ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [HSJ-OkaYama] คุณหนูสตรอว์เบอร์รี่ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 55


     ตอนที่ 9

    ยูโตะนั่งรอยูริในร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างกระวนกระวายใจ  วันนี้เขาตั้งใจจะมายกเลิกข้อสัญญาทั้งหมด  แม้จะดึกมากแล้วแต่เขาทนเห็นคุณหนูของเขาร้องไห้อีกไม่ได้

    มีเสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นเมื่อยูริเปิดประตูเข้ามาในร้าน  เขาเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามยูโตะ  ยูโตะอึดอัดไม่รู้จะพูดอย่างไรดี  ยูริรำคาญกับท่าทีแบบนั้น  “มีอะไรก็รีบๆ พูดมาสิฉันไม่มีเวลามากหรอกนะ”

    ยูโตะสูดลมหายใจเข้าเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง  “ผมมาพูดเรื่องข้อตกลงของเรา”  ยูริจ้องหน้ายูโตะ  “ผมอยากจะยกเลิกมัน  ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับแฟนของคุณหนูตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”

    ห้ะ  นี่เขาพูดอะไรน่ะ  “ข้อตกลงที่พูดไปแล้วจะคืนคำง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง”

    แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองผิดเต็มประตูแต่เพื่อคุณหนูแล้วเขาย่อมทำได้  “สองคนนั้นเขารักกัน  ผมทนเห็นคุณหนูร้องไห้ต่อไปอีกไม่ได้”

    ยูริขมวดคิ้ว  “แล้วฉันล่ะ?”

    “คุณก็ไปหาแฟนใหม่”

    ยูริลุกขึ้นยืน  “พูดแบบนี้หมายความว่าไง  แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ”  เขาพูดเสียงดังจนคนในร้านเริ่มหันมามอง  ยูโตะพยายามบอกให้ยูรินั่งลงเหมือนเดิมแต่ดูเหมือนยูริจะของขึ้นซะแล้ว  “จำไว้นะนากาจิม่า  ยูโตะ  นายไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน!”  ยูริเดินออกจากร้านทันที  ยูโตะวิ่งตามออกไปแล้วคว้าข้อมือคนตัวเล็กไว้

    “เดี๋ยวสิ  หมายความว่ายังไงที่ว่าห้ามไม่ได้”

    ยูริยิ้มเจ้าเล่ห์  “ฉันรักเคโตะ  และฉันจะไม่ยอมเสียเขาไปให้คนอื่นเด็ดขาด  แม้แต่ยัยคุณหนูของนายก็ตาม   โอ๊ย!!”  ยูริร้องเมื่อมือของยูโตะบีบข้อมือเขาแน่นขึ้น  “ปล่อยนะ!

    แต่ยูโตะไม่ปล่อย  เขาจ้องคนตัวเล็กไม่วางตา  “ผมจะไม่ยอมปล่อยคนที่ทำให้คุณหนูของผมต้องร้องไห้ แม้แต่คุณก็ตาม  ผมจะขวางคุณเอง”  ยูโตะวางมือยูริลงแล้วเดินจากไป

    ยูริกุมข้อมือเล็กที่แดงเป็นรอยมือแล้วมองตามหลังยูโตะที่เดินไป  “ไม่มีใครขวางฉันได้หรอก!”  เขาตะโกนไล่หลัง

     

    เป็นเช้าที่ไม่ค่อยดีอีกวันของเรียวสุเกะ  เมื่อวานนี้เขาร้องไห้จนตาบวม  เขาบอกยูโตะว่าวันนี้ไม่สบายขอหยุดหนึ่งวัน  เรียวสุเกะนอนคลุมโปงในห้อง  เสียงประตูเปิดออกกลิ่นข้าวต้มหอมฉุยลอยเข้ามากระทบจมูกท้องเขาร้องขึ้นมาทันทีแต่เขาไม่อยากให้ใครเห็นเขาในสภาพแบบนี้  เขาไม่แม้แต่จะหันไปมอง  “วางไว้ตรงนั้นแหละ  ออกไปได้แล้วฉันอยากพักผ่อน”

    “ไม่สบายมากเหรอ?”

    เสียงนุ่มของใครบางคนทำให้เรียวสุเกะลุกขึ้นมาอย่างตกใจ  “เคโตะ”  เขาพึมพำชื่อคนนั้นเบาๆ

    เคโตะยิ้มให้แล้วลงมานั่งข้างๆ เขาวางถาดข้าวต้มที่ถือมาไว้บนโต๊ะแล้วหันมามองเรียวสุเกะ  เคโตะขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นตาที่บวมแดงของคนตรงหน้า  “คุณเป็นอะไร  ร้องไห้ทำไม”  เขาถามเสียงอ่อนโยน

    เรียวสุเกะรู้ตัวว่าถูกจ้องหันหน้าหลบทันที  “นายไม่ไปเรียนเหรอ?”

    “ก็แฟนผมไม่สบายแบบนี้จะให้ไปโรงเรียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้ยังไงล่ะ”  เรียวสุเกะหันขวับมาภาวนาให้สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นความจริง  เคโตะเรียกเขาว่าแฟนอย่างนั้นเหรอ!  เคโตะยิ้มให้  “ผมจะปล่อยให้คุณนอนป่วยอยู่บ้านได้ยังไง  สงสัยจะป่วยหนักน่าดูเลย”  เคโตะเอามืออังหน้าผากของคนตัวเล็ก  “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”  เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อของคนตรงหน้า  ตาสวยจ้องเขาไม่วางตา  “อะไรกัน  หน้าแดงใหญ่แล้ว”

    เรียวสุเกะได้สติรีบก้มหน้าทันที  พยายามนึกหาคำพูดที่จะทำให้เคโตะไม่เห็นเขาในสภาพนี้นานเกินกว่านี้  แต่ท้องเจ้ากรรมดันร้องโครกครากขึ้นมาซะดื้อๆ  เคโตะหัวเราะเบาๆ  เขาหยิบถาดข้าวต้มขึ้นมาแล้วตักขึ้นจ่อปากคนตัวเล็ก

    “กินซักหน่อยจะได้ดีขึ้น”

    เรียวสุเกะมองหน้าเคโตะแล้วท้องก็ร้องโครกครากอีกครั้ง  ก่อนจะหลบตาด้วยความอายแล้วกินข้าวต้มในถาดจนหมด  เมื่อท้องอิ่มความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายแหล่ก็เหมือนจะทุเลาลง  เรียวสุเกะนอนเอนตัวลงกับหัวเตียงอย่างสบาย

    “เดี๋ยวผมเอานี่ไปเก็บก่อนแล้วกันคุณจะได้พักผ่อน”  เคโตะถือถาดลุกออกไป

    “เดี๋ยวสิ”  เรียวสุเกะพูด  “นายจะกลับมาหรือเปล่า”

    เคโตะยิ้มอ่อนโยน  “ผมจะอยู่กับคุณจนกว่าจะหลับก็ยังได้เลย”  แล้วจึงเดินหายไปจากประตู

    เรียวสุเกะนอนยิ้มอยู่คนเดียว  อบอุ่นจังเลยนะ  รอยยิ้มแบบนั้นน่ะ  เขาหลับตาแล้วนึกถึงหน้าคนที่เดินออกไปเมื่อกี้

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่เคก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแต่อย่างใด  “เชิญครับ”  เขาพูดแค่นั้นก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาเขาคาดว่าจะได้เห็นเลขาพูดแต่กลับไร้เสียงใดๆ เข้าโสตประสาท  เคเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาคือ...  “คุณยาโอโตเมะ”

    ฮิคารุยิ้มแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงหน้า    “ไม่พักกินข้าวหน่อยเหรอครับ”

    เคพับแฟ้มงานลง  “เพราะผมหยุดหลายวันน่ะครับก็เลยต้องรีบเคลียร์งานที่ค้างให้เร็วที่สุด  ว่าแต่คุณยาโอโตเมะมาที่นี่ได้ยังไง”

    “วันนี้ผมว่างน่ะครับเลยคิดว่าน่าจะมาเยี่ยมคุณซักหน่อย  ผมนึกว่าภรรยาคุณจะจัดการเรื่องงานให้ระหว่างที่คุณพักฟื้นซะอีก”

    “อ๋อ  เรื่องนั้นน่ะ  ภรรยาผมเขาจัดการให้ผมอย่างดีมากเลยล่ะครับ  นี่ผมก็แค่มาเก็บตกในส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาเท่านั้นเอง”

    ฮิคารุยิ้ม  “ภรรยาคุณนี่เก่งจัง”

    “ครับ  เขาเก่งมากเลย”  เคยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

    ฮิคารุชำเลืองมองนาฬิกาบนผนัง  “นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงแล้ว  เลขาคุณบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย  ถ้าไม่รังเกียจจะไปกินด้วยกันมั้ยล่ะครับ”  ท่าทีของเคดูลังเลเขาจึงชิงพูด  “ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ผมช่วยคุณไว้ก็แล้วกัน  แค่ผมกับคุณ”

    แม้จะยังลังเลอยู่ก็ตามแต่ถ้ามัดมือชกขนาดนี้เขาก็คงต้องตามนั้นแหละ  “ตกลงครับ”

     

    เคโตะเปิดประตูเข้ามาในห้อง  “เรียวสุเกะ!”  เขาตกใจเมื่อไม่เห็นเรียวสุเกะอยู่ที่เตียง  เขาวิ่งไปที่ห้องน้ำแต่ก็ไร้เงาของคนตัวเล็ก  เคโตะเริ่มสังหรณ์ไม่ดี  ป่วยแบบนั้นจะไปไหนของเขานะ  ในขณะที่เคโตะกำลังจะออกจากห้องไปอย่างร้อนรนเสียงเรียวสุเกะดังขึ้นเขาจึงหยุด

    “มาช้าจังเลยนะ  รู้มั้ยว่าฉันรอนายตั้งนาน”  เรียวสุเกะโผล่ขึ้นมาจากขอบเตียงอีกด้าน  “เป็นอะไรน่ะทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ  ฉันก็แค่หาโทรศัพท์แล้วก็ได้ยินเสียงนายเรียกฉันก็เลย........”  เสียงเรียวสุเกะขาดหายไปเพราะอ้อมกอดของเคโตะที่กอดเขาแน่น

    “ผมนึกว่าคุณหายไปไหนแล้วซะอีก  รู้มั้ยผมตกใจแทบแย่ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ”

    เรียวสุเกะหัวใจพองโต  “นายห่วงฉันด้วยเหรอ”

    เคโตะคลายอ้อมกอดออก  “ก็ห่วงน่ะสิ  ใครจะปล่อยให้คนป่วยออกไปเดินท่อมๆ คนเดียวล่ะ”  เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก  “พักผ่อนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนได้”

    เรียวสุเกะยิ้มแล้วเดินตามเคโตะไปอย่างว่าง่าย  แต่ด้วยความซุ่มซ่ามหรืออะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เคโตะสะดุดขาตัวเองล้มจนเรียวสุเกะที่ถูกจูงตามมาก็ล้มตามไปด้วย  “โอ๊ย!”  เรียวสุเกะร้องเมื่อร่างกายเขาทับเคโตะไปเต็มๆ แต่ดีที่เคโตะยังมีสติเหวี่ยงตัวเองให้ล้มลงบนเตียงได้ทันทำให้ไม่เจ็บตัวมากเท่าไร  ทั้งคู่พยายามลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อเผลอมองตากันและกัน  เรียวสุเกะมองเคโตะที่เขาทับอยู่รู้สึกถึงจิตใจที่เรียกร้องอะไรบางอย่าง

    สายตาของเรียวสุเกะที่มองมาทำให้เขาได้แต่หยุดนิ่งอยู่กับที่  ร่างกายเหมือนถูกโซ่ตรวนตรึงไว้ทำไม่ได้แม้แต่ขยับตัวได้แต่จ้องมองคนที่ทับเขาอยู่  เขาพูดอะไรไม่ออกเมื่อเรียวสุเกะค่อยๆ ก้มเข้ามาแล้วประทับจูบไว้ที่ปากของเขา  ริมฝีปากของคนตัวเล็กอ้อยอิ่งอยู่บนปากของเขาอยู่นานก่อนที่ลิ้นของทั้งคู่จะประสานกันเป็นหนึ่งเดียว  มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของร่างเล็กอย่างเคลิบเคลิ้ม  จากที่ถูกทับเคโตะพลิกตัวเองให้มาอยู่ข้างบนแทน  เมื่อความปรารถนาเริ่มเข้าครอบงำเคโตะแทบไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่  ริมฝีปากเปลี่ยนเป้าหมายจากปากอวบอิ่มของร่างเล็กมาเป็นต้นคอขาวแทน  เขาขบมันลงไปเบาๆ  มือซ้ายเริ่มปลดกระดุมของคนตัวเล็กออกทีละเม็ดส่วนมือขวาก็ปล่อยให้มันเลื่อนไหลลงข้างล่างตามอำเภอใจ

    เรียวสุเกะใจเต้นโครมคราม  เขากำมือแน่นรู้สึกถึงท้องน้อยที่เกร็งขึ้นมาเมื่อมือซุกซนของเคโตะเริ่มสำรวจไปทั่วร่างกายเขา  ไม่รู้ว่าเสื้อถูกปลดกระดุมตั้งแต่เมื่อไรแต่เขาไม่สนใจ  เคโตะเลื่อนมือลงไปตามหน้าท้องที่เกร็งแน่นของเขาอย่างช้าๆ  เรียวสุเกะจิกต้นแขนร่างสูงอย่างแรงเพื่อลดแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลเมื่อมือของเคโตะเลื่อนไปถึงจุดยุทธศาสตร์ของเขาแล้วลูบไล้มันอย่างอ่อนโยน

     

    ภายในร้านอาหารของห้างสรรพสินค้าหรูหราแห่งหนึ่งที่เคและฮิคารุนั่งรับประทานอาหารกันอยู่  เสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆ ช่วยให้เจริญอาหาร

    “ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ”  ฮิคารุพูดทำลายความเงียบ

    เครีบกลืนสปาเกตตีลงท้อง  “ก็ดีขึ้นแล้วล่ะครับ  กระดูกก็ต่อกันติดแล้ว”

    “งั้นก็ดีแล้วล่ะครับ  คุณอิโนะโอะแต่งงานมานานเท่าไรแล้วครับเนี่ย”

    เคมองฮิคารุ  ทำไมต้องถามด้วยนะ  “เดือนหน้าก็ครบปีแล้วครับ”

    ฮิคารุยิ้ม  “หนึ่งปีนี้ผ่านไปเร็วจังนะ”  เคมองหน้าฮิคารุอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร  “เพื่อให้สนิทสนมกันมากขึ้นผมขอเรียกชื่อต้นของคุณอิโนะโอะได้มั้ยครับ”  เคชะงักมมองหน้าคนถาม  ฮิคารุหัวเราะเบาๆ  “ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณน่ะครับ  ได้มั้ยครับคุณอิโนะโอะ”

    เคคิดหนัก  ขนาดไดกิเองยังไม่เคยเรียกชื่อต้นเขาเลยซักครั้ง  จะทำยังไงดีนะ  แต่แล้วก็ตัดสินใจได้ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไดกิจะสังเกตเห็นบ้างหรือเปล่า  “ตกลงครับ”

     

    ความเจ็บจากเล็บของเรียวสุเกะที่จิกลงบนต้นแขนทำให้เคโตะได้สติ  เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองเรียวสุเกะที่นอนหอบหายใจอยู่อย่าตื่นตระหนก  กระดุมเสื้อทุกเม็ดของคนตัวเล็กถูกปลดออกเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียนที่ทำให้แก่นกายเขาลุกชันขึ้นมาอีกครั้ง  นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย!!  เขาก้มลงดูสภาพตัวเอง  นี่เขาถอดเสื้อตัวเองตั้งแต่เมื่อไรกันแต่เขาไม่มีเวลาหาแล้วเมื่อเรียวสุเกะลุกขึ้นนั่งแล้วมองเขาอย่างเลื่อนลอย   “ระ...เรียว....เรียวสุเกะ....”  เคโตะพูดชื่อคนตัวเล็กอย่างตะกุกตะกัก  เมื่อกี้เขาเกือบจะขืนใจเรียวสุเกะไปแล้ว

    เรียวสุเกะมองสีหน้าตื่นตกใจของเคโตะ  เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ!  เรียวสุเกะก้มดูสภาพตัวเองก่อนจะรีบคว้าเสื้อขึ้นมาปิดบังร่างกายท่อนบนไว้  รู้สึกใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที

    “ผมขอโทษ”  เคโตะพูดเสียงแผ่วเบา  “ผมเกือบจะ.....”

    “ออกไปซะ”

    เคโตะหน้าเหวอแล้วถอนหายใจ  “ผมขอโทษ”  เขาหยิบเสื้อแล้วเดินออกจากห้องไป

    เรียวสุเกะถอนหายใจออกมาเหมือนกับมันจะช่วยทำให้อารมณ์ทั้งหมดมันหายไปได้  เขานอนแผ่ลงไปอีกครั้ง  เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน  เรียวสุเกะกำมือแน่นอารมณ์เมื่อกี้ยังค้างเติ่งอยู่  เขานึกโมโหที่เคโตะไม่ต่อให้มันเสร็จ  “เจ้าบ้าเคโตะ”

     

    ------------------------------------------------------------------

    ติดเรท ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×