ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-NakaOka] My heart will go on (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 14 เข้าใจผิด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 117
      1
      12 ม.ค. 55


    เช้าวันรุ่งขึ้น  ผมนั่งเหม่อตรงที่เดิมของตัวเองเหมือนคนไม่มีอะไรจะทำ  ก็มันไม่มีจริงๆ นี่  พ่อส่งข่าวมาเมื่อเช้านี้  ผู้อำนวยการและนักเรียนสี่คนหายตัวไป  พวกยาโอโตะเมะบุกไปที่โรงเรียนก่อความเสียหายให้  นักเรียนและผู้ปกครองต่างหวาดกลัวโรงเรียนจึงต้องหยุดการเรียนการสอนกระทันหัน

    “คุณมานั่งทำอะไรที่นี่”  ผมมองไปตามเสียงเรียก  โมริโมโตะนั่นเอง  เขานั่งลงข้างๆ ผม  “คิดเรื่องจิเน็นซังกับยามาดะซังอยู่ล่ะสิ?”

    “นายรู้ได้ยังไง”

    เขามองหน้าผม  “ผมเป็นสายลับนะครับ  ถ้าเรื่องในบ้านไม่รู้อย่าหวังว่าจะสืบอะไรจากข้างนอกได้เลย”  เขาเงียบไปซักพัก  “ผมเสียใจเรื่องโรงเรียนของคุณ”

    “ไม่เป็นไรหรอก  ถึงปิดก็เปิดใหม่ได้”

    “คุณคิดว่าคุณโกหกผมได้งั้นเหรอ?  สีหน้าคุณมันฟ้องอยู่ทนโท่”

    ผมถอนหายใจ  “จิเน็นยังไม่ตื่นเหรอ”

    “ใช่  พวกนั้นยังไม่ออกจากห้องตั้งแต่เมื่อเช้า  ดูคุณจะเป็นห่วงจิเน็นซังมากเลยนะ”

    “ผมแค่อยากอธิบายให้ยามาดะเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่การเข้าใจผิด”

    เขาเงียบไป  “ยามาดะซังไม่ใช่คนที่ยอมฟังใครง่ายๆ  ถ้าได้โกรธแล้วยิ่งกว่าเอาน้ำมันไปราดกับไฟซะอีก”

    “ผมรู้  แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

    “แต่ยามาดะซังก็รักจิเน็นซังมากเหมือนกัน”

    ผมไม่เข้าใจ  “คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ?” 

    “ความรักมีแต่จะทำให้เจ็บปวด  แต่ก็ยังรักอยู่ดี”  เขาก้มหน้า  “พวกเราต้องขอโทษคุณจริงๆ  ที่ดึงคุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้  เพียงแค่องค์ชายไม่เรียนที่นั่น”

    “เรื่องนี้ผมเข้าใจ  จิเน็นเล่าให้ผมฟังแล้ว”

    “ไม่  คุณไม่เข้าใจ  ถ้าเพียงแค่องค์ชายไม่เรียนที่นั่น  ถ้าเพียงแค่คุณไม่กลับมา  ถ้าเพียงแค่.....”  เงียบไปซักพัก  “พวกนั้นคงพอใจกับการทำลายความรู้สึกขององค์ชายเล่นๆ  ถ้าคุณหายไป  องค์ชายอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้”

    “หมายความว่าไง”

    เขาหันมายิ้มให้ผม  “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  ผมไม่ฆ่าคุณหรอก  อย่างน้อยๆ  ผมก็ไม่อยากทำให้องค์ชายต้องเจ็บปวดมากกว่านี้”

    ผมจ้องเข้าไปในดวงตาเขา  “นายกำลังจะร้องไห้นะ”

    เขาเบือนหน้าหนี  กระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตา

    “นายชอบเขาเหรอ?  เคโตะน่ะ”  ผมรู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    โมริโมโตะก้มหน้านิ่ง  “ผมอยากให้คุณระวังนากายาม่า  ยูมะไว้ให้ดีๆ  อย่าประมาทเจ้านี่เด็ดขาด”  เขาเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

     

    ผมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น  ที่ใช้เป็นทั้งห้องกินข้าวทั้งห้องประชุมไปในตัว  นายพลทาคากิกำลังเช็ดปืนพกกระบอกเล็กในมืออย่างถนุถนอม

    “กินอะไรหรือยังยูโตะ”  เขาถามผม

    “ครับ”

    นายพลทาคากิยิ้มกว้าง  “นายเห็นเจ้ายามาดะกับโมริโมโตะหรือเปล่า  อ้อกับจิเน็นด้วย  ฉันไม่เห็นพวกนั้นตั้งแต่เช้า”

    “ผมไม่ทราบครับ”

    ทาคากิเลิกคิ้วขึ้น  “งั้นเหรอ  งั้นก็ไม่เป็นไร  หน้านายไปโดนอะไรมา”  เขาจ้องผม  “โดนยามาดะชกมาใช่มั้ย”

    “ท่านรู้ได้ยังไงครับ”

    เขาหัวเราะ  “ฉันไม่รู้ว่าพวกนายมีปัญหาอะไรกันนะ  แต่รีบคืนดีกันซะถ้าพวกนายยังทะเลาะกันอยู่แบบนี้องค์ชายไม่ปลอดภัยแน่”  แล้วหันไปเช็ดปืนพกต่อ

    “ท่านเห็นคุณหมออิโนะโอะมั้ยครับ”

    “อยู่กับองค์ชายในห้องบรรทมนู่น  กับไดจัง”  เขาพูดทั้งๆที่ไม่เงยหน้า

    ผมขอบคุณเขาแล้วเดินออกมา

     

    ผมเดินผ่านห้องของยามาดะและจิเน็น  ประตูเปิดออก  ร่างของยามาดะเดินออกมาสีหน้าไม่เหลือความโกรธเอาไว้เลย

    ผมมองหน้าเขา  เขาหันมาสบตาแววตาเศร้าลงไปมาก  “ฉันทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ซะแล้วล่ะนากาจิม่า”  เขาพูดขึ้น

    ผมขมวดคิ้ว

    เขาพยักหน้า  “ฉันขอโทษนะที่ว่านาย”

    “จิเน็นล่ะ?”

    “อยู่ในห้อง”  ผมจะเดินเข้าไปแต่ยามาดะจับแขนไว้  “ได้โปรดเถอะ  ฉันอยากจะคุยกับยูริอีกซักพัก”

    ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินจากสองคนนั่นมา  ผมเดินตรงไปที่ห้องของเคโตะแต่กลับเห็นโมริโมโตะยืนอยู่หน้าห้อง

    “โมริโมโตะ”  เขาหันหน้ามามองผม  ผมอ่านจากสายตาของเขาแววตาทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ  “เกิดอะไรขึ้น”  ผมรู้สึกกังวลแต่โมริโมโตะกลับไม่ตอบผม  เขาดึงมือผมไว้ขณะที่จะเอื้อมไปเปิดประตูห้อง

    “เปล่า  องค์ชายไม่ได้เป็นอะไร  คุณหมออิโนะโอะกำลังตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายอยู่”

    “แล้วทำไมนายต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

    เขาจ้องผม  “ผมมีเรื่องที่ต้องคิดมากมาย  ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้าแบบนั้นหรอก”

    ประตูห้องเคโตะเปิดออก  “อ้าว!!  สองหนุ่ม  มาเยี่ยมองค์ชายเหรอ  หายห่วงทุกประการแล้วจ้ะ”  อาริโอกะยิ้ม

    “ทรงหายเป็นปกติแล้วล่ะ  พวกนายไม่ต้องห่วงหรอกนะ”  อิโนะโอะเสริม

    อาริโอกะมองหน้าเราสองคนแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะพาอิโนะโอะเดินไป

    ผมมองหน้าโมริโมโตะ  แต่เขาดูไม่ได้จะสนใจผมนักสายตามองไปในห้องที่ปิดอยู่  สงสัยจะเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างในนั้น  “ถ้าอยากไปเยี่ยมเขาก็เข้าไปสิ”

    เขาถอนหายใจเบาๆ  “ผมว่าคุณเข้าไปดีกว่า  แค่รู้ว่าองค์ชายปลอดภัยผมก็หายห่วงแล้วล่ะ”  เขายิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป

     

    ผมรั้งรออยู่ว่าจะเข้าไปหาเคโตะดีมั้ย 

    ยามาดะเดินมายืนข้างๆผม  สายตาเขาจับจ้องไปที่ประตูห้องของเจ้าชีวิต  “นายรู้มั้ยนากาจิม่า  ฉันน่ะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบพ่อแม่เลยซักครั้ง  ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร”  เขาเงียบไปซักพัก  “จะบอกว่าไม่คิดถึงก็คงจะไม่ใช่หรอกนะ  ฉันเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้  ทำไมพ่อกับแม่จะต้องทิ้งฉันไปด้วย”

    “..............................”

     “ฉันพบองค์ชายครั้งแรกตอน 10 ขวบ  ตอนนั้น  ยูริ  อิโนะโอะ  และไดจังรวมทั้งนายพลทาคากิก็อยู่ที่นั่นแล้ว  ฉันมาที่นี่พร้อมกับริวทาโร่”  เขาเงียบไป  “วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้จักกับคำว่าพ่อแม่  ฉันเสียใจที่ฉันไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่นเขา  ในวันแรกที่มาที่นี่ฉันร้องไห้ไม่ยอมหยุดเลยทั้งๆที่ริวทาโร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะร้องไห้เหมือนฉันสักนิด  ยูริคงรำคาญมั้งเขาบอกว่า  พ่อแม่นายก็คือตัวนายนั่นแหละ’  ถึงบางครั้งฉันจะไม่ค่อยจะเข้าใจมันก็เถอะ”  เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ  “ยูริไม่เคยทิ้งให้ฉันต้องนั่งคิดมากเลยซักครั้ง   เขาจะคอยมายุ่งวุ่นวายกับฉันเสมอ  แต่พอยูริทำตัวห่างไปฉันก็เริ่มคิดมากจนทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้น”

    ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี

    “ฉันรักเขามาก  จนไม่อยากเสียเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว  ฉันเสียใจที่ไม่เคยแก้ไขตัวเองได้เลย  แม้ฉันจะเสียงดังหรือตวาดใส่ยูริแค่ไหน  ไม่มีซักครั้งที่เขาจะทิ้งฉัน”  เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ  “สำหรับองค์ชาย  นายเองก็สำคัญมากเหมือนกัน  ฉันไม่รู้หรอกว่าถ้าองค์ชายขาดนายไปพระองค์จะเป็นยังไง”

    “ฉัน....”

    “นายน่ะ  จะเอายังไงกับความสัมพันธ์นี้กันล่ะ  พระองค์เป็นผู้ที่จะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวในอนาคต  แล้วนายจะยังอยู่อย่างนี้ต่อไปหรือเปล่า?”

    ผมไม่รู้จะตอบคำถามของยามาดะยังไงดี  ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดหรอกนะ  แต่ผมจะทำอย่างนั้นได้จริงๆน่ะเหรอ?  “ฉันเข้าใจ  ฉันรู้ว่าควรทำยังไง”

    ยามาดะพยักหน้าน้อยๆ  เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไว้  แล้วเดินจากไป

    ผมละสายตามามองประตูห้องของเคโตะที่ปิดอยู่  บางทีผมควรทำบางสิ่งบางอย่างซักที  ผมเปิดประตูเข้าไป  เคโตะยืนอย่ริมหน้าต่างที่เปิดอยู่  สายตาเหม่อมองไปไหนผมก็ไม่รู้  ผมไม่รู้ว่าเขามองอะไร  “เคโตะ”  เคโตะหันมา  ผมเดินเข้าไปปิดหน้าต่างไว้อย่างเดิม  เคโตะหันหน้ามาเผชิญกับผม  ผมเดินเข้าไปเขย่าตัวเขา  “นี่นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!  รู้มั้ยว่ามันอันตรายแค่ไหน!!  ถ้าพวกนั้นอยู่ข้างนอกนั่นจะทำยังไง  นายอาจจะ....”

    แต่เหมือนเคโตะจะไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของผมมากมายนัก  เขามองผมด้วยสายตาที่ยากจะเดาอารมณ์ได้

    “เคโตะเป็นอะไร  เกิดอะไรขึ้นกับนาย”

    แต่เคโตะยังคงนิ่งเหมือนเดิม

    ผมกอดเขา  และหวังว่าผมจะสามารถรับรู้ความรู้สึกภายใต้ใบหน้าที่เย็นชาของเคโตะได้  “อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยเคโตะ  อย่าเงียบได้มั้ย”

    “ถ้าฉันไม่ใช่องค์ชายนายจะอยู่กับฉันมั้ย”  เสียงเคโตะแว่วเข้ามาในโสตประสาท  “ถ้าฉันจะไม่ขึ้นเป็นพระราชานายจะอยู่กับฉันมั้ย”

    ผมคลายอ้อมกอดแล้วมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ  “หมายความว่ายังไง”

    “ฉัน....   ไม่อยากเป็นรัชทายาท  พาฉันไปจากที่นี่ที  ยูโตะ”  เขาจับมือผมไว้

    “เอ่อ....”  นี่เขาเป็นอะไรไป

    เคโตะก้มหน้าลง  “มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับเข้าวังแล้วล่ะ”

    ผมฝืนยิ้ม  “ก็ดีแล้วนี่  นายก็จะได้เป็นรัชทายาทเต็มตัวแล้ว”  ผมดึงเคโตะเข้ามากอดใบหน้าเขาซุกหน้าลงบนอกของผม  หน้าอกผมเปียกไปด้วยน้ำตาของเขา  “นายร้องไห้อีกแล้วนะ  ยิ้มหน่อยสิ  ทุกอย่างต้องไปได้ดีแน่”

    “แต่ฉันไม่อยากทำแบบนี้เลย”  เขาพูดเสียงอู้อี้  ผมลูบหลังเขาเบาๆ  เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก  “ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันแบบนี้ตลอดไปจัง”  เขากำเสื้อผมแน่นเหมือนกำลังพยายามควบคุมความรู้สึกบางอย่าง  ผมคิดว่าผมรับรู้ได้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร

    ผมคลายอ้อมกอดออกแล้วมองหน้าคนตรงหน้า  “นายอยาก.....”

    แต่เสียงของผมก็หายไปเพราะริมฝีปากของเคโตะที่ประกบอยู่  แค่ประกบกันเท่านั้น  เขาถอนริมฝีปากแล้วมองผมด้วยดวงตาแน่วแน่แต่ปราศจากคำพูดใดๆ  ออกมา

    ผมตกใจกับการกระทำของเคโตะจนแทบจะพูดออกมาไม่เป็นคำ  “นาย....อยากจะ.......”

    เคโตะพยักหน้า

    ผมจ้องตาคนตรงหน้ากลับไป  “แต่ฉัน.....ฉัน.......ทำไม่ได้”

    เคโตะหลุบตาลง  “นายรักยูริเหรอ?”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”  นี่เคโตะก็คิดว่าผมกับยูริมีอะไรกันจริงๆเหรอ   “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ  ฉันกับจิเน็นไม่ได้มีอะไรกัน”

    น้ำตาที่เหือดแห้งไปเอ่อล้นเต็มดวงตาของเคโตะอีกครั้งก่อนจะไหลไปตามใบหน้าหวานของเขา  “ทำไมล่ะยูโตะ  ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”

    “เคโตะ  ฉันไม่ได้รักยูริ  เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น”  แต่เคโตะก็ยังไม่ยอมมองผม  “คนที่ฉันรักมีแค่นายคนเดียวเท่านั้นเคโตะ”  เคโตะทำราวกับไม่ได้ยินเสียงของผม  “ที่ฉันไม่ทำอย่างนั้นก็เพราะ......  เพราะ........”  เพราะกลัวความรู้สึกตัวเอง  เพราะกลัวจะตัดใจไม่ได้  เพราะกลัวจะไม่สามารถปล่อยคนตรงหน้าให้กลับไปทำหน้าที่ของเขาได้  แต่ผมกลับพูดไม่ออก

    “ฉันไม่อยากฟังเหตุผลของนายอีก”  เคโตะสะบัดมือผมออกแล้วเบือนหน้าหนี  “ออกไปซะ!

    ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงได้แต่เดินออกมานอกห้องอย่างที่เขาต้องการเท่านั้น  ผมเดินออกมานอกห้องก็เห็นนากายาม่ายืนยิ้มอยู่

    “สีหน้าดูไม่ได้เลยนะยูโตะคุง”

    “ไม่เกี่ยวกับนาย”  ผมพยายามเดินหนีใบหน้าระรื่นนั่น  แต่นากายาม่าก็รั้งมือผมไว้ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

    “อยากทำอะไรก็ทำซะ  เพราะอีกหน่อย  องค์ชายที่นายรักนักรักหนาอาจไม่อยู่ให้นายได้ทำอะไรแล้วก็ได้”

    ผมมองหน้าเขา  “นายต้องการอะไร”

    “ฉันรู้ว่านายไม่มีอะไรกับเจ้ายูริตัวน้อยนั่น  แต่องค์ชายไม่รู้”  เขาแสยะยิ้ม

    “นากายาม่า!!”  ผมกระชากคอเสื้อเขา

    “นายจะทำอะไรยูโตะ”  เสียงนั้นทำให้ผมปล่อยมือออกจากนากายาม่า  เคโตะยืนจ้องผมด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์  นากายาม่าจัดปกเสื้อให้เข้าที่อีกครั้ง  แล้วทำหน้าเหมือนเยาะเย้ยผมในใจ  “กลับไปที่พักของนายซะยูโตะ  เธอก็เหมือนกันยูมะ  ฉันอยากอยู่คนเดียว”  เคโตะปิดประตูห้องอีกครั้ง

    นากายาม่ามองหน้าผมแล้วยิ้มเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง  “รู้มั้ยยูโตะ  อะไรที่ทำให้นายต้องทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดอยู่แบบนี้  แค่ฉันพูดแค่นั้นนายก็ยอมแพ้แล้วเหรอ  สมควรแล้วล่ะนายมันอ่อนแอชะมัด”  เขายิ้มแล้วเดินจากไป

    ผมมองประตูห้องที่ถูกปิดลงเมื่อกี้  ทำยังไงเคโตะถึงจะยอมเข้าใจผมซักทีนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×