คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
เคพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากเพราะขาที่หักตอนที่เกิดอุบัติเหตุ แม้จะได้มาพักที่บ้านแล้วแต่ถ้าจะให้นอนเฉยๆ เขาไม่เอาด้วยหรอก
“คุณทำอะไรน่ะ” ไดกิรี่เข้ามาประคองเคที่ทำท่าจะล้มอยู่แล้ว “ทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองเลย ถ้าล้มลงไปแข้งขาหักเพิ่มจะทำยังไงดูแลตัวเองหน่อยสิดื้อแบบนี้เมื่อจะหายล่ะ” ไดกิดุ เขาค่อยๆ ประคองสามีให้นั่งลงอย่างเดิม
“ก็ผมเบื่อนี่ อยู่ในนี้ทั้งวันเดี๋ยวผมก็เฉาตายพอดี” เขายิ้ม “ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็ดีสิ คุณจะได้ดูแลผมตลอดไปไงครับที่รัก” แต่สีหน้าของไดกิทำให้เขาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“พักผ่อนได้แล้ว” ไดกิสั่งเสียงเย็น เคเลยต้องนอนต่อไปอย่างเบื่อหน่าย ไดกิห่มผ้าให้ “ถ้ายังดื้ออีกพรุ่งนี้ผมจะไม่พาคุณออกไปเดินเล่นนะ” เขาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จริงเหรอครับ โอ๊ย!!” เคลุกขึ้นนั่งด้วยความดีใจ แต่ด้วยความที่ไม่ดูสังขารเหมือนที่ไดกิว่าขาที่หักจึงปวดขึ้นมาอีก
ไดกิผลักเคให้นอนลงตามเดิม “บอกแล้วไงครับว่าไม่ให้ดื้อ เดี๋ยวผมไม่พาไปนะ” ไดกิห่มผ้าให้สามีที่ยิ้มละมุนอย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือว่าอะไรแต่เครู้สึกว่าภรรยาเขากำลังยิ้มอยู่ล่ะ!
เรียวสุเกะนั่งรออยู่ในห้องโถงด้วยใจกระวนกระวาย ทำไมยังไม่มาอีกนะ นี่ก็เกือบจะทุ่มหนึ่งแล้วแต่ก็ปราศจากเงาของเคโตะ เรียวสุเกะลุกขึ้น “ฉันรอไม่ไหวแล้ว!!” เขาเดินไปหน้าคฤหาสน์ “ยูโตะเอารถออกเดี๋ยวนี้”
“คุณหนูจะไปไหนครับ” ยูโตะถาม
“ไปหาเคโตะน่ะสิ”
“เดี๋ยวเขาก็คงมาล่ะครับ ผมว่าคุณหนูใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า”
เรียวสุเกะอารมณ์เสีย “แต่นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะ ไหนว่าจะรีบมาไง”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปหาเขาเองครับ คุณหนูรออยู่ที่นี่ดีกว่า”
เรียวสุเกะได้สติ เขาถอนหายใจ ไม่น่าวู่วามเลย ทำไมเขาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ด้วยเนี่ย “ไม่ต้องหรอกยูโตะ เดี๋ยวก็คงกลับมาล่ะมั้ง” เขาชะเง้อมองไปที่ประตูรั้ว รถคันหนึ่งวิ่งมาจอดเขาจำรถนั่นได้ “จิเน็นมาทำอะไรเนี่ย”
ยูโตะมองตามเรียวสุเกะ “เขามาส่งคุณโอคาโมโตะต่างหากครับ”
ความโกรธพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรียวสุเกะหันหลังเดินขึ้นห้องไป
เคโตะหันไปยิ้มให้ยูริ “ขอบใจมากนะที่มาส่ง”
ยูริยิ้ม เขาก็แค่อยากจะให้เรียวสุเกะเห็นเท่านั้นแหละ “ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง”
เคโตะพยักหน้าแล้วลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์
ยูริมองตามเคโตะที่เดินเข้าไป แต่ก่อนที่จะขับรถออกไปประตูรถก็ถูกเปิดออกโดยใครบางคน ยูโตะนั่นเอง “ทำอะไรน่ะ” ยูริถาม
ยูโตะยิ้ม “แผนของคุณใช้ได้นี่นา”
ยูริขมวดคิ้ว “ย่ะ!!” เขาพูดกระชากเสียงก่อนจะพยายามดึงให้ประตูปิดแต่ยูโตะยังจับมันไว้มั่น
“หวังว่าคุณคงทำสำเร็จเร็วๆ นี้” ยูโตะปล่อยมือ ยูริปิดประตูเสียงดังแล้วขับรถออกไปทันที ยูโตะมองตามนึกถึงเรียวสุเกะที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงวันนี้ เขาควรทำมันให้สำเร็จหรือปล่อยให้มันเป็นไปตามใจของคุณหนูดีนะ เขาชักจะไม่แน่ใจซะแล้วสิ
เคโตะเดินเข้าไปในบ้านไม่เห็นเรียวสุเกะอยู่ สงสัยขึ้นห้องไปแล้วมั้ง เขาเดินขึ้นไปหยุดที่หน้าห้องเรียวสุเกะแล้วเคาะประตู
“ใครน่ะ”
“ผมกลับมาแล้ว” เคโตะตอบ ประตูถูกกระชากเปิดออก ใบหน้าเรียวสุเกะแดงก่ำไปด้วยความโกรธ นี่เรียวสุเกะยังไม่หายโกรธเขาเหรอเนี่ย “คุณยังโกรธผมอยู่เหรอ”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ฉันลืมไปแล้ว แต่ฉันโกรธที่นายมากับจิเน็นต่างหาก ถ้าไม่มีรถกลับก็บอกฉันสิจะได้ให้คนไปรับ แต่นี่กลับขอร้องให้คนอื่นมาส่งนายเห็นฉันเป็นอะไร”
เคโตะขมวดคิ้ว ที่จริงเขาว่าจะกลับมารถไฟฟ้าแล้วเพราะไดกิต้องดูแลเคมาส่งไม่ได้ แต่ยูริอาสามาส่งเองต่างหาก “ถ้าคุณจะโกรธเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุผลเลยนะครับ ผมไม่ได้ขอร้องให้ยูริมาส่ง”
“ถึงอย่างนั้นก็มาอยู่ดี เจ้าจิเน็นแค่อยากจะมาเยาะเย้ยฉันนายไม่รู้เหรอ!”
เคโตะไม่รู้หรอก “คิดมากไปได้ ผมกับเขาเป็นเพื่อนกันนะ”
“แล้วนายไม่คิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างหรือไง!”
เคโตะมองหน้าเรียวสุเกะตรงๆ “คุณหึงผมเหรอ?”
เรียวสุเกะหน้าแดงแล้วเบือนหน้าหนี “จะบ้าเหรอใครจะไปหึงนาย” เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าเขาทำอะไรน่าอายไปแล้ว
เคโตะอมยิ้ม “ตอนแรกผมก็คิดว่าคนรวยๆ อย่างคุณคงจะหาอะไรเล่นสนุกๆ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าคุณคงแอบชอบผมมากกว่านะ”
เรียวสุเกะหันมาหน้าแดงด้วยความอาย “คิดอะไรบ้าๆ ใครจะไปชอบนาย”
เคโตะยิ้มตาหยี “ผมจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน”
เรียวสุเกะพ่นลมหายใจ “กลับห้องนายไปซะฉันจะนอนแล้ว คนบ้า!” ประตูถูกปิดลงอย่างแรง เคโตะยืนยิ้มอยู่หน้าห้องพักหนึ่งก่อนจะเข้าห้องของตัวเองไป แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกจับตามองโดยใครบางคนตลอดเวลา
ยูโตะพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า คุณหนูของเขาชอบเคโตะจริงๆ ด้วย เป็นไปได้ว่าแผนของเขากับยูริคงจะไม่สำเร็จแล้วล่ะ แต่ไม่! เขาจะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้ เพื่อคุณหนูแล้วเขาต้องกันเคโตะออกไปจากชีวิตคุณหนูให้ได้ เขากดหมายเลขหายูริ “ผมว่าคุณต้องเร่งลงมือแล้วล่ะ”
“บอดิการ์ดบ้า!!” ยูริตะโกนระบายความโกรธใส่โทรศัพท์ ยูโตะวางหูไปนานแล้ว “สั่งๆๆ อยู่นั่นแหละ มันทำง่ายซะที่ไหนล่ะ” เขากระแทกก้นลงบนโซฟา เคโตะแปลกไปคิดว่าเขาไม่รู้หรือไง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคิดว่าคงจะทำให้เคโตะมาชอบเขาได้ไม่ยากแต่ตอนนี้สิ ตั้งแต่เรียวสุเกะเข้ามาทุกอย่างมันก็ยากขึ้น “ไปจัดการคุณหนูของนายเองสิ!!”
ไดกิจูงรถเข็นที่มีเคนั่งอยู่ไปตามทางเดินในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เคสูดอากาศเข้าปอดอย่างกับไม่ได้หายใจมาหลายวัน “ชื่นใจจังเลยนะ คุณว่ามั้ยไดจัง”
“อื่อ”
บทสนทนาเงียบไปแล้ว เคเริ่มรู้สึกท้อใจขึ้นมาซะแล้วสิ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนแต่ไดกิก็ยังทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตนอยู่บนโลกอยู่ดี “ไดจังครับผมอยากกินไอติมจังเลย” เขาอ้อนภรรยา
ไดกิเลิกคิ้วขึ้น “อยากกินรสอะไรล่ะ”
“วานิลลา”
ไดกิพาเคมานั่งพักที่ม้านั่งแล้วเดินไปซื้อไอศกรีมให้สามีตามคำขอ เคมองไปรอบๆ สมองจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย ความสวยงามาของธรรมชาติรอบตัวช่วยให้เขามีความหวังขึ้น แดดยังสว่างอยู่เขาไม่ควรยอมแพ้จริงมั้ย ไดกิเดินมาแล้วยื่นไอศกรีมโคนให้
เคยิ้ม “ขอบคุณครับที่รัก”
บทสนทนาเงียบไปอีกครั้ง เคกินไอศกรีมไปเงียบๆ จนหมด ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลยแต่แล้วเคก็ถามคำถามขึ้นทำลายความเงียบ คำถามที่ทำให้ไดกิอึ้งอย่างตอบไม่ได้
“คุณรักผมบ้างหรือเปล่าไดจัง”
ช่วงพักเที่ยงที่โรงเรียน
ยูริหามุมสงบๆ เพื่ออยู่เพียงลำพังแล้วก็พบกับสถานที่หนึ่งหลังโรงเรียน เขานั่งถอนหายใจอยู่คนเดียวไม่มีใครผ่านมาแถวนี้หรอก เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ สายตามองตามเมฆที่ลอยไปมาบนท้องฟ้า “นายเหมือนท้องฟ้าเคโตะ” เขายิ้มบางๆ “อยู่ใกล้แค่นี้แต่กลับไม่เคยเอื้อมถึงเลยซักครั้ง” ความรู้สึกเหงาเกิดขึ้นในใจไม่หยุดหย่อน ยูริร้องไห้เพียงลำพัง “ฉันรักนายรู้บ้างหรือเปล่า”
ยูโตะหลบไปนอนกลางวันอยู่หลังโรงเรียน เวลาที่เรียวสุเกะเรียนอยู่เขาก็ไม่มีอะไรทำหาที่หลับดีกว่า แต่แล้วเสียงอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาตื่น เสียงร้องไห้? ใครมานั่งร้องไห้แถวนี้ เสียงดังมาจากหลังต้นไม้ที่เขาแอบงีบอยู่ ยูโตะค่อยเอื้อมหน้าออกไปมอง “คุณจิเน็น!”
ยูริหันไปตามเสียงเรียก เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “นายมาทำอะไรที่นี่!”
“ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ คุณร้องไห้ทำไม”
ยูริก้มหน้าหลบ แค้นหนักทำไมเจ้านี่ต้องมาเห็นตอนเขาอ่อนแอแบบนี้ด้วย
ยูโตะถอนหายใจ “ไม่บอกก็ไม่เป็นไร คุณไม่ไปเรียนเหรอ” ยูริส่ายหน้า ยูโตะคิดหาเรื่องพูดเขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยโดยเฉพาะถ้าบรรยากาศนั่นมาจากยูริ “คุณอย่าเงียบแบบนี้สิ ผมรู้นะว่าคุณร้องไห้”
ยูริลุกขึ้นแล้วผลักยูโตะ “แล้วทำไม! ฉันร้องไห้แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย!”
“ผมก็แค่อยากบอกว่า ถ้าได้ระบายมันอาจจะดีขึ้นก็ได้”
ยูริหัวเราะ “ระบาย? กับใครล่ะ นายเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าพูดแบบนี้”
ยูโตะลุกขึ้น “ผมก็แค่เป็นห่วง ถ้าคุณเสียใจมากแล้วฆ่าตัวตายขึ้นมาแผนก็ล้มหมดน่ะสิ”
“คนบ้า!” เขาผลักร่างสูง “นายคิดแค่นี้หรือไง”
ยูโตะยิ้ม “ทำไมจะคิดไม่ได้ คุณมีค่าแค่ไหนกัน”
คำพูดของยูโตะทำให้ยูริชะงัก เหมือนคำพูดนั้นมันเสียดแทงเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจ เขาไม่มีค่าอะไรสำหรับใครเลยแม้แต่เคโตะยังไม่เห็นค่าแล้วเขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพื่ออะไรกัน ยูรินั่งลงร้องไห้ แม้จะรู้ว่ามันน่าอายก็ช่างแต่ตอนนี้เขากลั้นมันไม่อยู่อีกแล้ว
ยูโตะนั่งลงอย่างตกใจ เขาแค่อยากจะแกล้งยูริเล่นๆ เท่านั้นเอง “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ยูริร้องไห้จ้า “ฉันมันไม่มีค่า! ฉันมันคนไม่มีค่า!”
“ไม่ๆ อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่มีใครที่ไม่มีค่าหรอก”
ยูริยังร้องไห้ไม่หยุด “ฉันไง ฉันไงคนไม่มีค่า ขนาดนายยังเห็นว่าฉันไม่มีค่าเลยอ่า~!”
ยูโตะกอดยูริเพื่อให้คนตัวเล็กสงบลงบ้าง “ผมขอโทษ ผมพูดเล่นนะผมแค่จะแกล้งคุณเท่านั้นเอง คุณเป็นคนน่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อไรที่คุณยิ้มโลกก็จะสดใสทันทีเลย คุณทำให้โลกนี้มีชีวิตขึ้นมาเพราะรอยยิ้มของคุณนะแล้วยังจะบอกว่าตัวเองไม่มีค่าได้ยังไง ผมยังชอบเลยนะรอยยิ้มของคุณน่ะ”
ได้ผลเพราะยูริหยุดร้องแล้วเพียงแค่สะอื้นเบาๆ เท่านั้น “จริงเหรอ”
ยูโตะพยักหน้า “จริงสิ”
ยูริซุกหน้าลงกับอกของยูโตะแล้วพูดเสียงอู้อี้ “แล้วทำไมเคโตะถึงมองไม่เห็นมันเลยล่ะ”
ยูโตะลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆ รู้สึกสงสารยูริจับใจ ขอโทษแทนคุณหนูด้วยนะ
ความคิดเห็น