คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 ความทรงจำวันซากุระโปรย (End)
“ผมจะกลับไปครับคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรักคุณแม่นะครับ” เคโตะวางหูโทรศัพท์ลงหลังจากที่คุยธุระเสร็จแล้ว ใบหน้าซีดเผือดปรากฏรอยยิ้มขึ้นเพียงลางเลือน ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณโอคาโมโตะ ไหวหรือเปล่าครับ คุณน่าจะกลับไปโรงพยาบาล ไม่น่าจะมา....”
“ไม่เป็นไรหรอก” เคโตะตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ร่าเริง “ผมอยากจะทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก”
“แต่คุณควรจะพักผ่อน”
เคโตะยกมือห้ามแล้วพยายามยิ้มให้ด้วยเรี่ยวแรงที่มี “ไม่เป็นไร แค่นี้ผมไหวครับ”
“แต่ว่า...”
“คุณจิเน็นครับ” เคโตะเอ่ยชื่อทีมงานคนนั้น “ไปทำงานของคุณต่อเถอะครับทางนี้ผมจะจัดการเอง ผมรับรองว่าจะทำให้ละครเวทีรอบนี้จบอย่างราบรื่นแน่นอน”
“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกนะครับ แต่คุณ....” ยูริชะงักคำพูดของตัวเองไป เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าแววตาของเคโตะยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเขาคงไม่มีทางที่ยูริจะห้ามได้ “อย่าหักโหมนะครับ เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปส่งโรงพยาบาลทันที เข้าใจตามนี้นะครับ”
เคโตะพยักหน้าแล้วยิ้มให้อย่างสำนึกบุญคุณ “ขอบคุณครับคุณจิเน็น”
เคโตะนั่งรอเวลาสำหรับคิวของเขาด้วยความเหนื่อยล้าจากอาการป่วย เขาหลับตาลงพยายามสัมผัสถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ มันยังเต้นอยู่แม้นั่นจะทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม เคโตะพยายามรักษาระดับการหายใจของตนเองเพื่อไม่ให้อาการตื่นเต้นทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ เขาจำเป็นต้องรักษาหัวใจดวงนี้เอาไว้ให้ดีที่สุดเพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเรียวสุเกะ นี่เป็นโอกาสที่ยังเหลืออยู่
เคโตะหยิบเพลงที่แต่งเสร็จแล้วขึ้นมา สายตามองไล่ตามตัวโน้ตแต่ละตัว เสียงเพลงดังขึ้นมาในความนึกคิด แม้จะไม่ได้มีเครื่องดนตรีอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็สามารถจินตนาการเวลาที่เขาเล่นเพลงนี้ได้ เขาหวังว่าจะทำให้ทุกคนประทับใจกับละครเวทีเรื่องนี้ และเขาหวังว่าเพลงของเขาจะเข้าไปให้หัวใจของผู้ชมได้ รวมทั้งคนพิเศษคนนั้นด้วย
ทีมงานเดินมาบอกว่าถึงเวลาของเขาแล้ว เคโตะพยักหน้ารับ เขาเดินไปยังเปียโนข้างเวทีแล้ววางกระดาษแผ่นนั้นบนแท่นวาง เขาชื่นชมการแสดงของนักแสดงบนเวที และหลังจากที่นางเอกของเรื่องลอยหายขึ้นไปด้านบนก็เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาของเขาแล้ว
เคโตะสูดหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อให้ใจสงบลง สร้างความรู้สึกกับตัวโน้ตตรงหน้า วางนิ้วลงบนคีย์เปียโน และกดไล่ไปอย่างราบรื่นโดยที่ไม่ได้มองตัวโน้ตเลยด้วยซ้ำ เสียงดนตรียังคงดังก้องอยู่ในหัวใจ ความรู้สึกเองก็ยังตราตรึงในหัวใจ มือที่กดลงไปเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อหัวใจของเขาเท่านั้น
เคโตะปล่อยอารมณ์ให้ลื่นไหลไปกับบทเพลง ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดของเขาไปยังผู้ชมด้านล่างผ่านดนตรีที่เขาเล่น เพราะต้องซ่อนตัวอยู่หลังม่านทำให้เขามองไม่เห็นผู้คนเหล่านั้น แต่เขาก็ยังได้ยินเสียง ยังสัมผัสความรู้สึกของทุกคนได้ หัวใจที่รู้ตัวว่ากำลังจะตายมีพลังมหาศาลขนาดนี้เชียวหรือ เคโตะไล่นิ้วเรื่อยไปจนกระทั่งถึงตัวโน้ตตัวสุดท้าย เขาเงยหน้าขึ้นมองผ่านม่านไปยังผู้ชม เสียงปรบมือจากที่นั่งผู้ชมดังกึกก้องนั่นทำให้เขารู้สึกปลื้มใจ เรียวสุเกะจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาส่งผ่านไปในบทเพลงนี้หรือเปล่านะ
เคโตะนั่งปรับระดับลมหายใจของตัวเองให้คงที่หลังจากที่เพลงจบแต่เขากลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก เสียงปรบมือยังคงดังอยู่ เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นแผ่วลงกว่าปกตินั่นทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก เคโตะพยายามทรงตัวยืนด้วยเรี่ยวแรงที่มี แต่ทุกสิ่งที่มองเห็นผ่านดวงตาก็มืดลงฉับพลัน เคโตะแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำยามเมื่อเขาทรุดฮวบลงไปนอนกับพื้น เขามองไม่เห็นอะไรและลมหายใจก็ติดขัดแสนทรมาน เขารู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งประคองเขาขึ้นไว้ในอ้อมแขนแล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย อบอุ่นและมีพลัง
“คุณโอคาโมโตะ ทำใจดีๆไว้นะครับ สูดหายใจเข้าลึกๆ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร”
เคโตะยิ้ม รู้สึกขอบคุณที่ยังสามารถได้ยินเสียงนั้นได้ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยของเขาหรืออย่างไรที่ทำให้เคโตะได้ยินเสียงของยูริกลายเป็นเสียงของเรียวสุเกะไปซะได้ “ยามะจัง” เขาเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ยูรินิ่งเงียบ ไม่ว่าเคโตะจะพูดอะไรเขาจะเป็นคนรับฟังเอง เพื่อที่จะบอกคำนั้นแก่บุคคลที่เคโตะคิดถึงมาตลอด เพื่อให้คำพูดที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเคโตะจะได้ไม่สูญเปล่า เขาจะเป็นคนเก็บรักษามันไว้เอง
เคโตะหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก เขาจับมือยูริไว้แน่น รู้สึกทรมานแทบขาดใจ “ยกโทษให้ผมนะครับยามะจัง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แม้ว่าผมจะอยู่ดูแลคุณตลอดไปไม่ได้ แต่ผมก็รักคุณ ..... ผมรักคุณนะครับ”
ยูริใจหายวาบเมื่อเห็นเปลือกตาของเคโตะค่อยๆปิดลงแต่ถึงอย่างนั้นริมฝีปากของเคโตะก็ยังคงมีรอยยิ้มจางๆปรากฏให้เห็น “คุณโอคาโมโตะครับ!” ยูริเรียกเสียงดัง “อย่าเพิ่งหลับนะครับ! คุณจะไปอย่างนี้ไม่ได้นะ! ตื่นสิครับ!”
เรียวสุเกะวิ่งลงไปจากที่นั่งผู้ชมไปยังหลังเวที เข้าเบียดเสียดผู้คนที่กำลังพากันเดินออกจากโรงละคร เสียงของยูโตะยังดังก้องอยู่ในหัวราวกับคำตัดสินอันโหดร้ายของพญามัจจุราช
..... เคโตะป่วยหนักมาก เขาอาจจะไม่รอดก็ได้ นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เขาบอกเลิกกับนาย .....
น้ำตาของเรียวสุเกะไหลพราก ภาวนาหวังให้ตัวเองเดินให้เร็วกว่านี้ เขาอยากเจอเคโตะก่อนที่มันจะสายเกินไป
..... วันนี้เจ้านั่นก็มาที่นี่ด้วย บัตรรอบนี้เขาเป็นคนให้ฉันมาเอง ทั้งๆที่เขาต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจวันนี้แล้วแท้ๆ เขาคงกลัวว่าจะไม่มีโอกาสทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายก็ได้ เพราะการผ่าตัดมันเสี่ยงมาก .....
เรียวสุเกะเดินผ่านเหล่านักแสดงและทีมงานไปยังข้างเวทีด้วยความรีบร้อนจนแขนไปชนเข้ากับตู้ที่ทีมงานตั้งไว้เกิดแผลลึก เขาสบถที่ตัวเองสะเพร่า เรียวสุเกะยังคงเดินไปตามทางเดินทิ้งรอยเลือดไว้เป็นจุดๆจากบาดแผลของตัวเอง อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น เรียวสุเกะภาวนาให้ตัวเองเดินได้เร็วกว่านี้ ขอให้เคโตะอย่าเพิ่งกลับเลยนะ
“คุณยามาดะ เรียวสุเกะใช่มั้ยครับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เรียวสุเกะจะเดินไปถึงข้างเวที เขาหันไปสบตากับชายร่างเล็กคนนั้น “ครับผมเอง”
“เลือดคุณออกมาก ทำแผลก่อนดีกว่านะครับ” ยูริบอกด้วยความหวังดี
“เคโตะอยู่ที่ไหนครับ” เรียวสุเกะถาม น้ำเสียงร้อนรนไม่ปิดบัง “ผมอยากเจอเขา เขายังอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ยูริยิ้มเล็กน้อยแต่สีหน้าเศร้าสร้อยจนเรียวสุเกะสังเกตได้ “คุณโอคาโมโตะถูกส่งตัวกลับโรงพยาบาลไปแล้วครับ”
เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบลง “เป็นไปได้ยังไง ก็เมื่อกี้เขายัง...”
“อาการเขาทรุดลงกะทันหันครับ” ยูริบอกด้วยน้ำเสียงสงบ “ก่อนที่เขาจะหมดสติไป เขาอาจจะนึกว่าผมเป็นคุณก็ได้ เขาก็เลยพูดออกมาแบบนั้น”
เรียวสุเกะกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นเต็มดวงตา โกรธตัวเองที่มาช้าไป “เขาพูดอะไรเหรอครับ”
“เขาบอกว่าเขารักคุณ และอยากให้คุณยกโทษให้เขาที่อยู่ดูแลคุณตลอดไปไม่ได้” ยูริยิ้มเศร้าเมื่อสบตากับเรียวสุเกะ “ผมไม่รู้หรอกว่าการผ่าตัดจะสำเร็จหรือเปล่าแต่ผมเชื่อว่าเขาคงจะรอคุณอยู่ หวังว่าคุณจะไปหาเขาทันนะครับ เพราะดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว โอกาสมีน้อยเหลือเกิน”
เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนขาถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น รู้สึกโกรธยูริขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ที่เจ้าตัวพูดแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง นี่มันวันเกิดของเขานะ เคโตะจะตายในวันเกิดของตัวเองไม่ได้! “โกหก!” เขาตะโกนราวกับเป็นการปลอบตัวเอง รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับใจจะขาดอยู่รอนๆ “เขาจะต้องไม่ตาย เขาจะต้องปลอดภัย!”
-----------------------------------------------------------------------------
..... ว่าด้วยเรื่องของดอกซากุระ …..
ในความจริงนั้น นอกจากจะเปรียบซากุระว่าหมายถึงการเริ่มต้นแล้ว ซากุระยังเปรียบได้กับช่วงชีวิตอันแสนสั้นของคนเราที่ทั้งสวยงาม เปราะบาง และร่วงหล่นจากต้นได้ง่ายๆ ซากุระเป็นทั้งสัญลักษณ์ของการเกิดและความไม่ยั่งยืน ทั้งๆที่เป็นดอกไม้ที่งดงามมากขนาดนั้น แต่กลับต้องโรยราในระยะเวลาอันแสนสั้น นั่นแหละทำให้ซากุระกลายเป็นดอกไม้ที่มีค่ายิ่งกว่าดอกไม้อื่นใด
การใช้ชีวิตแบบซากุระ คือการผลิบานออกมาอย่างงดงามให้สมกับการรอคอย ดำรงชีวิตราวกับซากุระบนต้น และร่วงหล่นลงไป เหลือไว้ให้เหมือนความทรงจำที่มีต่อซากุระ ดอกไม้ที่มีค่าคือดอกไม้ที่ไม่เกรงกลัวต่อการร่วงหล่น ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ไม่เกรงกลัวต่อความไม่ยั่งยืน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรการเปลี่ยนแปลงจะมาถึง ก็เพราะไม่รู้นั่นแหละ พอมันเกิดขึ้นจริงๆถึงได้รู้สึกเสียใจ แต่ถึงจะรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ก็รับปากไม่ได้หรอกว่าจะทำให้ความเสียใจลดลง มนุษย์นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากเสียจริงๆ
-----------------------------------------------------------------------------
1 ปีต่อมา
วันที่ 1 เมษายน เวลา 10:20 น.
ซากุระโปรยปรายท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสดชื่นแจ่มใส ต้นเดือนเมษายนเวียนวนมาอีกครั้ง ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอันเปรียบเสมือนการเริ่มชีวิตใหม่ เริ่มต้นทำในสิ่งใหม่ๆ ทิ้งความเจ็บช้ำในอดีตให้กลายเป็นเพียงบทเรียนอันล้ำค่า
เรียวสุเกะในชุดยูกาตะสีขาวลายดอกซากุระก้มลงกราบพระพุทธรูปในวัดตามธรรมเนียมปฏิบัติ เขาหลับตาลง อธิฐานขอพรในใจ วัดในแถบชนบทที่บรรยากาศสงบเงียบทำให้จิตเขานิ่งและรู้สึกสงบราวกับน้ำนิ่งในบ่อน้ำ เรียวสุเกะค่อยๆลืมตาขึ้น เขากราบพระพุทธรูปอีกครั้งแล้วเดินออกจากที่ประดิษฐานพระพุทธรูปใหญ่ไปสู่บริเวณลานโล่งของวัด
สายลมพัดพากลีบซากุระสีขาวเปราะบางผ่านตัวเขา กลีบเล็กๆนั้นสัมผัสกับแก้มของเขาอย่างอ่อนโยนราวกับสัมผัสของคนรัก เรียวสุเกะยิ้ม สัมผัสที่ติดตรึงในใจทำให้ภาพของเคโตะปรากฏชัดในความรู้สึก วันนี้เป็นวันเกิดของเคโตะ เรียวสุเกะอยากจะขอพรให้เคโตะมีความสุข อยากให้เคโตะมีรอยยิ้มที่สดใสแบบนี้ตลอดไป
เรียวสุเกะเดินตรงไปยังม้านั่งใต้ต้นซากุระใหญ่ในบริเวณวัด เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ดอกซากุระบนต้นสะท้อนแสงแดดอ่อนโยน เสียงธารน้ำไหลจากสวนเซนใกล้ๆยิ่งทำให้ธรรมชาติตรงหน้าฟังดูคล้ายเสียงขลุ่ยจากเทพเจ้าผู้คุ้มครอง
“ทำอะไรอยู่เหรอครับยามะจัง”
เรียวสุเกะละสายตาจากภาพตรงหน้าหันไปมองทางต้นเสียงที่เอ่ยทัก “ดอกซากุระสวยจัง” เขาพูดแล้วยิ้มให้กับคนรักที่อยู่ในชุดยูกาตะสีน้ำเงินลายเมฆขาว
“ใช่ครับ สวยเหมือนคุณเลย” เคโตะพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขานั่งลงเคียงข้างคนรัก
“ปากหวานจังนะ” เรียวสุเกะหัวเราะ “ฉันดีใจที่นายมีความสุขนะเคโตะ ขอบคุณที่วันนั้นการผ่าตัดสำเร็จได้ด้วยดี”
เคโตะวางมือขวาทาบทับไว้บริเวณหัวใจของตัวเอง “ผมรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลยล่ะ” เขายิ้ม เคโตะวางมือลงแล้วหันไปสบตากับคนรัก “หัวใจดวงใหม่ทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าวันเกิดของผมมีสิ่งสวยงามมากขนาดนี้ ทั้งดอกซากุระ รวมทั้งคุณด้วยครับยามะจัง”
เรียวสุเกะยิ้มแล้วหลบสายตาคนรักอย่างเขินอาย สายลมอันหนาวเย็นพัดมาวูบหนึ่ง โปรยกลีบซากุระที่ถึงเวลาหลุดร่วง ลอยละลิ่วลงไปยังบริเวณโดยรอบ เคโตะเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเรียวสุเกะไว้
“ซากุระ จะมีค่าและงดงามที่สุดก็ตอนที่มันกำลังร่วง” เคโตะพูดขึ้น
เรียวสุเกะหันไปสบตากับคนรักแล้วยิ้มให้ “ไม่หรอกเคโตะ ซากุระยังไงก็คือซากุระ แม้จะเป็นตอนที่ผลิบาน ตอนที่มันยังอยู่บนต้น หรือแม้แต่ตอนที่มันร่วงหล่น ไม่ว่าเวลาไหนซากุระก็มีค่าและงดงามที่สุดในสภาวะของมัน”
เคโตะหัวเราะกับคำพูดยาวเฟื้อยของเรียวสุเกะ “คุณนี่พูดเหมือนกับนักปราชญ์มากขึ้นทุกวันเลยนะ”
เรียวสุเกะร่วมหัวเราะไปด้วยสีหน้าอิ่มสุข “ฉันถือว่านั่นเป็นคำชมนะเคโตะ”
“วันนี้วันเกิดผมนะครับยามะจัง” เคโตะพูดขึ้น
“ก็ใช่ แล้วทำไมล่ะ อยากให้ฉันอวยพรวันเกิดให้หรือไง”
เคโตะส่ายหน้า “เปล่าหรอกครับ แต่วันนี้วันเกิดของผม ผมมีอะไรจะให้คุณด้วยล่ะ”
“นี่ พูดอะไรผิดหรือเปล่า วันเกิดของนาย ฉันก็ต้องเป็นคนให้ของขวัญสิ”
“ไม่มีใครตั้งกฎไว้นี่ว่าเจ้าของวันเกิดจะให้ของขวัญคนอื่นไม่ได้” เคโตะพูดแล้วหยิบกล่องของขวัญใบเล็กๆใบหนึ่งออกมาจากยูกาตะ ไม่รู้ว่าเขาซ่อนมันไปได้ยังไง เขายื่นให้เรียวสุเกะ “ของขวัญจากเจ้าของวันเกิดครับยามะจัง”
เรียวสุเกะอมยิ้มกับเซอร์ไพรส์น่ารักของเคโตะ เขารับของขวัญนั้นมาแล้วแกะห่อออกอย่างประณีต
เรียวสุเกะวางเปียโนจำลองขนาดเท่าฝ่ามือไว้บนโต๊ะแล้วหันไปสบตากับคนรัก “สวยจัง ขอบคุณมากนะเคโตะ”
เคโตะยิ้ม “ผมดีใจที่คุณชอบนะครับยามะจัง”
เรียวสุเกะสังเกตเปียโนจำลองอย่างละเอียดถี่ถ้วน “มีโน้ตเพลงด้วยเหรอ นี่มันเพลง...” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนรักอีกครั้งแล้วยิ้มให้ด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง “ขอบคุณนะ”
เคโตะไม่พูดอะไร เขาหยิบเปียโนจำลองนั้นขึ้นมาแล้วหมุนไปสองสามรอบก่อนจะวางกลับไปที่เดิม เปียโนเริ่มหมุนอย่างช้าๆพร้อมเพลง ‘ความทรงจำวันซากุระโปรย’ ดังออกมาจากเปียโนจำลองตัวนั้น แท้จริงแล้วเปียโนจำลองเป็นกล่องดนตรีที่ทำขึ้นแบบพิเศษสำหรับคนพิเศษ “ผมตั้งใจจะมอบเพลงนี้ให้กับคุณ เพราะคุณคือคนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม คุณเป็นดอกซากุระที่มีค่าของผมนะครับ”
“แต่ว่า... มันเป็นเพลงเศร้านะ”
เคโตะส่ายหน้า “เปล่าหรอกครับมันไม่ใช่เพลงเศร้า ซากุระเป็นตัวแทนของความรักที่เป็นอมตะ เมื่อเราเจอกับคนที่เรารักก็เป็นเหมือนเวลาที่ดอกซากุระผลิบาน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีชมพูและสวยงามไปหมด จนเมื่อถึงวันที่ซากุระร่วงหล่น แม้ไม่ได้พบเห็นหรือสัมผัสแตะต้อง แต่เราก็ยังระลึกอยู่เสมอว่าซากุระมันสวยงาม ก็เหมือนกับความรัก ที่ถึงแม้จะเป็นวันที่เราเจอกัน อยู่ด้วยกัน หรือไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม ความรักก็จะไม่เปลี่ยนแปลง นี่ต่างหากคือความหมายของบทเพลง”
เรียวสุเกะหัวเราะเล็กน้อยเพื่อซ่อนความอายของตัวเอง “โรแมนติกนะ” เขาหันไปสบตากับเคโตะแล้วยิ้มให้ด้วยความรักจากหัวใจ “สุขสันต์วันเกิดนะเคโตะ นายจะเป็นซากุระในหัวใจของฉันตลอดไป”
เคโตะยิ้ม เขาหยิบดอกซากุระดอกหนึ่งขึ้นไปปักไว้บนผมของเรียวสุเกะแล้วก้มลงจูบหน้าผากของคนรักอย่างอ่อนโยน “ในวันเกิดของผมปีนี้ผมได้ของขวัญที่มีค่าที่สุดแล้วล่ะ ดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในโลกอยู่ตรงหน้าผมแล้วนี่ไง”
------------------------------------------------------------ The End ------------------------------------------------------------
1 เมษายน 2013 สุขสันต์วันเกิดอายุครบ 20 ปีนะคะเคโตะคุง ในที่สุดก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว
ขอให้พยายามในสิ่งที่ทำต่อไปให้เต็มที่และมีรอยยิ้มสดใสแบบนี้อยู่เสมอ
คุณเองก็จะเป็นซากุระในใจของพวกเราตลอดไปเหมือนกัน ^__^
ความคิดเห็น