คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6
เคโตะขับรถมาจอดตรงริมแม่น้ำ ยามดึกเช่นนี้ไม่มีคนพลุกพล่านคงทำให้ใจเขาเย็นลงได้
.....หรือว่าพี่ไม่รู้ว่าคุณยามาดะก็ชอบคุณยูโตะ.....
เคโตะสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแต่มันก็ไม่อาจทำให้เสียงของริวทาโร่ที่ดังก้องในหัวของเขามันหายไปได้ เขาหัวเราะให้ตัวเองอย่างสมเพช ทุกคนที่เขารักไม่ว่าใครก็ต้องตกเป็นของยูโตะทั้งนั้น ทั้งพ่อ ทั้งเรียวสุเกะ น้องชายเขาได้มันไปทั้งหมด เคโตะทอดสายตาไปตามผิวน้ำที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืน รู้สึกถึงความโศกเศร้าที่กำลังกลืนกินเขา
เสียงนาฬิกาดังบอกเวลาเที่ยงคืน ป่านนี้รถไฟฟ้าคงหมดแล้ว เจ้าเด็กริวนั่นจะกลับหรือยังนะ แต่ช่างปะไรไม่ใช่ธุระของเขาสักหน่อย เคโตะเข้าไปในรถ เขากำพวงมาลัยแน่นรู้สึกในหัวว่างเปล่าแต่ก็หนักอึ้ง เขายังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ เคโตะสตาร์ทรถและขับไปตามแต่ร่างกายจะพาไป
ริวทาโร่นั่งทอดอาลัยอยู่บนม้านั่งหน้าร้านโอคายะ เขานั่งอยู่อย่างนั้นมาเกือบครึ่งชั่วโมงโดยไม่ทำอะไร แม่และน้องต่างโทรหาเขาแล้วเขาก็บอกตามตรงว่าตัวเองตกรถแต่ก็ไม่ได้บอกสาเหตุว่าทำไม ริวทาโร่เหม่อมองไปยังตึกที่สูงเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้ากรุงโตเกียว พอทำแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่าสิ้นดี ก็แค่คนเล็กๆ คนหนึ่งในเมืองใหญ่
รถหรูคันหนึ่งวิ่งมาจอดตรงหน้าเขา กระจกรถเปิดออกเผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน “ขึ้นมาสิ ฉันจะไปส่งบ้าน”
ริวทาโร่ตกใจเมื่อเห็นเคโตะย้อนกลับมาหาเขา “พี่ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ”
เคโตะทอดสายตาไปตามถนนที่แทบจะว่างเปล่า “ฉันทำให้นายพลาดรถไฟ เพราะงั้นฉันต้องรับผิดชอบ”
ริวทาโร่ก้มหน้างุด “พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ก็ถ้านายไม่มาตามฉันก็คงได้กลับบ้านแล้ว” เคโตะพูดเหมือนสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรเลย “รีบๆ ขึ้นรถซะ หรือจะนอนตากน้ำค้างที่นี่ก็ตามใจ” ริวทาโร่จ้องมองเคโตะก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ เคโตะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“นอนได้แล้วยูมิโกะ” เคนอิจิพูดเมื่อเห็นว่าภรรยานั้นเอาแต่นอนกระสับกระส่ายคอยชะเง้อมองไปข้างนอกอยู่เรื่อย “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเคโตะ แต่มันไม่เป็นไรหรอกน่า ขนาดไปนอนค้างที่อื่นเป็นวันมันก็เคยมาแล้ว”
ยูมิโกะถอนหายใจ “แต่วันที่เคโตะคุงไปนอนค้างที่อื่นก็เป็นเพราะเขาทะเลาะกับคุณนะคะ แต่วันนี้เคโตะคุงยังไม่ได้มีปากเสียงกับคุณเสียหน่อย เพราะฉะนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะกลับดึกเอาป่านนี้”
“คุณก็พูดอย่างกับว่าผมมันเป็นต้นเหตุให้เคโตะมันอยู่ไม่ติดบ้านอย่างนั้นแหละ”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ”
เคนอิจินอนหันหลังให้ “ไม่ต้องพูดแล้ว นอนเถอะ เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ” เขาพูดและไม่ได้สนใจภรรยาอีกต่อไป
ภายในรถเงียบสนิทจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของคนที่อยู่ข้างๆ ริวทาโร่แอบมองไปยังเคโตะที่ขับรถอย่างเงียบๆ ความเงียบนั้นไม่สามารถทำให้เขาอึดอัดได้เท่ากับความรู้สึกที่เขามีต่อเคโตะที่มันหนักอึ้งอยู่ในหัวใจนี้ แม้แต่ถอนหายใจเขายังไม่กล้าทำ ริวทาโร่กำมือตัวเองแน่นด้วยความเครียดและอึดอัดใจ
“กินอะไรมาหรือยัง” เคโตะพูดขึ้นหลังจากที่เงียบกันมานาน
ริวทาโร่ส่ายหน้า “ยังครับ”
“งั้นแวะกินอะไรหน่อยมั้ย ร้านสะดวกซื้อแถวนี้แหละ”
“แต่ว่าผมต้องรีบกลับบ้...” โครก~ ริวทาโร่กุมท้องที่ดันร้องขึ้นมาไว้อย่างอายๆ เคโตะหัวเราะเบาๆ ช่วยให้บรรยากาศคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง
“ถ้างั้นก็กินอะไรสักหน่อยก็แล้วกัน ร้านอาหารแถวนี้คงปิดหมดแล้ว” เคโตะเข้าไปจอดรถตรงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง “นายอยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้ครับ”
เคโตะถอนหายใจ “รู้มั้ยริวทาโร่ ฉันเบื่อกับคำว่า อะไรก็ได้ เต็มทนแล้ว จะกินอะไรก็ว่ามา” เขาพูดเสียงดังเหมือนโมโห
ริวทาโร่สะดุ้งตกใจ “เอ่อ.. ราเม็งคัพก็ได้ครับ”
“ก็แค่นั้นแหละ”
ทั้งคู่ลงจากรถและเดินตรงไปยังร้านสะดวกซื้อ ได้ราเม็งมาสองถ้วยก็นั่งกินมันตรงหน้าร้านสะดวกซื้อนั่นแหละ เมื่ออาหารตกถึงท้องทำให้ริวทาโร่รู้สึกสบายขึ้น “ขอบคุณมากนะครับพี่เคโตะ”
“ไม่เป็นไร” เคโตะพูดอย่างขอไปที
“เอ่อคือ...” ริวทาโร่เรียก เคโตะยกขวดน้ำขึ้นดื่มโดยดูเหมือนจะไม่ได้สนใจในเสียงของริวทาโร่เลยสักนิด ริวทาโร่มองทุกการกระทำของเคโตะด้วยความหลงใหล ไม่ว่าเคโตะจะทำอะไรก็ทำให้เขาใจเต้นได้ทุกทีสิน่า “ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่”
เคโตะปิดฝาขวดน้ำ “อะไร”
ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึก “ทำไมวันนั้นพี่ไปช่วยผมจากเจ้าพวกนั้นได้ล่ะครับ ทั้งๆ ที่บ้านพี่กับบ้านผมก็อยู่กันคนละทาง”
เคโตะมองริวทาโร่แล้วยิ้ม “อยากรู้เหรอ” ริวทาโร่พยักหน้า เคโตะละสายตามองไปยังถนน “ถ้านายรู้มันจะดีเหรอ”
“บอกผมเถอะครับ ไม่ว่าจะเป็นอะไรผมก็รับได้”
เคโตะแสร้งหัวเราะ “ฉันไปส่งยามาดะน่ะ”
ริวทาโร่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว “แต่ว่าคุณยามาดะกลับรถไฟฟ้านี่ครับ”
“ฉันรู้” เคโตะเงียบไป “ฉันก็แค่ไปดูว่ายามาดะถึงบ้านเรียบร้อยแล้วก็เท่านั้นเอง เขาไม่รู้เรื่องที่ฉันทำหรอก” เคโตะหน้าเศร้าลง “แต่จากนี้ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว”
ริวทาโร่ก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด “พี่ชอบคุณยามาดะมากเลยเหรอ”
เคโตะหัวเราะ “ไม่รู้สิ ก็คงมากพอที่จะทำให้ฉันเจ็บได้นั่นแหละ”
“แล้วทำไมถึงยังหัวเราะได้ล่ะครับ” ริวทาโร่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทำไมถึงยังยิ้มทั้งๆ ที่พี่ก็เจ็บปวดขนาดนั้น” เคโตะขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปขึ้นรถโดยไม่ได้ตอบคำถามของริวทาโร่ ร่างเล็กวิ่งตาม “เดี๋ยวสิครับ พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามผมนะ”
เคโตะหันมาสบตาริวทาโร่ “นายบอกว่านายชอบฉันใช่มั้ยริวทาโร่” ริวทาโร่พยักหน้าให้แทนคำตอบ “ถ้างั้นนายก็คงรู้ว่า เวลาที่เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขเราจะไปขัดขวางเขาได้ยังไง เราควรยิ้มและแสดงความยินดีสิถึงจะถูก” ริวทาโร่นิ่งไปแล้วไม่พูดอะไรอีก “กลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า”
ริวทาโร่เอาแต่นิ่งเงียบตลอดทางที่กลับบ้าน เขาคิดถึงสิ่งที่เคโตะพูด ถ้าพี่มีความทุกข์แบบนี้แล้วจะให้ผมสุขได้ยังไง
ยูมิโกะถลาลงจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงรถของเคโตะวิ่งเข้ามา เคนอิจิได้แต่มองตามแล้วส่ายหัวกับการกระทำของภรรยา เขาเหลือบมองไปยังนาฬิกาบนผนัง ตี 3 แล้ว กลับดึกขนาดนี้จะพักผ่อนเพียงพอได้ยังไง เขาลุกขึ้นแล้วเดินตามภรรยาลงไป
เคโตะเดินเข้ามาในบ้านที่ปิดไฟมืดสนิท ความเงียบทำให้เขารู้สึกหดหู่นัก หลังจากไปส่งริวทาโร่ที่บ้านเขาก็ไปดื่มต่อมานิดหน่อยเพราะยังไม่รู้สึกอยากกลับบ้าน แต่ถึงจะดื่มมากแค่ไหนความรู้สึกหนักอึ้งนี้ก็ไม่ได้หายไปแต่มันกลับเพิ่มมากขึ้นเสียอีก
ไฟทั้งบ้านเปิดสว่าง ยูมิโกะยืนอยู่ที่เชิงบันได “กลับมาแล้วเหรอเคโตะคุง ไปไหนมาถึงได้กลับดึกขนาดนี้”
เพราะฤทธิ์เหล้าทำให้เคโตะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีนัก “จะไปไหนมันก็เรื่องของผม เกี่ยวอะไรกับแม่เลี้ยงด้วย” เขาพูดอย่างอารมณ์เสียแล้วเดินเลี่ยงยูมิโกะขึ้นไป เธอคว้าแขนเขาไว้
“เดี๋ยวสิเคโตะคุง เธอดื่มเหล้ามาเหรอ”
เคโตะสะบัดแขนออก “บอกว่าอย่ามายุ่งไง!” เขาพูดอย่างรำคาญแล้วจะเดินขึ้นไปแต่เคนอิจิยืนขวางไว้เขาจึงหยุด เคโตะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “อะไรอีกล่ะ”
เคนอิจิพยายามพูดอย่างใจเย็น “พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าแต่แกกลับไปดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำแบบนี้มีความรับผิดชอบบ้างหรือเปล่า ฉันไม่ว่าที่แกกินเหล้าแต่ก็ควรดูเวลาด้วย ตอนนี้มันกี่โมงแล้วรู้มั้ย”
“ผมรู้น่า” เคโตะพูดอย่างรำคาญ “เลิกพูดได้แล้วผมจะขึ้นไปนอน”
“มีอะไรกันเหรอครับ” เสียงยูโตะดังขึ้น เพราะได้ยินเสียงคนพูดกันเขาจึงตื่นขึ้นมาดู เขาลงมายืนข้างๆพ่อ “พี่เพิ่งกลับเหรอ”
“ใช่ แถมยังเมามาด้วย” เคนอิจิพูด “รู้มั้ยตัวเองเป็นยังไงเคโตะ ดูอย่างน้องแกสิ เขาตั้งใจทำงานแถมยังไม่กินเหล้าจนเมาแบบแกอีก เอาอย่างสิ่งดีๆ จากน้องแกบ้าง แกจะทำให้ฉันปวดหัวไปถึงเมื่อไร”
เคโตะรู้สึกฉุนขึ้นมา “เลิกเอาผมไปเปรียบเทียบกับมันซักทีได้มั้ย น่ารำคาญ” เขาเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของพ่ออีก เคนอิจิเดินตามแล้วกระชากแขนของเคโตะไว้
“ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งไปไง คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
ยูมิโกะวิ่งมากอดแขนเคนอิจิไว้พร้อมยูโตะที่เดินมายืนข้างๆ เธอ “เคนซังใจเย็นๆ ค่ะ ดื่มนิดดื่มหน่อยมันก็เป็นปกติของผู้ชายอยู่แล้วนะคะ เคโตะคุงคงเหนื่อยแล้วให้เขาพักผ่อนเถอะ”
เคโตะสบตาพ่ออย่างท้าทาย ตอนนี้เขาเหนื่อยจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแต่ก็ยังฝืนร่างกายไว้ “ได้ยินเมียพ่อพูดแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยผมได้แล้ว” เขาดึงแขนออกแล้วเดินเข้าห้องไป
เคนอิจิได้แต่ถอนหายใจ “เจ้าเด็กบ้านี่” สองแม่ลูกสบตากันแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปยังห้องของตน
เคโตะล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียและหัวที่ปวดตุบๆ เขานอนลืมตามองฝ้าเพดานด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เรียวสุเกะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขานึกถึงก่อนจะหลับไป
-----------------------------------------------------------------
แต่งเสร็จเมื่อเช้านี้ตอนตี 4 ^^”
สั้นไปหน่อยขออภัยนะคะ ช่วงนี้นอนดึกมากๆ ไม่ค่อยมีเวลาแต่งเท่าไร จะพยายามมาอัพเรื่อยๆนะ
ขอบคุณทุกๆกำลังใจค่ะ :)
ความคิดเห็น