คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7
ตอนที่ 7
ไดกิมองเคอย่างอึ้งๆ คำถามนั้นเขายังไม่ได้ตอบ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบแบบไหนดี เขารักสามีคนนี้หรือเปล่าเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
เคยิ้ม “ขอโทษนะครับ ผมไม่น่าทำให้คุณตกใจเลย”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ไดกิก็จับแววตาเศร้าสร้อยนั้นได้ เขาทำกับเคเกินไปหรือเปล่านะ “ฉัน...”
“ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม แต่ผมก็อยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมรักคุณ รักคุณมานานมากแล้ว ก่อนที่ครอบครัวคุณจะเกิดปัญหาซะอีก ผมเสียใจ คุณคงโกรธผมมากใช่มั้ย”
ใช่! โกรธมาก! ไดกิคิดแต่เขาก็พูดอะไรไม่ออก เคดีเกินไป ดีเกินไปจริงๆ แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้ “คุณยาบุบอกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา” เคค่อยๆ หันมามองไดกิ แววตาที่ไดกิเดาไม่ได้ว่าเคคิดอะไรอยู่
“ผมไม่อยากให้คุณมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“เรื่องไม่เป็นเรื่องเหรอ? คุณคิดว่าการที่มีคนพยายามจะฆ่าคุณนี่เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเหรอ? ไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไง” ไดกิเริ่มรู้สึกเดือดปุดๆ
“มันก็แค่ธรรมดาของการทำธุรกิจ ทุกอย่างก็ต้องเสี่ยงทั้งนั้นแหละ”
“มิน่าล่ะคุณถึงได้ถูกเกลียดอยู่อย่างนี้ คุณมันอ่อนแอกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีกอิโนะโอะ!” ไดกิเดินหลบไประงับอารมณ์ที่เดือดขึ้นมา คนขี้ขลาด ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปพวกนั้นคงทำสำเร็จเข้าซักวัน
ยูโตะเดินมาส่งยูริที่ห้องเรียน ยูริหันมาส่งยิ้มให้ “ขอบใจนะ” ยูโตะยิ้มตอบแต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินจากไป ยูริรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียวหลังจากได้ระบายให้ยูโตะฟังแล้ว เขาหันหลังจะเดินเข้าห้องแต่ท่ว่า เคโตะยืนยิ้มให้อยู่หน้าห้องแล้ว
“ไม่เห็นบอกกันเลยนะยูริ” เคโตะส่งเสียงล้อเลียน
ยูริหน้าแดงรู้สึกโกรธขึ้นมาตงิดๆ เคโตะเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว “ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขาเลยนะ”
แต่เคโตะกลับเห็นว่านี่เป็นอาการหน้าแดงจากความอาย “ไม่ต้องอายหรอกน่า” เขายิ้มจนตาหยี “ฉันไม่กวนนายแล้วดีกว่า” เขาเดินกลับเข้าไปนั่งที่เดิม ยูริได้ยินเสียงหัวใจที่กรีดร้องของตัวเอง เคโตะเข้าใจผิดแล้ว
เสียงครูอธิบายบทเรียนแต่ยูริกลับไม่มีกะจิตกะใจจะฟังมัน เขาเห็นเคโตะส่งยิ้มมาให้เป็นระยะนั่นยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น เขาจะอธิบายกับเคโตะยังไงดี
คาบสุดท้ายหมดลง ขณะที่เคโตะกำลังเก็บของเข้ากระเป๋าเรียวสุเกะก็เดินเข้ามาหาเคโตะโดยมียูโตะยืนรออยู่ด้านนอกพร้อมกระเป๋านักเรียนของคนตัวเล็ก เรียวสุเกะเดินเข้ามาเกาะแขนเคโตะไว้พร้อมส่งเสียงออดอ้อนขณะที่เคโตะสะพายกระเป๋าขึ้นพาดบ่าโดยไม่ขัดขืนเรียวสุเกะแต่อย่างใด ยูริมองปฏิกิริยาของคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่างหมั่นไส้ นึกอยากจะให้คู่นี้มันเลิกกันเร็วๆ ซะจริง เขาเบื่อที่จะต้องเห็นใบหน้าที่มีความสุขของเรียวสุเกะทุกครั้งก่อนกลับบ้านเต็มทนแล้ว
ยูริเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไป
“ยูริ กลับแล้วเหรอ” เคโตะตะโกนตามหลังแต่ปราศจากคำตอบจากยูริ ร่างเล็กหายลับไปจากประตูไม่ทักแม้กระทั่งยูโตะ
เรียวสุเกะกระตุกแขนร่างสูง “ช่างเขาเถอะน่า เรากลับบ้านกันเถอะ”
“แต่ว่า....”
“เคโตะ!”
“นั่นเป็นเพื่อนผมนะ ยูริไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คุณอย่ามาห้ามผมดีกว่าคุณหนูเรียวสุเกะ” เขารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กจริงๆ
เรียวสุเกะรู้สึกโกรธขึ้นมา “อะไรๆ ก็ยูริ ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคนนายไม่เห็นหรือไง!” เรียวสุเกะพูดเสียงดังจนคนทั้งห้องหันมามอง
เคโตะลากเรียวสุเกะออกไปข้างนอกยูโตะได้แต่เดินตามหลัง “คุณอย่าทำแบบนี้น่า ผมก็แค่ห่วงเพื่อนเท่านั้นเอง”
เรียวสุเกะจ้องอย่างจับผิด “จริงนะ”
เคโตะยกสามนิ้วขึ้น “ด้วยเกียรติลูกผู้ชายเลย”
เรียวสุเกะยิ้ม “ฉันเชื่อนายก็ได้”
เคโตะยิ้ม “เชื่อคนง่ายจังนะ” เขาหัวเราะเบาๆ นั่นทำให้เรียวสุเกะหน้าบึ้ง “ถ้างั้นกลับกันดีกว่า” เคโตะทำท่าจะเดินแต่เรียวสุเกะรั้งไว้
“แล้วนายไม่ไปหาจิเน็นเหรอ”
เคโตะจับมือเรียวสุเกะที่เกาะแขนเขาอยู่อย่างนุ่มนวลแล้วส่งยิ้มให้ “ถ้าไม่อยากให้ผมไปผมก็ไม่ไปหรอก” เรียวสุเกะตาเป็นประกาย “เพราะผมจะให้ยูริมาหาผมแทนยังไงล่ะ” เคโตะยิ้มหน้าทะเล้นให้คนตัวเล็กพร้อมยักคิ้วให้
เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า ให้ยูริมางั้นเหรอ? เขาโกรธจนเหมือนมีลมร้อนๆ พ่นออกจากหูเขาจริงๆ “เคโตะ! กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!” เขาวิ่งตามเคโตะที่วิ่งหนีไปด้วยรู้ว่าภัยจะมาถึงตัว
ยูโตะได้แต่สั่นหัวกับพฤติกรรมแบบเด็กๆ ของคนทั้งคู่ ยูริเดินมายืนอยู่ข้างเขาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันจะเอาจริงล่ะนะ” ยูริพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ยูโตะเสียวสันหลังขึ้นมาเสียเฉยๆ แต่ก็ยังคงแสดงสีหน้านิ่งเฉยไว้ได้ “ผมจะรอดูก็แล้วกัน”
“คุณอิโนะโอะ เค หรือเปล่าครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังไดกิ เขาคงไม่สนใจถ้าคำนั้นไม่ได้เรียกชื่อเค “บังเอิญจัง ผมยาโอโตเมะ ฮิคารุ คนที่ช่วยคุณวันนั้นน่ะ ดูดีขึ้นมากเลยนะครับเนี่ย” ฮิคารุยิ้มให้แล้วถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ
เคทำหน้างงก่อนจะร้องอ๋อ “ผมจำได้แล้วครับ ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยถ้าไม่ได้คุณป่านนี้ผมจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“แล้วนี่คุณออกมาที่นี่ได้ยังไงครับเนี่ย อย่าบอกนะว่าเดินมาผมว่าสภาพคุณตอนนี้คงไม่เหมาะล่ะมั้ง”
“ภรรยาผมครับ”
“อะไรนะ?”
เคยิ้ม “ภรรยาผมพาผมมาครับ” เคโอบเอวไดกิที่เดินมาเมื่อซักครู่ไว้หลวมๆ “อาริโอกะ ไดกิ ภรรยาผมครับ”
ไดกิยิ้มให้แบบที่ดูก็รู้ว่ากำลังฝืนแต่ฮิคารุกลับยิ้มตอบแบบเต็มที่ทำเสมือนไม่รู้ว่าไดกิส่งยิ้มแบบไหนมาให้ “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วดีกว่า หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะครับ” ฮิคารุลุกขึ้นเดินไป
“เดี๋ยวสิครับ” เคเรียก “ผมอยากจะขอบคุณที่คุณช่วยผมไว้ มาทานอาหารที่บ้านผมซักมื้อได้มั้ยครับถ้าคุณมีเวลา มันอาจไม่ได้มากมายอะไรแต่ผมอยากขอบคุณคุณจริงๆ”
ฮิคารุยิ้มตอบ “เอางั้นก็ได้ครับ ถ้าว่างเมื่อไรเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปอีกทีนะครับ”
“แล้วผมจะติดต่อคุณได้ยังไง”
“จากคุณทนายที่ชื่อ... อะไรนะ?”
“ยาบุ โคตะ” ไดกิต่อให้จบ
ฮิคารุยิ้มแทนคำขอบคุณ “ครับ เอาที่อยู่ติดต่อจากคุณยาบุก็ได้ตอนที่ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลเขาซักไซ้ผมใหญ่เลยล่ะแล้วผมก็เลยได้เบอร์โทรพร้อมอีเมลล์เขามาแล้วด้วย” เขาก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ “ผมต้องไปแล้วล่ะ โชคดีนะครับคุณอิโนะโอ คุณอาริโอกะ”
ไดกิมองตามฮิคารุจนลับตาไป เขารู้สึกไม่ดีกับคนๆ นี้เลย “กลับกันดีกว่าครับเย็นมากแล้ว” เคทำตามอย่างว่าง่าย ไดกิสงสัยว่าทำไมสามีเขาถึงได้ยิ้มแย้มผิดปกติ โธ่เอ๊ย! ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยนะ ไดกิไม่พูดอะไรจนกลับถึงบ้านเคเองก็ไม่ถามเพราะเป็นปกติของภรรยาอยู่แล้วเขาจึงไม่เห็นว่าอารมณ์ของคนตรงหน้าได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
เคโตะนอนฟังเพลงโดยเสียบหูฟังอยู่ในห้องอย่างสบายใจ เสียงเพลงที่ดังกลบหูพร้อมดวงตาที่หลับพริ้มทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา
เรียวสุเกะเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างแผ่วเบาพร้อมหนังสือในอ้อมแขน เคโตะนอนอยู่บนเตียงเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่กระนั้นเคโตะก็ยังเหมือนจะไม่รู้ว่าเขาเข้ามา “เคโตะ!!” เคโตะสะดุ้ง เขาถอดหูฟังออกแล้วมองหนังสือในอ้อมแขนของเรียวสุเกะ “สอนการบ้านหน่อย ฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลย”
“จะให้สอนเรื่องไหนล่ะ”
เรียวสุเกะยิ้ม “คณิตศาสตร์”
เรียวสุเกะที่ปกติก็หัวฟูโดยธรรมชาติอยู่แล้วยิ่งฟูหนักเข้าไปอีกเพราะเขาทั้งจิกทั้งทึ้งหัวตัวเองจนเคโตะต้องบอกให้พอก่อนเพราะตัวเองดันทำโจทย์คณิตศาสตร์ง่ายๆไม่ได้
“พอเถอะเรียวสุเกะ แบบนี้มีหวังผมหมดหัวพอดี”
เรียวสุเกะมองหนังสือตรงหน้าอย่างอ่อนใจ “ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้ล่ะเคโตะ เกิดมาฉันยังไม่เคยเจออะไรที่มันยากขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ก็ใครบอกให้ตอนเด็กคุณโดดเรียนล่ะ ก็บอกแล้วไงถ้าฐานไม่มั่นคงมันก็ไปต่อยาก”
“ฮึ่ย!” เรียวสุเกะวางดินสอลง “พอแล้ว ไม่เอาแล้ว ยากชะมัด”
เคโตะปิดหนังสือลงตามเดิม “ถ้างั้นก็ตามใจ เอาไว้อยากเรียนเมื่อไรค่อยให้ผมสอนใหม่ก็ได้” เขามองเรียวสุเกะที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ “แล้วจะเอาไงต่อล่ะ” เขามองนาฬิกาบนผนัง “ดึกแล้วล่ะผมว่า....” เคโตะชะงักค้างเพราะใบหน้าของเรียวสุเกะที่ยื่นเข้ามาใกล้ “คุณ... ไปนอน... ดีกว่านะ” เขาส่งยิ้มแหยๆ ไปให้
เรียวสุเกะหัวเราะ “แค่นี้ก็ต้องหน้าแดงด้วย”
เคโตะเอามือปิดหน้าตัวเอง “โธ่! อย่าแกล้งผมสิ”
เรียวสุเกะขยับเข้าไปนั่งข้างเคโตะพยายามมองลอดมือที่ปิดหน้าอยู่ “ไหนๆ ขอดูหน่อย หน้าตอนเขินของนายน่ะ”
เคโตะมองลอดช่องนิ้วออกมา “อย่าแกล้งผมสิครับ”
เรียวสุเกะหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง “ฮ่าๆๆๆๆ นายนี่มันอ่อนหัดจริงๆ เลยเคโตะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เคโตะเอามือออก ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงดี เขายิ้มเจื่อนๆ เรียวสุเกะยังจ้องเขาอยู่ด้วยดวงตาเปล่งประกาย แต่ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นริมฝีปากของเรียวสุเกะก็สัมผัสที่ริมฝีปากของเขาซะแล้ว มันอาจจะสัมผัสอยู่อย่างนั้นแค่แป๊ปเดียวแต่ความรู้สึกของเขาคือมันนานเป็นชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งทันที
เรียวสุเกะถอนจูบออกแล้วมองหน้าเคโตะด้วยรอยยิ้ม “ถือว่าเอาคืนนะ”
เคโตะยังนั่งค้างอยู่ท่าเดิมแม้ว่าเรียวสุเกะจะออกจากห้องไปแล้วก็ตาม เขาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ จูบแรกของเขาตกเป็นของเรียวสุเกะไปซะแล้ว ใบหน้าเขาร้อนผ่าวจนเหมือนจะเป็นไข้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “จูบแรก ก็นุ่มดีนะ”
ความคิดเห็น