คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15
ตอนที่ 15
ยูริเดินตรงเข้ามาหาริวทาโร่อย่างหาเรื่องทันทีที่รถของตระกูลยามาดะแล่นเข้ามาจอดบริเวณลานกว้างหน้าคฤหาสน์ “โมริโมโตะ” เขาเรียกเสียงดัง “ทำแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า” เคโตะกับเรียวสุเกะมองหน้ากันเลิ่กลัก
ริวทาโร่ทำตาโต “ผมทำอะไร”
คนตัวเล็กเดินอาดๆ มาหยุดยืนอยู่หน้าริวทาโร่ “ก็ถึงขนาดส่งคนมาทำร้ายฉันถึงขนาดนี้ ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ ถ้าพวกนั้นเกิดข่มขืนฉันจริงๆ ขึ้นมาแล้วจะทำยังไง” เขาพูดอย่างโมโห
ริวทาโร่ถอนหายใจ “ผมรู้ว่าคุณตกใจเรื่องที่ถูกทำร้าย แต่ที่ผมพูดไปผมก็แค่ขู่ไม่ได้คิดจะทำจริงๆ ซักหน่อย และถ้าผมทำจริงๆ น่ะนะ ผมไม่บอกให้พี่ยูโตะไปช่วยคุณหรอก ผมคงปล่อยให้พวกนั้นจัดการคุณซะให้สิ้นเรื่อง”
“โมริโมโตะ เจ้าเด็กกะเปี๊ยก!” ยูริตรงเข้าไปจะทำร้ายริวทาโร่แต่ยูโตะมาจับตัวไว้
“คุณจิเน็น ผมว่าใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ” บอดิการ์ดหนุ่มบอก
“ใช่ครับคุณหนู ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ คุณโมริโมโตะคงไม่ได้คิดจะทำจริงๆ หรอกครับ” ยูยะเสริม
“นี่มันเรื่องอะไร” เรียวสุเกะถามเพราะทั้งเขาทั้งเคโตะต่างก็ไม่เข้าใจบทสนทนาที่ยูริกับริวทาโร่คุยกันเลย
ริวทาโร่ถอนหายใจ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่ขู่คุณจิเน็นว่าถ้าเขาคิดจะแย่งพี่เคโตะไปจากพี่ผมจะไม่ปล่อยเขาไว้ก็แค่นั้นเอง”
ยูริพยายามแกะมือที่ยูโตะจับเขาอยู่ออกแต่ยูโตะก็จับไว้แน่น “แค่นั้นเองเหรอ!! ฉันเกือบโดนข่มขืนไปแล้วนะ!!”
ริวทาโร่ก็เริ่มรู้สึกเดือดปุดๆ “ก็ผมไม่ได้ทำนี่ จะให้ผมยอมรับได้ยังไง”
“แล้วใครจะทำ ถ้าไม่ใช่นาย” เขาจ้องริวทาโร่อย่างไม่ยอมง่ายๆ
“ไม่ใช่โมริโมโตะหรอก” เคโตะพูดอย่างใจเย็น ทุกคนต่างมองเคโตะเป็นตาเดียว “ตามเวลาที่ยูริเล่าให้ฉันฟัง ตอนนั้นโมริโมโตะอยู่กับฉัน เพราะงั้นคงไม่ใช่โมริโมโตะหรอก”
ยูริสะบัดตัวออกซึ่งคราวนี้ยูโตะยอมปล่อยเขาแต่โดยดี ยูริจ้องหน้าเคโตะอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ “นายไม่ได้ปกป้องเขาใช่มั้ย”
เคโตะจ้องตอบ “นายเป็นเพื่อนรักฉันนะยูริ ฉันก็ไม่มีวันยอมให้ใครมาทำอะไรนายได้หรอก”
ทุกคนเงียบไปอย่างครุ่นคิด “พวกมันมีสองคน” ยูริพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ “คนหนึ่งชื่ออิโนะอุเอ ชินโซ ส่วนอีกคนนามสกุลนากามุระแต่ฉันไม่รู้จักชื่อ”
ยูยะชะงักเมื่อได้ยินชื่อของสองคนที่ทำร้ายยูริ ทั้งความโกรธและเจ็บใจเดือดขึ้นมาในอารมณ์จนแทบจะควบคุมไม่อยู่แต่เพราะเหตุที่เคยฝึกมาอย่างดีทำให้เขาสามารถทำสีหน้าเรียบเฉยอย่างรวดเร็วแต่ไม่เร็วพอที่สายตาของริวทาโร่จะไม่สังเกตเห็น เขามองยูยะอย่างแปลกใจ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยนะ
“ชื่อของสองคนนั้นที่ทำร้ายคุณเหรอ” ยูโตะถาม
ยูริพยักหน้า “ใช่”
ยูโตะครุ่นคิดหนัก อิโนะอุเอะ ชินโซ กับ นากามุระ
ไดกิรวบเสื้อคลุมให้กระชับอีกครั้งแล้วมองตัวเองในกระจก ใบหน้าบูดบึ้งฉายชัดอยู่เบื้องหน้า “นี่เราทำหน้าแบบนี้ตลอดเลยเหรอเนี่ย” เขาแทบไม่อยากเชื่อตัวเองเลย รอยยิ้มที่เคยมีมันหายไปไหนหมดนะ ไดกิฝืนยิ้มให้กับกระจกแต่มันดูเหมือนคนยิงฟันมากกว่า อิโนะโอะไปกับยาโอโตเมะ คำๆ นี้คอยหลอกหลอนเขาทั้งวันจนแทบบ้า ไดกิถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเก้าอี้พลางจ้องตัวเองในกระจกไปด้วย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล่องข้อความเข้า
แต่ตัวสวยๆ นะครับที่รัก อีก 1 ชั่วโมงผมจะไปรับคุณ
จากสามีที่รักคุณที่สุดในโลก
แต่อย่างน้อยข้อความสั้นๆ ของเคฉบับนี้ก็ยังทำให้เขายิ้มได้ ไดกิปิดกล่องข้อความแล้วมองนาฬิกาบนผนัง “ใกล้แล้ว” ยิ่งเวลาเดินเข้าใกล้มากเท่าไรไดกิก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เคจะทำอะไรนะ แต่ไม่ว่าเคจะทำอะไรก็ตามเขาก็ต้องหาทางบอกเรื่องฮิคารุให้เครู้ให้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด ถ้าเคเปลี่ยนใจไปชอบฮิคารุขึ้นมาแล้วเขาจะทำยังไงดีนะ ขณะที่ความคิดกำลังดำเนินไปอย่างสับสน นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มเป๊ะ
พรึ่บ~!
ไฟทั้งบ้านพร้อมใจกันดับลงทันที ไดกิมองรอบตัวอย่างประหวั่นพรั่นพรึง เขาจับไม้กอล์ฟที่วางอยู่ข้างตัวก่อนจะค่อยๆ เดินลงบันไดไปอย่างระวัง เสียงกุกกักที่ดังอยู่ข้างล่างทำให้ไดกิยิ่งใจเต้นแรงด้วยความตื่นกลัว เขาค่อยๆ ย่องลงมาข้างล่างพร้อมกระชับไม้กอล์ฟในมือ ใครคนหนึ่งยืนอยู่กลางบ้านที่มืดสนิท “ย้ากกก!!” ไดกิวิ่งไปหมายจะตีหัวชายคนนั้นแต่ทว่าชายคนนั้นก็จับมันไว้ได้อย่างทันท่วงที “ปล่อยนะเว้ย” ไดกิพยายามดึงไม้กอล์ฟออกจากมือชายคนนั้น
“ไดจัง นี่ผมเอง”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้ไดกิหยุดการกระทำทั้งหมด ทันใดนั้นไฟทั้งบ้านก็สว่าง เสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ ไดกิตะลึงกับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้ไดกิเพิ่งสังเกตว่าทั้งบ้านเต็มไปด้วยไฟประดับตกแต่งจนเมื่อปิดไฟแล้วจะดูเหมือนหมู่ดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เสียงเพลงที่เปิดจากเทปนั่นเขาจำได้ทันทีว่าเคยได้ยินที่ไหน เพลงที่เปิดในงานวันแต่งงานของเขาเมื่อปีที่แล้ว เอ๊ะ! ปีที่แล้ว ไดกิมองหน้าสามีที่ยิ้มละมุนอยู่
เคจูบไดกิ เป็นจูบที่อ่อนโยนและอบอุ่นที่สุดเท่าที่ไดกิเคยสัมผัสมา เขาหลับตาลงเพื่อสัมผัสรสจูบนั้นอย่างเต็มที่ เคถอนจูบออกแล้วมองหน้าภรรยาของเขาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข “สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานครับไดจัง”
ทางด้านนอกของบ้านอิโนะโอะ
ฮิคารุนั่งอยู่ในรถพลางมองบ้านตรงหน้าที่สว่างไปด้วยแสงไฟที่ลอดหน้าต่างออกมา แม้ภายนอกจะดูเรียบๆ แต่ภายในนั้นฮิคารุรู้ว่ามันสวยงามขนาดไหน เคหยุดงานทั้งวันเพื่อให้เขาช่วยเตรียมงานนี้ให้กับภรรยาและเพื่อนอย่างเขาจะปฏิเสธคำขอได้ยังไง ฮิคารุยิ้มกับตัวเอง “หวังว่าคุณจะชนะใจอาริโอกะได้เร็วๆ นี้นะ เคจัง” ฮิคารุสตาร์ทรถ ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้อยู่กันตามลำพังแล้ว ฮิคารุมองเข้าไปในบ้านอีกครั้งแล้วขับรถออกไป
ฮิคารุเลี้ยวรถมาจอดในบ้าน รถคันหนึ่งจอดที่โรงรถเขารู้ทันทีว่าใครมา “มาที่นี่ทำไมนะ” เขาบ่นแต่ในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น เขาเดินเข้าไปในบ้าน ใครคนหนึ่งที่เขาคาดไว้ว่าจะเจอลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา ชายคนนั้นยิ้มให้
“สวัสดียามเย็นฮิคารุจัง”
ฮิคารุมองอย่างเย็นชา “มาทำไม”
ไทสุเกะหัวเราะ “นั่นเหรอคำทักทายน่ะฮิคารุจัง”
ฮิคารุพยายามควบคุมอารมณ์ “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ” แต่ไทสุเกะยังยืนนิ่งเหมือนจะไม่รับรู้ว่าฮิคารุพูดอะไร “เร็วสิ บ้านนี้ไม่ต้อนรับฆาตกร”
ไทสุเกะยังคงใบหน้ายิ้มแย้มไว้ “ฉันน่าจะทำให้อิโนะโอะมันตายไปซะจะได้ไม่ต้องเป็นเสี้ยนหนามอยู่ตอนนี้”
“ฟุจิงายะ!!” ฮิคารุหายใจถี่ด้วยความโกรธ “ฉันบอกว่าให้เลิกยุ่งกับเขาไง”
ไทสุเกะจับคางฮิคารุไว้แน่น “ถ้าฉันไม่ได้นายก็อย่าหวังว่าใครจะได้” เขายิ้มแล้วเดินออกไปปล่อยให้ฮิคารุมองตามอย่างเจ็บใจ
“ฉันจะไม่ปล่อยให้แกได้ทำตามอำเภอใจหรอก”
ไดกิซุกหน้าลงกับอกของสามี แต่ไออุ่นจากร่างกายของเขาไม่อาจทำให้หัวใจที่เย็นยะเยือกของไดกิอุ่นขึ้นมาได้ เขาเฝ้าครุ่นคิดเรื่องฮิคารุอยู่นาน จะบอกเคดีมั้ยนะหรือจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ดี สามีเขาดูมีความสุขขึ้นหลังจากที่ได้รู้จักกับฮิคารุแต่นั่นก็ทำให้ไดกิรู้สึกหวั่นใจ บางทีเขาควรจะแน่ใจเรื่องนี้ก่อนถ้าขืนบอกไปตอนนี้เคอาจจะคิดว่าเขาใส่ร้ายฮิคารุก็ได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงดีกว่า
สัมผัสอ่อนโยนลูบผมเขาเบาๆ “ยังไม่หลับอีกเหรอครับที่รัก ผมนึกว่าคุณจะไม่มีแรงเหลือแล้วซะอีก”
ไดกิตีสามีเบาๆ แก้เขิน “พูดอะไรบ้าๆ”
เคยิ้มแล้วกอดไดกิไว้ “วันนี้ผมมีความสุขมากเลย” เขาจูบหน้าผากภรรยา “ผมรักคุณนะ”
ไดกิไม่พูดอะไร เขากอดสามีหลวมๆ รู้สึกถึงความสับสนที่เกิดขึ้นมาในห้วงความรู้สึก ไดกิหลับตาลงก่อนที่ความกังวลและความเหนื่อยจากกิจกรรมวันนี้จะทำให้เขาผอยหลับไป
ในห้างที่เต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้อของกันอยู่ ฮิคารุเดินอยู่เพียงลำพังในสถานที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ถึงจะดูเหมือนอย่างนั้นแต่ฮิคารุก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เขาต้องหันมองข้างหลังเป็นระยะเพราะรู้สึกรำคาญกับเจ้าคนที่สะกดรอยตามเขาอยู่ “เจ้าทนายความซื่อบื้อ” เขาสบถเมื่อต้องหันหลังอีกเป็นครั้งที่ยี่สิบสาม “จะตามอะไรนักหนา” ฮิคารุเดินต่อไปแล้วหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน
โคตะรีบเดินตามทันที แต่ขณะนั้นเอง!
“คุณทนายยาบุ” ฮิคารุที่ยืนรออยู่แล้วร้องทัก “คุณตามผมมาทำไม”
โคตะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “อย่ามากล่าวหากันนะ ผมจะตามคุณทำไม”
“นั่นสิตามทำไม” ฮิคารุถอนหายใจอย่างรำคาญ “เลิกทำตัวลับๆ ล่อๆ ให้คนจับได้ได้แล้ว เคจังคิดอะไรของเขาถึงได้เอาคนซื่อบื้อแบบคุณมาเป็นทนายความให้เนี่ย” ฮิคารุหันหลังเดินไป โคตะยังจะตามต่อแต่ฮิคารุหันมาจ้องเขม็ง “ไม่ต้องตามมาแล้วนะ ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณข้อหาคุกคามสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยแก่ผู้อื่น คุณเป็นสโตกเกอร์หรือไงเนี่ย”
โคตะมองตามฮิคารุที่เดินไป “คำขู่แค่นี้หยุดผมไม่ได้หรอก” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วตามต่อไป
โคตะเดินตามฮิคารุจนถึงโรงรถ รถฮิคารุถูกขับออกไปแล้วเขาวิ่งไปที่รถของตัวเองเพื่อขับตามแต่แล้วชายร่างบึกบึนสองคนก็มาขวางเขาไว้ โคตะเงยหน้าขึ้นมองเจ้ายักษ์สองคนนั่น แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรหมัดขวาของเจ้ายักษ์ก็ซัดเข้ามาที่กรามข้างซ้าย โคตะล้มลงและสลบไปทันที
โคตะลืมตาขึ้นมาในห้องที่สะอาดสะอ้านพร้อมกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ตลบอบอวล “ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ
“คุณ...” เพราะความเจ็บปวดจนรู้สึกเหมือนกระดูกจะแตกออกจากกันทำให้เขาเปล่งเสียงออกมาได้แค่นั้น
ฮิคารุเดินมาข้างเตียงแล้วมองหน้าโคตะอย่างเอือมๆ “นี่ถ้าฉันไม่ย้อนกลับมาคุณคงตายไปแล้วรู้มั้ย แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงฟุจิงายะก็เคยฆ่ามาแล้วนับประสาอะไรทนายกระจอกอย่างคุณ” โคตะขยับจะพูด “อยู่นิ่งๆ แล้วก็ฟังอย่างเดียว มันก็ไม่แปลกที่คุณจะสงสัยว่าฉันเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของเคจัง ฉันโกรธเขาก็จริงที่เขาถอนหมั้นฉัน แต่ฉันก็มีมนุษยธรรมพอที่จะไม่ขัดขวางความรักของใครหรอก” ฮิคารุยื่นกระดาษกับปากกาให้โคตะ “มีอะไรอยากจะพูดก็เขียนมาแล้วกัน”
โคตะจดยุกยิกลงบนกระดาษแล้วยื่นให้ ฮิคารุรับมาแล้วอ่านออกเสียง
“คุณคิดจะโยนเรื่องทั้งหมดให้กลุ่มรินไซรับแล้วจะได้หนีรอดออกไปได้เหรอ กลุ่มรินไซไม่มีเหตุผลจะทำอย่างนั้น อย่าหลอกผมเสียให้ยากเลย” ฮิคารุเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษ “เอาล่ะฟังนะ ถ้าฉันคิดจะทำให้สองคนนั้นเขาแยกกันจริงๆ ฉันก็น่าจะไปทำลายตั้งแต่งานแต่งของเขาเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ”
โคตะจดยุกยิกลงบนกระดาษอีกครั้งแล้วยื่นให้ ฮิคารุรับมาอ่าน
“ก็เพื่อทำให้ทุกคนตายใจไง คุณให้คุณอิโนะโอะประสบอุบัติเหตุเพื่อที่คุณจะได้เข้าไปช่วยแล้วแฝงตัวเข้าไปทำให้พวกเขาทะเลาะกันแบบเงียบๆ” ฮิคารุวางกระดาษลง “ก็มีเหตุผลนี่ แต่นายคงรู้ว่าฉันเป็นมังสวิรัติ แม้แต่มดซักตัวฉันยังไม่กล้าฆ่าเลย”
โคตะนิ่งไป ในแฟ้มข้อมูลของฮิคารุก็มีเรื่องนี้อยู่ โคตะจดยุกยิกในกระดาษอีกครั้งแล้วยื่นให้ฮิคารุ
“ข้อมูลปลอมน่ะสิ” ฮิคารุนึกอยากจะต่อยเจ้าทนายนี่อีกซักหมัดให้พูดไม่ได้อีกตลอดชีวิตเลย เขาถอนหายใจเพื่อระงับอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม “คุณรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองน่ะสมควรถูกปล่อยให้นอนเจ็บอยู่ที่โรงรถในห้างนั่นแล้ว ฉันไม่น่าช่วยคุณเลย”
โคตะจดยุกยิกอีกครั้งแล้วยื่นให้
“นั่นไงเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว” ฮิคารุถอนหายใจด้วยความโกรธ เขาพยายามฝืนยิ้มเพื่อระงับอารมณ์ “คุณทนาย อยู่นิ่งๆ แล้วฟังฉันให้ดี ฟุจิงายะเขาชอบฉัน ก่อนหน้านี้ฟุจิงายะเคยคิดจะฆาเคจังมาก่อนแล้วแต่ตอนนั้นฉันรู้แผนการของเขาเข้าเขาก็เลยพลาด แต่คุณก็รู้ ยากูซ่าน่ะ การทำงานพลาดแล้วลูกน้องยังมีชีวิตอยู่แถมหนีไปได้อีกมันเป็นการหักหน้าพวกเขาอย่างแรง และดูเหมือนว่าตอนนี้ฟุจิงายะกำลังจะลงมืออีกครั้งหนึ่งแล้ว”
โคตะเขียนใส่กระดาษแล้วยื่นให้อีกครั้ง คราวนี้คุณก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ
ฮิคารุรับมาอ่านเงียบๆ แล้วยิ้มออกมา “เขาไม่กล้าทำร้ายร่างกายฉันหรอก เขาแค่อยากจะทำให้ฉันช้ำใจตายที่ไม่สามารถช่วยคนที่ตัวเองรักได้ก็เท่านั้นเอง เขาคิดว่าถ้าคนที่ฉันรักเจ็บฉันก็ต้องเจ็บมากด้วยเช่นกัน และอีกเหตุผลหนึ่ง เขาคงต้องการดึงตัวคนที่เคยทำงานพลาดแล้วยังมีชีวิตอยู่กลับมารับโทษล่ะมั้ง”
กระดาษแผ่นนั้นถูกเขียนลงอีกครั้ง คุณรู้จักคนๆ นั้นหรือเปล่า แล้วคุณยังรักคุณอิโนะโอะอยู่มั้ย
“เรื่องของคนๆ นั้น เขาออกไปจากกลุ่มรินไซไปเกือบ 2 ปีแล้ว ในเมื่อเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ฉันก็ไม่อยากจะดึงชีวิตเขามายุ่งกับเรื่องนี้อีก และอีกอย่าง ฉันก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป้าหมายแท้จริงของฟุจิงายะยังต้องการตามล่าคนๆ นั้นอยู่หรือเปล่า ส่วนเรื่องของเคจัง ใช่! ฉันยังรักเขาอยู่ แต่ก็แค่รักแบบเพื่อน ฉันไม่ชอบจมอยู่กับอดีตหรอก” ทั้งคู่ยิ้มให้กันแต่ด้วยที่โคตะเจ็บอยู่ทำให้รอยยิ้มของเขาดูประหลาดไปสักหน่อย โคตะเขียนลงในกระดาษอีกครั้ง
ผมหิวแล้ว
ฮิคารุหยิบนมขึ้นมาแพ็คหนึ่ง “คุณหมอบอกว่าคุณยังเคี้ยวไม่ได้ กินได้แค่อาหารเหลวเท่านั้น ลำบากหน่อยนะแต่คุณก็ต้องกินล่ะ” โคตะทำหน้าแหยเพราะเขาไม่ชอบนมเลย “ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นเลยนะ ถ้าไม่กินล่ะก็ฉันจะโกรธคุณจริงๆ ด้วย” ฮิคารุยื่นนมให้โคตะซึ่งรับมาดื่มแบบไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็มีความสุขกับความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ
----------------------------------------------------
มาลงไว้ก่อนจะต้องไปลุยงานต่อ^^
สงกรานต์นี้มีเวลาแต่งนิดหน่อย เที่ยวสงกรานต์สนุกกันมั้ยคะ ไรเตอร์ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะอยู่บ้านแล้วก็นั่งแต่งฟิค ฮาาา..
ขอให้สนุกกับฟิคเรื่องนี้นะคะ ถ้าแปลกๆ หรือมผิดพลาดอะไรยังไงก็ต้องขออภัยด้วย
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านและให้คำแนะนำมาอย่างต่อเนื่องค่ะ
ความคิดเห็น