คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4
สามทุ่มตรง ริวทาโร่ยืนลังเลอยู่หน้าร้านโอคายะสาขาที่สอง ป้ายที่หน้าร้านบอกว่าร้านปิดแล้ว เขาตัดสินใจเดินเข้าไป
“ร้านปิดแล้วนะครับคุณ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะครับ” เสียงใครคนหนึ่งที่ทำความสะอาดพื้นอยู่บอกกับเขา ชายคนนั้นหันหลังให้เขาจึงไม่รู้ว่าเป็นใคร
“เอ่อ ผมมาหาคุณยามาดะน่ะครับ เขาอยู่หรือเปล่า”
เคโตะหันมา “รองผู้จัดการอยู่ในร้านครับ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ริวทาโร่ทั้งตกใจและดีใจเมื่อเห็นหน้าเคโตะชัดๆ “คุณทำงานที่นี่เหรอครับ” เขาร้องทัก เคโตะขมวดคิ้วเพราะจำริวทาโร่ไม่ได้ “คุณ โอคาโมโตะ เคโตะ ใช่มั้ยครับ ผมริวทาโร่ไง โมริโมโตะ ริวทาโร่ ที่คุณช่วยไว้เมื่อวันก่อนจำได้หรือเปล่าครับ”
เคโตะเพ่งพินิจใบหน้านั้นอีกครั้ง เหตุการณ์วันนั้นย้อนเข้ามาในความทรงจำ “อ้อ ผมจำได้แล้ว ว่าแต่มีธุระอะไรที่นี่เหรอครับ”
ริวทาโร่ยิ้มแป้น “ผมมาหาคุณยามาดะครับ”
“มีธุระอะไรกับฉันเหรอ” เรียวสุเกะเดินมาทางคนทั้งคู่
ริวทาโร่หันไปทางเรียวสุเกะ “คือว่า ผมจะเอารายละเอียดเกี่ยวกับการเพิ่มรายการอาหารของร้านสาขาที่สองและสามมาให้คุณน่ะครับ” เรียวสุเกะมองริวทาโร่อย่างสงสัย “ผมลืมแนะนำตัวไป ผมโมริโมโตะ ริวทาโร่ เป็นพนักงานของร้านโอคายะสาขาที่สามครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาโค้งให้อย่างนอบน้อม
เรียวสุเกะมองริวทาโร่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “แล้วทำไมต้องเอามาให้ฉันด้วย มันควรเป็นของผู้จัดการไม่ใช่เหรอ” ริวทาโร่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองได้ทำผิดมหันต์ไปแล้ว ทำไมไม่คิดเหตุผลให้รอบคอบกว่านี้นะ เขาเงียบอย่างตอบไม่ได้ “เอกสารสำคัญขนาดนี้ไม่ควรเอามาให้ฉันไว้นะ”
“เอ่อ คือผม....” ริวทาโร่รู้สึกเหมือนตัวลีบเล็กลง
เรียวสุเกะมองอย่างจับผิด “นายต้องการอะไรกันแน่”
ริวทาโร่สบตากับรองผู้จัดการ “ถ้างั้น ตรงๆ เลยแล้วกันนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณยามาดะ แค่สองคน”
เคโตะสบตากับเรียวสุเกะก่อนจะเดินหลบไป เรียวสุเกะหันมาทางริวทาโร่ “เอาล่ะ มีอะไรก็ว่ามา”
สมองของริวทาโร่สั่งการอย่างรวดเร็ว เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดเสียงเบาราวกระซิบ “ที่ผมต้องเอาเอกสารมาให้คุณยามาดะเพราะผมได้ยินมาว่าผู้จัดการร้านโอคายะสาขาสองเนี่ยเป็นคนน่ากลัวมาก ว่ากันว่าเขาน่ะชอบทำตัวลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าผู้จัดการคนนี้เป็นคนยังไง หน้าตาแบบไหน ไม่รู้ทำไมถึงได้ปิดบังตัวตน ขนาดว่าผู้จัดการสาขาที่สามที่เป็นน้องแท้ๆ ยังกลัวจนไม่กล้าสู้หน้าเลยนะครับ บางทีเขาอาจจะเหมือนพวกนักมวยปล้ำก็ได้คนตัวผอมอย่างผู้จัดการของผมก็เลยกลัวไง ผมก็พลอยกลัวไปด้วย”
เรียวสุเกะหัวเราะ “คิดอย่างนั้นได้ยังไง เคยเจอผู้จัดการแล้วเหรอ ผู้จัดการก็แค่ไม่ชอบสังคมวุ่นวายเท่านั้นเอง”
ริวทาโร่ส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าผู้จัดการเป็นคนยังไง ผู้จัดการของผมวานผมให้เอามาให้ แต่ผมกลัวก็เลยต้องเอามาให้คุณแทน เพราะคุณท่าทางใจดีแล้วก็น่ารักด้วย” ริวทาโร่ยิ้มหวาน
“ยอเก่งจังนะ” เรียวสุเกะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ถ้างั้นก็เอาเอกสารมา แล้วฉันจะเอาไปให้ผู้จัดการเอง” เรียวสุเกะยิ้ม รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างประหลาด
ริวทาโร่ยื่นเอกสารให้ “ถ้างั้นผมกลับนะครับ”
“เดินทางดีๆ ล่ะ ขอบคุณมาก”
เคโตะเดินมาหาเรียวสุเกะเมื่อริวทาโร่ออกไป “มีอะไรเหรอยามาดะ”
เรียวสุเกะยื่นเอกสารให้ “ก็อย่างที่เด็กคนนั้นบอก รายละเอียดเกี่ยวกับการเพิ่มรายการอาหารน่ะครับ ผู้จัดการลองตรวจดูจะได้ส่งให้ทางโรงงานเขาส่งวัตถุดิบมาให้”
เคโตะรับมา “เข้าใจแล้ว”
“ผู้จัดการครับ” เรียวสุเกะเรียก “รู้มั้ยครับว่าเด็กคนนั้นว่าผู้จัดการเป็นยังไง”
“แล้วว่ายังไงล่ะ” เขาถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
“เขาบอกว่าผู้จัดการเป็นนักมวยปล้ำ” เรียวสุเกะหัวเราะลั่นเมื่อมองหน้าเคโตะชัดๆ “ยิ้มบ้างนะครับผู้จัดการ เดี๋ยวพนักงานสาขานั้นก็กลัวคุณกันหมด”
“แล้วยามาดะคิดว่าฉันเหมือนมั้ยล่ะ”
เรียวสุเกะยักไหล่ “อย่างคุณน่ะเข้าไปไม่ถึงสามนาทีก็โดนน็อคแล้ว” เขาหัวเราะนั่นทำให้เคโตะเผยรอยยิ้มออกมา
ริวทาโร่แอบมองปฏิกิริยาของทั้งคู่อย่างจับผิด ทั้งอยากรู้ทั้งเจ็บปวด เขาลูบหน้าอกเบาๆ “ทำไมต้องเจ็บด้วยวะ” ริวทาโร่เดินห่างออกมาจากร้านเพราะรู้สึกเหมือนทนเห็นภาพนั้นไม่ได้อีก เขาพูดกับตัวเองเบาๆ “คุณยูโตะครับ สงสัยคุณจะอกหักแล้วล่ะ”
ริวทาโร่เดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกหดหู่ ภาพของเคโตะที่อยู่กับเรียวสุเกะวิ่งเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดกับตัวเองด้วยคำพูดที่เคยพูดไปแล้ว “ริวทาโร่เอ๊ย สงสัยแกจะอกหักแล้วล่ะ”
“ริวทาโร่!”
ริวทาโร่หันหลังกลับ เขาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเรียวสุเกะกำลังวิ่งมาทางเขา “คุณยามาดะ”
เรียวสุเกะวิ่งมาถึง “ดีจังที่ได้เจอริวทาโร่ กลับบ้านทางนี้เหรอ”
ริวทาโร่พยักหน้า “ครับ บ้านผมอยู่ถัดตรงนี้ไปอีกสองแยกข้างหน้า”
เรียวสุเกะยิ้ม “งั้นก็ดีเลย บ้านฉันไปอีกสามแยกข้างหน้าก็ถึง อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายเลยนะ”
“ผมเพิ่งย้ายมาเมื่อไม่นานน่ะครับ แล้วอีกอย่างถ้าไม่ติดธุระผมก็เลิกงานก่อนคุณทุกวัน”
“นั่นสินะ เมื่อก่อนแถวนี้ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว แต่หลังจากที่เกิดคดีทำร้ายร่างกายที่นี่ มันก็ดูปลอดภัยขึ้นเยอะนะว่ามั้ย” ริวทาโร่ไม่พูดอะไร นั่นมันคดีของเขาเองแหละ เรียวสุเกะสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของริวทาโร่ได้ “ริวทาโร่ เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
ริวทาโร่หลบตา “ผมไม่เป็นไรครับคุณยามาดะ”
“นี่ ไม่ต้องเรียกคุณยามาดะแล้ว ทำตัวห่างเหินจังนะ เรียกชื่อเล่นฉันสิ ฉันชื่อ.....”
“ยามะจัง”
“เอ๊ะ? รู้ได้ไง”
ริวทาโร่ยิ้มกลบเกลื่อน “อ้อ ผมว่ามันเรียกง่ายดี”
“งั้นเหรอ” เรียวสุเกะเดินไปยืนข้างๆ ริวทาโร่ “ดึกแล้วเรากลับกันเถอะ”
ริวทาโร่พยักหน้าและเดินไปพร้อมกับเรียวสุเกะ “คุณดูอารมณ์ดีจังเลยนะครับ”
เรียวสุเกะหยุดชะงัก เขาเพิ่งรู้นะว่าตัวเองอารมณ์ดีเป็นเพราะไปเจอยูโตะเมื่อวานนี้แน่ๆ เลย “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
ริวทาโร่หัวเราะผ่านลำคอ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกอิจฉาเรียวสุเกะอย่างนี้ “อย่างกับคนกำลังมีความรัก”
เรียวสุเกะทำหน้าบึ้งทีเล่นทีจริง “เปล่าซักหน่อย ว่าแต่นายเหอะ ทำไมถึงทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ”
ริวทาโร่มองเรียวสุเกะอย่างหมั่นไส้ “เปล๊า ผมก็แค่อกหัก ก็คนที่ผมแอบชอบน่ะ เขาดันไปชอบคนอื่นซะได้”
เรียวสุเกะแปลกใจกับท่าทางแบบนั้น “สายตาแบบนี้ นายหมายถึงฉันหรือเปล่าเนี่ย เอ๊ะ! หรือว่านายชอบเคโตะ มิน่าล่ะถึงได้มาที่ร้านวันนี้”
ริวทาโร่ตกใจ “พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ ผมเพิ่งเคยเจอเขาไม่กี่ครั้งเองจะไปชอบได้ยังไง” เขาพยายามหลบสายตาของเรียวสุเกะที่จ้องเขาอย่างจับผิด “แล้วคุณล่ะ มีแฟนหรือยัง”
เรียวสุเกะทำท่าคิดแล้วคอยสังเกตท่าทีของริวทาโร่ไปด้วย “ยัง”
“จริงเหรอครับ?” ริวทาโร่ถามอย่างตื่นเต้น
เรียวสุเกะพยักหน้า “จริงสิ ฉันยังโสดร้อยเปอร์เซ็นต์”
ริวทาโร่ยิ้มกว้าง “ถ้างั้นคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณโอคาโมโตะน่ะสิใช่มั้ยครับ”
เรียวสุเกะหัวเราะลั่น “ฮั่นแน่! ไหนบอกว่าไม่ได้สนใจเคโตะไง”
ริวทาโร่ได้สติ เขาเฉมองไปทางอื่นกลบเกลื่อนความหน้าแตกของตัวเอง “ถึงบ้านผมแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ริวทาโร่โค้งให้แล้วรีบเดินเข้าบ้านทันที
เรียวสุเกะหัวเราะ เด็กคนนี้ก็น่ารักดี ผู้จัดการคงจะได้มีแฟนก็คราวนี้แหละ
ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่ความมืดคืบคลานเข้ามา แม้จะดึกมากแล้วแต่เคนอิจิก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ เขาลุกออกมาเดินเล่นไปทั่วบ้านเพราะรู้สึกเบื่อกับการต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เขาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องของลูกชายคนโต แสงไฟในห้องเล็ดลอดออกมา “ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก” เขาบ่นก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป
ทั้งห้องมีเพียงแค่แสงไฟจากโคมไฟดวงเล็กๆ บนโต๊ะทำงานเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ เคโตะฟุบหลับอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร ใบหน้าที่หลับใหลของเคโตะทำให้เคนอิจิเผลอยิ้มออกมา เขาเดินเข้าไปหวังจะปลุกแต่แล้วก็ชักมือกลับ เขาควรจะปล่อยให้ลูกชายได้พักผ่อนบ้าง เคนอิจิพับเก็บแฟ้มทั้งหมดแล้วเอาผ้ามาห่มให้ลูกชาย เขาปิดโคมไฟและเดินออกจากห้อง
เคโตะลืมตาขึ้นเมื่อเสียงประตูปิดลง ทุกสิ่งที่พ่อทำเมื่อสักครู่เขาควรขอบคุณ ใช่หรือเปล่านะ? เคโตะหยิบภาพที่เก็บไว้ในลิ้นชักขึ้นมา ภาพของแม่ใบเดียวที่ยังเหลืออยู่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงจิตใจเขาไว้ได้ ภาพครอบครัวที่เคยอบอุ่น มีเขา พ่อและแม่ แต่สิ่งเหล่านั้นก็หายไปพร้อมการเข้ามาของยูโตะและยูมิโกะ แม่ของเขาออกจากบ้านนี้ไปโดยไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย กับสิ่งที่คนเหล่านี้ทำ เขาจะให้อภัยได้ยังไง
ความคิดเห็น