือเจ้าชินจิหรอก สำหรับน้ามันจิ๊บจ๊อยอยู่แล้ว” เครื่องเล่นเทปส่งเสียงเล็กน้อยก่อนที่ภาพภายในห้องพักที่ 10 จะปรากฏแก่สายตาของคนทั้งสาม อากิระรีเทปไปสักพักจนกระทั่งเห็นมิกิเดินเข้ามา เรื่องราวในเทปดำเนินต่อไปจนถึงเหตุการณ์ตอนที่ยูโตะชกพี่ชายและเดินหัวเสียออกไปจากห้องตามด้วยเรียวสุเกะและเคโตะที่รีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งตามคนทั้งคู่ออกไป
อากิระกดปิดเครื่องเล่นเทปและครางออกมาเบาๆ “ไม่คิดเลยว่ามิกิจังคนสวยจะเป็นคนแบบนี้นะเนี่ย”
ยูยะหันไปมองคนรักที่จ้องมองเครื่องเล่นเทปตาค้าง เขาสะกิดยูริเบาๆ “ยูริจัง เป็นอะไรหรือเปล่า”
“นี่มันเข้าใจผิดกันไปหมดแล้วนะครับ” ยูริโพล่งขึ้นมา เขาถอนหายใจอย่างเป็นกังวลจนลืมเรื่องความโรคจิตของคนที่นี่ไปชั่วขณะ “ยูโตะต้องได้รู้ว่าพี่ชายเขาไม่ได้ทำอะไรแบบที่เขาเข้าใจ ยัยมิกินั่น ร้ายกาจนัก” เขาพูดด้วยอารมณ์แค้นเคือง
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าหนู มีหลักฐานถึงขนาดนี้แล้วเจ้าหนุ่มยูโตะนั่นต้องรู้ความจริงแน่นอนแหละน่า” อากิระถอนหายใจพร้อมรอยยิ้มที่ระบายออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มที่คาดเดาไม่ได้ว่ายิ้มออกมาด้วยความรู้สึกอย่างไร “เดี๋ยวต้องสั่งสอนมิกิจังคนสวยเสียหน่อยแล้วว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับอากิระ มินามิคนนี้”
ภายในรถตู้ของบริษัทโอคายะที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่โอซาก้า ผู้โดยสารมีเพียงเคโตะและโคตะรวมกับคนขับรถก็เป็นสามคน อากาศที่เย็นเฉียบภายในรถนั้นไม่ทำให้เคโตะสะทกสะท้านอะไรเลย เขาพิงกระจกรถพลางมองไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่า ยามดึกในเวลานี้ช่างทำให้หัวใจเขาเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก ในหัวเคโตะกังวลไปด้วยเรื่องหลายอย่าง ทั้งยูโตะ เรียวสุเกะ และริวทาโร่ ริวทาโร่จะเข้าใจเขาผิดเหมือนยูโตะกับเรียวสุเกะหรือเปล่านะ เขาอยากจะอธิบายให้พวกนั้นเข้าใจแต่ตอนนี้เขากลับทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์ของเขาหายไปตั้งแต่อยู่ที่สถานบันเทิงแห่งนั้นแล้ว เพราะเรื่องราวฉุกละหุกเกินไปทำให้เขาลืมหยิบมันมาด้วย
โคตะยื่นผ้าห่มให้ “ห่มผ้าสักหน่อยนะครับคุณเคโตะ อากาศหนาวมากแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เคโตะหันมามองแว้บหนึ่งแล้วรับผ้าห่มนั้นมาโดยไม่พูดอะไร สายตาเขายังคงเหม่อมองออกไปอย่างเปล่าเปลี่ยวเหมือนเคย “เรื่องโทรศัพท์ของคุณผมโทรบอกให้ที่นั่นเก็บไว้ให้แล้ว” โคตะพูดแต่เมื่อไร้เสียงตอบรับเขาก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาคิดถึงตอนที่เคโตะดึงดันจะกลับโตเกียวให้ได้ เรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเคโตะมากก็ได้ เขาควรจะปล่อยให้เคโตะกลับไป โคตะรู้สึกผิดแต่มาคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วเมื่อในอีกไม่กี่นาทีพวกเขาก็จะถึงบ้านของฮิคารุที่เป็นจุดหมายปลายทาง
รถตู้แล่นเข้าไปจอดในบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่ร่มรื่นด้วยสวนสวยที่ตกแต่งไว้ที่หน้าบ้าน ฮิคารุวิ่งมาเปิดประตูรถตู้ให้อย่างตื่นเต้น “ยาบุจังมาแล้วเหรอ รีบๆเข้ามาเถอะจะได้พักผ่อนซักที” เขาพูดพร้อมดึงแขนโคตะให้ลงมาจากรถ
ร่างสูงยิ้มเมื่อพบกับคนรัก “คิดถึงจังเลยครับฮิคารุจัง”
ฮิคารุยิ้มหน้าแดงได้แต่ตีแขนคนรักเบาๆแก้เขิน เขามองไปยังเคโตะที่เพิ่งจะลงมาจากรถ ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างทำให้ฮิคารุมองเห็นบาดแผลบนใบหน้าเคโตะได้ชัดเจน “เอ๊ะ!” ฮิคารุร้อง “คุณโอคาโมโตะ เคโตะใช่มั้ยครับ? หน้าคุณไปโดนอะไรมาน่ะ”
เคโตะยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “ไม่มีอะไรหรอกครับ” เขาพูดราวกับมันไม่ใช่เรื่องสำคัญก่อนจะโค้งให้ฮิคารุเป็นเชิงแนะนำตัว “โอคาโมโตะ เคโตะ ฝากตัวด้วยครับ”
ฮิคารุโค้งตอบ “ยาโอโตเมะ ฮิคารุครับ ผมว่าคุณเข้าไปข้างในดีกว่าเดี๋ยวผมทำแผลให้ ป่ะ! ยาบุจัง พาคุณโอคาโมโตะเข้าไปข้างในที”
เคโตะยิ้มน้อยๆ กลิ่นหอมของดอกไม้จากข้างบ้านลอยมาตามสายลมยามดึก เคโตะสูดหายใจเข้าเล็กน้อย หอมจังนะ เขามองไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกัน เจ้าของบ้านหลังนั้นคงมีความสุขน่าดูที่ได้สูดกลิ่นหอมของดอกไม้ทุกวัน เขายิ้มบางๆ ด้วยความเศร้า ความเหงากำลังลุกล้ำกลืนกินไปทั่วทั้งจิตใจ ชั่วขณะนั้นจู่ๆก็ทำให้เขาก็คิดถึงแม่ขึ้นมา แม่เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายบ้าง แม่ครับผมเหงาจัง ถ้าแม่อยู่กับผมตอนนี้ก็คงดี เคโตะคิด เขาละสายตาจากบ้านหลังนั้นแล้วเดินตามฮิคารุเข้าไปข้างใน
ความคิดเห็น