คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12
“คนที่ชื่อจิเน็น ยูริ เขาเป็นอะไรกับพี่เคโตะเหรอครับ” ริวทาโร่ถามยูโตะขณะที่กำลังรอเรียวสุเกะกับเคโตะในรถ
“เพื่อนครับ”
“เพื่อนสนิทที่สนิทกันม้ากมากอย่างนั้นเหรอครับ”
ยูโตะเริ่มรู้สึกหวั่น หวังว่าริวทาโร่จะไม่ระแคะระคายจนไปทำอะไรยูริเข้านะ “ก็คงงั้นล่ะครับ เขาสองคนสนิทกันมาก”
“แต่ผมว่ามันแปลกๆ จิเน็นอะไรนั่นไม่เห็นจะรู้สึกกับพี่เคโตะเหมือนที่พี่เคโตะรู้สึกกับจิเน็นเลย”
“ผมว่าคุณโมริโมโตะอาจจะคิดมากไปเองก็ได้”
ริวทาโร่เอื้อมหน้ามามองยูโตะ “สัญชาตญาณของผมไม่เคยพลาด จิเน็นคือมือที่สามที่ต้องถูกกำจัดออกไป” เขากลับไปนั่งเหมือนเดิมพลางมองออกไปนอกรถ
ยูโตะขมวดคิ้ว เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมจะเป็นคนจัดการเขาเองครับ คุณโมริโมโตะ”
ริวทาโร่ยิ้ม “ดีมากครับพี่ยูโตะ แต่หวังว่าพี่คงจะไม่ไปตกหลุมรักเขานะ”
“ไม่มีทางหรอกครับ” เขาตอบทันควัน
ริวทาโร่หัวเราะ “จริงเหรอ ที่จริงใจเริ่มหวั่นๆ แล้วไม่ใช่หรือไง” เขาอมยิ้มกับสีหน้าของบอดิการ์ดหนุ่มเมื่อเขาสะกิดจุดอ่อน “จิเน็นบอกผมว่าไม่ว่าพี่จะส่งใครไปก็ไม่มีทางขวางเขาได้เพราะงั้นแสดงว่าพี่ก็ต้องเคยไปพูดขู่เขาไว้แล้วใช่มั้ยล่ะครับ” ริวทาโร่เงียบเพื่อรอดูปฏิกิริยาจากบอดิการ์ดหนุ่ม แต่ยูโตะก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรับหรือปฏิเสธ “รู้มั้ยครับพี่ยูโตะ การที่พี่ไม่ตอบนี่มันแสดงว่าพี่ยอมรับในสิ่งที่ผมพูด”
ยูโตะขมวดคิ้ว “คุณพูดถูกครับคุณโมริโมโตะ”
ริวทาโร่ยิ้ม “แต่พี่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรซักอย่าง พี่ก็ยังปล่อยให้จิเน็นไปยุ่งกับพี่เคโตะจนสองคนนั้นทะเลาะกันอีกแล้ว มันเพราะอะไรกันล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่รู้สึกพิเศษกับคนที่ชื่อจิเน็นนั่น” ปฏิกิริยาของยูโตะยังคงนิ่งอยู่ “ความรักทำให้คนเราอ่อนแอแต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้คนเราเข้มแข็งได้เช่นกัน ถ้าพี่ห่วงพี่เรียวจริงๆ ช่วยจัดการกับคุณจิเน็นด้วย” ริวทาโร่มองออกไปนอรถ เคโตะกับเรียวสุเกะกำลังเดินมา “ผมก็ไม่อยากให้สองคนนี้เขาทะเลาะกันอีกแล้วเหมือนกัน”
ยูโตะเดินอย่างมุ่งมั่นไปยังนักเรียนปี 3 ห้อง B เขาเดินเข้าไปในห้อง “ขออนุญาตครับอาจารย์ยามาชิตะ ผมขอยืมตัวจิเน็น ยูริ ซักประเดี๋ยวได้มั้ยครับ” ยามาชิตะทำอะไรไม่ได้ได้แต่พยักหน้า ระดับบอดิการ์ดของ ยามาดะ เรียวสุเกะ ไม่มีใครกล้าขัดใจเขาหรอก ยูโตะยิ้มแล้วโค้งให้ “ขอบคุณครับ” เขาเดินเข้าไปยืนข้างยูริแล้วใช้สายตาแกมสั่ง
ยูริไม่ยอมลุก “จะพาฉันไปไหน”
ยูโตะขมวดคิ้ว “ตามมาเหอะน่า ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“ฉันไม่ไป” เขาจ้องหน้ายูโตะอย่างไม่ยอม
เมื่อคนตัวเล็กไม่ยอมท่าเดียวแบบนี้เขาก็ต้องใช้ไม้ตายล่ะ เขาจับยูริขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจสายตาของคนในห้องรวมทั้งเคโตะที่ได้มองแต่อึ้งๆ โดยทำอะไรไม่ได้ ก็แฟนเขาจะคุยกันนี่นา
ยูโตะพายูริไปยังห้องๆ หนึ่งที่ยูริไม่เคยเห็นมาก่อน ห้องนั้นเหมือนห้องธรรมดาทั่วไปที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแต่มันแปลกก็ตรงที่มันอยู่ในโรงเรียนของเขาต่างหาก เขาวางยูริลงบนโซฟา
“คุณหยุดร้องซักทีได้มั้ย” ยูโตะได้แต่ส่ายหน้า คนอะไรแรงเยอะชะมัดกว่าจะมาถึงห้องได้เล่นเอาหลังเขาแทบหัก
ยูริหยุดร้องแล้วมองหน้ายูโตะ “นายทำแบบนี้ทำไม คุยกันดีๆ ก็ได้นี่ แล้วที่นี่ที่ไหน” เขามองไปรอบๆ ห้อง “ไม่ยักรู้ว่ามีห้องนี้ในโรงเรียนด้วย”
“นี่เป็นห้องพักของคุณหนูเวลาที่อยู่ที่โรงเรียน แต่ตอนนี้คุณหนูแทบจะไม่ได้เข้ามาเลยเพราะท่านไม่ว่าง”
ยูริแสยะยิ้มอย่างหมั่นไส้ “อยู่กับเคโตะล่ะสิ”
ยูโตะพยักหน้า “ใช่”
ยูริเบ้ปาก “ทั้งๆ ที่มีห้องส่วนตัวขนาดนี้แล้วคุณหนูของนายยังไปทำอะไรประเจิดประเจ้อไม่อายฟ้าอายดินอยู่อีกนะ”
“หยุดพูดแบบนั้นนะ คุณหนูของผมท่านไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ทำไมจะไม่ใช่ ก็ฉันเห็นอยู่ทุกวัน” เขาจ้องยูโตะอย่างหาเรื่อง “หรือนายจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ นายก็เห็นไม่ใช่เหรอ ถึงขนาดจูบกันในที่สาธารณะขนาดนั้น แล้วถ้าอยู่ในที่ๆ นายไม่เห็นป่านนี้คุณหนูของนายไม่ใช่เสร็จเคโตะแล้วเหรอ”
“หยุดนะ!! ถ้าเขาทำแบบนั้นผมจะเป็นคนฆ่าเขาฐานที่ทำให้คุณหนูต้องบอบช้ำ”
“อ้อเหรอ” เขาทำเสียงล้อเลียน “นายไม่เห็นซักหน่อย พูดได้เต็มปากมั้ยล่ะว่าสองคนนั่นไม่เคยมีอะไรกัน” ยูโตะจ้องยูริเขม็ง เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยูริยิ้มอย่างมีชัย “แล้วนายมีอะไรจะพูดกับฉันถึงได้มาถึงห้องคุณหนูของนายขนาดนี้”
ยูโตะถอนหายใจ “ผมเตือนคุณแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับแฟนของคุณหนูอีกถ้าไม่จำเป็น”
“พูดง่ายนี่นาย เขาเป็นเพื่อนฉันนะ”
“แต่คุณไม่ได้คิดกับเขาแค่เพื่อน นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมคุณต้องอยู่ห่างๆ เขา”
ยูริเชิดหน้าขึ้น “แล้วถ้าฉันสั่งให้นายเลิกยุ่งกับแฟนของเคโตะตั้งแต่ตอนนี้ไปนายจะทำได้มั้ย เพราะนายเองก็ไม่ได้คิดกับยามาดะแค่เจ้านายกับลูกน้องหรอก จริงมั้ยล่ะ”
“คุณจิเน็นครับ ผมไม่มีวันคิดกับคุณหนูแบบนั้น”
ยูริแสยะยิ้ม “ปากดีไปเหอะนาย คิดว่าฉันไม่รู้ไต๋นายหรือไง”
เขาจ้องยูริเขม็ง “อย่ามาดูถูกผม ผมรักคุณหนูของผมแต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เพราะคนที่ผมคิดด้วยก็คือ....” ยูโตะหยุดกระทันหันเมื่อเกือบเอ่ยชื่อของใครบางคนออกมาโดยไม่รู้ตัว “คือ....”
“คือ?”
ยูโตะกลืนน้ำลาย “ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอก ผมพาคุณมาที่นี่ก็เพื่อมาเตือนคุณไว้”
ยูริเอนตัวบนโซฟาอย่างเบื่อหน่าย “ฉันรู้ย่ะ แต่ก็บอกไปแล้วไงว่าเสียใจ ฉันคงทำตามที่นายขอร้องไม่ได้”
“แต่ตอนนี้คุณต้องทำ!”
“ทำไม?”
“ก็เพราะถ้าไม่ทำคุณก็อาจจะเจอเรื่องร้ายแรงอย่างไม่คาดคิดก็ได้” ริวทาโร่พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยและโดยที่คนทั้งคู่ไม่รู้ว่าริวทาโร่มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร เขาหันไปทางยูโตะ “ผมบอกพี่แล้วใช่มั้ยว่าอย่าใจอ่อน คิดว่ามาที่นี่แล้วจะหลบผมได้เหรอ คิดผิดซะแล้วล่ะ”
ยูริขมวดคิ้ว “นายอีกแล้วเหรอ”
ริวทาโร่ยิ้ม “คุณมือที่สามของพี่เรียว บอกไว้ก่อนนะถ้าไม่เลิกยุ่งกับสองคนนั้นคุณได้เจอเรื่องร้ายแรงกับชีวิตคุณแน่”
ยูริลุกขึ้นแม้ความสูงของเขาจะน้อยกว่าคนตรงหน้ามากก็ตาม “อย่ามาขู่กันซะให้ยากเลย ไม่สำเร็จหรอก”
ริวทาโร่ยิ้ม “งั้นก็เตรียมตัวไว้ได้เลย” เขาเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันหลังมอง
“ฉันจะรอก็แล้วกัน!” ยูริตะโกนไล่หลัง ยูโตะจับแขนยูริไว้แน่น
“นี่แหละคือเหตุผล หยุดซะเถอะ คุณโมริโมโตะเอาจริงแน่”
ยูริเงยหน้ามองอย่างโมโหจัด “เจ้าเด็กกะเปี๊ยกนั่นมันจะทำอะไรได้ พอเลยนะทั้งคู่”
ความกังวลทำให้ยูโตะไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี “ได้โปรดเถอะคุณจิเน็น เลิกยุ่งกับพวกเขาเถอะนะ ผมขอร้อง”
ยูริฉีกยิ้ม “ต่อให้นายมาคุกเข่าต่อหน้าฉันก็ไม่มีวันซะหรอก” เขาสะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกจากห้องทันที
ยูโตะได้แต่มองตามร่างเล็กไปอย่างใจหาย โธ่เอ๊ย
เสียงเคาะประตูทำให้เคโตะปิดหนังสือที่กำลังอ่านลง ใครกัน? ถ้าเป็นเรียวสุเกะคงไม่เสียเวลาเคาะประตูห้องอย่างนี้หรอก เคโตะเดินไปเปิดประตูแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบุคคลที่เขาพยายามหนีมาตลอดมายืนอยู่ตรงหน้า “โมริโมโตะ”
ริวทาโร่ยิ้ม “สวัสดีครับพี่เคโตะ ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ” เคโตะหน้าถอดสี เขาพยายามจะปิดประตูแต่ริวทาโร่ดันไว้ เขาเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะแล้วปิดประตูลง
“ผมว่าคุณออกไปจากห้องผมดีกว่า เข้ามาในห้องผู้ชายแบบนี้คงไม่เหมาะ”
ริวทาโร่เดินเข้าหาเคโตะที่กำลังถอยหนี “ทำไมล่ะครับ ถ้ากลัวพี่เรียวเห็นล่ะก็ไม่ต้องห่วงเพราะผมล็อคห้องไว้แล้ว”
เคโตะเสียวสันหลังวาบ “ผมว่าคุณออกไปดีกว่า”
ริวทาโร่หัวเราะ “ทำไมถึงตัวสั่นขนาดนั้นล่ะครับ” เขายังเดินเข้าไปหาเคโตะจนในที่สุดร่างสูงก็จนมุม เคโตะสะดุดล้มลงไปบนเตียงริวทาโร่ขึ้นคร่อมเคโตะทันที “ยิ่งอยู่ใกล้ๆ แบบนี้แล้ว ผมยิ่งอยากให้พี่เป็นของผมคนเดียว”
เคโตะจ้องริวทาโร่เต็มสองตา เขาพยายามจะผลักริวทาโร่ออกแต่ร่างเล็กนั่นกลับตรึงตัวเองไว้แน่น ริวทาโร่ยิ้มหวาน เขาจับหน้าเคโตะไว้ให้อยู่กับที่แล้วค่อยๆ ก้มหน้าเข้าไปหมายจะครอบครองริมฝีปากของร่างสูง เคโตะตกใจเมื่อใบหน้าริวทาโร่ยื่นเข้ามาใกล้ เรียวสุเกะช่วยผมด้วย เขาผลักริวทาโร่ออกเต็มแรงจนร่างเล็กล้มลงไปกองกับพื้น เคโตะวิ่งออกจากห้องไปทันที
ริวทาโร่มองตามร่างสูงที่วิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนก ริมฝีปากอวบอิ่มเผยรอยยิ้มออกมา “คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
เคโตะวิ่งมาสงบสติอารมณ์บนลานกว้างของคฤหาสน์ หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นกลัว คนอะไรน่ากลัวชะมัด เขานั่งลงบนพื้นหญ้าอย่างอ่อนแรง เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่กลับทรยศกันได้ลงคอ
“พี่เคโตะ” เคโตะสะดุ้งลุกขึ้นเพราะริวทาโร่ลงมายืนอยู่ข้างๆ เขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ริวทาโร่หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของเคโตะ “เป็นอะไรไปครับ จะกลัวอะไรนักหนา”
“เขาเป็นพี่คุณนะ เรียวสุเกะเป็นพี่คุณ ทำไมถึงได้ทรยศกันได้ขนาดนี้”
ริวทาโร่หัวเราะ “ตราบใดที่พี่ยังไม่เป็นของผม ผมก็จะตามราวีพี่อยู่อย่างนี้แหละ ตอนนี้ยิ่งเหมาะเลยพวกพี่กำลังทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่ยอมหรอก” เคโตะรับรู้ถึงโทสะที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ของตัวเอง
ริวทาโร่จ้องเขม็ง “ทำไมครับ ทำไมถึงมาชอบผมไม่ได้ พี่ไม่ได้รักพี่เรียวซักหน่อย”
“ใครว่าผมไม่ได้รักล่ะ” เคโตะตกใจเมื่อเผลอพูดความลับในหัวใจออกไป
ริวทาโร่ยิ้มกว้าง “กว่าจะพูดออกมาได้นะ เล่นเอาผมเหนื่อยเลย” เคโตะขมวดคิ้ว “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ คิดว่าผมพิศวาสพี่นักหรือไง ผมไม่แย่งของของใครหรอก” ริวทาโร่รำคาญที่เคโตะยังทำเป็นไม่เข้าใจอยู่อีก “เลิกทำหน้าแบบนั้นซักทีเถอะ ผมรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับพี่เรียว แต่ผมก็แค่ไม่แน่ใจ พี่ก็เป็นคนฉลาดอย่างงนานนักสิครับ”
“หมายความว่าที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อ.....”
“แต่ถึงพี่จะบอกออกมาแล้วก็เถอะ แต่ผมก็ยังเห็นเขาผ่านทางพี่อยู่ดี ผมยังไม่ไว้ใจหรอกนะ”
เคโตะยังไม่เข้าใจอยู่ดี “หมายความว่าไง”
ริวทาโร่เดินไปประชิดเคโตะแล้วจ้องอย่างหาเรื่อง “ถ้าพี่ทำตัวเหมือนแฟนเก่าพี่เรียวล่ะก็ ผมฆ่าพี่แน่” ริวทาโร่เดินไป
“เดี๋ยวสิ” เคโตะรอให้ริวทาโร่หยุดเดิน “ใครคือแฟนเก่าของเรียวสุเกะ เขาทำอะไรไว้เหรอ”
ริวทาโร่หันมา “ทั้งๆ ที่รักกันมากขนาดนั้น แต่คนๆ นั้นก็ยังทิ้งพี่เรียวไปแบบไม่บอกไม่กล่าว พอรู้อีกทีก็แต่งงานไปซะแล้ว คิดว่าพี่เรียวจะเสียใจแค่ไหนล่ะครับ มันน่าเจ็บใจมากใช่มั้ยล่ะ” เคโตะเงียบไปริวทาโร่จึงพูดต่อ “พี่น่ะ เป็นอะไรกับอาริโอกะ ไดกิ หรือเปล่า?”
เคโตะจ้องริวทาโร่อย่างสงสัย “ทำไม?”
“ผมถามว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า พี่รู้จักเขามั้ย”
เคโตะครุ่นคิด “ทำไมพวกคุณสองคนพี่น้องจะต้องเอาพี่ผมมาเกี่ยวด้วยทุกครั้งเลยนะ พี่ผมไปทำอะไรให้งั้นเหรอ”
ริวทาโร่หน้าถอดสี แต่ก็ยังควบคุมสีหน้าไว้ได้ “อาริโอกะเป็นพี่ของพี่เคโตะเหรอ”
“ใช่ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณสองคนจะเล่นอะไรทำไมต้องเอาพี่ผมมายุ่งด้วย”
เขาผ่อนลมหายใจเบาๆ “ถ้างั้นผมถามพี่จริงๆ นะ พี่รักพี่เรียวหรือเปล่า”
“รักสิ ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้แต่ผมก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว”
ริวทาโร่ใจหายวาบ “พี่บอกพี่เรียวหรือยังว่าพี่รักเขา”
เคโตะส่ายหน้า “ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกดีหรือเปล่า เพราะผมกลัวว่า..... เฮ้อ~ ช่างเถอะ คุณไม่ต้องรู้หรอก”
“พี่กลัวว่าอะไร” ริวทาโร่คาดคั้นเอาคำตอบ “พี่เรียวขู่พี่เหรอ” เคโตะมองริวทาโร่ “เขาบอกพี่ว่าถ้าไม่ยอมเป็นแฟนเขาเขาจะทำอะไรสักอย่างกับอาริโอกะอย่างนั้นหรือเปล่า”
“นั่นแหละที่ทำให้ผมไม่แน่ใจ เรียวสุเกะอาจจะแค่แกล้งผมเล่นก็ได้ หาอะไรทำสนุกๆ ไง” เคโตะหลับตาเพื่อระงับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจ “เวลาที่ผมคิดถึงเรื่องนี้รู้มั้ยว่ามันรู้สึกยังไง การที่คิดว่าถูกคนที่ตัวเองรักหลอกเนี่ยมันเจ็บแค่ไหนคุณรู้บ้างมั้ย”
ริวทาโร่ได้แต่นิ่งเงียบ เขาไม่คิดเลยว่าเรียวสุเกะจะทำได้ขนาดนี้ “แสดงว่าพี่ก็ระแคะระคายเรื่องนี้มาโดยตลอดน่ะสิ” เคโตะถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไรซึ่งริวทาโร่คิดว่าเขาคงพูดไม่ออกมากกว่า “บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พี่คิดก็ได้ บางทีพี่เรียวอาจจะแอบชอบพี่แต่ไม่กล้าจีบก็ได้”
“ทำไมต้องบางทีด้วย” เคโตะถามด้วยท่าทางเย็นชา “พวกคุณสองคนสนิทกันก็น่าจะมั่นใจสิว่าอีกคนคิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าก็บอกกันตรงๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องเอาคนอื่นมาเกี่ยวด้วยเลย” ริวทาโร่รู้สึกตัวลีบเล็กลง เขาเองก็ไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจเลยสักนิด “บอกผมเถอะว่าความจริงคืออะไร ถ้าจะแค่แกล้งผมเล่นๆ” เคโตะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก “หยุดเถอะนะ ผมขอร้อง”
----------------------------------------------------------------------
ต่อจากนี้ไรเตอร์อาจจะอัพช้านะคะเพราะต้องเร่งทำโครงงานวิทย์ให้เสร็จ
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามอ่านมาตลอดเลยนะ เป็นกำลังใจให้มากๆ เลยค่ะ^^
ความคิดเห็น