ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaYama] คุณหนูสตรอว์เบอร์รี่ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 55


     ตอนที่ 17

    ของทุกสิ่งถูกรื้อค้นกระจัดกระจายแต่ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะเห็นของที่หาอยู่เลย  เคโตะค้นหาทุกซอกทุกมุมของห้องแต่ก็ยังไม่พบรายงานที่ทำไว้  เขาพยายามนึกว่าครั้งล่าสุดนั้นเอาไปไว้ที่ไหน  “หรือจะอยู่ในห้องเรียวสุเกะนะ”  เคโตะเดินไปยังห้องที่อยู่ติดกัน  เขาเคาะห้องแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ  เคโตะเปิดประตูเข้าไป  “ขอโทษนะครับ”  แต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเลย  “ไปไหนของเขานะ”  เคโตะกวาดสายตาไปทั่วห้อง  ของที่เขาหาอยู่วางไว้อยู่บนโต๊ะหัวเตียง

    เคโตะเดินเข้าไปหยิบ  สิ่งของบางอย่างร่วงลงพื้นทันทีที่เคโตะหยิบกระดาษปึกหนานั้นขึ้นมา  เขาหยิบขึ้นมาดูแล้ววางกระดาษรายงานของตัวเองไว้  “อัลบั้มรูปเหรอ”  เคโตะเปิดพลิกไปตั้งแต่หน้าแรก  เรียวสุเกะวัยเด็กกำลังยิ้มแฉ่งให้เขาอยู่  “ตอนเด็กก็น่ารักดีนี่”  เขาพลิกไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าๆ หนึ่งที่ทำให้เคโตะหยุดชะงัก  เขาจ้องมองภาพนั้นอยู่นานเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเอง  ภาพของเด็กผู้ชายสองคนบนจักรยานที่หันหน้ายิ้มให้กับกล้อง  ภาพที่กินไอศกรีมด้วยกัน  ภาพที่ไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน  หรือแม้แต่ภาพที่ยืนจับมือกัน  เคโตะรู้ทันทีว่าคนทั้งสองในภาพคงไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแค่เพื่อนอย่างแน่นอน

    เขาหยิบภาพภาพหนึ่งที่มีรูปหัวใจเขียนไว้กั้นกลางระหว่างคนทั้งสองขึ้นมาดูแล้วพลิกกลับไปด้านหลัง  สิ่งที่เขียนไว้ด้านหลังภาพยิ่งตอกย้ำความจริงที่เคโตะต้องเจอ

     รักกันตลอดไป

    ไดจัง  &  เรียวจัง

    เคโตะสอดภาพนั้นเข้าไปในอัลบั้มภาพด้วยมืออันสั่นเทาก่อนจะวางมันไว้ที่เดิม  เขาพยายามควบคุมความรู้สึกไม่ให้มันแสดงออกมาแต่มันก็ไม่อาจกลั้นอยู่ได้  น้ำตาลูกชายหลั่งไหลออกมาจากหัวใจที่ปวดร้าว  ที่แท้ทุกสิ่งทุกอย่างคือการหลอกลวง  เรียวสุเกะไม่ได้รักเขาจริงๆ อย่างที่เขาเข้าใจ  เคโตะปาดน้ำตาออก  เขาเพิ่งรู้ซึ้งถึงความรู้สึกเจ็บปวดเพราะความรัก  เคโตะหยิบรายงานของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเดินกลับห้อง  ตัดสินใจทำบางอย่างที่จะทำให้เขาไม่ต้องทนเจ็บอยู่แบบนี้อีกต่อไป

     

    เรียวสุเกะกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม  การได้คุยกับไดกิวันนี้ทำให้เขามีความสุขขึ้น  อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าไดกิจะไม่บอกเรื่องนี้กับเคโตะ  “เคโตะ!  เคโตะอยู่ไหนน่ะ  ฉันกลับมาแล้ว”  เรียวสุเกะร้องเรียกเคโตะขณะเปิดประตูเข้าไป  แต่ในห้องนั้นกลับว่างเปล่าปราศจากเงาของร่างสูง  “เคโตะอยู่ไหนนะ”  เรียวสุเกะเดินเข้าไปในห้องน้ำเผื่อว่าเคโตะจะอาบน้ำอยู่แต่ก็ไม่มี 

    เรียวสุเกะมองรอบห้องอีกครั้งรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น  เขามองไปยังโต๊ะหัวเตียงแต่กลับปราศจากสิ่งของซักชิ้น  แม้แต่ปากกาหรือดินสอซึ่งเคโตะมักจะวางไว้ก็ไม่มี  ในใจเริ่มร้อนรน  เรียวสุเกะเปิดตู้เสื้อผ้าออกแต่ในนั้นกลับว่างเปล่า  เขาทรุดฮวบลงกับพื้น  นี่เคโตะไม่คิดจะจากเขาไปจริงๆ ใช่มั้ย  ความกังวลที่ถาโถมอยู่ทำให้น้ำตาของเรียวสุเกะไหลพราก  “ไม่จริงใช่มั้ย”

     

    เคโตะกดกริ่งที่หน้าบ้านของไดกิแล้วยืนรอ  ไดกิวิ่งมาเปิดประตูให้เขาแปลกใจที่เห็นเคโตะขนของมาวันนี้โดยไม่บอกกล่าว  “เคโตะ  มาได้ยังไงเนี่ยทำไมไม่บอกพี่ก่อนล่ะ  แล้วนี่ยามาดะรู้หรือเปล่าว่าเรามาเนี่ยฮึ”

    “เขาไม่รู้หรอกครับไดจัง  ผมมาของผมเอง  ขอโทษที่รบกวนนะครับ”  เคโตะโค้งให้

    ไดกิเพิ่งสังเกตสีหน้าที่ดูเศร้าลงกว่าปกติของเคโตะ  “เกิดอะไรเหรอ  ทะเลาะกันมาหรือเปล่า”

    เคโตะถอนหายใจ  “ผมมีอะไรอยากจะถามไดจังน่ะครับ  ผมไว้ใจพี่เพราะฉะนั้นผมคิดว่าพี่คงไม่โกหกผม”

    “ทำไมเคโตะพูดแบบนี้ล่ะ  พี่จะโกหกน้องตัวเองไปทำไม”  ไดกิยิ้ม  “แต่ก็เอาเถอะ  เข้าบ้านก่อนแล้วพี่จะตอบคำถามของเคโตะทุกอย่างเลยนะ  จะได้สบายใจขึ้น”  เคโตะเดินตามไดกิเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย  เขาวางของแล้วนั่งลงตรงโซฟา  ไดกินั่งตรงกันข้ามเพื่อให้ได้คุยกันได้สะดวก  “เอาล่ะ  มีอะไรจะถามพี่”

    เคโตะสบตาไดกินิ่ง  แววตานั่นแม้แต่ไดกิก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน  “พี่เป็นคนรักเก่าของเรียวสุเกะใช่มั้ย”

    ไดกิตกใจที่จู่ๆ เคโตะก็ถามแบบนี้ขึ้นมา  ทั้งๆ ที่สัญญากับเรียวสุเกะไว้แล้วว่าจะไม่บอก  ไดกิฝืนยิ้มออกมา  “อะไรกันพี่จะไปรู้จักเขาได้ยังไง  เรียวสุเกะเป็นแฟนเคโตะนะ”

    “พี่โกหก!!

    ไดกิสะดุ้ง  เป็นครั้งแรกที่เคโตะตะคอกใส่เขาแบบนี้  เคโตะคงรู้ความจริงเข้าแล้วล่ะ  ไดกิถอนหายใจ  “ใช่  พี่เคยเป็นแฟนเขา”

    “แล้วเลิกกันทำไม”

    “เคโตะจำได้มั้ยตอนที่คุณพ่อของพี่โดนฟ้องล้มละลายน่ะ”  เคโตะยังคงนิ่ง  ไดกิเล่าต่อ  “อิโนะโอะบอกว่ามีทางเดียวที่จะช่วยได้คือให้แต่งงานกับเขาซะ  เคโตะก็รู้ว่าธุรกิจนี้พ่อพี่รักมันมากแค่ไหน  พี่ทำให้มันล้มไปต่อหน้าโดยที่พี่ไม่ทำอะไรไม่ได้”

    “แล้วทำไมพี่เคต้องทำอย่างนั้นด้วย”

    “เพราะเขารักพี่”  ไดกิเว้นจังหวะ  หัวใจเขาเต้นแรงที่พูดคำนั้นออกไป  “ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้หรอก  พี่ทำใจตั้งนานกว่าจะบอกความจริงกับเรียวจังได้  การบอกเลิกใครซักคนมันไม่ได้ง่ายนักหรอกนะเคโตะ  พี่ก็เจ็บมากเหมือนกัน  นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมพี่ถึงไม่เคยดีกับอิโนะโอะเลยถึงแม้จะแต่งงานกันไปแล้วก็ตาม”  ไดกิถอนหายใจ  “แต่เรียวจังรักเคโตะจริงๆ นะ  เขาไม่ได้คิดจะหลอกเคโตะ  ที่เขาทำไปแบบนั้นก็เพราะเขารั.....”

    “รักผม  อย่างนั้นใช่มั้ยครับ”  เคโตะสบตาไดกิด้วยแววตาเฉยชาซะจนไดกิรู้สึกหนาว  “ผมควรเชื่อใครดี  ผมมันเหมือนไอ่หน้าโง่ที่ถูกคนนู้นคนนี้หลอก  เห็นผมเป็นอะไร  เห็นความรู้สึกของผมเป็นแค่ของเล่นงั้นเหรอครับ”  ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดให้มากขึ้น  เคโตะก้มหน้าร้องไห้อย่างไม่อายใคร  ไดกิเดินเข้ามากอดน้องชายไว้แม้จะรู้ว่ามันอาจไม่สามารถทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเคโตะถูกสมานให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ก็ตาม

    เขาลูบหัวน้องชายเบาๆ  พยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดฤทธิ์  เขาสงสารเคโตะเหลือเกิน  “ไม่เป็นไรนะเคโตะ  ไม่เป็นไร  พี่อยู่นี่นะ  ไม่ว่ายังไงพี่ก็เป็นพี่เธอนะ  พี่ทนเห็นเธอร้องไห้ไม่ได้นะเคโตะ”

    เคโตะกอดไดกิแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของพี่ชาย  “ทำไมมันเจ็บอย่างนี้ล่ะครับไดจัง”

    ไดกิทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบหลังเคโตะเผื่อมันอาจจะทำให้เคโตะใจเย็นได้  “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

     

    ไดกินั่งมองน้องชายที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย  วันนี้เคโตะเจออะไรมาเยอะเหลือเกิน  เขายิ้ม  “เผลอแป๊ปเดียว  โตจนขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”  เสียงแตรรถดังอยู่ข้างล่างไดกิละสายตาจากน้องชายแล้วลงไปเปิดประตูให้เค

    “กลับมาช้าจังเลยนะครับ”  ไดกิทักพลางรับเสื้อและกระเป๋าของเคแต่เคไม่ให้  ไดกิมองอย่างแปลกใจ

    “ผมถือเองดีกว่านะครับที่รัก  วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

    ไดกิแปลกใจ  “อะไรของคุณเนี่ย”

    เคโอบไหล่ไดกิด้วยมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋า  “เข้าบ้านเถอะครับที่รัก”  เขาเดินเข้าบ้านพร้อมไดกิ  อยากจะรู้นักว่าอดีตแฟนจะสู้สามีคนปัจจุบันได้หรือเปล่า  เขาต้องชนะใจไดกิให้ได้  นี่แหละ  ตาต่อตา  ฟันต่อฟัน  สไตล์อิโนะโอะ  เค

     

    เคแง้มประตูดูเคโตะที่หลับอยู่ในห้อง  “ทะเลาะกันมาเหรอครับ”

    ไดกิส่ายหน้า  “เปล่าหรอกครับ  มันเลวร้ายกว่านั้นอีก  คุณไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าเขาจะมาพักกับเราซักระยะ”

    เคยิ้มให้  “จะว่าอะไรล่ะครับ  ขอแค่เขาไม่รำคาญเสียงดังก็พอ”

    ไดกิมองเคอย่างแปลกใจ  “เสียงดังอะไรครับ  ตั้งแต่ผมอยู่ที่นี่ยังไม่เคยได้ยินเสียงดังอะไรที่ไหนเลย”

    “แหม...  ทำเป็นไม่รู้นะไดจัง”  เคโอบเอวภรรยาไว้จากด้านหลังแล้วกระซิบข้างหู  “ก็เสียงดังเวลาที่เรากำลัง......”

    ไดกิหมุนตัวมามองเคแล้วผลักสามีออกเบาๆ  “จะบ้าเหรอ  คุณนี่ชักจะทะลึ่งขึ้นทุกวันแล้วนะ”  เขาหันหน้าหลบเพื่อซ่อนความเขินอาย  แต่เคก็เดินเข้าไปโอบแล้วจูบไดกิขณะที่ภรรยายังไม่ได้ตั้งตัว

    “ดูซิ  ว่าคืนแรกเคโตะจะทนเสียงนี้ได้มั้ย”  เขาอุ้มภรรยาไว้ในอ้อมแขน  ไดกิได้แต่ตะลึงตาค้าง  เขาตีสามีเบาๆ

    “จะบ้าเหรอ  ปล่อยฉันลงนะ”  เขาพูดเบาราวเสียงกระซิบเพื่อไม่ให้เคโตะตื่นแต่เคไม่ฟังเสียงเขาอุ้มไดกิเข้าไปในห้องแล้ววางไดกิไว้บนเตียงก่อนจะเดินไปปิดประตู  ไดกิลุกขึ้นนั่งแล้วมองสามีที่กำลังเดินมาโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน  เคจับไดกิให้นอนบนเตียงเบาๆ

    “เรามาทำแบบทดสอบการฟังให้เคโตะกันเถอะ”  ริมฝีปากของเคที่ประกบจูบอย่างเร่าร้อนนั้นทำให้ไดกิไม่สามารถเปล่งเสียงต่อต้านอะไรออกมาได้  เขานึกถึงเคโตะเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนเคจะทำให้ความคิดนั้นหายไป

     

    เคโตะลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากห้องของพี่ชาย  จริงๆ แล้วเขาตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงเคกลับมาแล้วแต่เขาแค่เพลียจนไม่อยากจะลุกออกไปไหนเท่านั้นเอง  เคโตะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตัดสินใจส่งเมลล์ไปหาเรียวสุเกะ

    พรุ่งนี้ตอนเที่ยง  ผมจะรอคุณที่สวนสาธารณะนิเซจิ

    ผมมีเรื่องที่ต้องบอกให้คุณรู้  อย่ามาสายนะ

                                                                     เคโตะ

    เขาพับหน้าจอลงซักพักเสียงเมลล์ตอบกลับจากเรียวสุเกะก็ดังขึ้น

    ฉันจะไป  ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะเคโตะ

    เคโตะพิมพ์ตอบ

    ผมจะนอนแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน  ราตรีสวัสดิ์

    เสียงเมลล์ดังขึ้นอีกครั้ง

    ก็ได้  นายห้ามมาสายล่ะ

    เคโตะไม่ได้พิมพ์เมลล์ตอบกลับ  เขาคิดหาคำพูดที่จะไปพูดกับเรียวสุเกะพรุ่งนี้  เขาถามตัวเองอีกเป็นครั้งที่ร้อยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ย  แม้เสียงหัวใจจะบอกว่าไม่แต่เคโตะกลับเลือกที่จะไม่ตามใจตน  แบบนี้ดีกว่าสำหรับทุกฝ่าย

    เรียวสุเกะปิดโทรศัพท์  เขามองไปยังอัลบั้มภาพที่วางอยู่บนเตียงอย่างเศร้าใจ  หวังว่าเคโตะคงไม่รู้ความจริงเข้าหรอกนะ 

    “อะไรนะ!! จะให้ฉันไปขอร้องไอ  เอ๊ย  คุณทนายซื่อบื้อนั่นน่ะเหรอ  ไม่เอาด้วยหรอก”  ฮิคารุพูดเสียงดังจนแทบจะเรียกได้ว่าตะโกนใส่โทรศัพท์หลังจากฟังแผนของยูยะจบ 

    [เราต้องพึ่งเขานะครับ  คุณทนายคนนั้นจงรักภักดีกับคุณอิโนะโอะมากแล้วเขาก็รู้จักตำรวจในกรมหลายคน  เขาจะสามารถช่วยเราทางกฎหมายได้]

    “ตัดสินใจดีแล้วหรือทาคากิ  ถ้าเกิดให้คุณยาบุช่วย  จิเน็นก็จะรู้เรื่องของนายนะ”

    [ไม่เป็นไรครับ  ผมพร้อมที่จะเผชิญความจริงแล้ว  ทั้งคุณและคุณหนูทำให้ชีวิตผมมีค่าขึ้น  ถึงเวลาที่ผมจะต้องตอบแทนพวกคุณทั้งสองแล้วล่ะครับ]

    “ถ้าตัดสินใจดีแล้วก็เอางั้นก็ได้  อย่าเสียใจภายหลังนะ”

    [ผมจะไม่มีวันพูดคำนั้นออกมาเด็ดขาด]

    ฮิคารุถอนหายใจ  “ถ้างั้นก็ตกลง  ฉันจะลองคุยกับคุณยาบุดูแล้วฉันจะติดต่อไปอีกที”  เขาวางสาย  จากนี้กลุ่มรินไซจะได้จบสิ้นซักที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×