คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13
ตอนที่ 13
บ้านโอคาโมโตะ
อากาศยามเที่ยงคืนร้อนอบอ้าว ดวงจันทร์ทอแสงแจ่มจ้ากว่าปกติจากท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ริวทาโร่ชะเง้อมองออกไปนอกรั้ว เมื่อไรคนๆ นั้นจะกลับมาสักทีนะ เขาถอนหายใจแล้วกลับนั่งที่เดิม
“ริวทาโร่” ยูโตะเอ่ยทักเมื่อเห็นริวทาโร่ยังนั่งรอเคโตะอยู่ “นายไม่ใช่แม่ไม่ใช่เมียเขานะ ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพี่ฉันก็กลับมาเอง”
ริวทาโร่หันมาทำตาขวางใส่ “พูดอะไรบ้าๆ ผมไม่ได้มารอพี่เคโตะสักหน่อย ผมก็แค่นอนไม่หลับเลยออกมาเดินเล่น”
“อ้อเหรอ?” ยูโตะทำเสียงล้อเลียน “เมื่อวานนี้ยังเห็นร้องไห้ฟูมฟายอยู่เลยวันนี้หายโกรธพี่ฉันแล้วหรือไง”
“พี่คุณไม่ได้ทำอะไรผมสักหน่อยแล้วผมจะโกรธเขาทำไม”
“แล้วรอยนี่มันอะไรล่ะ” ยูโตะชี้ไปที่รอยแดงที่ต้นคอของริวทาโร่ที่แทบจะเลือนหายไปแล้ว ความจริงเขาเห็นตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะโมโหอยู่ก็เลยไม่ได้ทักท้วง
ริวทาโร่ใช้มือปิดที่ต้นคอของตัวเอง มันหายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? “ไม่มีรอยอะไรสักหน่อย คุณยูโตะอย่ามั่วสิ”
ยูโตะหัวเราะ “รอยแดงบนแก้มนายไง หน้าแดงใหญ่แล้วนะ ชอบใจพี่ฉันก็บอกมาเหอะ”
ริวทาโร่ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย เกลียดจริงๆ คนรู้ทัน “ก็บอกว่าตัดใจไปแล้วไงเล่า!” ประตูรั้วค่อยๆ เปิดออกจากสัญญาณรีโมทที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่ใช่ทั้งเขาและยูโตะแล้วประตูเปิดออกได้ยังไง ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ! ริวทาโร่ลุกขึ้นยืนอย่างดีใจที่เห็นรถหรูของเคโตะแล่นเข้ามา “พี่เคโตะกลับมาแล้ว!”
ยูโตะมองเพื่อนชายอย่างนึกขำ ไหนบอกว่าตัดใจได้แล้วไง แต่แค่เห็นพี่เขามาก็ทำท่าดีใจขนาดนี้แล้ว โธ่! เจ้าริวทาโร่เอ๊ย! เขาลุกขึ้นยืนตามเพื่อนแล้วสะกิดคนตัวเล็กกว่าเบาๆ “ใครกันนะที่บอกว่าไม่ได้รอพี่ฉันกลับมาน่ะ” เขายิ้มหน้าทะเล้นให้เพื่อนรัก
ริวทาโร่ทำสีหน้าไม่พอใจ เขาเดินปึงปังเข้าบ้านไปทันทีไม่ทันให้เคโตะต้องเห็นเขาหรอก
เคโตะลงจากรถเห็นยูโตะยืนอยู่ที่หน้าบ้านก็นึกแปลกใจ ปกติคนที่รอเขาไม่ใช่ยูโตะนี่ เขาเดินผ่านน้องชายมาโดยไม่ทักทายอะไร
“พี่ชายครับ” ยูโตะเรียกก่อนที่เคโตะจะเปิดประตูเข้าบ้าน เคโตะหยุดรอฟัง “กลับมาแล้วเหรอครับ”
แม้จะรู้สึกสับสนอยู่ในใจมากแค่ไหนก็ตาม แต่คำพูดทักทายของน้องชายคำนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างประหลาด เขายิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่เห็น “อืม” เขาตอบสั้นๆ แล้วเดินเข้าบ้าน เคโตะเดินไปตรงไปที่ห้องของตัวเองทันที ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นทำให้เขาลืมเรื่องของริวทาโร่ไปชั่วขณะ เขายืนนิ่งๆ อยู่ในห้องสักพักเพื่อทบทวนความรู้สึก ใจจริงเขาก็รักน้องคนนี้มากแต่อีกใจเขาก็เกลียดสองแม่ลูกคู่นี้นักหนา เคโตะขมวดคิ้วจากความสับสนที่เกิดขึ้น เขาจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดี
หลังจากกลับมาจากตรวจงานที่โอซาก้าโคตะก็รีบตรงไปที่สำนักงานใหญ่ทันที เขาหอบเอกสารสรุปรายงานไว้ในมือแล้วตรงไปที่ห้องประธานบริษัท
“ท่านประธานออกไปข้างนอกค่ะ อีกสักครู่คงจะกลับมาแล้ว” เลขาของเคนอิจิบอกเขาเมื่อเห็นเขากำลังจะเข้าไปในห้องประธาน
โคตะยิ้มให้เธอ “ท่านประธานจะกลับมาประมาณกี่โมงเหรอครับ”
เลขาสาวดูตารางเวลาในเอกสาร “อีกสักครู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอท่านประธานในห้องก็แล้วกันนะครับ วันนี้ผมต้องสรุปรายงานให้ท่าน” โคตะพูดแล้วเดินเข้าไปในห้อง เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก เคนอิจิกลับมาจากธุระข้างนอกและพบโคตะที่รออยู่
“กลับมาตามกำหนดดีนะคุณยาบุ” เคนอิจิทัก
โคตะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งให้ท่านประธาน “สวัสดีครับท่านประธาน วันนี้ผมนำข้อมูลล่าสุดจากไร่ยาโอโตเมะครับ วัตถุดิบในปีนี้นั้น....” โคตะรายงานต่อไปจนจบกระบวนความ เคนอิจินั่งฟังอย่างใจเย็นก่อนจะสรุปบทสุดท้าย
“ถ้าอย่างนั้นให้คุณไปจัดการเรื่องการเพิ่มวัตถุดิบให้เรียบร้อย ครั้งหน้าผมจะให้เคโตะเป็นคนไปตรวจงานแทนคุณและผมอยากให้คุณเป็นผู้ช่วยเขาด้วย เขาจะได้รู้ว่าอะไรเป็นมายังไงบ้าง” เคนอิจิลุกขึ้นยืน “แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณไปธุระกับผมหน่อย”
“ไปไหนเหรอครับ”
เคนอิจิยิ้ม “เมื่อกี้ผมเพิ่งจะกลับจากไปเยี่ยมร้านสาขาที่สามมา ตอนนี้ผมก็จะไปสาขาที่สองบ้าง”
โคตะพยักหน้า “แต่จะไม่แจ้งไปทางสาขาที่สองให้ทราบก่อนเหรอครับ”
เคนอิจิส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ต้องหรอก ผมอยากจะเห็นสภาพจริงของร้านมากกว่า”
ริวทาโร่เก็บหนังสือของเคโตะให้เข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ เขาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผากหลังจากทำความสะอาดห้องของเคโตะซึ่งเป็นห้องสุดท้ายเสร็จ เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานของเคโตะพักเหนื่อยแล้วสูดหายใจสองสามครั้งก่อนลุกขึ้นยืน แต่ในขณะที่ยืนนั้นเองชายเสื้อของเขาก็ไปเกี่ยวกับลิ้นชักโต๊ะจนเปิดออก ริวทาโร่นึกแปลกใจเพราะปกติเคโตะจะล็อคมันไว้เสมอ แต่วันนี้สงสัยลืมล่ะมั้ง
เขาดึงชายเสื้อของตัวเองออกจากที่เกี่ยวอยู่แต่ก่อนจะปิดลิ้นชักเขาก็สังเกตเห็นภาพๆ หนึ่งในนั้น ริวทาโร่ขมวดคิ้วอย่างนึกแปลกใจ เขาหยิบภาพนั้นขึ้นมาดูแล้วพิจารณาอยู่นาน เด็กในภาพนี้คือเคโตะไม่ผิดแน่ แล้วผู้หญิงอีกคนล่ะเป็นใครกัน? ริวทาโร่พินิจดูใบหน้าของหญิงในภาพนั้น ดูไปดูมาก็เหมือนเคโตะมากเหลือเกิน เพื่อไม่ให้ความสงสัยยังคงอยู่ เขาตัดสินใจเก็บภาพนั้นไว้ บางทียูมิโกะอาจจะรู้คำตอบ
“เคโตะ! มาช่วยทางนี้หน่อยสิ” ไดกิเรียกเคโตะที่เพิ่งจะออกมาจากในครัว เคโตะเดินตรงไปหาบุคคลที่เรียกเขา ไดกิชี้มือไปที่โต๊ะๆ หนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ “บริการแขกโต๊ะนั้นที”
เคโตะพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะตัวนั้น “ร้านโอคายะยินดีต้อนรับครับ จะรับอะไรดีครับคุณสุภาพบุรุษ” ทันทีที่ชายคนที่นั่งอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมาเคโตะก็แทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้านั้นก็คือ... “คุณพ่อ”
เคนอิจิมองลูกชายในชุดพนักงานเสิร์ฟอย่างตกใจและแปลกใจ “นี่แกคิดว่าแกกำลังทำอะไร” เขาถาม เคโตะหลบตาแต่ไม่ได้ตอบอะไร “ไปคุยกันข้างใน เดี๋ยวนี้!” เคนอิจิสั่งเสียงเฉียบขาดก่อนที่เขาจะพาตัวเองเดินไปยังห้องทำงานของเคโตะที่ไม่มีคนอยู่
ไดกิรีบเดินมาขวางเคนอิจิไว้ “ห้องนี้เป็นห้องผู้จัดการเข้าไม่ได้นะครับ”
เคโตะเดินมายืนข้างไดกิแล้วกระซิบบอก “ไดจังครับ คนนี้คือ โอคาโมโตะ เคนอิจิ ประธานบริษัทเราครับ”
ไดกิตกใจ “จริงเหรอเคโตะ?” เคโตะพยักหน้า ไดกิมองหน้าเคนอิจิอย่างไม่อยากจะเชื่อก่อนจะโค้งให้ด้วยความนอบน้อม “ขอโทษที่เสียมารยาทครับท่านประธาน”
“ไม่เป็นไร” เคนอิจิตอบเสียงห้วน
ไดกิใจเต้นรัวไม่หายด้วยความตกใจ “ถ้าท่านประธานจะมาหาผู้จัดการ ผมไม่ทราบว่าผู้จัดการอยู่ที่ไหนครับ ผมไม่เคยเห็นเขาเลย”
เคนอิจิขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเคโตะเป็นเชิงถามแต่แววตาเคโตะก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามของเขาเลย “เคโตะ พ่อบอกให้ตามมา” เขาว่าแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของไดกิหลังจากที่ได้ยินคำสรรพนามที่เขาเรียกเคโตะเลย เคโตะยังคงนิ่งเฉยและเดินตามไปอย่างว่าง่ายโดยไม่รอตอบคำถามของไดกิเช่นกัน
ไดกิแทบทรุดเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เคนอิจิพูดนั้นหมายถึงอะไร นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
เคเดินมายืนข้างๆ คนรักเมื่อเห็นไดกิสีหน้าไม่ค่อยดี “ไดจังเป็นอะไรหรือเปล่า ไปพักก่อนดีกว่ามั้ย”
ไดกิยังคงนิ่งเฉย สมองเรียบเรียงทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว “รองผู้จัดการอยู่ที่ไหน”
“ก็อยู่ในห้องรองผู้จัดการไง ไดจังถามหาคุณยามาดะทำไมเหรอ?”
ไดกิหันมาจับมือเคเพื่อสร้างกำลังใจ สีหน้าของเคนอิจิตอนพูดกับเคโตะนั้นทำให้เขานึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด เคโตะจะโดนด่าอะไรบ้างนะ “ประธานบริษัทมาที่นี่ ต้องบอกคุณยามาดะให้เร็วที่สุด”
ริวทาโร่เดินลงมาชั้นล่างเห็นยูมิโกะกำลังนั่งอยู่ เขาเดินตรงไปหาเธอทันทีโดยไม่รอช้า “คุณยูมิโกะครับผมมีเรื่องอยากจะถาม”
ยูมิโกะละสายตาจากโทรทัศน์ตรงหน้า เธอปิดมันเพื่อจะได้คุยกับริวทาโร่ได้สะดวก “ว่าไงจ้ะริวทาโร่คุง”
ริวทาโร่ยื่นรูปที่ได้มาจากห้องของเคโตะให้ยูมิโกะดู “ผู้หญิงคนนี้ใช่แม่ของพี่เคโตะหรือเปล่าครับ ผมเห็นพี่เคโตะเขาเก็บรักษามันไว้อย่างดีเลย”
ยูมิโกะตกใจเมื่อเห็นรูปนั่นในมือริวทาโร่ “ริวทาโร่คุง เธอได้มันมาได้ยังไง”
“ตอนทำความสะอาดอยู่ ผมก็เห็นในลิ้นชักของพี่เคโตะครับ พี่เคโตะลืมล็อคมันไว้ผมก็เลยบังเอิญไป เห็น”
ยูมิโกะมองอย่างตกใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ที่เธอคิดน่ะถูกแล้ว ผู้หญิงคนนี้คือแม่แท้ๆ ของเคโตะคุง”
ริวทาโร่พยักหน้ารับ มันไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะเขาคาดว่ามันจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว “แล้วตอนนี้คุณแม่พี่เคโตะอยู่ที่ไหนล่ะครับ ตอนดึกๆ บางครั้งผมก็เห็นพี่เคโตะละเมอเรียกแม่เขาบ่อยๆ ผมคิดว่าพี่เคโตะต้องคิดถึงคุณแม่ของเขามากแน่ๆ เลยครับ”
ยูมิโกะถอนหายใจอีกครั้ง พอนึกถึงเหตุผลที่ทำให้คัทสึเอะหย่าขาดจากเคนอิจิแล้วมันทำให้เธอยิ่งเกลียดตัวเอง “คุณคัทสึเอะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“คุณคัทสึเอะเสียแล้วเหรอครับ”
ยูมิโกะส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว พอเถอะเจ้าเด็กน้อย ถามอะไรไม่เข้าเรื่องนะ” เธอแสร้งยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นไปยังห้องของตน “เก็บภาพนั้นไว้ให้เหมือนเดิมล่ะ ถ้าเคโตะคุงรู้เข้าเขาจะโมโหเอาได้” ยูมิโกะยิ้มกรุ้มกริ่มขณะมองหน้าของริวทาโร่ “ว่าแต่ดึกๆแบบนั้น เธอไปทำอะไรที่ห้องของเคโตะคุงเขาจ้ะ” เธอว่าแค่นั้นแล้วเดินขึ้นห้องไป
ริวทาโร่หน้าแดงที่เผลอเผยไต๋ให้ยูมิโกะรู้จนได้ เขาไปทำอะไรที่นั่นน่ะเหรอ ก็แค่ไปดูว่าเคโตะนอนแล้วหรือยังเท่านั้นเองไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย ร่างเล็กใจเต้นตึกตักเมื่อคิดถึงหน้าเจ้าของห้องที่เขาแอบไปดูแลอยู่ห่างๆ ทุกคืน แกท่าจะบ้าไปแล้วริวทาโร่
เคโตะยืนเผชิญหน้ากับพ่อของตนภายในห้องผู้จัดการที่ทาสีเขียวอ่อนไว้มองแล้วสบายตา แต่ทว่าบรรยากาศระหว่างพ่อลูกคู่นี้กลับดูไม่สบายเอาเสียเลย เคนอิจิจ้องหน้าเคโตะอย่างค้นหาคำตอบ “แกคิดว่าแกกำลังทำอะไรอยู่”
เคโตะจ้องหน้ากลับ “ก็อย่างที่พ่อเห็นน่ะแหละ”
“แล้วทำไม?”
เคโตะหลบตาแต่ไม่พูดอะไร แน่ใจเหรอว่าพ่ออยากจะฟังเหตุผลนั้น
“ฉันถามว่าแกทำทำไม!” อารมณ์ของเคนอิจิเริ่มจะเดือดปุดๆ เมื่อท่าทีของเคโตะยังนิ่งเฉย โคตะรีบเข้าไปยืนขวางไว้
“ท่านประธานครับ ผมว่าคุยกันที่นี่คงไม่เหมาะนะครับ ผมว่าท่านประธานกับคุณเคโตะไปคุยกันที่บ้านดีกว่า ถ้าเสียงดังออกไปถึงข้างนอกทั้งพนักงานและลูกค้าอาจจะตกใจก็ได้” เขาพูดอย่างใจเย็นที่สุด
เคนอิจิไตร่ตรองเหตุผลของโคตะ เขามองหน้าเคโตะอีกครั้งอย่างใจเย็น “คิดหาข้อแก้ตัวให้ดีๆ ก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะสั่งพักงานแก” เขาคาดโทษแล้วเดินออกจากห้องไป
เคโตะทรุดนั่งลงที่เก้าอี้หลังจากที่เคนอิจิออกไป เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับโทสะที่กำลังก่อตัวขึ้น เขาหัวเราะกับตัวเอง ข้อแก้ตัวงั้นเหรอ เขาไม่จำเป็นจะต้องหาในเมื่อเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ถ้าอยากรู้เหตุผลเขาก็พร้อมที่จะบอกอยู่แล้ว ทำใจรับให้ได้ก็แล้วกัน
เรียวสุเกะยืนอยู่หน้าห้องผู้จัดการด้วยความลังเล ประธานบริษัทมาที่นี่ แม้แต่เขายังรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่เคโตะทำเลยแล้วนี่ท่านประธานที่เป็นพ่อแท้ๆ จะคิดยังไงบ้างนะ เขาหันไปอีกด้านของร้านอาหาร ไดกิยืนให้กำลังใจอยู่ห่างๆ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยกมือขึ้นจะเคาะประตู แต่ในขณะที่มือกำลังจะสัมผัสกับประตูเขาก็ต้องผงะด้วยความตกใจเมื่อเคนอิจิเดินออกมาจากห้องนั้นด้วยบรรยากาศแห่งอารมณ์อันขุ่นมัวที่แม้แต่เขายังสัมผัสได้ เรียวสุเกะโค้งทำความเคารพ “สวัสดีครับท่านประธาน”
เคนอิจิพยักหน้าน้อยๆ แต่ไม่ตอบอะไร เขาเดินออกจากร้านไปโดยทิ้งความสงสัยแก่เรียวสุเกะไว้เบื้องหลัง เขานึกแปลกใจที่มันไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งที่ชื่อเสียงด้านความเป็นคนอารมณ์ร้อนของเคนอิจิก็โจษจันไปทั่ว แต่สำหรับกรณีของผู้จัดการของเขาแล้วท่านประธานก็น่าจะโกรธจัดอยู่แต่ทำไมเขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนะ เรียวสุเกะยืนอยู่หน้าห้องของเคโตะอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป
เคโตะนั่งหลับตานิ่งๆ อยู่บนเก้าอี้ทำงาน เรียวสุเกะไม่รู้ว่าผู้จัดการหลับหรือเปล่า เขาเดินเข้าไปใกล้เคโตะอีก “วันนี้ปิดร้านเร็วนะ ฉันมีธุระต้องกลับบ้าน” เคโตะพูดขึ้นทั้งที่หลับตาอยู่ “วันนิ้คงไปตามนัดของยูโตะได้แล้วสินะ ขอให้สนุกก็แล้วกัน”
เรียวสุเกะรับรู้ได้ถึงกำแพงแห่งความรู้สึกบางอย่างที่ก่อขึ้นรอบๆ เคโตะอีกทั้งน้ำเสียงประชดประชันนั้นอีก เขาลอบถอนหายใจเงียบๆ ความจริงแล้ววันนี้เขาไม่ได้มีนัดกับยูโตะหรอก คงจะอยากอยู่คนเดียวสินะ เรียวสุเกะคิด เขาตอบคำเคโตะสั้นๆ “ครับ” เรียวสุเกะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ถามอะไรอีก
เคโตะหลับตาลงเพื่อเก็บงำความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจ เขาโกรธตัวเองที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตัดใจได้สักที เขากล่าวคำพูดเบาๆกับตัวเองที่ทำให้หัวใจเขาบอบช้ำยิ่งนัก “ขอให้สนุกนะ ยามาดะ”
สามทุ่มสิบห้านาทีเป็นเวลาที่รถคันหรูของเคโตะเคลื่อนเข้าภายในโรงเก็บรถของบ้านโอคาโมโตะ เขาลงจากรถพร้อมกระเป๋าเอกสารเช่นเคย แต่ที่ทำให้ทั้งยูโตะและริวทาโร่แปลกใจคือ วันนี้เคโตะกลับบ้านเร็วผิดปกติ
ยูมิโกะสัมผัสสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอารมณ์ของสามีได้ ตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาคล้ายกำลังรอใครสักคนด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว เธอไม่กล้าแม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น อีกแล้วสินะ เธอคิด เธอรับรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เคโตะเข้ามาในบ้านและมองหน้าพ่อบังเกิดเกล้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่เธอรู้ว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่เคโตะตั้งใจจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาไม่รู้สึกอะไร ในใจยูมิโกะหวาดหวั่น เธอมองหน้ายูโตะและรู้ว่าลูกชายของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน อีกครั้งแล้วสำหรับการทะเลาะที่รุนแรง
ริวทาโร่หวั่นใจอย่างประหลาดกับบรรยากาศเกิดขึ้นระหว่างเคโตะกับเคนอิจิ และยังยูมิโกะกับยูโตะอีก เขาสะกิดแขนยูโตะที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่แววตาของยูโตะบอกเขาว่าอย่าถามอะไรมากกว่านั้นเลย ริวทาโร่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงในบรรยากาศอันขมุกขมัวนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไประหว่างเคโตะกับเคนอิจิ แต่ในฐานะคนนอกอย่างเขาแล้วบรรยากาศแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย ริวทาโร่ลอบถอนหายใจเงียบๆ แล้วเดินออกมาข้างนอกโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
พอออกมายืนข้างนอกแล้วริวทาโร่ก็รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็อยู่ห่างจากอารมณ์รุนแรงที่กำลังก่อตัวขึ้นข้างในนั้น ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมสมาธิ จะเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้างนะ เขาหันหลังมองเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เสียงทะเลาะของเคโตะและเคนอิจิเริ่มดังขึ้นให้ได้ยิน เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นเคนอิจิตบหน้าเคโตะหลังจากที่เขาพูดคำพูดหนึ่งออกไปด้วยแรงโทสะ!
ความคิดเห็น