ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 285
      0
      3 ส.ค. 55

    ตอนที่ 13

    บ้านโอคาโมโตะ

    อากาศยามเที่ยงคืนร้อนอบอ้าว  ดวงจันทร์ทอแสงแจ่มจ้ากว่าปกติจากท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง  ริวทาโร่ชะเง้อมองออกไปนอกรั้ว  เมื่อไรคนๆ นั้นจะกลับมาสักทีนะ  เขาถอนหายใจแล้วกลับนั่งที่เดิม

    “ริวทาโร่”  ยูโตะเอ่ยทักเมื่อเห็นริวทาโร่ยังนั่งรอเคโตะอยู่  “นายไม่ใช่แม่ไม่ใช่เมียเขานะ  ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพี่ฉันก็กลับมาเอง”

    ริวทาโร่หันมาทำตาขวางใส่  “พูดอะไรบ้าๆ ผมไม่ได้มารอพี่เคโตะสักหน่อย   ผมก็แค่นอนไม่หลับเลยออกมาเดินเล่น”

    “อ้อเหรอ?”  ยูโตะทำเสียงล้อเลียน  “เมื่อวานนี้ยังเห็นร้องไห้ฟูมฟายอยู่เลยวันนี้หายโกรธพี่ฉันแล้วหรือไง”

    “พี่คุณไม่ได้ทำอะไรผมสักหน่อยแล้วผมจะโกรธเขาทำไม”

    “แล้วรอยนี่มันอะไรล่ะ”  ยูโตะชี้ไปที่รอยแดงที่ต้นคอของริวทาโร่ที่แทบจะเลือนหายไปแล้ว  ความจริงเขาเห็นตั้งแต่เมื่อวานแต่เพราะโมโหอยู่ก็เลยไม่ได้ทักท้วง

    ริวทาโร่ใช้มือปิดที่ต้นคอของตัวเอง  มันหายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?  “ไม่มีรอยอะไรสักหน่อย  คุณยูโตะอย่ามั่วสิ”

    ยูโตะหัวเราะ  “รอยแดงบนแก้มนายไง  หน้าแดงใหญ่แล้วนะ  ชอบใจพี่ฉันก็บอกมาเหอะ”

    ริวทาโร่ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย  เกลียดจริงๆ คนรู้ทัน  “ก็บอกว่าตัดใจไปแล้วไงเล่า!”  ประตูรั้วค่อยๆ เปิดออกจากสัญญาณรีโมทที่ไหนสักแห่ง  แต่ไม่ใช่ทั้งเขาและยูโตะแล้วประตูเปิดออกได้ยังไง  ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ!  ริวทาโร่ลุกขึ้นยืนอย่างดีใจที่เห็นรถหรูของเคโตะแล่นเข้ามา  “พี่เคโตะกลับมาแล้ว!

    ยูโตะมองเพื่อนชายอย่างนึกขำ  ไหนบอกว่าตัดใจได้แล้วไง  แต่แค่เห็นพี่เขามาก็ทำท่าดีใจขนาดนี้แล้ว  โธ่! เจ้าริวทาโร่เอ๊ยเขาลุกขึ้นยืนตามเพื่อนแล้วสะกิดคนตัวเล็กกว่าเบาๆ  “ใครกันนะที่บอกว่าไม่ได้รอพี่ฉันกลับมาน่ะ”  เขายิ้มหน้าทะเล้นให้เพื่อนรัก

    ริวทาโร่ทำสีหน้าไม่พอใจ  เขาเดินปึงปังเข้าบ้านไปทันทีไม่ทันให้เคโตะต้องเห็นเขาหรอก

    เคโตะลงจากรถเห็นยูโตะยืนอยู่ที่หน้าบ้านก็นึกแปลกใจ  ปกติคนที่รอเขาไม่ใช่ยูโตะนี่  เขาเดินผ่านน้องชายมาโดยไม่ทักทายอะไร

    “พี่ชายครับ”  ยูโตะเรียกก่อนที่เคโตะจะเปิดประตูเข้าบ้าน  เคโตะหยุดรอฟัง  “กลับมาแล้วเหรอครับ”

    แม้จะรู้สึกสับสนอยู่ในใจมากแค่ไหนก็ตาม  แต่คำพูดทักทายของน้องชายคำนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างประหลาด  เขายิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่เห็น  “อืม”  เขาตอบสั้นๆ แล้วเดินเข้าบ้าน  เคโตะเดินไปตรงไปที่ห้องของตัวเองทันที  ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นทำให้เขาลืมเรื่องของริวทาโร่ไปชั่วขณะ  เขายืนนิ่งๆ อยู่ในห้องสักพักเพื่อทบทวนความรู้สึก  ใจจริงเขาก็รักน้องคนนี้มากแต่อีกใจเขาก็เกลียดสองแม่ลูกคู่นี้นักหนา  เคโตะขมวดคิ้วจากความสับสนที่เกิดขึ้น  เขาจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดี

     

    หลังจากกลับมาจากตรวจงานที่โอซาก้าโคตะก็รีบตรงไปที่สำนักงานใหญ่ทันที  เขาหอบเอกสารสรุปรายงานไว้ในมือแล้วตรงไปที่ห้องประธานบริษัท

    “ท่านประธานออกไปข้างนอกค่ะ  อีกสักครู่คงจะกลับมาแล้ว”  เลขาของเคนอิจิบอกเขาเมื่อเห็นเขากำลังจะเข้าไปในห้องประธาน

    โคตะยิ้มให้เธอ  “ท่านประธานจะกลับมาประมาณกี่โมงเหรอครับ”

    เลขาสาวดูตารางเวลาในเอกสาร  “อีกสักครู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอท่านประธานในห้องก็แล้วกันนะครับ  วันนี้ผมต้องสรุปรายงานให้ท่าน”  โคตะพูดแล้วเดินเข้าไปในห้อง  เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก  เคนอิจิกลับมาจากธุระข้างนอกและพบโคตะที่รออยู่

    “กลับมาตามกำหนดดีนะคุณยาบุ”  เคนอิจิทัก

    โคตะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งให้ท่านประธาน  “สวัสดีครับท่านประธาน  วันนี้ผมนำข้อมูลล่าสุดจากไร่ยาโอโตเมะครับ  วัตถุดิบในปีนี้นั้น....”  โคตะรายงานต่อไปจนจบกระบวนความ  เคนอิจินั่งฟังอย่างใจเย็นก่อนจะสรุปบทสุดท้าย

    “ถ้าอย่างนั้นให้คุณไปจัดการเรื่องการเพิ่มวัตถุดิบให้เรียบร้อย  ครั้งหน้าผมจะให้เคโตะเป็นคนไปตรวจงานแทนคุณและผมอยากให้คุณเป็นผู้ช่วยเขาด้วย  เขาจะได้รู้ว่าอะไรเป็นมายังไงบ้าง”  เคนอิจิลุกขึ้นยืน  “แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณไปธุระกับผมหน่อย”

    “ไปไหนเหรอครับ”

    เคนอิจิยิ้ม  “เมื่อกี้ผมเพิ่งจะกลับจากไปเยี่ยมร้านสาขาที่สามมา  ตอนนี้ผมก็จะไปสาขาที่สองบ้าง”

    โคตะพยักหน้า  “แต่จะไม่แจ้งไปทางสาขาที่สองให้ทราบก่อนเหรอครับ”

    เคนอิจิส่ายหน้าน้อยๆ  “ไม่ต้องหรอก  ผมอยากจะเห็นสภาพจริงของร้านมากกว่า”

     

    ริวทาโร่เก็บหนังสือของเคโตะให้เข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ  เขาปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผากหลังจากทำความสะอาดห้องของเคโตะซึ่งเป็นห้องสุดท้ายเสร็จ  เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานของเคโตะพักเหนื่อยแล้วสูดหายใจสองสามครั้งก่อนลุกขึ้นยืน  แต่ในขณะที่ยืนนั้นเองชายเสื้อของเขาก็ไปเกี่ยวกับลิ้นชักโต๊ะจนเปิดออก  ริวทาโร่นึกแปลกใจเพราะปกติเคโตะจะล็อคมันไว้เสมอ  แต่วันนี้สงสัยลืมล่ะมั้ง

    เขาดึงชายเสื้อของตัวเองออกจากที่เกี่ยวอยู่แต่ก่อนจะปิดลิ้นชักเขาก็สังเกตเห็นภาพๆ หนึ่งในนั้น  ริวทาโร่ขมวดคิ้วอย่างนึกแปลกใจ  เขาหยิบภาพนั้นขึ้นมาดูแล้วพิจารณาอยู่นาน  เด็กในภาพนี้คือเคโตะไม่ผิดแน่  แล้วผู้หญิงอีกคนล่ะเป็นใครกัน?  ริวทาโร่พินิจดูใบหน้าของหญิงในภาพนั้น  ดูไปดูมาก็เหมือนเคโตะมากเหลือเกิน  เพื่อไม่ให้ความสงสัยยังคงอยู่  เขาตัดสินใจเก็บภาพนั้นไว้  บางทียูมิโกะอาจจะรู้คำตอบ

     

    “เคโตะ!  มาช่วยทางนี้หน่อยสิ”  ไดกิเรียกเคโตะที่เพิ่งจะออกมาจากในครัว  เคโตะเดินตรงไปหาบุคคลที่เรียกเขา  ไดกิชี้มือไปที่โต๊ะๆ หนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่  “บริการแขกโต๊ะนั้นที”

    เคโตะพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะตัวนั้น  “ร้านโอคายะยินดีต้อนรับครับ  จะรับอะไรดีครับคุณสุภาพบุรุษ”  ทันทีที่ชายคนที่นั่งอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมาเคโตะก็แทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่  เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้านั้นก็คือ...  “คุณพ่อ”

    เคนอิจิมองลูกชายในชุดพนักงานเสิร์ฟอย่างตกใจและแปลกใจ  “นี่แกคิดว่าแกกำลังทำอะไร”  เขาถาม  เคโตะหลบตาแต่ไม่ได้ตอบอะไร  “ไปคุยกันข้างใน  เดี๋ยวนี้!”  เคนอิจิสั่งเสียงเฉียบขาดก่อนที่เขาจะพาตัวเองเดินไปยังห้องทำงานของเคโตะที่ไม่มีคนอยู่

    ไดกิรีบเดินมาขวางเคนอิจิไว้  “ห้องนี้เป็นห้องผู้จัดการเข้าไม่ได้นะครับ”

    เคโตะเดินมายืนข้างไดกิแล้วกระซิบบอก  “ไดจังครับ  คนนี้คือ  โอคาโมโตะ เคนอิจิ  ประธานบริษัทเราครับ”

    ไดกิตกใจ  “จริงเหรอเคโตะ?”  เคโตะพยักหน้า  ไดกิมองหน้าเคนอิจิอย่างไม่อยากจะเชื่อก่อนจะโค้งให้ด้วยความนอบน้อม  “ขอโทษที่เสียมารยาทครับท่านประธาน”

    “ไม่เป็นไร”  เคนอิจิตอบเสียงห้วน

    ไดกิใจเต้นรัวไม่หายด้วยความตกใจ  “ถ้าท่านประธานจะมาหาผู้จัดการ  ผมไม่ทราบว่าผู้จัดการอยู่ที่ไหนครับ  ผมไม่เคยเห็นเขาเลย”

    เคนอิจิขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเคโตะเป็นเชิงถามแต่แววตาเคโตะก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามของเขาเลย  “เคโตะ  พ่อบอกให้ตามมา”  เขาว่าแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของไดกิหลังจากที่ได้ยินคำสรรพนามที่เขาเรียกเคโตะเลย  เคโตะยังคงนิ่งเฉยและเดินตามไปอย่างว่าง่ายโดยไม่รอตอบคำถามของไดกิเช่นกัน

    ไดกิแทบทรุดเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เคนอิจิพูดนั้นหมายถึงอะไร  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?

    เคเดินมายืนข้างๆ คนรักเมื่อเห็นไดกิสีหน้าไม่ค่อยดี  “ไดจังเป็นอะไรหรือเปล่า  ไปพักก่อนดีกว่ามั้ย”

    ไดกิยังคงนิ่งเฉย  สมองเรียบเรียงทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว  “รองผู้จัดการอยู่ที่ไหน”

    “ก็อยู่ในห้องรองผู้จัดการไง  ไดจังถามหาคุณยามาดะทำไมเหรอ?”

    ไดกิหันมาจับมือเคเพื่อสร้างกำลังใจ  สีหน้าของเคนอิจิตอนพูดกับเคโตะนั้นทำให้เขานึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด  เคโตะจะโดนด่าอะไรบ้างนะ  “ประธานบริษัทมาที่นี่  ต้องบอกคุณยามาดะให้เร็วที่สุด”

     

    ริวทาโร่เดินลงมาชั้นล่างเห็นยูมิโกะกำลังนั่งอยู่  เขาเดินตรงไปหาเธอทันทีโดยไม่รอช้า  “คุณยูมิโกะครับผมมีเรื่องอยากจะถาม”

    ยูมิโกะละสายตาจากโทรทัศน์ตรงหน้า  เธอปิดมันเพื่อจะได้คุยกับริวทาโร่ได้สะดวก  “ว่าไงจ้ะริวทาโร่คุง”

    ริวทาโร่ยื่นรูปที่ได้มาจากห้องของเคโตะให้ยูมิโกะดู  “ผู้หญิงคนนี้ใช่แม่ของพี่เคโตะหรือเปล่าครับ  ผมเห็นพี่เคโตะเขาเก็บรักษามันไว้อย่างดีเลย”

    ยูมิโกะตกใจเมื่อเห็นรูปนั่นในมือริวทาโร่  “ริวทาโร่คุง  เธอได้มันมาได้ยังไง”

    “ตอนทำความสะอาดอยู่  ผมก็เห็นในลิ้นชักของพี่เคโตะครับ  พี่เคโตะลืมล็อคมันไว้ผมก็เลยบังเอิญไปเห็น”

    ยูมิโกะมองอย่างตกใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  “ที่เธอคิดน่ะถูกแล้ว  ผู้หญิงคนนี้คือแม่แท้ๆ ของเคโตะคุง”

    ริวทาโร่พยักหน้ารับ  มันไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะเขาคาดว่ามันจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว  “แล้วตอนนี้คุณแม่พี่เคโตะอยู่ที่ไหนล่ะครับ  ตอนดึกๆ บางครั้งผมก็เห็นพี่เคโตะละเมอเรียกแม่เขาบ่อยๆ  ผมคิดว่าพี่เคโตะต้องคิดถึงคุณแม่ของเขามากแน่ๆ เลยครับ”

    ยูมิโกะถอนหายใจอีกครั้ง  พอนึกถึงเหตุผลที่ทำให้คัทสึเอะหย่าขาดจากเคนอิจิแล้วมันทำให้เธอยิ่งเกลียดตัวเอง  “คุณคัทสึเอะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”

    “คุณคัทสึเอะเสียแล้วเหรอครับ”

    ยูมิโกะส่ายหน้า  “ไม่ใช่หรอก  แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว  พอเถอะเจ้าเด็กน้อย  ถามอะไรไม่เข้าเรื่องนะ”  เธอแสร้งยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินขึ้นไปยังห้องของตน  “เก็บภาพนั้นไว้ให้เหมือนเดิมล่ะ  ถ้าเคโตะคุงรู้เข้าเขาจะโมโหเอาได้”  ยูมิโกะยิ้มกรุ้มกริ่มขณะมองหน้าของริวทาโร่  “ว่าแต่ดึกๆแบบนั้น  เธอไปทำอะไรที่ห้องของเคโตะคุงเขาจ้ะ”  เธอว่าแค่นั้นแล้วเดินขึ้นห้องไป

    ริวทาโร่หน้าแดงที่เผลอเผยไต๋ให้ยูมิโกะรู้จนได้  เขาไปทำอะไรที่นั่นน่ะเหรอ  ก็แค่ไปดูว่าเคโตะนอนแล้วหรือยังเท่านั้นเองไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย  ร่างเล็กใจเต้นตึกตักเมื่อคิดถึงหน้าเจ้าของห้องที่เขาแอบไปดูแลอยู่ห่างๆ ทุกคืน  แกท่าจะบ้าไปแล้วริวทาโร่

     

    เคโตะยืนเผชิญหน้ากับพ่อของตนภายในห้องผู้จัดการที่ทาสีเขียวอ่อนไว้มองแล้วสบายตา  แต่ทว่าบรรยากาศระหว่างพ่อลูกคู่นี้กลับดูไม่สบายเอาเสียเลย  เคนอิจิจ้องหน้าเคโตะอย่างค้นหาคำตอบ  “แกคิดว่าแกกำลังทำอะไรอยู่”

    เคโตะจ้องหน้ากลับ  “ก็อย่างที่พ่อเห็นน่ะแหละ”

    “แล้วทำไม?”

    เคโตะหลบตาแต่ไม่พูดอะไร  แน่ใจเหรอว่าพ่ออยากจะฟังเหตุผลนั้น

    “ฉันถามว่าแกทำทำไม!”  อารมณ์ของเคนอิจิเริ่มจะเดือดปุดๆ เมื่อท่าทีของเคโตะยังนิ่งเฉย  โคตะรีบเข้าไปยืนขวางไว้

    “ท่านประธานครับ  ผมว่าคุยกันที่นี่คงไม่เหมาะนะครับ  ผมว่าท่านประธานกับคุณเคโตะไปคุยกันที่บ้านดีกว่า  ถ้าเสียงดังออกไปถึงข้างนอกทั้งพนักงานและลูกค้าอาจจะตกใจก็ได้”  เขาพูดอย่างใจเย็นที่สุด

    เคนอิจิไตร่ตรองเหตุผลของโคตะ  เขามองหน้าเคโตะอีกครั้งอย่างใจเย็น  “คิดหาข้อแก้ตัวให้ดีๆ ก็แล้วกัน  ไม่งั้นฉันจะสั่งพักงานแก”  เขาคาดโทษแล้วเดินออกจากห้องไป

    เคโตะทรุดนั่งลงที่เก้าอี้หลังจากที่เคนอิจิออกไป  เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับโทสะที่กำลังก่อตัวขึ้น  เขาหัวเราะกับตัวเอง  ข้อแก้ตัวงั้นเหรอ  เขาไม่จำเป็นจะต้องหาในเมื่อเขาไม่ได้ทำผิดอะไร  ถ้าอยากรู้เหตุผลเขาก็พร้อมที่จะบอกอยู่แล้ว  ทำใจรับให้ได้ก็แล้วกัน

     

    เรียวสุเกะยืนอยู่หน้าห้องผู้จัดการด้วยความลังเล  ประธานบริษัทมาที่นี่  แม้แต่เขายังรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่เคโตะทำเลยแล้วนี่ท่านประธานที่เป็นพ่อแท้ๆ จะคิดยังไงบ้างนะ  เขาหันไปอีกด้านของร้านอาหาร  ไดกิยืนให้กำลังใจอยู่ห่างๆ  เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยกมือขึ้นจะเคาะประตู  แต่ในขณะที่มือกำลังจะสัมผัสกับประตูเขาก็ต้องผงะด้วยความตกใจเมื่อเคนอิจิเดินออกมาจากห้องนั้นด้วยบรรยากาศแห่งอารมณ์อันขุ่นมัวที่แม้แต่เขายังสัมผัสได้  เรียวสุเกะโค้งทำความเคารพ  “สวัสดีครับท่านประธาน”

    เคนอิจิพยักหน้าน้อยๆ แต่ไม่ตอบอะไร  เขาเดินออกจากร้านไปโดยทิ้งความสงสัยแก่เรียวสุเกะไว้เบื้องหลัง  เขานึกแปลกใจที่มันไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น  ทั้งที่ชื่อเสียงด้านความเป็นคนอารมณ์ร้อนของเคนอิจิก็โจษจันไปทั่ว  แต่สำหรับกรณีของผู้จัดการของเขาแล้วท่านประธานก็น่าจะโกรธจัดอยู่แต่ทำไมเขากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนะ  เรียวสุเกะยืนอยู่หน้าห้องของเคโตะอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป

    เคโตะนั่งหลับตานิ่งๆ อยู่บนเก้าอี้ทำงาน  เรียวสุเกะไม่รู้ว่าผู้จัดการหลับหรือเปล่า  เขาเดินเข้าไปใกล้เคโตะอีก  “วันนี้ปิดร้านเร็วนะ  ฉันมีธุระต้องกลับบ้าน”  เคโตะพูดขึ้นทั้งที่หลับตาอยู่  “วันนิ้คงไปตามนัดของยูโตะได้แล้วสินะ  ขอให้สนุกก็แล้วกัน”

    เรียวสุเกะรับรู้ได้ถึงกำแพงแห่งความรู้สึกบางอย่างที่ก่อขึ้นรอบๆ เคโตะอีกทั้งน้ำเสียงประชดประชันนั้นอีก  เขาลอบถอนหายใจเงียบๆ  ความจริงแล้ววันนี้เขาไม่ได้มีนัดกับยูโตะหรอก  คงจะอยากอยู่คนเดียวสินะ  เรียวสุเกะคิด  เขาตอบคำเคโตะสั้นๆ  “ครับ”  เรียวสุเกะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ถามอะไรอีก

    เคโตะหลับตาลงเพื่อเก็บงำความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจ  เขาโกรธตัวเองที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตัดใจได้สักที  เขากล่าวคำพูดเบาๆกับตัวเองที่ทำให้หัวใจเขาบอบช้ำยิ่งนัก  “ขอให้สนุกนะ  ยามาดะ”

     

    สามทุ่มสิบห้านาทีเป็นเวลาที่รถคันหรูของเคโตะเคลื่อนเข้าภายในโรงเก็บรถของบ้านโอคาโมโตะ  เขาลงจากรถพร้อมกระเป๋าเอกสารเช่นเคย  แต่ที่ทำให้ทั้งยูโตะและริวทาโร่แปลกใจคือ  วันนี้เคโตะกลับบ้านเร็วผิดปกติ

    ยูมิโกะสัมผัสสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอารมณ์ของสามีได้  ตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาคล้ายกำลังรอใครสักคนด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว  เธอไม่กล้าแม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น  อีกแล้วสินะ  เธอคิด  เธอรับรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เคโตะเข้ามาในบ้านและมองหน้าพ่อบังเกิดเกล้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย  แต่เธอรู้ว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่เคโตะตั้งใจจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาไม่รู้สึกอะไร  ในใจยูมิโกะหวาดหวั่น  เธอมองหน้ายูโตะและรู้ว่าลูกชายของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน  อีกครั้งแล้วสำหรับการทะเลาะที่รุนแรง

    ริวทาโร่หวั่นใจอย่างประหลาดกับบรรยากาศเกิดขึ้นระหว่างเคโตะกับเคนอิจิ  และยังยูมิโกะกับยูโตะอีก  เขาสะกิดแขนยูโตะที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่แววตาของยูโตะบอกเขาว่าอย่าถามอะไรมากกว่านั้นเลย  ริวทาโร่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงในบรรยากาศอันขมุกขมัวนี้  ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไประหว่างเคโตะกับเคนอิจิ  แต่ในฐานะคนนอกอย่างเขาแล้วบรรยากาศแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย  ริวทาโร่ลอบถอนหายใจเงียบๆ แล้วเดินออกมาข้างนอกโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

    พอออกมายืนข้างนอกแล้วริวทาโร่ก็รู้สึกดีขึ้น  อย่างน้อยก็อยู่ห่างจากอารมณ์รุนแรงที่กำลังก่อตัวขึ้นข้างในนั้น  ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมสมาธิ  จะเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้างนะ  เขาหันหลังมองเข้าไปในบ้านอีกครั้ง  เสียงทะเลาะของเคโตะและเคนอิจิเริ่มดังขึ้นให้ได้ยิน  เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นเคนอิจิตบหน้าเคโตะหลังจากที่เขาพูดคำพูดหนึ่งออกไปด้วยแรงโทสะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×