คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
“เคนซัง” ยูมิโกะเรียกสามีเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“ว่าไง” เคนอิจิตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจนัก
“ทำไมคุณทำอย่างนั้นล่ะคะ เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเคโตะคุงเลย” น้ำเสียงยูมิโกะดูจริงจัง เคนอิจิขมวด แววตาของเคโตะที่มองเขาวันนี้มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและหวั่นใจ “ฉันอยากไปดูเคโตะคุงค่ะ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
ยูมิโกะรู้สึกโกรธสามีขึ้นมา “คุณก็เป็นซะอย่างนี้ คุณไม่สนใจความรู้สึกของเคโตะคุงบ้างหรือไงคะ”
เคนอิจิลุกขึ้นอย่างรำคาญ “มันเองก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของผมเหมือนกันน่ะแหละ ปล่อยไว้แบบนั้นบ้างก็ดี”
“เคนซัง!”
“เลิกพูดเถอะยูมิโกะ ผมจะนอนแล้ว” เคนอิจิล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจเธออีกต่อไป
ยูมิโกะถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ เธอลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง
ยูโตะค่อยๆ ย่องไปทางห้องของพี่ชาย เขาไม่อยากจะทำให้มันเกิดเสียงอะไรก็ตามที่จะทำให้คนในบ้านตื่น หลังจากที่เคนอิจิตบเคโตะวันนี้มันทำให้เขาอยากจะรู้ว่าพี่ชายเป็นยังไงบ้าง ไม่ว่าพี่ชายจะร้ายกับเขาแค่ไหนแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้และวันนี้ที่พูดกับยูมิโกะว่าเกลียดเคโตะนั้น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ควรพูดแบบนั้นออกไปเลย ถึงแม้เคโตะจะเกลียดเขาแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อาจทำใจให้เกลียดพี่ชายได้ เขาค่อยๆ ย่องมาที่ประตูแล้วเงี่ยหูฟัง
ยูโตะสะดุ้งเขาหันไปตามเสียงที่เรียกเขา “เปล่าครับคุณแม่ ผมก็แค่...” เขามองชามน้ำอุ่นที่อยู่ในมือแม่ “แล้วแม่มาทำไมครับ ทำไมต้องเอาน้ำอุ่นมาด้วย”
ยูมิโกะยิ้ม “แม่ก็มาด้วยเหตุผลเดียวกับลูกนั่นแหละ แม่มาดูเคโตะคุงเขา”
ยูโตะกอดอกแล้วหันไปทางอื่น “ผมไม่ได้มาดูเจ้านั่นซักหน่อย” ยูมิโกะอมยิ้มกับท่าทีดื้นด้านของลูกชาย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ายูโตะคิดอะไรอยู่ เธอเดินไปเปิดประตูห้องเคโตะแล้วเดินเข้าไป
ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามาบ้างพอให้เห็นสภาพในห้องได้ลางๆ เคโตะนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ยูมิโกะเดินเข้าไปใกล้ เธอวางชามน้ำอุ่นไว้แล้วเปิดโคมไฟบนหัวเตียงซึ่งทำให้ห้องสว่างขึ้นแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา
“เขาเป็นยังไงบ้างครับ” ยูโตะกระซิบถามหลังจากตามแม่เข้ามาข้างใน
ยูมิโกะบิดผ้าในชามหมาดๆ แล้วค่อยๆวางมันลงบนใบหน้าของเคโตะ ร่างที่นอนอยู่ขยับตัวเล็กน้อยเพราะสัมผัสที่มาโดนหน้า
ยูโตะเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงแล้วนั่งลง ในยามนี้ใบหน้าของพี่ชายนั้นดูสงบอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาสังเกตเห็นว่ารอยแดงบนหน้าของเคโตะยังคงอยู่เหมือนเดิม ยูโตะยื่นมือเข้าไปอยากจะลองสัมผัสรอยนั้นดูแต่กลับรู้สึกเขินจนตัดสินใจวางมือไว้ที่หมอนแทน แต่แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาจับหมอนนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจสมมุติฐานของตัวเอง เขาเงยหน้ามองยูมิโกะที่กำลังประคบใบหน้าเคโตะอยู่อย่างแผ่วเบา “แม่ครับ พี่เขาร้องไห้ด้วยล่ะ”
ยูมิโกะทำเหมือนไม่ได้สนใจ “ก็มันแน่อยู่แล้ว โดนพ่อตัวเองตบขนาดนั้นเป็นใครก็ต้องร้องไห้ทั้งนั้นแหละ”
โตะมองแม่ตัวเองอย่างสงสัย “แม่รู้ได้ไงครับ”
ยูมิโกะหัวเราะเบาๆ “ยูโตะน่ะไม่เคยโดนพ่อตีใช่มั้ยล่ะถึงไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง” เธอถอนหายใจ “น่าสงสารเคโตะคุงนะ”
ยูโตะรู้สึกน้อยใจขึ้นมา แม่ก็ห่วงแต่พี่น่ะแหละ “ไม่เห็นจะน่าสงสารตรงไหนเลย ก็สมควรแล้วนี่อยากทำตัวแบบนั้นเอง”
ยูมิโกะยิ้มให้ลูกชาย “เดี๋ยวนี้หัดแอบอิจฉาพี่นะเราน่ะ เมื่อเช้าโดนพี่ว่าให้ล่ะสิวันนี้ถึงได้อารมณ์เสียแบบนี้” ปกติแล้วยูโตะเป็นคนน่ารักและรักพี่ชายมาก แต่พอโดนเคโตะอารมณ์เสียใส่ก็มักจะโกรธพี่ชายจนต้องมาระบายให้แม่ฟังอยู่เสมอ
“ผมเปล่าซักหน่อย ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าอิจฉาเลยสักนิด แล้วผมก็ไม่ได้โดนพี่อารมณ์เสียใส่ด้วย”
ยูมิโกะอมยิ้มแล้วหันไปเปิดขวดยาเพื่อทาให้เคโตะ ตอนนี้ยูโตะสังเกตเห็นว่าใบหน้าที่เคยนอนอย่างสงบของเคโตะกลับขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด มือก็กำแน่นจนแขนเกร็งไปหมด ยูมิโกะปิดขวดยาที่ยังไม่ใช้แล้ววางที่เดิม เธอจับมือเคโตะไว้แต่มือนั่นก็กำแน่นซะจนแกะไม่ออก ยูโตะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาเข้าไปจับมืออีกข้างของพี่ชายแต่ผลที่ได้คือเหมือนเดิม เขามองหน้าแม่อย่างต้องการความช่วยเหลือ
“แม่ครับ เกิดอะไรขึ้น”
ยูมิโกะเองก็ตกใจไม่แพ้ลูกชาย “อาจจะฝันร้ายอยู่ก็ได้” เธอลูบศีระษะที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อของเคโตะอย่างอ่อนโยน เป็นเวลานานกว่าที่มือของเคโตะจะยอมคลายออก คิ้วที่ขมวดกันเป็นปมก็เริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติ ลมหายใจที่ติดขัดก็กลับมาคงที่ ยูโตะยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ยูโตะเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าลูกไม่ดีเลย”
ยูโตะพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ “เปล่าครับ ผมก็แค่ตกใจนิดหน่อย”
ยูมิโกะถอนหายใจ “ปกติเคโตะคุงก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าขนาดในฝันเขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา”
“แล้วแม่จะอยากรู้เรื่องของพี่ทำไมล่ะครับ เรื่องของเขาก็ปล่อยให้เขาจัดการไปสิ”
ยูมิโกะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอกกับความดื้นด้านของลูกชาย ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจนะ “อยู่บ้านเดียวกันถ้าไม่เห็นใจกันอยู่กันไปก็จะมีแต่ความทุกข์”
“แต่ผมไม่ได้อยากจะอยู่กับมันสักหน่อย”
“แล้วเราตามแม่เข้ามาทำไม ไม่ใช่เพราะห่วงเคโตะคุงหรอกเหรอ” ยูมิโกะมองลูกชายอย่างรู้ทัน
ยูโตะหลบตาแม่บังเกิดเกล้า ทำไมแม่ถึงทำเป็นรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาหมดเลยนะ เขาลุกขึ้นยืน “ผมง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่า”
ยูมิโกะหัวเราะกับปฏิกิริยาของลูกชาย เธอหันกลับมายังร่างที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อจ้องมองใบหน้านั้นความเสียใจก็เกาะกุมจิตใจเธออีกครั้ง ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เคโตะต้องพรากจากแม่ของเขา และความรู้สึกผิดนี้ก็ยังคงฝังตรึงในหัวใจของเธอตลอดมา ทุกครั้งที่เห็นเคโตะเธอจึงพยายามทำดีเพื่อชดใช้สิ่งที่ทำให้เขาต้องสูญเสีย แต่ทุกสิ่งมันก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่เคโตะขาดหายไปได้ “ฉันขอโทษนะเคโตะคุง”
เคนอิจิเดินลงมานั่งบนโต๊ะอาหารที่มีอาหารเช้าส่งกลิ่นหอมวางไว้รอให้เขาได้รับประทาน ยูโตะอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว สองพ่อลูกทักทายกันก่อนที่เคนอิจิจะเริ่มต้นกินอาหาร “เคโตะล่ะ” เขาถามหลังจากกินข้าวไปได้แค่คำเดียว
ยูมิโกะเดินมาวางอาหารสองชุดไว้บนโต๊ะสำหรับตัวเธอและเคโตะ แต่วันนี้ยังไม่เห็นเคโตะลงมาเลยทั้งๆ ที่ปกติเขาจะเป็นคนลงมากินอาหารเช้าเป็นคนแรก “เดี๋ยวฉันขึ้นไปดูเขาให้ค่ะ อาจจะยังไม่ตื่นก็ได้” ยูมิโกะถอดผ้ากันเปื้อนออก
“ไม่ต้องหรอก ไม่อยากกินก็ไม่ต้องลงมา” เคนอิจิกินข้าวต่อไปโดยทำเป็นไม่สนใจเคโตะทั้งๆ ที่ในใจกลับห่วงลูกชายเต็มกำลัง สองแม่ลูกสบตากันโดยไม่พูดอะไร ยูมิโกะนั่งลงกินอาหารเช้ากับสามีและลูกชายต่อไป เธอเก็บจานไปล้างหลังจากทุกคนกินเสร็จแต่ถึงกระนั้นเคโตะก็ยังไม่ลงมา
“ผมไปทำงานแล้วนะครับ” ยูโตะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ยูมิโกะมองสามีที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์โดยทำเป็นไม่สนใจสิ่งใด เธอส่ายหน้าน้อยๆ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสามีเป็นห่วงลูกชายคนโตแค่ไหน แต่ทำไมนะ สองพ่อลูกนี้ถึงได้นิสัยเหมือนกันเสียจริงๆ ทั้งหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ “ถ้าห่วงก็ขึ้นไปดูสิคะเคนซัง” เธอพูดขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพัง แต่เคนอิจิยังนิ่งเฉยอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป ยูมิโกะมองสามีอย่างเหนื่อยใจ เธอหยิบถาดอาหารเช้าแล้วเดินขึ้นข้างบน
“นั่นเธอจะไปไหน” เคนอิจิถาม
“ฉันจะเอาอาหารเช้าไปให้เคโตะคุงน่ะค่ะ คุณคงไม่ห้ามฉันใช่มั้ย” ยูมิโกะไม่ได้สนใจสามีอีกต่อไปว่าเขาจะพูดอะไร เธอเดินตรงไปยังห้องของลูกเลี้ยงพร้อมอาหารเช้าในมือ
เคโตะตื่นขึ้นมาพร้อมความหนักอึ้งในหัวสมอง เขาค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นรู้สึกถึงร่างกายที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจก็ร้อนผิดปกติ เขารู้สึกกระหายน้ำและเจ็บคอจนแทบจะส่งเสียงออกมาไม่ได้ เคโตะลุกขึ้นยืนแต่หน้ากลับมืดขึ้นมาจนต้องยืนพิงกำแพงไว้ เขาหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยอย่างน้อยก็ช่วยให้อาการเจ็บคอของเขาทุเลาลงบ้าง
เคโตะเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้น เขากลับไปนอนเหมือนเดิมเพราะรู้สึกปวดหัวและเหนื่อยล้าจนเดินต่อไปไม่ไหว
เสียงเคาะประตูดังขึ้น “เคโตะคุง ฉันเข้าไปได้มั้ย” เคโตะไม่ได้ตอบเธอ ยูมิโกะเปิดประตูเข้ามาในห้อง การที่เห็นเคโตะยังนอนอยู่นับเป็นเรื่องผิดปกติ เธอวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ “ฉันเอาอาหารเช้ามาให้นะเคโตะคุง” แต่เคโตะก็ไม่ได้ตอบเธออีก เขานอนหันหลังให้เพื่อที่เธอจะได้ไม่เห็นใบหน้าซีดเซียวของเขาวันนี้
“วางไว้ตรงนั้นแหละ ขอบคุณครับ” ประโยคหลังเคโตะพูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน
ยูมิโกะยิ้ม เธอกำลังจะเดินออกไปแต่แล้วก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอเดินกลับไปยังเตียงของเคโตะ “เคโตะคุงไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เคโตะไอออกมาสองสามครั้งแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถือดีกับแม่เลี้ยง “ผมไม่เป็นไร ออกไปได้แล้ว”
ยูมิโกะจับน้ำเสียงที่แหบแห้งผิดปกตินั้นได้ “ถ้าไม่สบายทำไมไม่บอกฉันล่ะ อย่าฝืนร่างกายตัวเองสิ”
“คุณเป็นแม่ผมหรือไง”
แค่ประโยคเดียวจากเคโตะก็ทำให้ยูมิโกะต้องนิ่งเงียบ เธอกำลังจะเดินออกจากห้องแต่ก็อดห่วงลูกเลี้ยงไม่ได้ เธอลังเลอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เธอหยิบถาดอาหารเช้าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง “ตื่นขึ้นมากินข้าวเถอะนะเคโตะคุงแล้วจะได้กินยา ไม่งั้นอาจจะเป็นหนักกว่านี้ก็ได้”
เคโตะลุกขึ้นมองเธออย่างรำคาญ ชั่วขณะนั้นที่ความปวดเมื่อยได้แล่นไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วแต่เคโตะก็ยังคงฝืนไว้ “ผมบอกว่าผมจะนอนไง อย่ารบกวนผมได้มั้ย”
“แต่ฉันเป็นห่วงเคโตะคุงนะ”
“แม้แต่พ่อยังไม่ห่วงผมเลย คุณเป็นใครถึงได้มาล้ำเส้นแบบนี้”
ยูมิโกะรู้สึกเสียใจกับคำพูดนั้นแต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ในเมื่อสิ่งที่เคโตะพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง เธอเป็นใครถึงได้กล้าห่วงเขา ยูมิโกะถอนหายใจ เธอหยิบถาดอาหารขึ้น “แต่หน้าที่ของฉันคือต้องดูแลเคโตะคุงให้ดีที่สุด ถ้าไม่ให้ฉันห่วง เธอก็ต้องห่วงตัวเองบ้าง กินข้าวนะ”
เคโตะปัดมือเธออกอย่างรำคาญจนทำให้ถาดอาหารหล่นกระจายบนพื้น “บอกว่าไม่กินไง!”
“เคโตะ!” เสียงของเคนอิจิดังขึ้นที่หน้าห้อง หลังจากเห็นว่ายูมิโกะขึ้นไปห้องเคโตะนานแล้วเขาจึงขึ้นมาดูเผื่อว่าเคโตะจะเป็นอะไรอย่างที่ภรรยาว่า แต่เขากลับเห็นปฏิกิริยาก้าวร้าวที่เคโตะทำกับแม่เลี้ยงทำให้เขารู้สึกโกรธลูกชายคนนี้ขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันชักจะทนแกไม่ไหวแล้ว!” เขาเข้าไปกระชากแขนลูกชายเพื่อต่อว่าแต่สิ่งที่พบกลับเป็นการที่เคโตะไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขา อุณหภูมิในตัวก็ร้อนแบบผิดปกติแต่ถึงกระนั้นสายตาที่เคโตะมองเขาก็ยังคงนิ่ง
“ผมทำให้เมียพ่อต้องเสียใจอีกแล้ว เอาสิ จะตีผมอีกกี่ครั้งก็เชิญเลย ผมสู้พ่อไม่ได้แล้วนี่” เคโตะยิ้มให้พ่ออย่างท้าทาย
เคนอิจิกำแขนเคโตะแน่น “ป่วยจะตายอยู่แล้วยังทำมาเป็นอวดดีอีก!”
เคโตะหัวเราะ “งั้นก็ปล่อยให้ผมตายสิ ผมมันก็แค่ส่วนเกินไม่ใช่หรือไง”
เคนอิจิจ้องหน้าลูกชายนิ่ง เขาปล่อยมือเคโตะแล้วหันไปคว้าแขนของภรรยา “ออกไปเถอะยูมิโกะ ถ้าไม่อยากให้ดูแล คุณก็ไม่ต้องดูแล ถ้าอยากอยู่คนเดียวก็ให้อยู่ไป”
ยูมิโกะพยายามห้าม “แต่ว่า....”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” เคนอิจิลากภรรยาออกไปจากห้อง
เคโตะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกแน่นที่หน้าอกก่อนที่น้ำตาที่กลั้นไว้จะไหลออกมา เขาปัดมันออกไปอย่างรำคาญ อยากจะร้องไห้แต่ก็รู้สึกว่านี่มันช่างอ่อนแอเหลือเกิน ตัวเขาในเวลานี้ไม่สามารถต้านทานแม้แต่อารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองได้ เขาปิดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไป ทำไมเขาถึงได้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างนี้นะ
“เคนซังคะ เคนซัง ปล่อยมือฉันเธอนะคะ” ยูมิโกะพยายามแกะมือของสามีออกจากแขนของเธอ เคนอิจิลากภรรยาลงมาข้างล่างก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เธอมองสามีอย่างเสียใจ “เคโตะคุงไม่สบายอยู่นะคะ ทำไมคุณทำแบบนี้”
เคนอิจินั่งลงบนโซฟาอย่างรำคาญใจ “คุณไม่ต้องไปดูแลมันแล้ว มันอยากจะทำอะไรก็ตามใจมัน”
ยูมิโกะนั่งลงข้างๆ สามี เธอพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ “อย่าทำอย่างนี้เลยนะคะเคนซัง เคโตะคุงต้องการคุณ”
เคนอิจิหัวเราะ “อย่าพูดปลอบผมเลยยูมิโกะ มันไม่ได้ต้องการผมหรอก มันไม่อยากจะเห็นหน้าผมด้วยซ้ำ!” เขาพูดเสียงดังด้วยความโมโห “ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปดูแลมันอีกแล้ว”
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณบอกฉันเสมอว่าให้ดูแลยูโตะให้ดีแต่ทำไมกับเคโตะคุงคุณถึงได้ปล่อยปละละเลยเขาแบบนี้ ถ้าคุณทำแบบนี้มันก็ไม่ผิดหรอกที่เขาจะบอกว่าคุณรักลูกไม่เท่ากัน”
“ยูมิโกะ” น้ำเสียงเคนอิจิดูอ่อนลง
“ถึงยังไงก็ปล่อยให้เคโตะคุงอยู่คนเดียวไม่ได้” เธอยืนยันคำพูดตัวเองหนักแน่น
“แต่คนที่จะดูแลเคโตะต้องไม่ใช่คุณ หน้าที่ของคุณคือดูแลยูโตะให้ดีก็พอแล้ว ส่วนเรื่องของเคโตะ มันโตแล้วคงดูแลตัวเองได้”
ยูมิโกะมองหน้าสามีอย่างอ่อนใจ “แต่เคนซังคะ คุณก็รู้ว่าเคโตะคุงต้องการที่พึ่งแค่ไหน และอีกอย่างเราอยู่บ้านเดียวกันจะให้ฉันนิ่งดูดายเขาได้ยังไง” เธอเงียบไปเพื่อดูปฏิกิริยาจากสามี “เขาเป็นลูกของคุณนะคะ”
คำพูดของยูมิโกะทำให้เคนอิจิใจเย็นลงบ้าง เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ผมขอโทษ ผมคงใจร้อนไปหน่อย”
ยูมิโกะจับมือสามีเพื่อให้กำลังใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ เคโตะคุงอาจจะแค่เครียดนิดหน่อย ได้พักผ่อนบ้างก็ดีเหมือนกัน”
เคนอิจิพยักหน้า “ขอบคุณยูมิโกะ”
ยูมิโกะยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปดูเขาหน่อยนะคะ” เธอว่าแล้วก็เดินขึ้นไป
ความคิดของเคนอิจิวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่จบไม่สิ้น ถ้าคุณอยู่ลูกก็คงไม่เป็นแบบนี้ใช่มั้ยคัทสึเอะ
----------------------------------------------------
ต่อไปนี้อาจจะอัพช้าหน่อยนะคะ ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
แต่จะหาเวลามาอัพบ่อยๆ นะ ไม่ปล่อยให้รอนานแน่นอนค่ะ ^___^
ความคิดเห็น