ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 238
      1
      2 ก.ย. 55

    ตอนที่ 17

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดเข้ามาผ่านผ้าม่านสีครีมที่เปิดไว้  ยูโตะกระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้สายตาชินกับแสงก่อนจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ที่กรีดร้องดังอยู่ข้างๆ  “ฮัลโล”

    [ยูโตะคุง  ตื่นอยู่หรือเปล่า?]

    ยูโตะสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที  “ยามะจัง”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  “ตื่นแล้ว  ยามะจังมีอะไรเหรอโทรมาแต่เช้าเชียว”

    [เช้าอะไรกันยูโตะคุง  นี่มันจะสิบโมงแล้วนะ]

    “ห้ะ!!  ยูโตะร้องเสียงดังพร้อมมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง  สิบโมงจริงๆ ด้วย!!  “ฉันไปทำงานสายแน่ๆ เลย”

    [ยูโตะคุง]  เสียงเอือมระอาเล็กน้อยของเรียวสุเกะ  [วันนี้วันหยุดนะ]

    ยูโตะถอนหายใจใหญ่  “เฮ้อ~  จริงด้วยสินะฉันลืมไปเลย”

    ยูโตะได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะเบาๆ จากเรียวสุเกะ  [อะไรกันยูโตะคุง]  เสียงเรียวสุเกะเงียบไปอีกสักพัก  [เมื่อวานนี้ยูโตะคุงไปไหนมาเหรอ  ฉันโทรหาแล้วทำไมถึงไม่รับเลยล่ะ]

    ยูโตะหัวเราะแห้งๆ  “มีเรื่องยุ่งนิดหน่อยน่ะ  ว่าแต่เรียวสุเกะโทรหาฉันทำไมเหรอ”

    [จิเน็นชวนไปเที่ยวเขาโทรหายูโตะคุงแต่ยูโตะคุงไม่รับเลย]

    “ไปเที่ยวเหรอ  ที่ไหนล่ะ  แล้วยามะจังไปมั้ย”

    [เอ่อ...]  เสียงเรียวสุเกะหายไปสักครู่นั่นทำให้เขายิ่งตื่นเต้น  [คงจะไปล่ะมั้ง]

    “ทำไมต้องมั้งด้วยล่ะยามะจัง  ไปเหอะนะ  ยูริอาจจะแค่อยากเจอเพื่อนเก่าก็ได้”

    [มันก็คงเป็นอย่างนั้น  แต่ว่า... เฮ้อ~  ฉันรู้สึกว่าจิเน็นไม่ชอบฉันเลย]

    ยูโตะเข้าใจความรู้สึกของเรียวสุเกะดีเลยล่ะ  ก็เหมือนกับที่เคโตะไม่ชอบเขาไง  “ฉันเข้าใจความรู้สึกของยามะจังนะ  แต่ว่า  ยามะจังจะหนียูริตลอดไปแบบนี้ไม่ได้หรอก  ถ้าอยากเอาชนะใจให้ได้ยามะจังก็ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น”

    [แต่ว่า....]  เสียงเรียวสุเกะเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา  [ตกลง  ฉันจะไปเที่ยวด้วยนะ]

     

    ยูโตะเปิดประตูออกมาจากห้องด้วยชุดเสื้อผ้าใส่สบายสำหรับไปเที่ยวสวนสนุก  ถึงแม้พวกเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตามแต่การได้ไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเด็กๆ ก็ทำให้รู้สึกสนุกไปอีกแบบ  ริวทาโร่เดินขึ้นมาเห็นเข้าพอดี  “เอ๊ะ!  คุณยูโตะจะไปไหนครับ”  เขาร้องทักเมื่อเห็นยูโตะแต่งตัวหล่อกว่าปกติแถมหน้าตายังสดชื่นแจ่มใสอีกต่างหาก

    “ไปเที่ยว”  ยูโตะตอบพร้อมรอยยิ้ม“กับยามะจัง”

    ริวทาโร่ยิ้มอย่างหมั่นไส้แบบแกล้งทำ“แหม.. ตั้งแต่มียามะจังเดี๋ยวนี้ไปเที่ยวแล้วไม่ชวนเลยนะครับ”

    “ถ้างั้นนายก็มากับฉันสิ”  เสียงของใครคนหนึ่งดังขื้น  ริวทาโร่กับยูโตะหันไปทางต้นเสียงทันทีด้วยความตกใจ  เคโตะเดินเข้ามาใกล้พวกเขาอีกแล้วมองหน้าคนที่เขาถาม  “ว่าไง?”

    ริวทาโร่จ้องหน้ากลับอย่างแปลกใจ  “เอ่อ.. ผมก็แค่พูดเล่นน่ะครับ  ผมไม่ได้คิดจะ...”

    เสียงของริวทาโร่ขาดห้วงลงทันทีที่เคโตะกระชากแขนเขาขึ้นมา  “บอกให้มาก็มาสิ”  เขาว่าแล้วลากร่างเล็กกว่าให้ตามไป

    “เดี๋ยวสิครับพี่ชาย”  ยูโตะที่ยืนมองเหตุการณ์มาตลอดร้องขึ้น  “พี่จะพาริวทาโร่ไปไหนน่ะ”

    “ฉันไม่ทำอะไรเพื่อนรักของนายหรอกแล้วไปเที่ยวกับยามาดะก็ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ  ถ้าผู้ช่วยฉันเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวล่ะก็  ฉันไม่ยอมแน่”  เคโตะพูดโดยไม่หันกลับไปมองก่อนจะลากริวทาโร่ให้ตามไปโดยที่ร่างเล็กขัดขืนไม่ได้

    ยูโตะได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่กล้าขัดพี่ชาย  แต่คำพูดเมื่อกี้นี้มันคืออะไรนะ  ปกติเคโตะไม่เคยสนใจเรื่องของเขาหรือคนที่เขาจะไปด้วยเลยสักครั้ง  แต่ครั้งนี้กับสั่งให้เขาดูแลเรียวสุเกะให้ดีๆ มันหมายความว่ายังไงกันแน่  “ช่างเถอะ”  เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินลงข้างล่าง  เสียงรถของเคโตะแล่นออกไปทันทีที่เขาลงมาถึง  “แม่ครับ  พี่เขาบอกหรือเปล่าว่าไปไหน”

    ยูมิโกะละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่  “เปล่านี่จ้ะ  ยูโตะมีอะไรเหรอ?”

    “ไม่รู้สิครับ  วันนี้พี่ชายดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้”

    “แปลกยังไงล่ะ”

    ยูโตะลงไปนั่งข้างๆ ยูมิโกะ  “ผมรู้สึกว่าระหว่างพี่ชายกับริวทาโร่ดูแปลกๆ ไปนะครับ  ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  ริวทาโร่ตามพี่ชายไปได้ยังไง  แล้วทำยังไงพี่ชายถึงยอมกลับบ้านได้  ผมว่ามันแปลกๆ นะ”

    ยูมิโกะปิดหนังสือและวางมันลง  “ยูโตะสนใจเรื่องของเคโตะคุงตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย  ปกติก็เห็นโกรธพี่เขาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ”

    “โธ่!  คุณแม่ครับ  ผมว่ามันแปลกจริงๆ นะ  ถ้าเขาตัดสินใจจะทำอะไรแล้วก็ไม่มีใครสามารถหยุดพี่ชายได้เลย  แต่กับริวทาโร่แล้ว  พี่ชายกลับใจอ่อนยอมกลับมา”

    ยูมิโกะยิ้ม  “นี่ลูกคงไม่ได้กำลังจะบอกแม่ว่าเคโตะคุงชอบริวทาโร่หรอกใช่มั้ย”

    ยูโตะพยักหน้า  “ก็มีโอกาสเป็นไปได้นะครับคุณแม่”  เขายิ้มอย่างดีใจ  “แบบนี้ก็ดีสิ  ริวทาโร่จะได้สมหวังสักที”

    ยูมิโกะมองลูกชายอย่างสงสัย  “หมายความว่ายังไงจ้ะ”

    “คุณแม่ไม่รู้เหรอครับว่าริวทาโร่แอบชอบพี่ชายอยู่”

    “เอ๋!!~  จริงเหรอ??”ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่จะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้

    ยูโตะมองแม่อย่างแปลกใจ  “ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะครับ  ผมคิดว่านะ  ถ้ามีเวลาให้พี่ชายกับริวทาโร่ได้รู้จักกันให้มากกว่านี้  พี่ชายก็อาจชอบริวทาโร่ขึ้นมาจริงๆก็ได้”  ยูโตะยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน  “ผมว่าผมไปดีกว่า  นัดกับยามะจังไว้”

    ยูมิโกะยิ้มอย่างรู้ทัน  “อ้อ  เด็กหนุ่มหน้าสวยคนนั้นล่ะสิ  แฟนลูกชายแม่นี่สวยจริงๆเลยน้า~

    ยูโตะหน้าแดง  “คุณแม่ครับ  ฟงแฟนอะไรกัน  ผมยังไม่ได้เป็นแฟนกับยามะจังซักหน่อย”

    ยูมิโกะหัวเราะ  “ไปเถอะจ้ะ  อย่าเสียเวลาเลย  ส่วนเรื่องเคโตะคุง  แม่ว่าปล่อยให้เขาจัดการเองดีกว่านะ”

    “ครับคุณแม่”  ยูโตะตอบรับแล้วมองไปรอบๆ บ้าน  “คุณพ่อล่ะครับ”

    “เคนซังไปดูงานต่างจังหวัดตั้งแต่เช้าแล้วล่ะจ้ะ”

    “วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอครับ”

    “มันเป็นงานด่วนน่ะจ้ะ  เคนซังก็เลยต้องรีบไป”

    “งั้นเหรอครับถ้างั้นผมไปแล้วนะครับคุณแม่”เขาโค้งให้ก่อนจะเดินออกไปที่รถและขับออกไป

    ยูมิโกะโบกมือลาจนรถของยูโตะเคลื่อนตัวไปพ้นตัวบ้าน  เธอนึกถึงคำพูดของยูโตะก่อนจะยิ้มอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข  ริวทาโร่แอบชอบเคโตะและไม่แน่ว่าเคโตะก็อาจจะชอบริวทาโร่ด้วย  แบบนี้ดีจัง  เมื่อได้เจอกับความรักแล้วบางทีเคโตะอาจจะกลับมาเป็นเคโตะคนเดิมก็ได้  เธอหวังให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ

     

    รถคันหรูแล่นไปจอดบริเวณริมแม่น้ำที่เงียบสงบแห่งหนึ่งก่อนที่เคโตะจะเปิดประตูลงไปจากรถโดยไม่รออีกคนที่เขาพามาด้วย  ริวทาโร่รีบตามเคโตะไปทันที  ร่างสูงยืนนิ่งพลางมองไปยังทิวทัศน์ของเมืองหลวงที่ตั้งตระหง่านไกลสุดลูกหูลูกตาก่อนจะละสายตามองไปยังผืนน้ำที่เงียบสงบของแม่น้ำแห่งนี้  เคโตะจ้องมองมันอยู่นิ่งๆ นั่นช่วยให้จิตใจเขาสงบขึ้นมาก

    ริวทาโร่มองท่าทางของเคโตะอย่างแปลกใจ  เคโตะจำได้หรือเปล่าว่าพาเขามาด้วย  “พี่เคโตะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”  ริวทาโร่ถามเมื่อเห็นว่าเคโตะเงียบไปนาน

    เคโตะหันมาตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  “เปล่า”แต่จากสีหน้าของริวทาโร่แล้ว  เขารู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เชื่อเขาหรอก  แต่ก็ช่างเถอะ  ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะออกมาคนเดียวแล้วแท้ๆ แต่พอเห็นเจ้าเด็กนี่พูดแบบนั้นกับยูโตะแล้วทำไมเขาถึงอยากชวนมานักนะ  ส่วนหนึ่งก็เพราะอิจฉายูโตะที่ได้ไปเที่ยวกับเรียวสุเกะ  แต่อีกส่วนหนึ่งก็...  เขาแค่กลัวว่าริวทาโร่จะเหงาเท่านั้นเอง

    ริวทาโร่หลบสายตาร่างสูงอย่างกลัวๆ แต่ก็ยังฝืนตอบกลับไป  “พี่ก็รู้ว่าผมไม่เชื่อพี่หรอก  ยังจะโกหกอีก”

    เคโตะส่งเสียงออกมาคำเดียวคล้ายหัวเราะ  “ทำตัวรู้ดีไปซะทุกเรื่องเลยนะ”

    ริวทาโร่เฉมองไปทางแม่น้ำเพื่อหลบสายตาของเคโตะที่ยังไม่คลายจากการจ้องมองเขา  “ผมก็แค่เป็นห่วงพี่เท่านั้นเอง”

    เคโตะละสายตาจากร่างเล็กแล้วทอดสายตาไปตามน้ำในแม่น้ำที่ไหลเอื่อย  “ทำไมล่ะ  ฉันมีค่ากับนายขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้ตามเป็นห่วงฉันอยู่เรื่อย”

    “ผม...”  ริวทาโร่ลังเล  จะตอบว่ายังไงดีนะ  ถ้าบอกตามความรู้สึกจริงๆ ออกไปเขาก็กลัวการปฏิเสธจากเคโตะอีกเป็นครั้งที่สอง  เอ๊ะ! ไม่สิ  อาจจะครั้งที่สามแล้วก็ได้  แต่เขาก็ไม่อยากจะโกหกตัวเองเหมือนกัน  แม้การบอกตามความรู้สึกจริงอาจจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดกับคำตอบของร่างสูง  แต่นั่นก็เป็นคำตอบเดียวที่เขามี  “เพราะผมรักพี่ไง”  ริวทาโร่ตอบไปด้วยใจเต้นระทึก  ถึงยังไงก็อดที่จะลุ้นคำตอบจากเคโตะไม่ได้  แต่จนแล้วจนรอดร่างสูงก็ยังคงเงียบ

    เพราะผมรักพี่ไง  คำพูดเมื่อสักครู่ยังดังก้องอยู่ในหัวของเคโตะไม่ยอมหยุด  รักอย่างนั้นเหรอ?  เคโตะไม่แน่ใจนักหรอกกับคำพูดนั้น  ขนาดแม่ที่บอกว่ารักเขายังหนีไป  พ่อที่บอกว่ารักเขาก็ยังทำแบบนั้นได้  นับประสาอะไรกับคนนอกอย่างริวทาโร่ล่ะ  เคโตะหลับตาลงอย่างสงบใจ  คำว่ารักของริวทาโร่ยังดังก้องอยู่ในหัว  คำๆ นั้นจะเชื่อใจได้มั้ยนะ?

    “พี่เคโตะครับ  พี่เป็นอะไรหรือเปล่า”  ริวทาโร่ถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างสูงเงียบไปนาน

    เคโตะลืมตาก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ต้องการคำตอบ  “ทำไมถึงรักฉันล่ะ  ฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีสักอย่างเลย”

    ริวทาโร่ยักไล่  “ก็... อย่างน้อยพี่ก็ไม่ข่มขืนผมล่ะ  ถึงแม้มันจะเกือบไปแล้วก็ตาม  อย่างน้อยพี่ก็รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วก็ขอโทษ”

    เคโตะหัวเราะ  ไม่แน่ใจหรอกว่านั่นเป็นคำชมหรือเปล่า  “นั่นน่ะเหรอเหตุผลของนาย”

    ริวทาโร่ยิ้ม  “ผมดีใจนะที่ได้เห็นรอยยิ้มพี่อีกครั้ง”  เคโตะหยุดหัวเราะแต่ใบหน้าก็ยังคงปรากฏรอยยิ้มให้เห็น  เขาหันกลับไปมองอีกทางโดยไม่ตอบคำถามร่างเล็ก  ริวทาโร่อมยิ้มอยู่คนเดียว  “ผมชอบพี่ก็เพราะแบบนี้แหละครับ  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือยังไงนะ  แต่พี่แสดงตัวตนออกมาให้ผมเห็นอยู่เสมอเลย  ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะเป็นคนแข็งกระด้างและใจร้ายแบบที่คนอื่นเขาคิดกัน”

    “นายเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ  แล้วถ้าฉันใจร้ายขึ้นมาล่ะ”

    “พี่ก็ใจร้ายกับผมตลอดน่ะแหละ”  ริวทาโร่หัวเราะแบบฝืนทำนั่นยิ่งทำให้เคโตะหน้าเสีย  ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  “ถึงพี่จะชอบใจร้ายกับผมก็เถอะ  แต่สัญชาตญาณของผมบอกว่าพี่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”

    เคโตะนิ่งคิด  เขาเงียบไปสักพักก่อนตอบกลับมา  “ถ้างั้นนายช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย”

    ริวทาโร่มองหน้าร่างสูงอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก  “เรื่องอะไรครับ”

    เคโตะยิ้มก่อนจะพูดในสิ่งที่ริวทาโร่แทบไม่เชื่อว่าจะได้ยินมันออกมาจากปากของร่างสูง  “นายช่วย...  ทำให้ฉันรักนายได้หรือเปล่า”

     

    แสงแดดส่องทะลุท้องฟ้าหน้าร้อนลงมาอย่างแรงกล้า  เรียวสุเกะปาดเหงื่อที่หน้าผากที่ผุดขึ้นไม่ใช่แค่เพราะอากาศร้อนแต่ยังรู้สึกประหม่าอีกต่างหากเมื่อได้อยู่กับยูริตามลำพังในขณะที่ยูโตะไปเข้าห้องน้ำ  เขามองไปยังคนที่นั่งข้างๆ  ใบหน้านิ่งเฉยนั้นไม่เคยมองเขาอย่างใจดีเลยสักครั้ง  แม้จะพยายามยิ้มให้เท่าไรแต่คนๆ นี้ก็ไม่เคยแม้แต่จะยิ้มตอบกลับเลย

    ยูริหันไปมองเรียวสุเกะแค่ชั่วแว้บเดียวก่อนจะยิ้มกับตัวเองอย่างสะใจ  กะไว้อยู่แล้วว่ายูโตะจะต้องชวนหมอนี่มา  ถึงเวลาที่เขาจะดำเนินตามแผนขั้นแรกแล้ว  “ดีจังนะ  เกิดเป็นนายเนี่ยมีแต่คนรุมรัก  สบายล่ะสิท่า”เขาพูดขึ้นลอยๆอย่างจงใจ

    เรียวสุเกะชะงัก  เขาไม่แน่ใจว่ายูริตั้งใจจะว่าเขาหรือเปล่า  แต่ในที่นี้ก็มีเพียงแค่เขากับยูริแค่สองคนเท่านั้นเอง  “จิเน็นหมายความว่ายังไง”  เขาถามไปด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง

    ยูริยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  “ก็อย่างที่พูดน่ะแหละ  เกิดเป็นนายนี่ดีเนาะ  มีแต่คนมาตกหลุมรัก  แถมคนที่รักนายยังเป็นพี่น้องกันอีก  รู้ตัวมั้ยว่าทำให้พี่น้องเขาแตกกันน่ะ”

    เรียวสุเกะฉุนกึก  “หมายถึงใคร”

    “ก็ยูโตะกับผู้จัดการของนายไง  พวกเขาเป็นพี่น้องกันนายไม่รู้เหรอ”  ยูริพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    “โกหก  ยูโตะคุงไม่มีพี่น้องสักหน่อย”

    “เขาบอกนายอย่างนั้นเหรอ”  ยูริถามหน้าสลอน

    เรียวสุเกะอึกอัก  “เปล่า  แต่เขาบอกว่าแม่เขามีลูกคนเดียว”

    “แต่พ่อเขาไม่ใช่นี่”  ยูริตอบทันควัน  เรียวสุเกะมองหน้ายูริอย่างต้องการคำตอบ  ยูริหัวเราะ  “ยูโตะบอกว่าแม่เขามีลูกคนเดียว  แต่ไม่ได้บอกว่าพ่อเขามีลูกคนเดียวด้วยนี่นา”

    เรียวสุเกะขมวดคิ้ว  “หมายความว่ายังไง”

    ยูริยิ้มอย่างมีชัย  “ก็หมายความว่าเขาปิดบังนายเรื่องครอบครัวมาโดยตลอดน่ะสิ”

    “ยูโตะไม่โกหกฉันหรอก  เขาไม่....”

    “แน่ใจเหรอ”  ยูริยื่นหน้าเข้าไปถามนั่นทำให้เรียวสุเกะถอยหลังกรูด  “ทั้งยูโตะและผู้จัดการของนายต่างก็มีความลับที่ไม่ได้บอกให้นายรู้  แต่ฉันนี่แหละจะเป็นคนเปิดเผยความลับนั้น  พวกเขาน่ะ  เป็นพี่น้องต่างแม่กัน”  ยูริถอยออกมายืนที่เดิมก่อนจะมองสีหน้าตกใจของเรียวสุเกะอย่างสมเพช  “ฉันหวังดีหรอกนะถึงได้บอกนาย  เพราะทั้งยูโตะและพี่ชายของเขาต่างก็ตกหลุมรักนายพวกเขาถึงไม่เคยชอบหน้ากันเลยยังไงล่ะ  รู้ตัวมั้ยเรียวสุเกะ  นายมันเป็นคนที่ทำให้พี่น้องเขาแตกกัน”

    “นายโกหก!  เรียวสุเกะขึ้นเสียงอย่างโมโหจัดแต่ยูริกลับหัวเราะร่วน

    “ไม่เชื่อนายก็ถามยูโตะเองสิ  ทำไมเขาต้องย้ายจากโรงเรียนนานาชาติมาที่โฮริโคชิทั้งๆ ที่เพิ่งจะแค่กลางเทอม  ทำไมเขาถึงไม่เคยยอมให้พวกเราไปที่บ้าน  ทำไมเขาถึงไม่ยอมกรอกจำนวนพี่น้องในใบประวัตินักเรียน”  ยูริยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปมองทางห้องน้ำสาธารณะที่ยูโตะกำลังเดินมา  “เขาเดินมานั่นแล้วไง  ถ้าอยากรู้ก็ถามเขาสิโอคาโมโตะ เคโตะ ใช่พี่ชายของเขาหรือเปล่า”

    เรียวสุเกะจ้องยูริเขม็ง  เจ้าตัวเล็กยิ้มอย่างไม่ยี่หระกับอะไรทั้งสิ้นนั่นทำให้เรียวสุเกะรู้สึกโกรธแต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้  ยูริตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×