ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaRyu , NakaYama] Love ~Thank you~ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 55


     ตอนที่ 6

    เคโตะขับรถมาจอดตรงริมแม่น้ำ  ยามดึกเช่นนี้ไม่มีคนพลุกพล่านคงทำให้ใจเขาเย็นลงได้

    .....หรือว่าพี่ไม่รู้ว่าคุณยามาดะก็ชอบคุณยูโตะ.....

    เคโตะสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปแต่มันก็ไม่อาจทำให้เสียงของริวทาโร่ที่ดังก้องในหัวของเขามันหายไปได้  เขาหัวเราะให้ตัวเองอย่างสมเพช  ทุกคนที่เขารักไม่ว่าใครก็ต้องตกเป็นของยูโตะทั้งนั้น  ทั้งพ่อ  ทั้งเรียวสุเกะ  น้องชายเขาได้มันไปทั้งหมด  เคโตะทอดสายตาไปตามผิวน้ำที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืน  รู้สึกถึงความโศกเศร้าที่กำลังกลืนกินเขา

    เสียงนาฬิกาดังบอกเวลาเที่ยงคืน  ป่านนี้รถไฟฟ้าคงหมดแล้ว  เจ้าเด็กริวนั่นจะกลับหรือยังนะ  แต่ช่างปะไรไม่ใช่ธุระของเขาสักหน่อย  เคโตะเข้าไปในรถ  เขากำพวงมาลัยแน่นรู้สึกในหัวว่างเปล่าแต่ก็หนักอึ้ง  เขายังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้  เคโตะสตาร์ทรถและขับไปตามแต่ร่างกายจะพาไป

     

    ริวทาโร่นั่งทอดอาลัยอยู่บนม้านั่งหน้าร้านโอคายะ  เขานั่งอยู่อย่างนั้นมาเกือบครึ่งชั่วโมงโดยไม่ทำอะไร  แม่และน้องต่างโทรหาเขาแล้วเขาก็บอกตามตรงว่าตัวเองตกรถแต่ก็ไม่ได้บอกสาเหตุว่าทำไม  ริวทาโร่เหม่อมองไปยังตึกที่สูงเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้ากรุงโตเกียว  พอทำแบบนี้แล้วยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่าสิ้นดี  ก็แค่คนเล็กๆ คนหนึ่งในเมืองใหญ่

    รถหรูคันหนึ่งวิ่งมาจอดตรงหน้าเขา  กระจกรถเปิดออกเผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน  “ขึ้นมาสิ  ฉันจะไปส่งบ้าน”

    ริวทาโร่ตกใจเมื่อเห็นเคโตะย้อนกลับมาหาเขา  “พี่ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ”

    เคโตะทอดสายตาไปตามถนนที่แทบจะว่างเปล่า  “ฉันทำให้นายพลาดรถไฟ  เพราะงั้นฉันต้องรับผิดชอบ”

    ริวทาโร่ก้มหน้างุด  “พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

    “ก็ถ้านายไม่มาตามฉันก็คงได้กลับบ้านแล้ว”  เคโตะพูดเหมือนสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรเลย  “รีบๆ ขึ้นรถซะ  หรือจะนอนตากน้ำค้างที่นี่ก็ตามใจ”  ริวทาโร่จ้องมองเคโตะก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ  เคโตะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    “นอนได้แล้วยูมิโกะ”  เคนอิจิพูดเมื่อเห็นว่าภรรยานั้นเอาแต่นอนกระสับกระส่ายคอยชะเง้อมองไปข้างนอกอยู่เรื่อย  “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเคโตะ  แต่มันไม่เป็นไรหรอกน่า  ขนาดไปนอนค้างที่อื่นเป็นวันมันก็เคยมาแล้ว”

    ยูมิโกะถอนหายใจ  “แต่วันที่เคโตะคุงไปนอนค้างที่อื่นก็เป็นเพราะเขาทะเลาะกับคุณนะคะ  แต่วันนี้เคโตะคุงยังไม่ได้มีปากเสียงกับคุณเสียหน่อย  เพราะฉะนั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะกลับดึกเอาป่านนี้”

    “คุณก็พูดอย่างกับว่าผมมันเป็นต้นเหตุให้เคโตะมันอยู่ไม่ติดบ้านอย่างนั้นแหละ”

    “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ”

    เคนอิจินอนหันหลังให้  “ไม่ต้องพูดแล้ว  นอนเถอะ  เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ”  เขาพูดและไม่ได้สนใจภรรยาอีกต่อไป

     

    ภายในรถเงียบสนิทจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของคนที่อยู่ข้างๆ  ริวทาโร่แอบมองไปยังเคโตะที่ขับรถอย่างเงียบๆ  ความเงียบนั้นไม่สามารถทำให้เขาอึดอัดได้เท่ากับความรู้สึกที่เขามีต่อเคโตะที่มันหนักอึ้งอยู่ในหัวใจนี้  แม้แต่ถอนหายใจเขายังไม่กล้าทำ  ริวทาโร่กำมือตัวเองแน่นด้วยความเครียดและอึดอัดใจ

    “กินอะไรมาหรือยัง”  เคโตะพูดขึ้นหลังจากที่เงียบกันมานาน

    ริวทาโร่ส่ายหน้า  “ยังครับ”

    “งั้นแวะกินอะไรหน่อยมั้ย  ร้านสะดวกซื้อแถวนี้แหละ”

    “แต่ว่าผมต้องรีบกลับบ้...”  โครกริวทาโร่กุมท้องที่ดันร้องขึ้นมาไว้อย่างอายๆ  เคโตะหัวเราะเบาๆ ช่วยให้บรรยากาศคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง

    “ถ้างั้นก็กินอะไรสักหน่อยก็แล้วกัน  ร้านอาหารแถวนี้คงปิดหมดแล้ว”  เคโตะเข้าไปจอดรถตรงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง  “นายอยากกินอะไร”

    “อะไรก็ได้ครับ”

    เคโตะถอนหายใจ  “รู้มั้ยริวทาโร่  ฉันเบื่อกับคำว่า อะไรก็ได้ เต็มทนแล้ว  จะกินอะไรก็ว่ามา”  เขาพูดเสียงดังเหมือนโมโห

    ริวทาโร่สะดุ้งตกใจ  “เอ่อ.. ราเม็งคัพก็ได้ครับ”

    “ก็แค่นั้นแหละ”

    ทั้งคู่ลงจากรถและเดินตรงไปยังร้านสะดวกซื้อ  ได้ราเม็งมาสองถ้วยก็นั่งกินมันตรงหน้าร้านสะดวกซื้อนั่นแหละ  เมื่ออาหารตกถึงท้องทำให้ริวทาโร่รู้สึกสบายขึ้น  “ขอบคุณมากนะครับพี่เคโตะ”

    “ไม่เป็นไร”  เคโตะพูดอย่างขอไปที

    “เอ่อคือ...”  ริวทาโร่เรียก  เคโตะยกขวดน้ำขึ้นดื่มโดยดูเหมือนจะไม่ได้สนใจในเสียงของริวทาโร่เลยสักนิด  ริวทาโร่มองทุกการกระทำของเคโตะด้วยความหลงใหล  ไม่ว่าเคโตะจะทำอะไรก็ทำให้เขาใจเต้นได้ทุกทีสิน่า  “ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่”

    เคโตะปิดฝาขวดน้ำ  “อะไร”

    ริวทาโร่สูดหายใจเข้าลึก  “ทำไมวันนั้นพี่ไปช่วยผมจากเจ้าพวกนั้นได้ล่ะครับ  ทั้งๆ ที่บ้านพี่กับบ้านผมก็อยู่กันคนละทาง”

    เคโตะมองริวทาโร่แล้วยิ้ม  “อยากรู้เหรอ”  ริวทาโร่พยักหน้า  เคโตะละสายตามองไปยังถนน  “ถ้านายรู้มันจะดีเหรอ”

    “บอกผมเถอะครับ  ไม่ว่าจะเป็นอะไรผมก็รับได้”

    เคโตะแสร้งหัวเราะ  “ฉันไปส่งยามาดะน่ะ”

    ริวทาโร่ขมวดคิ้ว  เขารู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว  “แต่ว่าคุณยามาดะกลับรถไฟฟ้านี่ครับ”

    “ฉันรู้”  เคโตะเงียบไป  “ฉันก็แค่ไปดูว่ายามาดะถึงบ้านเรียบร้อยแล้วก็เท่านั้นเอง  เขาไม่รู้เรื่องที่ฉันทำหรอก”  เคโตะหน้าเศร้าลง  “แต่จากนี้ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว”

    ริวทาโร่ก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด  “พี่ชอบคุณยามาดะมากเลยเหรอ”

    เคโตะหัวเราะ  “ไม่รู้สิ  ก็คงมากพอที่จะทำให้ฉันเจ็บได้นั่นแหละ”

    “แล้วทำไมถึงยังหัวเราะได้ล่ะครับ”  ริวทาโร่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง  “ทำไมถึงยังยิ้มทั้งๆ ที่พี่ก็เจ็บปวดขนาดนั้น”  เคโตะขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร  เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปขึ้นรถโดยไม่ได้ตอบคำถามของริวทาโร่  ร่างเล็กวิ่งตาม  “เดี๋ยวสิครับ  พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามผมนะ”

    เคโตะหันมาสบตาริวทาโร่  “นายบอกว่านายชอบฉันใช่มั้ยริวทาโร่”  ริวทาโร่พยักหน้าให้แทนคำตอบ  “ถ้างั้นนายก็คงรู้ว่า  เวลาที่เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขเราจะไปขัดขวางเขาได้ยังไง  เราควรยิ้มและแสดงความยินดีสิถึงจะถูก”  ริวทาโร่นิ่งไปแล้วไม่พูดอะไรอีก  “กลับเถอะ  พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า”

    ริวทาโร่เอาแต่นิ่งเงียบตลอดทางที่กลับบ้าน  เขาคิดถึงสิ่งที่เคโตะพูด  ถ้าพี่มีความทุกข์แบบนี้แล้วจะให้ผมสุขได้ยังไง

     

    ยูมิโกะถลาลงจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงรถของเคโตะวิ่งเข้ามา  เคนอิจิได้แต่มองตามแล้วส่ายหัวกับการกระทำของภรรยา  เขาเหลือบมองไปยังนาฬิกาบนผนัง  ตี 3 แล้ว  กลับดึกขนาดนี้จะพักผ่อนเพียงพอได้ยังไง  เขาลุกขึ้นแล้วเดินตามภรรยาลงไป

     

    เคโตะเดินเข้ามาในบ้านที่ปิดไฟมืดสนิท  ความเงียบทำให้เขารู้สึกหดหู่นัก  หลังจากไปส่งริวทาโร่ที่บ้านเขาก็ไปดื่มต่อมานิดหน่อยเพราะยังไม่รู้สึกอยากกลับบ้าน  แต่ถึงจะดื่มมากแค่ไหนความรู้สึกหนักอึ้งนี้ก็ไม่ได้หายไปแต่มันกลับเพิ่มมากขึ้นเสียอีก

    ไฟทั้งบ้านเปิดสว่าง  ยูมิโกะยืนอยู่ที่เชิงบันได  “กลับมาแล้วเหรอเคโตะคุง  ไปไหนมาถึงได้กลับดึกขนาดนี้”

    เพราะฤทธิ์เหล้าทำให้เคโตะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีนัก  “จะไปไหนมันก็เรื่องของผม  เกี่ยวอะไรกับแม่เลี้ยงด้วย”  เขาพูดอย่างอารมณ์เสียแล้วเดินเลี่ยงยูมิโกะขึ้นไป  เธอคว้าแขนเขาไว้

    “เดี๋ยวสิเคโตะคุง  เธอดื่มเหล้ามาเหรอ”

    เคโตะสะบัดแขนออก  “บอกว่าอย่ามายุ่งไง!”  เขาพูดอย่างรำคาญแล้วจะเดินขึ้นไปแต่เคนอิจิยืนขวางไว้เขาจึงหยุด  เคโตะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ  “อะไรอีกล่ะ”

    เคนอิจิพยายามพูดอย่างใจเย็น  “พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าแต่แกกลับไปดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำแบบนี้มีความรับผิดชอบบ้างหรือเปล่า  ฉันไม่ว่าที่แกกินเหล้าแต่ก็ควรดูเวลาด้วย  ตอนนี้มันกี่โมงแล้วรู้มั้ย”

    “ผมรู้น่า”  เคโตะพูดอย่างรำคาญ  “เลิกพูดได้แล้วผมจะขึ้นไปนอน”

    “มีอะไรกันเหรอครับ”  เสียงยูโตะดังขึ้น  เพราะได้ยินเสียงคนพูดกันเขาจึงตื่นขึ้นมาดู  เขาลงมายืนข้างๆพ่อ  “พี่เพิ่งกลับเหรอ”

    “ใช่  แถมยังเมามาด้วย”  เคนอิจิพูด  “รู้มั้ยตัวเองเป็นยังไงเคโตะ  ดูอย่างน้องแกสิ  เขาตั้งใจทำงานแถมยังไม่กินเหล้าจนเมาแบบแกอีก  เอาอย่างสิ่งดีๆ จากน้องแกบ้าง  แกจะทำให้ฉันปวดหัวไปถึงเมื่อไร”

    เคโตะรู้สึกฉุนขึ้นมา  “เลิกเอาผมไปเปรียบเทียบกับมันซักทีได้มั้ย  น่ารำคาญ”  เขาเดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของพ่ออีก  เคนอิจิเดินตามแล้วกระชากแขนของเคโตะไว้

    “ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งไปไง  คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”

    ยูมิโกะวิ่งมากอดแขนเคนอิจิไว้พร้อมยูโตะที่เดินมายืนข้างๆ เธอ  “เคนซังใจเย็นๆ ค่ะ  ดื่มนิดดื่มหน่อยมันก็เป็นปกติของผู้ชายอยู่แล้วนะคะ  เคโตะคุงคงเหนื่อยแล้วให้เขาพักผ่อนเถอะ”

    เคโตะสบตาพ่ออย่างท้าทาย  ตอนนี้เขาเหนื่อยจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแต่ก็ยังฝืนร่างกายไว้  “ได้ยินเมียพ่อพูดแล้วไม่ใช่เหรอ  ปล่อยผมได้แล้ว”  เขาดึงแขนออกแล้วเดินเข้าห้องไป

    เคนอิจิได้แต่ถอนหายใจ  “เจ้าเด็กบ้านี่”  สองแม่ลูกสบตากันแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปยังห้องของตน

     

    เคโตะล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียและหัวที่ปวดตุบๆ  เขานอนลืมตามองฝ้าเพดานด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว  เรียวสุเกะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขานึกถึงก่อนจะหลับไป

     

    -----------------------------------------------------------------

    แต่งเสร็จเมื่อเช้านี้ตอนตี 4  ^^”

    สั้นไปหน่อยขออภัยนะคะ  ช่วงนี้นอนดึกมากๆ ไม่ค่อยมีเวลาแต่งเท่าไร จะพยายามมาอัพเรื่อยๆนะ

    ขอบคุณทุกๆกำลังใจค่ะ :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×