คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11
ตอนที่ 11
ในรถส่วนตัวของตระกูลยามาดะ
ริวทาโร่ชำเลืองมองเคโตะที่เปิดหนังสืออ่านโดยไม่ได้สนใจว่ามีเขาหรือเรียวสุเกะอยู่ในรถด้วย “เขาอ่านหนังสือในรถตลอดเลยเหรอครับ” เขากระซิบถามเรียวสุเกะ
เรียวสุเกะเอื้อมหน้าไปที่หูของริวทาโร่ “เปล่าหรอก เขาคงน้อยใจที่พี่เอาแต่คุยกับริวจังล่ะมั้ง”
ริวทาโร่กระซิบตอบ “แล้วปกติเขาทำอะไรล่ะ”
เรียวสุเกะยิ้ม “พี่ก็ชวนเขาคุยไง”
รถคันหรูจอดหน้าโรงเรียนมิโดริ ริวทาโร่ลงจากรถเป็นคนแรก “ว้าว!! มิโดริ ไม่ได้มาตั้งนานแล้วคิดถึงจัง” ริวทาโร่ยิ้มละมุน ตั้งแต่จบชั้นประถมเขาก็ต้องไปเรียนที่อังกฤษตามพ่อแม่ถึงจะกลับมาญี่ปุ่นบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่ว่างพอที่จะมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าได้
เรียวสุเกะเดินมายืนข้างๆ “เปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า”
ริวทาโร่ยักไหล่ “ก็ไม่เท่าไร”
เคโตะเดินมายืนอยู่ข้างเรียวสุเกะ “ผมไปเรียนก่อนนะ” เขายิ้มให้เรียวสุเกะและริวทาโร่ก่อนเดินไป
“อ้าว! พี่สองคนไม่ได้เรียนห้องเดียวกันหรอกเหรอ”
เรียวสุเกะส่ายหน้า “เปล่า พี่ว่าพี่ต้องเข้าเรียนแล้วล่ะต้องตั้งใจซักหน่อยเดี๋ยวถ้าให้ครูสอนพิเศษสอนให้แล้วจะไม่รู้เรื่อง” เขายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงใบของครูสอนพิเศษตาตี่ “ไปนะ”
ริวทาโร่มองตามพี่ชายที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นอาคารเรียน “จะทำอะไรดีครับพี่ยูโตะ ตอนนี้พี่เรียวกับพี่เคโตะก็เข้าเรียนไปแล้ว”
“คุณโมริโมโตะอยากจะไปไหนล่ะครับ ผมพาคุณไปได้ทุกที่เลย”
ริวทาโร่ทำท่าคิด “ถ้างั้นพาผมไป... ห้องเรียนของพี่เคโตะ”
ช่วงพักเที่ยงเคโตะยังนั่งอยู่ในห้องเรียน เรียวสุเกะไม่มาหาเขาสงสัยไปกินข้าวกับริวทาโร่แล้วล่ะมั้ง
“ทำไมไม่ไปกินข้าวล่ะเคโตะ รอยามาดะเหรอ” เสียงยูริดังขึ้น เขาเองก็ยังไม่กินข้าวเหมือนกัน
เคโตะส่ายหน้า “ยังไม่หิว ขอบใจนะ”
ยูรินั่งลงข้างๆ “สีหน้าดูเครียดจัง ทะเลาะกันมาอีกแล้วเหรอ” เคโตะส่ายหน้า ยูริเริ่มจะอึดอัด ถามอะไรก็ไม่ตอบซักอย่างแล้วตกลงเคโตะเป็นอะไรกันแน่ “แต่นายดูไม่สบายใจนะ หรือว่านายป่วย”
“เปล่าหรอก ก็แค่.... มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
ยูริถอนหายใจ เขาล้วงมือเข้าในกระเป่านักเรียนแล้วหยิบขนมปังถั่วแดงออกมา “กินนี่ซักหน่อยนะ ถ้าไม่กินอะไรเลยเดี๋ยวจะแย่เอา”
“เคโตะ!” เสียงเล็กของใครบางคนดังขึ้นหน้าห้อง ยูริกับเคโตะหันไปทันที เรียวสุเกะยืนมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาที่ทำให้เคโตะขนลุกเกรียว เรียวสุเกะเดินมาทางคนทั้งสอง เขาฉุดเคโตะให้ลุกขึ้นแล้วจ้องยูริเขม็ง “ไปกันเถอะเคโตะ” เขาพูดเสียงเย็นเยียบสายตาจับจ้องอยู่ดวงหน้าของคนตัวเล็กกว่า
ยูริรับรู้ว่าสายตานั่นกำลังจ้องเขาอย่างหาเรื่อง เขาลุกขึ้นอย่างไม่กลัวเกรง เคโตะซึ่งเป็นคนกลางเริ่มร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาแล้วเขาฉุดแขนเรียวสุเกะเบาๆ “ไปเถอะเรียวสุเกะ” เรียวสุเกะละสายตาก่อนจะเดินตามเคโตะไปแต่ไม่วายยังหันมาทำตาลุกวาวใส่ยูริอีกจนได้ ยูริได้แต่มองคนทั้งคู่เดินลับไปอย่างเจ็บแค้น บ้าจริง!
“คุณเองล่ะสินะ” เสียงเล็กของใครบางคนดังขึ้นทำให้ยูริหันไปทันที หนุ่มน้อยหน้าหวานที่เขาไม่เคยเห็นหน้ากำลังเดินมาหาเขาอย่างช้าๆ “คุณเองล่ะสินะที่เป็นมือที่สามของพี่เรียว”
ยูริเชิดหน้าขึ้น “เธอเป็นใคร”
ริวทาโร่แสยะยิ้ม “หน้าตาก็ดีไม่น่าทำตัวตกต่ำแบบนี้เลย”
“หุบปากนะ!” ความโกรธของยูริกำลังเพิ่มขึ้น “อย่ามาสอดเรื่องของคนอื่น” ยูริมองสำรวจริวทาโร่ตั้งแต่หัวจรดเท้า “สงสัยคงเป็นคนของอิตาบอดิการ์ดนั่นล่ะสิ ฝากบอกมันด้วยนะไม่ว่าจะส่งใครมาก็ขวางฉันไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมอีกแล้ว”
ริวทาโร่มองตามยูริที่เดินออกจากห้องไป “คนของบอดิการ์ดเหรอ?” เขาขมวดคิ้ว “หมอนี่พูดอะไรของเขา”
เคโตะพาเรียวสุเกะเดินมาจนถึงโรงอาหารที่ตอนนี้แทบจะไม่มีคนอยู่แล้ว ทั้งคู่นั่งตรงที่ว่างที่หนึ่ง “คุณอยากกินอะไรผมจะไปซื้อให้”
เรียวสุเกะเริ่มรู้สึกเหมือนมีน้ำตาคลอ “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
เคโตะเงยหน้าขึ้นมอง “ทำอะไร”
“จริงๆ แล้ว นายคิดอะไรอยู่กันแน่”
เคโตะจ้องเรียวสุเกะตรงๆ ก่อนจะหลบตา “เปล่า”
“มีอะไรทำไมไม่พูดตรงๆ มีอะไรทำไมไม่บอกกันล่ะ หรือนายเห็นฉันเป็นแค่หัวหลักหัวตอ ใช่สิ! ฉันมันไม่อ่อนโยน ไม่อ่อนอ่อนหวานเหมือนจิเน็นนี่”
“อย่าพูดถึงยูริแบบนั้นนะ”
เรียวสุเกะลุกขึ้นยืน “ก็มันจริงมั้ยล่ะ มีอะไรนายก็เล่าให้ยูริฟังจนหมดแต่ฉันกลับไม่รู้อะไรเลย นายไม่ไว้ใจฉันเลยใช่มั้ย”
เคโตะขมวดคิ้ว เขาไม่กล้าสบตาเรียวสุเกะเลย เขาไม่ควรบอกเรื่องที่ริวทาโร่พูดกับเขาวันนั้น เรียวสุเกะไม่มีวันเชื่อเขาแน่เขารู้ แต่สำหรับยูริเขาก็ไม่ได้เล่าให้ยูริฟังซักหน่อย เคโตะลุกขึ้นยืน เขาไม่โกรธที่เรียวสุเกะโวยวายแบบนี้ เขาผิดเอง “ผมขอโทษ”
เรียวสุเกะชะงัก ปกติเคโตะไม่ใช่คนที่จะยอมเขาง่ายๆ แบบนี้นี่นา
“ผมจะไปซื้อข้าวให้คุณนะ” เขาพูดเสียงเบาราวกระซิบก่อนจะเดินไป
เรียวสุเกะนั่งลงอย่างอ่อนแรง ตอนนี้ในโรงอาหารไม่มีใครอยู่แล้ว เขาปาดน้ำตาที่ไหลออกมา ดวงตาร้อนผ่าวและหนักอึ้ง เรียวสุเกะหลับตาลงเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ เสียใจ แค่ความรู้สึกนี้ก็ทำให้เขาแทบจะหมดแรง เสียใจจัง
ไดกิกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าในห้างแห่งหนึ่ง สูทที่ใส่ทำงานของเคดูท่าจะเก่าไปหน่อย
“คุณอาริโอกะ บังเอิญจังนะครับ” ไดกิหันไปตามเสียงเรียก ฮิคารุยืนยิ้มให้อยู่ “ไม่ได้มากับเคจังหรอกเหรอครับ”
ไดกิขมวดคิ้ว “เคจัง?”
“อ๋อ คุณอิโนะโอะไม่มาด้วยเหรอครับ”
ไดกิแปลกใจที่คนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างฮิคารุกล้าเรียกชื่อสามีของเขาตรงๆ แบบนี้ นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกไม่ชอบหน้าฮิคารุเพิ่มพูนขึ้น กล้าดียังไงถึงเรียกแบบนั้น “เขายุ่งน่ะ” แล้วหันไปเลือกเสื้อผ้าต่อด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ฮิคารุหน้าถอดสี ตอบห้วนจัง “ซื้อให้เคจังเหรอครับ”
“ใช่” ไดกิยังคงเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจคนที่พูดกับเขาเลย
ฮิคารุได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน “ถ้างั้นผมไปดีกว่า พอดีมีธุระน่ะครับ” ไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากไดกิ ฮิคารุเดินออกมาจากร้านเงียบๆ แล้วตรงดิ่งไปยังร้านอาหารที่นัดกับใครคนหนึ่งไว้ “ขอโทษที่มาช้านะเคจัง” เขานั่งลงตรงที่ว่าง
เคยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ไม่เป็นไรครับก็ไม่ช้าเท่าไร”
“เมื่อกี้ผมเจอคุณอาริโอกะด้วย นึกว่าคุณพามาซะอีก” ฮิคารุเริ่ม “ไม่รู้ว่าอารมณ์เสียมาจากไหนเขาไม่ยอมพูดกับผมเลยล่ะครับแถมยังพูดกระชากเสียงอีกต่างหาก ไม่รู้จะรังเกียจอะไรผมนักหนา”
เคขมวดคิ้วทันที ทำกับเขาได้เขาไม่ว่าแต่ทำกับเพื่อนของเขาแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ
“ปกติแล้วเขาโมโหบ่อยๆ มั้ยครับ”
ถ้ากับเขาล่ะก็ ตลอดเลยล่ะ “ก็ไม่เท่าไรครับ”
ฮิคารุยิ้ม “แม่บ้านก็อย่างงี้แหละมีเรื่องให้โมโหอยู่ตลอดเวลาเลย ไม่เคยดูชินจังเหรอ” ฮิคารุหัวเราะ เคค่อยยิ้มออกหน่อย เสียงฮิคารุเจื้อยแจ้วเล่าถึงการ์ตูนเรื่องโปรดของตัวเองอย่างมีความสุขโดยมีเคที่นั่งรับฟังอยู่เงียบๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดูเหมือนเขาจะลืมเรื่องของภรรยาไปชั่วขณะ
ข้างนอกร้านที่ห่างกันแค่กระจกกั้นคนทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเห็นไดกิที่ยืนมองผ่านกระจกของร้านอาหารหรูด้วยหัวใจสั่นสะท้านอยู่เลย ไดกิเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เขาเดินออกมาจากภาพบาดตานั่นด้วยหัวใจที่บอบช้ำ การที่เคไปจากชีวิตเขามันเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอดไม่ใช่เหรอ แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ ทำไมถึงได้ปวดใจอย่างนี้นะ
ไดกินั่งมองอาหารเย็นตรงหน้าที่ยังไม่ได้ถูกแตะด้วยอารมณ์หดหู่ คนที่จะมากินยังไม่กลับมาเลย ไดกิเฝ้ามองอยู่อย่างนั้นความอดทนที่กำลังจะถึงขีดสุดทำให้ตาเขาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ไดกิปาดน้ำตาแล้วเก็บอาหารบนโต๊ะเทใส่ถุงขยะ “ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน เชิญไปกินกับยัยฮิคารุตามสบายเลย ฉันไม่สนใจเธอซักนิด” ไดกิบ่นด้วยความน้อยใจ เขาวางถ้วยชามลงในอ่างล้างอย่างแรงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ “ไปไกลๆ เลย คนบ้า”
เคจอดรถที่หน้าบ้านเขากดแตรรถอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เขาจึงจำต้องเปิดประตูด้วยตัวเอง บ้านทั้งบ้านเงียบกริบมีเพียงแสงไฟที่หน้าบ้านเท่านั้นที่ยังส่องสว่างอยู่ “ไดจังหลับไปแล้วมั้ง” เคเดินเข้าไปในบ้าน ปกติภรรยาเขาจะทำอาหารไว้ให้ไม่ใช่เหรอแต่วันนี้ทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย “หรือไดจังจะไม่สบาย” เครีบวิ่งขึ้นไปบนห้องด้วยความตื่นตระหนกพร้อมร้องเรียกไดกิไปตลอดทาง เขาเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“อาหารข้างนอกอร่อยมั้ยครับ” เสียงไดกิดังขึ้นท่ามกลางความมืด
เคเปิดไฟ เขาเห็นไดกินอนหันหลังให้อยู่ที่เตียง เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้างๆ ภรรยา “วันนี้ไม่สบายหรือเปล่าครับ” เขาเอามืออังหน้าผากของไดกิที่กำลังมองเขาตาแป๋ว
“ครับ ผมไม่ค่อยสบายเท่าไร แต่กินอาหารคนเดียวก็อร่อยดี”
เคแปลกใจกับท่าทีของไดกิ เขาเลื่อนผ้าห่มขึ้น “ถ้างั้นก็พักผ่อนนะครับคนดี” เขาจูบหน้าผากของภรรยาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เคเดินออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ เขาตกใจเมื่อเห็นภรรยานั่งจ้องเขาอยู่บนเตียง “ไดจัง ยังไม่นอนเหรอครับ”
ไดกิจ้องเคไม่วางตา “ผมนอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไงดี”
เคเดินเข้ามานั่งข้างไดกิ “ไหนว่าไม่สบายไง นอนนะครับเดี๋ยวอาการหนักขึ้นมากว่าเดิมจะแย่เอา” เคจับไดกิให้นอนลงตามเดิม ไดกิหลับตาแน่นหัวใจเต้นโครมคราม ทำไมเขาถึงได้ลงทุนยั่วเคขนาดนี้นะทั้งๆ ที่เป็นสามีภรรยากันแท้ๆ เคยิ้มแล้วก้มหน้าลงไปหาภรรยาที่แกล้งหลับตาอยู่ “ผมรู้นะ คุณไม่ได้ป่วยจริงๆ หรอก” เคจูบภรรยาทีหนึ่ง “นี่ใช่มั้ยล่ะที่คุณต้องการ” ตาใสกลมโตกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของภรรยาช่างยั่วกิเลสได้ดีนัก
ไดกิได้แต่จ้องมองเคตาไม่กระพริบ เครู้ด้วยเหรอเนี่ย เขารู้สึกอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ผม....” เคเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ เขายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของสามีปะทะที่ต้นคอ
เคกระซิบที่ข้างหู “แปลกใจเลยนะเนี่ย แต่ในเมื่อคุณขอมาผมก็ยินดีเสมอแหละครับ คุณภรรยาที่รัก” ริมฝีปากเหยียดยิ้มกว้างก่อนที่มันจะสัมผัสกับต้นคอนุ่มของภรรยา
-------------------------------------------------------------------------
ต่อเองละกัน^^
ความคิดเห็น