ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 713
      2
      5 มิ.ย. 55

    Intro

         หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องพักโรงแรมสีนวลตา หล่อนมองไปยังชายหนุ่มที่กลัดกระดุมเสื้อของตัวเองอยู่หน้ากระจก กลิ่นหอมจางๆ จากชายหนุ่มลอยมาติดจมูก หล่อนยิ้ม “คุณโอคาโมโตะ เมื่อคืนหลับสบายมั้ยคะ”
         เคโตะยังคงกลัดกรระดุมเสื้อต่อไปจนเสร็จโดยแทบจะไม่เหลียวแลหล่อนด้วยซ้ำ เขาหยิบเสื้อคลุมพร้อมด้วยกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา หยิบเงินออกมาส่วนหนึ่งแล้ววางไว้บนโต๊ะ “30,000 เยน คงพอนะ” หญิงสาวลุกขึ้นแล้วหยิบเอาเงินนั้นโดยไม่ได้สนใจว่าหล่อนยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เคโตะเหลือบตามองร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวอย่างเอือมๆ “ทีหลังน่ะหัดใส่เสื้อผ้าให้มันเสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยลุกได้มั้ย เห็นแล้วมันทุเรศ”
         หญิงสาวยิ้มยั่ว “แต่ถึงยังไงคุณก็นอนกับผู้หญิงทุเรศอย่างฉันทั้งคืนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
         เคโตะแสยะยิ้ม “อย่างเธอมันก็แค่ one night stay” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป
         หญิงสาวมองตามเคโตะที่เดินออกไปก่อนจะยิ้มและนับเงินในมืออย่างมีความสุข “นายก็ลีลาใช้ได้เหมือนกันน้า~” หล่อนเก็บเงินไว้ในกระเป๋าแล้วหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
     
         รถคันหรูแล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ เคโตะก้าวออกมาจากรถแล้วเดินตรงเข้าบ้าน
         “หายไปไหนมาทั้งคืน” ชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขามยืนมองเคโตะอยู่หน้าบ้านพร้อมถามเสียงดัง เคโตะมองหน้าแต่ไม่ได้สนใจ เขาเดินผ่านชายคนนั้นโดยไม่คิดจะทักทาย ชายคนนั้นคว้าแขนเคโตะไว้ “พ่อถามว่าหายไปไหนมา”
         เคโตะหันมาอย่างหัวเสีย “อย่ายุ่งกับผมน่า ผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผมสิ” เขาดึงแขนออกจากมือพ่อตัวเองอย่างแรง
         “แกไม่ได้ไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนอีกแล้วใช่มั้ย” เคนอิจิถาม
         “ถึงผมไปนอนกับใครผมก็ป้องกันอย่างดี ไม่ไปไข่ไว้เรี่ยราดเหมือนที่พ่อทำหรอก”
         “เคโตะ!!”
         เคโตะจ้องหน้าพ่อบังเกิดเกล้าอย่างไม่คิดกลัวเกรง เขาหันหลังและเดินกลับห้องไปเสียอย่างนั้น เคนอิจิได้แต่มองตามลูกชายหัวแข็งไปอย่างอ่อนใจ
     
         เคโตะเดินเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาลุกขึ้นและยิ้มทักทาย “กลับมาแล้วหรือครับพี่ชาย” คำทักทายจากน้องชายต่างแม่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาหันไปมองยูโตะแว้บหนึ่งแต่ไม่ตอบว่าอะไร เคโตะเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจยูโตะอีก
         ยูโตะหุบยิ้มทันทีที่พี่ชายพ้นจากระยะสายตา ความโกรธพุ่งขึ้นมาในห้วงอารมณ์ เขากำหมัดแน่นเพื่อระงับมันไว้ ยูโตะพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ ไอ่พี่บ้า
     
         เสียงฝักบัวทำงานท่ามกลางห้องน้ำใหญ่ที่เงียบงัน เคโตะปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสกับการไหลผ่านของน้ำอย่างช้าๆ นั่นช่วยให้จิตใจของเขาสงบขึ้น เขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่านั่นมันเป็นสิ่งไม่ถูกต้องแต่พอทะเลาะกับเคนอิจิเรื่องแม่ของเขาทีไรเขาก็มักจะขาดสติไปเสียทุกครั้ง เพราะการที่พ่อของเขาไปนอนกับผู้หญิงอื่นจนมีลูกทำให้แม่ของเขาตัดสินใจหย่าขาดและไปจากชีวิตของเขาและพ่อโดยไม่หวนกลับมาเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว
         เขาโกรธที่พ่อมีผู้หญิงอื่น
         เขาโกรธที่พ่อมีลูกกับผู้หญิงแพศยาคนนั้น
         เขาโกรธที่พ่อไม่คิดแม้แต่จะห้ามแม่ของเขาเมื่อเธอลากกระเป๋าออกไปจากบ้าน
         เขาโกรธที่พ่อไม่อาจเป็นที่พึ่งให้เขาได้ยามเขาต้องการใครสักคน
         เขาโกรธที่พ่อไม่ยอมรับฟังเขา
         เขาโกรธ... และโกรธ
         เคโตะหลับตาลงเพื่อสงบอารมณ์จนรู้สึกดีขึ้น เขาปิดฝักบัว หยิบผ้าเช็ดตัว สวมเสื้อผ้าและออกไปทำงาน
     
         ร่างบางของใครบางคนกำลังทำความสะอาดโต๊ะในร้านอาหารที่ตัวเองทำงานอยู่ ริวทาโร่ยิ้มให้แขกและกล่าวขอบคุณก่อนจะเก็บจานอาหารไป
          ชีวิตที่ไม่ได้รวยล้นฟ้าอย่างเขานั้นแค่มีกินมีใช้อยู่ไปวันๆ ก็บุญเท่าไรแล้ว ริวทาโร่เกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางค่อนไปทางจนสักหน่อย เพราะพ่อที่ด่วนจากไปตั้งแต่เขายังเด็กและแม่ที่ป่วยกะทันหันเมื่อหลายเดือนก่อนทำให้เขาต้องเป็นหัวหลักเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ชีวิตในเมืองหลวงของญี่ปุ่นช่างแสนลำบากนักแต่เขาก็ไม่เคยท้อแท้ใจ ขอแค่แม่ น้องชายและน้องสาวได้อยู่อย่างสุขสบายเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
         ประตูร้านถูกเปิดออกโดยกลุ่มชายฉกรรจ์สามคน พวกเขานั่งตรงโต๊ะว่างโต๊ะหนึ่ง 
         ริวทาโร่เดินไปหยุดอยู่หน้าพวกเขาทั้งสาม “จะรับอะไรดีครับ” เขาพูดอย่างเป็นมิตร
         หนึ่งในนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ขอคนสวยได้ป่ะ” พวกนั้นหัวเราะกันอย่างกับมันเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดา
         “พนักงานที่นี่มีแต่ผู้ชายครับ” ริวทาโร่พยายามควบคุมอารมณ์ เจ้าพวกนี้คิดจะกวนประสาทเขาแต่เช้าเลยหรือไงนะ
         “ก็คนสวยที่อยู่ตรงหน้าพวกพี่ยังไงล่ะ” ใครคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
         ริวทาโร่จ้องกลับด้วยแววตาโกรธ “ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชาย คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ”
         ชายทั้งสามหัวเราะอีกครั้ง “ผู้ชายอะไรจะสวยขนาดนี้”
         ริวทาโร่สะบัดหัวเพื่อไล่ความรู้สึกโกรธออกไป “ถ้าไม่สั่งก็กรุณาออกไปจากร้านเราด้วยนะครับ เราไม่มีนโยบายให้ลูกค้ามานั่งตากแอร์ฟรีๆ โดยไม่สั่งอะไรเลย”
         “น้องเขาโกรธแล้วเว้ยย” คนพวกนั้นยังหัวเราะไม่เลิก ริวทาโร่ได้แต่ยืนขมวดคิ้วโดยทำอะไรไม่ได้ “พวกพี่ขอเป็น ฟรุตสลัดแล้วกันนะน้องสา.... เอ้ย! น้องชาย” พวกนั้นยังหัวเราะกับมุกตลกของตัวเองต่อไป
         ริวทาโร่พ่นลมหายใจด้วยความโกรธแล้วเดินออกมาจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด เจ้าพวกโรคจิต เขาได้แต่นึกบ่นในใจ
     
         ดวงอาทิตย์ลาลับของฟ้า แสงไฟยามคำคืนของเมืองหลวงส่องสว่างไปทั่ว ริวทาโร่เดินกลับบ้านตามลำพัง เขากำถุงใส่อาหารที่เหลือจากที่ทำงานในมือแน่น คิดถึงหน้าแม่และบรรดาน้องๆ ของตัวเองแล้วยิ้มออกมา เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง “ตายล่ะ ป่านนี้คงจะหิวแย่แล้ว!” ริวทาโร่รีบวิ่งเร็วปรื๋อไปยังซอยเข้าบ้านจนกระทั่ง
         “จะไปไหนล่ะน้องสา... เอ๊ย!! น้องชายคนสวย” ชายคนเมื่อเช้ายืนขวางทางเขาอยู่
         ริวทาโร่หยุดชะงัก เขามองไปรอบตัว ชายอีกสองคนล้อมตัวเขาไว้ เขาหาทางหนีไปไม่ได้เลย ริวทาโร่คิดจะร้องให้คนช่วยแต่ตรงนี้ก็แทบจะไม่มีคนอยู่แถมก็ปิดบ้านปิดช่องกันหมดแล้ว “พวกคุณต้องการอะไร” เขาถามด้วยความตื่นกลัว
         พวกนั้นหัวเราะ  “ขนาดนี้แล้วยังจะให้ถามอีกเหรอว่าต้องการอะไร ก็ต้องการตัวน้องชายคนสวยน่ะสิ” ว่าแค่นั้น เจ้าพวกนั้นก็เข้ามารุมจับตัวริวทาโร่ไว้ ถุงใส่อาหารหล่นออกจากมือแตกกระจายลงบนพื้น ริวทาโร่พยายามดิ้นรนออกจากเจ้าพวกนั้น
         “ช่วยด้วย!!” เขาร้อง น้ำตาแห่งความกลัวไหลพราก “ช่วยด้วยครับ!!!”
         พวกนั้นปิดปากริวทาโร่ไว้ด้วยเทปกาวและมัดมือเท้าเขาไว้ด้วยเชือกเส้นหนา ริวทาโร่มองชายพวกนั้นด้วยความโกรธและกลัว เขาพยายามดิ้นแต่ดูเหมือนจะสู้แรงเจ้าพวกนั้นไม่ได้เลย
         ในขณะที่ความโกรธและความกลัวใกล้เข้ามาถึงขีดสุด แสงไฟหน้าจากรถคันหนึ่งก็สาดส่องมายังพวกเขา ริวทาโร่อุ่นใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถพลางขมวดคิ้วมายังชายทั้งสาม “นี่พวกคุณกำลังจะทำอะไร”
         เจ้าสามคนนั่นวางริวทาโร่ลง “มีปัญหาเรอะ” เจ้าพวกนั้นถามอย่างหาเรื่อง
         ชายหนุ่มยิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตร “มีสิครับ ก็พวกคุณเล่นทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้แบบนั้นน่ะ เขาเรียกว่าพวกเศษสวะ”
         “วอนหาเรื่องแล้วแก!” ชายคนหนึ่งซัดหมัดไปยังชายหนุ่ม ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มก่อนจะหลบหมัดของชายคนนั้นอย่างรวดเร็วและซัดคืนไปขณะที่พวกนั้นยังพากันอึ้งอยู่ ชายหนุ่มซึ่งดูจะเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างดียิ่งต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นที่ดูจะไม่รู้เลยว่าต้องต่อสู้อย่างไร ชายหนุ่มเล่นงานเจ้าพวกนั้นจนสะบักสะบอม
         ชายหนุ่มยิ้มพร้อมหัวเราะหึหึ “ไปสิครับ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้” เจ้าพวกนั้นรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไปทันที
         ริวทาโร่ได้แต่มองปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มอย่างตกตะลึงและหลงใหล เขาไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะพยายามแก้เชือกที่มัดตัวเองออกจนชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งข้างๆ เขาจึงได้สติว่ากำลังทำอะไรอยู่
         ชายหนุ่มแก้เชือกให้เขาอย่างรวดเร็ว เมื่อมือเป็นอิสระเขาดึงเทปกาวออกจากปากและแก้มัดเชือกที่เท้าของตัวเอง ริวทาโร่มองไปยังชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “เป็นอะไรหรือเปล่า”
         ไม่เป็นไรครับ” เขาลุกขึ้นยืนรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เขาโค้งให้อย่างนอบน้อม “ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้”
         ชายหนุ่มยิ้ม “ไม่เป็นไร” เขามองเศษอาหารที่หล่นกระจายเต็มพื้นแล้วเข้าไปหยิบกล่องพิซซ่ากล่องหนึ่งในรถออกมายื่นให้ริวทาโร่ “ฉันยังไม่ได้กิน นายเอาไปเถอะ”
         ริวทาโร่ยกมือร้องห้าม “ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ผมก็รู้สึกขอบคุณจะแย่อยู่แล้ว ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ครับ”
         ชายหนุ่มยัดกล่องพิซซ่าลงในมือของริวทาโร่ เมื่อมือของชายหนุ่มสัมผัสกับมือของเขา ริวทาโร่ก็อดที่จะใจเต้นไม่ได้ “เอาไปเถอะน่า ฉันก็ไม่คิดจะกินมันอยู่แล้วล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มตาหยี
         ริวทาโร่โค้งตัวลงอย่างนอบน้อม “ขอบคุณมากนะครับ แม่กับน้องผมคงดีใจมากแน่ๆ เลย” เขายิ้มให้กับชายหนุ่ม “ถ้าไม่รบกวนอะไร ขอทราบชื่อคุณได้มั้ยครับ เมื่อมีโอกาสผมจะหาทางตอบแทนคุณให้ได้”
         ชายหนุ่มยิ้มแล้วส่ายหัวน้อยๆ “ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไรเลย”
         “ไม่ได้หรอกครับ” ริวทาโร่คะยั้นคะยอ “แม่ผมสอนไว้ว่าถ้าใครดีกับเรา ก็ต้องดีตอบ ถ้าใครช่วยเราไว้ก็ต้องแทนคุณ เพราะฉะนั้นขอทราบชื่อได้มั้ยครับ อย่าให้ผมต้องลำบากใจเลยนะครับ”
         ชายหนุ่มอึดอัดแล้วถอนหายใจออกมา “ถ้างั้นก็ได้” ริวทาโร่ยิ้มตาเป็นประกาย “ชื่อของฉันคือ เคโตะ” ริวทาโร่นิ่งฟัง “โอคาโมโตะ เคโตะ”
     
         ริวทาโร่เดินกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต  โอคาโมโตะ เคโตะ         เขายิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่ช่วยเขาไว้วันนี้โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ตกหลุมรักชายหนุ่มนามเคโตะคนนี้ไปเสียแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×